I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Divine Throne of Primordial Blood ตอนที่ 19 ซ่อนตัว (1)

| Divine Throne of Primordial Blood | 709 | 2367 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ตุบ

ร่างของหลินเชี่ยร่วงหล่นกระทบพื้น

ตราเหรียญคำสั่งกลิ้งออกมากลิ้งออกมา

ตราเหรียญคำสั่งถูกสร้างขึ้นจากทองคำบริสุทธิ์ และมีรูปภาพของบานประตูสีดำถูกสลักอยู่บนนั้น บานประตูที่เปิดเพียงครึ่งเดียว ด้านหลังประตูปรากฎภาพชองแสงที่สว่างสดใส ยากที่จะบอกได้ว่ามันคือสิ่งใด

ซูเฉินเก็บตราเหรียญและค้นร่างของหลินเชี่ย นอกจากเหรียญทองและเงินเล็กน้อยแล้วก็ไม่มีสิ่งใดที่ใช้ได้ ซูเฉินมิได้ใส่ใจกับเงินและดาบพวกนั้น มันทิ้งเอาไว้โดยมิได้นำติดตัวไปด้วย

หลังจากหลบออกไปได้ไม่กี่ก้าว ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากข้างหน้า

มันตระหนักดีว่านี่คงเป็นปัญหา และบุคคลที่เข้ามามีโอกาสที่จะเป็นผู้คุ้มกันของตระกูลหลินที่กำลังรุดหน้ามาตรวจสอบ เสียงร้องตะโกนด้วยความเจ็บปวดของหลินเชี่ยส่งผลให้เรื่องราวมันวุ่นวายยิ่งขึ้น

ด้วยสภาพในปัจจุบันของมัน คงไม่มีทางที่มันจะอธิบายได้ ชื่อของมันคงถูกลบออกไปหากถูกตระกูลหลินจับตัวไปได้

นับแต่ทางออกของพื้นที่แห่งนี้ถูกปิดกั้นไป ซูเฉินหันไปมองรอบ ๆ ก่อนที่จะวิ่งลึกเข้าไปข้างใน

แม้ว่าบาดแผลของมันจะสาหัสมาก ทว่าเนื่องจากการฟื้นตัวของดวงตาทำให้มันตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ขณะที่มันวิ่งผ่านทัศนียภาพอันอุดมสมบูรณ์รอบ ๆ ตัว มันรู้สึกเพียงว่าต้นหญ้าทุกต้น ดอกไม้ทุกดอก ต้นไม้ทุกต้นดูสวยงามเป็นพิเศษ สีสันที่รอคอยมานานแสนนาน แสงสว่างและทิวทัศน์ที่มองเห็นนั้นทำให้มันรู้สึกเหมือนถูกกระตุ้น หากมิใช่เพราะกำลังมีคนไล่ล่ามัน ซูเฉินคงจะคุกเข่าลงที่แห่งนั้นแล้วร่ำร้องออกมาด้วยความปิติยินดี และใช้เวลาตลอดทั้งวันเพื่อคอยมองดูทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านี้

ช่างน่าสงสารที่ช่วงเวลาที่ควรจะเป็นเช่นนั้นกลับถูกนำมาใช้เพื่อสังหารคน ๆ หนึ่ง ทั้งยังหมดไปใช้กับหลบหนี ส่งผลให้อารมณ์ที่ดีเหล่านั้นถูกทำลายไปจากความคิดของมัน

ด้วยเหตุนี้ซูเฉินจึงได้แต่ทอดถอนหายใจกับการกระทำของชะตากรรมเพียงเท่านั้น และเป็นไปได้ว่าการฟื้นตัวของมันอาจเกี่ยวข้องกับการต่อสู้นองเลือดในวันนี้ก็เป็นได้

ขณะที่วิ่งหลบหนี และความคิดที่อยู่ในใจของมัน ซูเฉินก็มาถึงริมบึง

ไม่ไกลจากที่ที่มันยืนอยู่มีเรือนหลังเล็ก ๆ ตั้งอยู่ เรือนนั้นถูกสร้างขึ้นอยู่แถบริมบึงที่ล้อมรอบไปด้วยดอกลิลลี่และดอกบัวจำนวนมาก ทั้งช่วงนี้ยังเป็ยช่วงเดือนสี่ ดอกลิลลี่บานส่งกลิ่นหอมอันน่ารื่นรมย์กระจายไปทั่วอากาศบริเวณนั้น

ในขณะนั้นเอง บนเส้นทางที่มุ่งหน้าไปยังเรือนหลังนั้นปรากฎศาลาหลังเล็ก ๆ อยู่อีกด้านหนึ่ง ซึ่งบัดนี้มีเด็กสาวคนหนึ่งนั่งอยู่บนขอบศาลา นางสวมอาภรณ์สีเขียวอ่อนและปักปิ่นหยกบนศีรษะ ด้วยดวงตาระหงและโหนกแก้มที่คล้ายเมล็ดอัลมอลด์ สิ่งเหล่านี้ช่วยยกระดับความงดงามของนางให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น นางกำลังใช้มือค้ำคางจ้องมองคลื่นในบึงบริเวณนั้นโดยมิอาจทราบถึงสิ่งที่กำลังคิดอยู่ภายในใจได้

ซูเฉินมิเคยพบหน้ากู้ชิงหลัวมาก่อนจึงมิอาจยืนยันได้ว่าเด็กสาวผู้นั้นจะเป็นนางหรือไม่ ถึงกระนั้น ด้วยชุดหรูหราที่เด็กสาวสวมใส่อยู่ขณะที่นั่งอยู่เพียงผู้เดียวริมบึงแห่งนี้ จะเห็นได้ว่านางมิใช่ข้ารับใช้ทั่วไปอย่างแน่นอน แท้จริงแล้ว แม้ว่านางจะเป็นกู้ชิงหลัวตัวจริง ทว่ามันก็ยังมิอาจแน่ใจว่านางจะมีปฏิกิริยาเช่นไรเมื่อได้พบกับมัน หลังจากที่ทั้งสองมิได้พบเจอหน้ากันมาเป็นเวลานาน ทั้งยังมิได้รู้จักหรือคุ้นเคยกันมากพอ ด้วยในปัจจุบันซูเฉินมิได้ไร้เดียงสาที่จะเชื่อว่าการเป็นสหายจะหมายความว่าพวกมันจักต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

ทว่าบัดนี้มันไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว

ซูเฉินขบฟันของมันพร้อมกับเดินมุ่งหน้าที่ไปเรือนริมบึงหลังนั้นโดยไม่ก่อเสียงรบกวนใด ๆ ออกไป

ในช่วงที่มันวิ่งออกมาจากป่า เด็กสาวก็ได้ยินเสียงของมันแล้ว และเมื่อหันกลับไปเพื่อตรวจสอบ นางถึงกับตะลึงชั่วครู่ก่อนที่ความปิติยินดีจะแผ่กระจายไปทั่วใบหน้าของนาง จากนั้นก็หันหน้าไปตรวจสอบทั้งซ้ายและขวาในทันที

ด้วยการกระทำเช่นนี้ของนาง ทำให้ซูเฉินแน่ใจแล้วว่านางคือกู้ชิงหลัว

กู้ชิงหลัวพุ่งไปข้างหน้าและปรากฎกายที่ข้างกายซูเฉินแล้วคว้ามันไว้ก่อนจะเอ่ยปากถาม “เหตุใดเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่? เจ้าบาดเจ็บได้อย่างไร? โอ้สวรรค์ เจ้าบาดเจ็บสาหัสมาก”

“ไว้ข้าจะบอกเจ้าภายหลัง ผู้คุ้มกันตระกูลหลินกำลังใกล้เข้ามาแล้ว” ซูเฉินเอ่ยพูดอย่างรวดเร็ว

กู้ชิงหลัวตกใจ “ข้ารับรู้มานานแล้วว่าตระกูลผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่เป็นพวกคนทึ่ม ทว่าข้ามิคาดหวังว่ามันจะสาหัสเพียงนี้ ทว่าเจ้ากลับยังมาหาข้าทั้งที่อาจตกอยู่ในอันตราย…”

คล้ายกับว่ากู้ชิงหลัวจะเจ้าใจบางสิ่งผิดไป และจ้องมองไปที่ซูเฉินด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย

ถึงกระนั้น หากจะเอ่ยแล้ว มันก็ใช่ที่มันตัดสินใจเสี่ยงเพื่อมาหานาง  แม้ว่าจะไม่มีเหตุการณ์ก่อนหน้านี้เกิดขึ้น ทว่าหากซูเฉินถูกตระกูลหลินจับตัวได้ แม้ร่างของมันจะไม่ถูกตัดออกเป็นชิ้น ๆ หากแต่มันก็ยังตกอยู่ในสภาพที่คล้ายคลึงกันเช่นนี้ก็คงมิใช่จุดจบที่ดีเท่าไรนัก

ซูเฉินเอ่ยปากอย่างรวดเร็ว “แม่นาง รบกวนเจ้าช่วยข้าก่อนจะได้หรือไม่ ร่างกายข้าจะถึงขีดจำกัดแล้ว”

กู้ชิงหลัวยิ้ม “มิต้องกังวลไป รอบที่แห่งนี้พวกมันมิกล้าเข้ามาค้นหาเจ้าแน่นอน”

ขณะที่เอ่ย นางได้ช่วยย้ายร่างกายซูเฉินมุ่งไปที่เรือนหลังเล็ก ๆ ริมบึง

ในฐานะแขกคนหนึ่งของตระกูลหลิน พวกมันจึงได้ตระเตรียมข้ารับใช้ไว้ให้นาง ด้วยเหตุนี้กู้ชิงหลัวจึงเข้าไปโดยผ่านทางลานหลังเรือนแทนที่จะเข้าทางประตูด้านหน้า และพามันไปยังห้องของนางโดยตรง

“เอาล่ะ เมื่อเจ้าอยู่ที่นี่ตอนนี้เจ้าจะปลอดภัย เจ้า……”

ก่อนที่กู้ชิงหลัวจะเอ่ยประโยคนั้นจบ นางก็เห็นดวงตาของซูเฉินเปลี่ยนเป็นขาวซีดก่อนที่จะหมดสติไป

การต่อสู้กับหลินเชี่ยส่งผลให้ซูเฉินใช้พลังจากทุกส่วนออกไปจนหมดสิ้น ควบคู่กับบาดแผลสาหัสที่เกิดขึ้นบนร่างกาย ทว่ากับน่ามหัศจรรย์ที่มันยังสามารถพยุงกายมาได้นานถึงเพียงนี้ เมื่อมันได้มาถึง “สถานที่ปลอดภัย” ความตึงเครียดที่สะสมไว้ในช่วงเวลานั้นค่อย ๆ จางหายจนหมดสติไป

ด้วยการหมดสติอย่างง่ายดายของซูเฉิน กู้ชิงหลัวรู้สึกกระดากกระเดื่อง “นี่ นี่ เหตุใดเจ้าจึงหมดสติไปแบบนั้นเสียล่ะ? เจ้ายังมิได้บอกข้าว่าจะให้จัดการอย่างไรกับบาดแผลของเจ้า…”

ด้วยที่นางเป็นลูกหลานของตระกูลยิ่งใหญ่ที่สี่ และมิเคยผ่านการดูแลผู้อื่นมาก่อน ทว่าเนื่องจากมีผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ตกอยู่ในมือนางเสียแล้ว? นางเริ่มที่จะหงุดหงิดเนื่องจากไม่รู้ว่าควรจะทำสิ่งใดอย่างไรต่อไป

แม้ว่านางจะมิเคยดูแลคนอื่นมาก่อน ทว่าอย่างน้อยนางก็ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้และเคยได้รับบาดเจ็บมาก่อน

บาดแผลจากอาการบาดเจ็บของซูเฉินเป็นการบาดเจ็บภายนอกทั้งหมด ด้วยเหตุนี้ แม้บาดแผลจากสาหัส ทว่ายังรักษาได้ง่าย เมื่อนางค่อย ๆ สงบใจลงได้ก็เริ่มตระหนักถึงสิ่งที่ต้องทำต่อไปออกมาได้

นางขบฟันก่อนที่จะฉีกเสื้อที่เต็มไปด้วยเลือดของซูเฉินออก

นี่เป็นคราแรกที่นางเห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าของบุรุษเพศ นางจึงมิอาจยังยั้งใบหน้าที่เริ่มแดงและลมหายใจที่กระชั้นชิดได้ ด้วยเหตุนี้นางจึงรู้สึกลังเลชั่วครู่ก่อนที่จะลงมือช่วยเหลือ

โชคดีที่บาดแผลเหล่านี้น่าสะพรึงกลัวมากเกินไป ทำให้กู้ชิงหลัวมุ่งความสนใจไปที่สิ่งที่ต้องทำในทันที

นางหยิบขวดยาขี้ผึ้งหยกม่วงที่เป็นเอกลักษณ์ของตระกูลออกมา และทาลงที่บาดแผลเหล่านั้นด้วยนิ้วมือของนางเบา ๆ ยาขี้ผึ้งหยกม่วงเป็นยาสูตรลับที่ถูกสร้างขึ้นโดยตระกูลกู้ มีความสามารถในการรักษาบาดแผลภายนอก เมื่อทาลงที่บาดแผล มันจะช่วยหยุดเลือดที่ไหลออกจากบาดแผลในทันที แม้แต่ความเจ็บปวดที่เกิดจากบาดแผลเหล่านั้นก็จะลดลงไปเป็นอย่างมาก

ขณะที่ยากำลังออกฤทธิ์ มีหญิงรับใช้รายงานมาจากข้างนอกห้อง ”แม่นางเจ้าคะ มีผู้คุ้มกันจากตระกูลหลินต้องการขอพบท่าน”

“พวกมันมีจุดประสงค์อันใด?” กู้ชิงหลัวถาม

หญิงรับใช้เอ่ยตอบ “พวกมันเอ่ยว่าเกิดการสังหารอยู่ในป่าเล็ก ๆ ข้าง ๆ บีงแห่งนี้เจ้าค่ะ มีสมาชิกตระกูลหลินถูกสังหารที่นั่นด้วย”

ว่าอย่างไรนะ?

กู้ชิงหลัวถึงกับชะงักไปชั่วครู่ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้ใดทำ?”

“นั่นยังไม่แน่ชัด ถึงกระนั้น พวกผู้คุ้มกันต่างเอ่ยว่าศพยังอุ่นอยู่ และคาดว่ามือสังหารน่าจะทิ้งเอาไว้ พวกมันติดตามร่องรอยเลือดมาจากข้างในป่าและพาพวกมันมายังที่แห่งนี้ ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงอยากจะสอบถามแม่นางว่าได้พบสิ่งใดบ้างหรือไม่เจ้าค่ะ”

กู้ชิงหลัวเอ่ยตอบ “บอกพวกมันว่าไม่พบสิ่งใดที่นี่ บัดนี้ข้ากำลังฝึกฝนอยู่และมิต้องการให้ผู้ใดมารบกวน ขอให้พวกมันไปค้นหาที่อื่นเถิด”

“เจ้าค่ะ”

หญิงรับใช้เดินออกไป

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะด้วยสถานะของกู้ชิงหลัวหรือเพราะพวกมันเชื่อในคำเอ่ยของนาง ทว่าพวกมันก็ออกไปตามที่ร้องขอ

กู้ชิงหลัวยังคงรักษาบาดแผลของซูเฉิน

“เจ้าสามารถมาที่แห่งนี้ได้ ทว่าเหตุใดเจ้าจึงสังหารคนของตระกูลหลินเล่า” กู้ชิงหลัวพึมพำกับตนเองขณะที่กำลังรักษาบาดแผล “เจ้าสังหารได้อย่างไรทั้ง ๆ ที่สายตาเจ้าเป็นเช่นนี้ นี่ช่างเป็นเรื่องที่พบได้ยากยิ่งนัก”

ขณะที่นางเอ่ยกับตนเอง อาการบาดเจ็บของซูเฉินก็ถูกปกคลุมไปด้วยยาขี้ผึ้ง

ถึงกระนั้น แม้ว่าบาดแผลจากดาบจากง่ายต่อการรักษา ทว่าการรักษาแขนขวาที่หักอาจเป็นเรื่องที่ยุ่งยากเล็กน้อย

แขนของมันถูกหลินเชี่ยกระชากจนหัก อาการเช่นนี้มิอาจรักษาได้ด้วยเพียงการทายาสมุนไพรเป็นแน่ กระดูกที่หักจะต้องเรียงให้เข้าที่แล้วผูกดามไว้กับไม้ก่อนที่จเริ่มรักษา ด้วยยาที่ดีมันจะช่วยลดเวลาในการฟื้นตัวจนสมบูรณ์ ทว่ามันมิอาจจัดเรียงกระดูกได้ยกเว้นคนผู้นั้นจะฝึกฝนจนถึงขั้นสร้างเนื้อหนังและกระดูกใหม่ได้ ซึ่งการที่ทำเช่นนั้นจะต้องนำกระดูกที่หัดออกไปและรอให้มันสร้างใหม่ขึ้นมาแทนที่ วิธีนี้จะทำให้การฟื้นตัวจัดการได้ง่ายยิ่งขึ้น

กู้ชิงหลัวยังขาดประสบการร์เกี่ยวกับกระดูกที่แตกหัก ทว่านางกลับพยายามที่จะจัดเรียงกระดูกให้ซูเฉินอย่างเต็มที่ แม้ว่ากระบวนการนี้จะมิอาจช่วยได้มากนัก ทว่าด้วยการทดลองและพลาดพลั้งส่งผลให้นางต้องทำซ้ำอยู่หลายครา ซูเฉินมิได้รับบาดเจ็บถาวรจากการกระทำของนาง หลังจากที่ทดลองพยายามอยู่หลายคราในที่สุดแขนของมันก็ถูกจัดเรียงให้เข้าที่โดยกู้ชิงหลัว

หลังจากมองดูฝีมือของตนเองแล้ว กู้ชิงหลัวพยักหน้าด้วยความพึงพอใจเป็นอย่างมาก “ดีที่ข้าผู้นี้รู้วิธีรักษาโรคและบาดแผล ทว่าน่าเสียดายที่บาดแผลบนร่างกายเจ้ามิอาจทำให้ข้าผู้นี้ได้แสดงฝีมือการรักษาออกมาได้อย่างเต็มที่”

ก่อนหน้านี้นางยังกังวลว่าบาดแผลของซูเฉินจะสาหัสมากจนเกินไป ทว่าบัดนี้นางกลับกระตือรือร้นที่จะรักษาผู้คน และรู้สึกว่าบาดแผลเหล่านั้นไม่เพียงพอที่จะให้แสดงความสามารถในการรักษาของนางออกมาอย่างเต็มที่ ทว่าในความจริงแล้วนางกลับใช้ยาขี้ผึ้งหยกม่วงเพื่อใช้ในการรักษาบาดแผลจากดาบของซูเฉินมากกว่าทั่วไปถึงสิบเท่า และความพยายามอีกแปดครั้งในการจัดเรียงกระดูกที่หักของมัน ทว่านางกลับมิได้ใส่ใจเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย

/* เจ๊าะแจ๊ะท้ายตอน */

บทนี้แม่นางกู้เกิดอาการรักษาจนติดลมไปเสียแล้ว ฮ่า ๆ

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments