I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Divine Throne of Primordial Blood ตอนที่ 20 ซ่อนตัว (2)

| Divine Throne of Primordial Blood | 721 | 2339 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว

เมื่อลืมตาตื่นขึ้น มันมองเห็นเพียงความมืดเท่านั้น

ความมืดนี้ส่งผลให้ซูเฉินรู้สึกตื่นตกใจในคราแรก หากมิใช่เพราะแสงจากจันทราที่สาดส่องผ่านม่านที่หน้าต่างเข้ามา มันคงนึกว่าได้สูญเสียการมองเห็นไปอีกคราเสียแล้ว

ทว่ามันกลับเป็นช่วงเวลาตกดึก

ซูเฉินถอนหายใจด้วยความผ่อนคลาย

คราวนี้ ในที่สุดมันก็ได้พบกับโอกาสในการมองเห็นเสียที

เนื่องด้วยแสงจันทราสีเหลืองอ่อนที่สาดส่องเข้ามา มันได้ทำการปรับวิสัยทัศน์เพื่อมองดูรูปแบบของห้องคร่าว ๆ แม้ว่าจะอยู่ในมืด

ณ ตอนนี้มันกำลังนอนอยู่บนเตียงที่สร้างขึ้นจากไม้จันทร์ ที่ข้างเตียงยังมีผ้าคลุมที่ปักภาพ “*ร้อยวิหคจับจ้องฟีนิกซ์”

นี่… ควรจะเป็นห้องของกู้ชิงหลัว

นางเคลื่อนย้ายมันมาที่นี่?

บัดนี้กู้ชิงหลัวมิได้อยู่ในห้อง ปล่อยให้ซูเฉินสลักสุกสิ่งทุกอย่างในห้องไว้ภายในใจของมัน นี่อาจกล่าวได้ว่ามันไร้มารยาท ทว่าเนื่องด้วยสายตาที่ฟื้นกลับคืนมาแล้ว ซูเฉินมิอาจห้ามปรามความรู้สึกโหยหาทุกสิ่งทุกอย่างที่เต็มไปด้วยสีสันบนโลกบนนี้ได้

เมื่อได้พบเห็นฉากที่มีสีสันเหล่านี้ตรงหน้า หากซูเฉินมิได้อยู่ที่นี่มันคงร้ำร้องออกมาด้วยความปิติยินดีไปนานแล้ว

สามปี

หลังจากผ่านการรอคอยอย่างขมขื่นภายใต้ความมืดมิดมาสามปี ที่สุดแล้วมันไม่รู้ว่าบัดนี้จะกระวนกระวายหรือตื่นเต้นดี

ซูเฉินมิอาจนั่งบนเตียงอีกต่อไป ขณะที่มันกำลังลุกออกจากเตียงก็พบว่าอาการบาดเจ็บของมันเริ่มดีขึ้นมาก และนั่นคงเป็นเพราะยาที่กู้ชิงหลัวใช้รักษามันอย่างแน่นอน

หลังออกจากห้อง เบื้องหน้าก็เป็นห้องฝึกสมาธิที่บัดนี้กู้ชิงหลัวกำลังนั่งไขว้ห้างอยู่ภายในห้อง และบนศีรษะของนางมีหมอกควันสีขาวโคจรวนรอบอยู่ เห็นได้ชัดว่านางกำลังเพาะปลูกอยู่

เมื่อได้ยินเสียงรบกวน กู้ชิงหลัวมิได้เปิดเปลือกตาของนาง ทว่ากลับส่งรอยยิ้มให้ปรากฎบนใบหน้าของนางแทน “เจ้าตื่นแล้วรึ รอสักครู่ ข้าใกล้จะสำเร็จแล้ว”

ซูเฉินพยักหน้าเชิงรับรู้อย่างช้า ๆ ให้กับนางและไม่รบกวนนางอีกต่อไป มันเดินไปนั่งที่มุมห้องและมองดูกู้ชิงหลัวทำการเพาะปลูก

หลายเดือนมานี้ นางเพียงอยู่ขั้นกายาเหล็กไหลเช่นเดียวกับมัน ถึงกระนั้น จากที่เห็นนางชักนำพลังเข้าสู่ร่างกายในตอนนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่านางได้เข้าสู่ขอบเขตพลังชีขั้นต้นและจะกลายเป็นผู้ใช้พลังชีอย่างเป็นทางการ นั่นคงเป็นเหตุผลที่เหตุใดซูเฉินกับนางจึงมิได้พบเจอกันมาเป็นเวลานาน นางจะต้องมุ่งมั่นเพื่อตัดผ่านไปสู่ขอบเขตใหม่จนมิอาจปลีกตัวออกมาได้

นางพัฒนาเร็วกว่ามันมาก ซูเฉินได้แต่ถอนลมหายใจภายในใจเบา ๆ

ทว่า ด้วยการฟื้นตัวของดวงตาของมัน แม้เวลาที่เสียไปจะมิอาจย้อนคืน ภายในหนึ่งปีนี้ มันจะต้องไปให้ถึงขอบเขตพลังชีขั้นต้นให้ได้

ในขณะที่มันมันตกอยู่ในห้วงแห่งความคิด ซูเฉินได้สังเกตกู้ชิงหลัวในอีกด้านหนึ่ง

มันรู้สึกเบื่อหน่ายจึงได้แต่จ้องมองดูนาง ถึงกระนั้นเมื่อได้เฝ้ามองนางไปชั่วครู่มันก็พบว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง

การเพาะปลูกของกู้ชิงหลัวกำลังชักนำพลังเข้าสู่ร่างกายของนางและหมุนเวียนไปทั่วร่างกาย ชำระล้างร่างกายและเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่นางด้วยพลังนั้น

นี่นับว่าเป็นปรากฎการณ์ตามธรรมชาติ ทว่าปัญหาคือสิ่งที่ซูเฉินมองเห็นในตอนนี้ มันแทบมองไม่เห็นกระแสลมที่ผ่านเข้าและผ่านออกทางจมูกของนางเลย

สิ่งที่กู้ชิงหลัวดูดซับเข้าไปเป็นพลังชีสีขาว ทว่าเมื่อปล่อยลมหายใจออกจะเห็นได้ชัดเจนมาก

คล้ายกับว่ามีบางอย่างถูกกักกับไว้ภายในร่างกายของขณะที่นางหายใจ

นั่นมันอะไร?

พลังชี?

ซูเฉินไม่แน่ใจ

มันเพียงรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ค้นพบสิ่งนี้

ซูเฉินตระหนักดีว่าพลังชีนั้นมิอาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า พลังนี้เปรียบเสมือนอากาศบนโลก แม้จะรู้ว่ามีอยู่จริง ทว่ากลับไม่สามารถมองเห็นเป็นรูปร่างได้

ทว่าบัดนี้สิ่งที่ควรมองไม่เห็นกลับปรากฎขึ้นตรงหน้าสายตาของซูเฉิน

แม้ว่ามันจะคลุมเครือและยากที่จะแยกแยะมัน ทว่ามันมีอยู่จริง

ไม่เพียงเท่านั้น ซูเฉินยังรู้สึกว่าวิสัยทัศน์ของมันคล้ายกับว่าสามารถมองทะลุพื้นผิวได้เล็กน้อยและอาจมองเห็นได้มากยิ่งขึ้น เพราะบัดนี้มันสามารถมองเห็นกระแสที่เคลื่อนไหวผ่านลำคอของนางหลังจากที่สูดอากาศเข้าไป ถึงกระนั้นในตอนนี้มันก็ยังคงยากที่จะแยกแยะเช่นเดิม ราวกับว่ามันเป็นเพียงภาพลวงตาเสียมากกว่า หากนั่นมิใช่ภาพลวงตา แล้วเหตุใดเมื่อมันมองลงต่ำกว่าต้นคอของนางแล้วสิ่งเหล่านั้นจึงหายไป นั่นทำให้ซูเฉินมิอาจกล้ายืนยัน

นั่นเป็นเพราะอาภรณ์ที่นางสวมในใส่อยู่ได้ปิดกั้นการมองเห็นของซูเฉิน

“การพบกับข้าถือเป็นความโชคร้ายของเจ้า เพราะข้าจะนำความเดือดร้อนมาให้ การพบกันของข้ากับเจ้าถือเป็นโชคชะตานำพา เพราะข้าจะมอบอนาคตของความเป็นไปได้ที่ไร้ขีดจำกัดให้เจ้า…… ให้ข้าได้เปลี่ยนดวงตาของเจ้า นี่มิเพียงจะทำให้เจ้ามองเห็นโลกได้ชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น ทว่ายังช่วยให้เจ้าสามารถมองทะลุโฉมหน้าที่แท้จริงของโลกใบนี้ได้……”

ให้ข้าได้เปลี่ยนดวงตาของเจ้า นี่มิเพียงจะทำให้เจ้ามองเห็นโลกได้ชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น!

ทำให้มองเห็นโลกได้ชัดเจนมากขึ้น!

มากขึ้น!

คำกล่าวของขอทานแก่ผู้นั้นดังก้องทั่วทั้งหูของซูเฉินเสมือนฟ้าผ่า

เกิดประกายสาดส่องภายในดวงตาของซูเฉิน

หากก่อนหน้านี้มิใช่เพราะคำกล่าวของขอทานแก่ผู้นั้นเป็นดั่งกลุ่มก้อนความหวังที่มันใช้พึ่งพาในยามที่ต้องอาศัยอยู่ในความมืดมิด ด้วยความจริงในช่วงครึ่งประโยคแรกได้รับการยืนยันแล้วว่ามิใช่คำลวง ความจริงครึ่งหลังของมันก็ปรากฎออกมา

ขอทานแก่ผู้นั้นมิได้เอ่ยคำลวง

มันมิได้ทำให้ซูเฉินตาบอด เป็นไปได้ว่าชายชราผู้นั้นเปลี่ยนดวงตาของมัน

ดวงตาอันลึกลับคู่นี้!

หลังจากที่อยู่ภายในร่างกายของซูเฉินกว่าสามปี ในที่สุดมันก็ปรับตัวและเริ่มทำตามเจตนารมณ์ของมัน

ผลลัพธ์อันหอมหวานจากการรอคอยอันแสนขมขื่น

ร่างกายของซูเฉินสั่นสะท้านด้วยความตื่นเต้น

แม้ว่ามันจะยังไม่แน่ใจว่าดวงตาคู่นี้จะนำพามันไปเช่นไรในอนาคตข้างหน้า ทว่าซูเฉินสามารถคาดเดาได้ว่าการฟื้นตัวของดวงนั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของดวงตาคู่นี้เท่านั้น

เป็นไปได้ว่าในอนาคตอันใกล้นี้จะทำให้มันต้องประหลาดใจมากยิ่งขึ้น

ในช่วงนี้การฟื้นตัวของมันนับได้ว่าเป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมัน ซูเฉินจึงไม่อยากคิดคำนึงถึงสิ่งใดเพิ่มอีก

ขณะที่จ้องมองกู้ชิงหลัว ในที่สุดซูเฉินก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดมันจึงรู้สึกว่าผิวกายของนางดูเปล่งประกายระยิบระยับและดูโปร่งแสง อาจเป็นไปได้ว่านี่มิใช่ความงดงามตามธรรมชาติของกู้ชิงหลัวเพียงเท่านั้น ทว่ายังเป็นผลมาจากดวงตาของมันด้วย

ขณะที่ซูเฉินกำลังตกอยู่ในห้วงความคิด ในที่สุดกู้ชิงหลัวก็ทำการเพาะปลูกเสร็จสิ้น

ขณะที่นางเปิดเปลือกตาขึ้นและมองดูซูเฉินที่กำลังนั่งอยู่ นางส่งเสียงหัวเราะคิกคักออกมา “นี่ มิใช่คนที่แข็งแรงดั่งพยัคฆ์หรอกหรือ มันต้องเป็นทักษะอันน่าเหลือเชื่อของข้าผู้นี้ที่ช่วยเจ้าเอาไว้ได้ ถึงกระนั้นเจ้ามิต้องเอ่ยขอบคุณข้าแต่อย่างใด ข้าผู้นี้เป็นสตรีที่เปี่ยมด้วยหัวใจที่กล้าหาญพร้อมทั้งเปี่ยมด้วยความเมตตาอันยิ่งใหญ่ การที่ได้ช่วยเหลือเจ้า เป็นเรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านั้น”

แม้ว่านางจะโบกมือเล็ก ๆ ขณะที่กำลังเอ่ยราวกับไม่สนใจ ทว่าบนใบหน้าของนางกลับเติมเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ว่า ‘เร็วเข้า รีบชมข้าสิ!’

เมื่อได้เห็นเช่นนั้น ซูเฉินเพียงแย้มย้มออกมาเล็กน้อย เพียงแต่ในขณะที่มันกำลังจะเอ่ยปาก กู้ชิงหลัวก็ชิงเอ่ยต่อ “ทว่าเจ้ายังฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บได้ดียิ่งกว่านี้หากเจ้าไม่ขยับร่างกายมากจนเกิน”

“แล้วตระกูล…”

กู้ชิงหลัวโบกมือของนาง “ข้าได้ยินเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตระกูลหลินแล้ว เจ้าเป็นคนสังหารหลินเชี่ยจริง ๆ หรือ ทั้งผู้นั้นยังบรรลุขอบเขตพลังชี เจ้าทำได้อย่างไรกัน?”

ซูเฉินเอ่ยตอบ “ข้าฉวยโอกาสตอนที่มันสับสน…”

กู้ชิงหลัวเอ่ยต่อ “และทำให้มันตาบอดไปใช่หรือไม่ ข้ารู้เพราะพวกมันมาบอกเรื่องนี้กับข้า นั่นอาจเป็นเพราะหลินเชี่ยประมาทเกินไป แม้ว่ามันจะบรรลุขอบเขตพลังชีขั้นต้น และร่างกายของมันก็มิอาจต่อกรอะไรได้มากนัก จึงมีจุดอ่อนเพียงหนึ่งเดียวคือดวงตา เจ้าได้ใช้นิ้วมือทำให้มันตาบอดไป ในสถานการณ์ที่ทั้งสองต่างตาบอดเช่นนี้ เจ้าผู้ที่ตาบอดมานานกว่าสามปีกับมันที่พึ่งตาบอด หากพวกเจ้าทั้งสองต่อสู้กัน มันก็มิอาจโต้ตอบได้แล้วถูกเจ้าสังหารไป”

เด็กสาวเพิ่งทำการรักษาผู้ป่วยเสร็จสิ้นไปเมื่อไม่นานนี้ พอได้เห็นคนที่นางรักษายังมีชีวิตมายืนอยู่เบื้องหน้าของนางได้รวดเร็วขนาดนี้ บัดนี้นางตื่นเต้นมากจนเกินไป จึงไม่ได้ใส่ใจกับการเปลี่ยนแปลงของซูเฉินแม้แต่น้อย และยังคงยืนเอ่ยเช่นนี้เพียงฝ่ายเดียวต่อไป

ซูเฉินถอดถอนหายใจ การคาดเดาของนางมิผิด ทว่าแตกต่างตรงที่มันได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนที่มันจะทำให้หลินเชี่ยตาบอดได้ ในช่วงเวลานั้น หากวิสัยทัศน์ของมันไม่ฟื้นตัวกลับมา ตัวมันอาจไม่รอดชีวิตจากความเจ็บปวดในครานั้นมาได้แน่

นอกจากนั้นแล้ว เจ้าหมายความว่าอย่างไรที่เอ่ยออกมาว่าข้าเป็นคนตาบอดมานาน?

ข้าอายุมากขนาดนั้นเชียวรึ?

ข้ามิได้ตาบอดอีกแล้ว เจ้ารู้หรือไม่?

ขณะที่มันกำลังจะเอ่ย “ตาของข้า……”

กู้ชิงหลัวโบกมือเป็นนัยว่าให้มันหยุดเอ่ยก่อนที่จะเอ่ยต่อ “ดวงตาของเจ้ายังฟื้นตัวไม่ดี และเจ้าเองก็ควรจะอาศัยอยู่ทีนี่ไปก่อน ทว่าเจ้ามิต้องกังวลไป พวกมันไม่เข้ามาค้นหาที่นี่อีกแล้ว เพราะเหตุใดน่ะหรือ เพราะพวกมันสันนิษฐานว่าเจ้าได้หลบหนีเข้าไปในบีงและกำลังทำการค้นหาตรงริมบึงเพื่อหาเบาะแสของเจ้าอยู่ ข้าจะคิดหาวิธีส่งเจ้าออกไปจากที่นี่เอง”

ซูเฉินพลันหดหู่ “นี่ เจ้าให้ข้าได้เอ่ยจนจบประโยคก่อนได้หรือไม่?”

ถึงกระนั้นกู้ชิงหลัวเพียงตอบกลับด้วยอาการอ้างปากค้าง พร้อมกับโบกมือของนางเพื่อปลดอาภรณ์ที่นางสวมใส่อยู่ออกไป

ช่วงนี้เป็นช่วงของฤดูร้อน ด้วยเหตุนี้นางถึงมิได้สวมใส่สิ่งใดมากนัก หลังจากที่นางถอดอาภรณ์อออก สิ่งที่หลงเหลืออยู่มีเพียงเอี้ยมสีชมพที่นางสวมใส่อยู่

ซูเฉินจ้องมองตรงไปที่นาง

เหตุใดเจ้าถึงถอดอาภรณ์ออกโดยที่ไม่บอกกล่าวข้าให้รู้ล่วงหน้าเล่า?

กู้ชิงหลัวเพียงยืดหลังของนางแล้วเอ่ยว่า “ข้าเพิ่งเพาะปลูกเสร็จ ตอนนี้ร่างกายข้าเต็มไปด้วยสิ่งสกปรก ข้าจะไปชำระกายก่อน เจ้ามิต้องกังวล ข้ารับใช้พวกนั้นจะข้าถูกสั่งให้อยู่ห่าง ๆ ที่นี่มีเพียงพวกเราสองคนเท่านั้น”

ในยามที่นางเอ่ย นางเดินมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ข้าง ๆ ห้องทำสมาธี ภายในห้องนั้นมีอ่างน้ำร้อนรอนางอยู่

ขณะที่กู้ชิงหลัวเดินไป เอี้ยมของนามก็ร่วงหล่นตกลงพื้น ร่างกายเปลือยเปล่าของนางปรากฎขึ้นต่อหน้าของซูเฉินทันที

กู้ชิวหลัวที่กำลังเดินเท้าเปล่ามุ่งหน้าไปยังอ่างน้ำพลันนึกสิ่งใดได้ นางเอ่ยถามขึ้นในทันที “ใช่แล้ว เมื่อครู่เจ้ากำลังจะเอ่ยสิ่งใดรึ?”

เมื่อนางเอ่ยจบ ก็ทิ้งร่างลงในอ่างพร้อมกับปิดตาลงด้วยความเพลิดเพลิน

ยามที่มองเห็นร่างอันงดงามจมอยู่ภายใต้น้ำแล้ว ซูเฉินกลืนน้ำลายลงผ่านลำคอที่แห้งผากก่อนที่จะเอ่ยขึ้นอย่างยากลำบาก “เปล่า… ไม่มีสิ่งใด…”

ท้ายที่สุดแล้ว ซูเฉินก็มิได้เอ่ยเรื่องที่สายตาของมันฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์

มันมิอาจจินตนาการออกว่าหากกู้ชิงหลัวได้รับรู้เรื่องที่มันเห็นนางในชุดวันเกิดเช่นนี้แล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป แม้ว่าพวกมันจะเป็นสหายกัน ก็มิได้หมายความว่าผลลัพธ์ที่ออกมาจะต้องดี

สำหรับคำกล่าวที่ว่าหากชายใดได้พบเห็นร่างกายของหญิงสาวแล้ว ชายผู้นั้นจักต้องแต่งงานกับนาง ซึ่งซูเฉินมิได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้

ในยุคสมัยนี้ ผู้ที่แข็งแกร่งจะถูกบูชาราวกับเทพจากสวงสรรค์เมื่อมีพลังมากพอ หญิงสาวสามารถได้รับสถานะทางสังคมตามความแข็งแกร่งของพวกนาง ด้วยเหตุนี้เหตุการณ์ที่เมื่อมีชายใดได้พบเห็นร่างกายของพวกนางก็มิใช่ว่าจะต้องถูกบังคับให้ต้องแต่งงาน ทั้งนี้ย่อมขึ้นอยู่กับอารมณ์ของพวกนางด้วยเช่นกัน โจรผู้นั้นคงมิเสียดายชีวิตกระมังจึงกล้าที่จะแอบมองหญิงสาวคนหนึ่งขณะกำลังชำระกาย? ซึ่งส่วนใหญ่แล้วพวกมันจะถูกควักดวงตาเพื่อเป็นการชดใช้

แม้ว่าบุคลิกของนางจะน่ารักและอารมณ์ไม่เลวร้ายนัก ทว่ามันมีโอกาสเป็นไปได้ที่นางจะเปลี่ยนเป็นโหดร้าย และนั่นทำให้ซูเฉินรู้สึกว่ามิควรเอาตัวเข้าไปเสี่ยงกับอันตรายเหล่านั้น

หากว่ากู้ชิวหลัวยังไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องที่ดวงตาของมันฟื้นตัว เหตุการณ์เช่นนี้อาจจะมีโอกาสเกิดอีกครา… แค่ก แค่ก ข้า ซูเฉิน บุรุษผู้เปี่ยมล้นไปด้วยความกล้าหาญและคุณธรรม เป็นไปได้อย่างไรที่ข้ากำลังคาดหวังให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกเสียได้?

 

/* เจ๊าะแจ๊ะท้ายตอน */

ข้ารู้ว่าสิ่งที่เจ้าคิดอยู่มันคือสิ่งใด ไม่ต้องยกคุณธรรมขึ้นมากล่าวอ้างหรอก ฮ่า ๆ (พระเอกสายแอบหื่นเบา ๆ)

ตอนที่แล้ว
comments