ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปแปลไทยโดย Takumi Kun
************************************************************************
เจียงเฉินได้เดินออกจากที่ประชุมหลังจากเขาพูดในสิ่งที่ต้องการพูดเรียบร้อยแล้ว ในการปลุกใจของเขา ตาแก่ทั้งหลายหันมาจ้องมองกันด้วยความงุนงง พวกเขาแปลกใจมากที่นายน้อยมีความมั่นใจอย่างมาก
พวกเขาอยู่มาไม่กี่ทศวรรษ พวกเขาเป็นยอดฝีมือขั้นฉีไห่ทุกคน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเจียงเฉินซึ่งมีอายุเพียง 15 ปี พวกเขารู้สึกว่าตนเองไร้พลังราวเด็กน้อย
“ตระกูลลีแห่งเมืองสีชาด นายน้อยจะรับมือเช่นไรกัน”
บางคนพูดออกมาพร้อมถอนหายใจ ยังไงก็ตามเจียงเฉินนั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจ แต่มันไม่ทำให้บางคนหยุดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ ศัตรูคราวนี้แข็งแกร่งเกินไป พวกเขาไม่สามารถที่จะคิดได้ว่าสามารถเอาชนะพวกมันได้
“ฟังในสิ่งที่นายน้อยพูดเถอะ นายน้อยไม่เคยพลาดมาก่อนนะ”
“ใช่แล้ว เจ้าลองคิดดูสิ เขาไม่เคยพลาดอะไรตั้งแต่ที่เขาได้เปลี่ยนแปลงไป”
ชายชราอ้วนผอมทั้งคู่พูดออกมาพร้อมกัน กระทั่งโจวเป่ยเฉินก็พยักหน้าเงียบๆ พวกเขาเป็นนักปรุงยาที่มีตำแหน่งสูงในตระกูลเจียง ชายหนุ่มวัยเพียง 15 ปีสามารถที่จะกลั่นยาที่มีประสิทธิภาพ 100% และเขายังให้ทักษะการฝึกฝนจิตวิญญาณอันล้ำค่า เขาเป็นอัจฉริยะเพียงผู้เดียวในรอบพันปี
“ตระกูลลียังมาไม่ถึง พวกเจ้าอย่าให้ความกลัวครอบงำพวกเจ้า ฟังที่เฉินเอ๋อร์พูดเอาไว้ พวกเจ้าดูแลงานของตนเองให้เหมือนปกติที่พวกเจ้าทำ พวกเจ้าทำตัวให้สบายซะ อย่าไปคิดเรื่องตระกูลลีให้มากนัก”
เจียงเจิ้นไห่พูดกับทุกๆคน ในสถานการ์ณนี้ไม่สามารถถอยได้แล้ว พวกเขาต้องฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เจียงเฉิน
“พวกเราจะต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ ไม่จำเป็นที่จะแสดงให้เห็นถึงความขี้ขลาด”
ชายร่างใหญ่กล่าวออกมาก่อนที่จะเดินออกจากอาคารประชุม
คืนวันที่สงบสุขในเมืองไม่มีแล้ว ทุกๆคนในตระกูลเจียงต่างกังวลทั้งสิ้น แม้จะมีแสงแดดสาดส่อง แต่ในเมืองปกคลุมไปด้วยเมฆ (เปรียบเทียบบรรยากาศอึมครึม อึดอัด หุหุ)
เจียงเฉินได้เข้าไปในห้องของตนแล้วล็อคประตู ปฎิเสธที่จะพบทุกคน แม้แต่บิดาของตนยังไม่สามารถที่จะเข้ามาเยี่ยมได้
และแล้วสิ่งที่คาดไว้ก็มาถึง พายุที่โหมกระหน่ำจากต่างเขคยังไงก็ต้องมาอยู่ดี 3 วันหลังจากลีชางหงถูกสังหาร ผู้คนจากตระกูลลีได้มาเยือนเมืองฟ้าหอม
คนจากตระกูลลีมาเพียงไม่มาก แต่กำลังของทางนั้นเหนือกว่าร้อยหรือพันคนเสียอีก พวกเขากำลังตรงมาที่คฤหาสน์เจ้าเมือง
“ใครที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย ไสหัวไปจากที่นี่ไม่งั้นตาย”
คำพูดที่ออกมาจากยอดฝีมือ ด้วยพลังหยวนระดับนั้น เขาอยู่ระดับแก่นมนุษย์
“ไม่นะ พวกมันมาถึงแล้ว ตระกูลลีจากเมืองสีชาดมาที่นี่แล้ว”
“แม้เพียงคนจำนวนไม่มาก พวกเขามีบุคคลที่แข็งแกร่งอย่างน่ากลัวที่อยู่ในระดับแก่นมนุษย์และที่เหลือเป็นยอดฝีมือระดับฉีไห่…ตระกูลเจียงจบสิ้นแล้ว”
“ดูผู้นำของพวกเขาสิ เขาคือลีชานเย่ว์ เขาเป็นผู้นำตระกูลลีในเมืองสีชาด อยู่ระดับแก่นมนุษย์ขั้นปลาย เขานานๆครั้งจะออกมาเพราะเขาตั้งหน้าตั้งตาที่จะทะลวงเข้าไปสู่ระดับแก่นแท้สวรรค์ สามารถบอกได้ว่า ลีชางหงเป็นคนสำคัญของเขา เพราะเขามาด้วยตัวเองครั้งนี้”
“แน่นอนว่าเขาต้องมาแน่ บุตรชายของเขาถูกสังหาร นั่นทำให้เขากราดเกรี้ยว ยอดฝีมือระดับแก่นแท้มนุษย์สามคน และยอดฝีมือระดับฉีไห่อีกจำนวนมาก ครั้งนี้พวกเขาจะทำให้ตระกูลเจียงเป็นธุลีแน่”
“เฮ้อ… หากตระกูลเจียงถูกทำลาย เมืองของพวกเราก็เข้าสู่ฝันร้าย”
ทุกๆคนกลัว ตระกูลลีโหดร้ายยิ่งนัก ทุกคนในเมืองไม่เคยเห็นบุคคลระดับแก่นแท้มนุษย์มาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พบ ช่างน่าหวาดหวั่นยิ่ง
“ถอยไป”
คนจากตระกูลลีโหดร้ายยิ่งนัก คนนั้นฟาดแส้ใส่ชาวบ้านที่ไม่สามารถถอยออกได้ทันและมันได้ตัดชาวบ้านคนนั้นเป็นสองส่วนทันที
“หาที่ตาย”
ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
“เวรเอ้ย พวกมันโอหังยิ่งนัก พวกมันทำกับพวกเราอย่างกับพวกเราไม่มีค่าอะไร และพวกมันแม้แต่ฆ่าไม่เลือกหน้าอีก”
“คนเหล่านี้มีจิตสังหารรุนแรง ข้าสงสัยว่าตระกูลเจียงจะทำเช่นไร”
“มา ไปดูที่คฤหาสน์เจ้าเมืองกันเถอะ”
“ถ้าเจ้าต้องการที่จะตายก็อย่าได้ลากข้าไปด้วย ข้ามีชีวิตเพื่ออยู่ต่อ ลองดูสิ่งที่ผู้คนตระกูลลีได้ทำไว้สิ ถ้าข้าโดนฆ่าตาย ใครล่ะจะไปแก้แค้นให้ข้า”
…………………………………………
ในเวลาเดียวกัน ณ คฤหาสน์เจ้าเมือง พวกเขาได้ยินว่าตระกูลลีได้มาถึงแล้ว แม้พวกเขาจะเตรียมตัวกันแล้วแต่พวกเขายังหวาดกลัวตระกูลลีเมื่อได้ยินว่ามาถึงแล้วอีก
“นายน้อยอยู่ที่ไหน ตระกูลลีมาถึงแล้วนะ”
มีบางคนตะโกนออกมา ในเวลาคับขันเช่นนี้แต่เจียงเฉินซึ่งเป็นเสาหลักกลับไม่อยู่ เขาได้ซ่อนตัวอยู่ในเรือนที่พักของตน เขาไม่พบใครมาสองวันแล้ว
“เจียงเฉิง…ไปดูซิว่านายน้อยเจ้ากำลังทำอะไรอยู่ตอนนี้”
เจียงเจิ้นไห่พูดออกมาพร้อมมองไปยังเจียงเฉิง
“ขอรับ ท่านเจ้าเมือง”
เจียงเฉิงวิ่งตรงไปยังเรือนที่พักเจียงเฉิน ความเร็วของเขารวดเร็วกว่ากระต่ายที่วิ่งไวที่สุด
นาทีต่อมาเจียงเฉิงกลับมาหาเจียงเจิ้นไห่ด้วยใบหน้าปูดบวมและแววตาเขาฉายแววหวาดกลัวออกมา
“เกิดอะไรขึ้น?”
โจวเป่ยเฉินถามออกมา ด้วยใบหน้านิ่วคิ้วขมวด
“นายน้อยไล่ข้าออกมา และบอกข้าว่าไม่ให้ใครเข้ามารบกวนเขา”
เจียงเฉิงดูอารมณ์เสีย สถานการ์ณคับขันเช่นนี้ เขาไม่แม้แต่เคาะประตู ได้เข้าไปในห้องเจียงเฉินทันทีและก่อนที่เขาทันจะพูดอะไรก็ถูกเจียงเฉินตบเข้าให้ และเจียงเฉินทำขาเขาเกือบหัก
‘ทำไมข้าต้องมาเจ็บตัวอยู่เรื่อยเลยน้า’ เจียงเฉิงเงยหน้ามองดูท้องฟ้าด้วยน้ำตาคลอ เขาเป็นแค่คนส่งสาส์น เขาไม่สมควรที่จะโดนตบสิ
“ทำไมเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ไหนว่านายน้อยบอกพวกเราว่าแม้นภาจะร่วงหล่นแต่เขาจะเป็นคนที่ยืนด้านหน้าเอง ทำไมเขาถึงได้ซ่อนตัวในสถานการณ์เช่นนี้”
“นายน้อยไม่สามารถที่จะซ่อนตัวได้หรอก ตระกูลลีก็มาที่นี่แล้ว พวกเราไม่สามารถซ่อนพวกเขาได้หรอก”
หลากหลายคนรู้สึกโกรธเกรี้ยว พวกเขาไม่รู้ว่านายน้อยคิดจะทำอะไร เขานั้นมีความมั่นใจเป็นอย่างมาก เขาได้บอกว่าจะปกป้องทุกคนจากศัตรู แต่ตอนนี้่ศัตรูได้มาถึงแล้ว เขายังซ่อนตัวในห้องเขาอยู่
“ทุกคนเงียบปาก มันจะต้องมีสาเหตุที่ทำให้นายน้อยไม่ได้ออกมาแน่”
……………………………….
ปังงงงงงงงงงง!!
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังออกมาจากหน้าทางเข้า ประตูทางเข้าคฤหาสถ์ถูกทำลายเป็นชิ้นๆ และเสียงดังฟ้าผ่า
“ทุกคนในตระกูลเจียง ออกมารับความตายซะ!!”
เสียงดังสนั่น ดังก้องทั่วคฤหาสน์ ทุกคนได้ยินอย่างชัดเจนผู้ที่อยู่รอบๆคฤหาสถ์ต่างหวาดกลัว
“จบกัน จบสิ้น ตระกูลเจียงจบสิ้นแล้ว”
ตระกูลลีทรงพลังยิ่งนัก โดยดูจากที่พวกเขาได้ทำไป พวกเขาคงไม่ให้โอกาสผู้คนตระกูลเจียงมีชีวิตรอดเป็นแน่
“มา ไปดูกัน”
เจียงเจิ้นไห่กระชับเสื้อผ้าเขาและตรงไปที่หน้าทางเข้า คนของเขาได้หายใจลึกๆและตามเขาไป ในสถานการ์ณคับขันเช่นนี้ หากไม่แก้ไขให้ดี ในวันนี้ทุกคนอาจตายหมด
ไม่นานผู้คนจากตระกูลเจียงก็ได้ออกมาถึงทางเข้าคฤหาสถ์ มองประตูที่กลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย พวกเขาขวัญหายหมด พวกเขาได้เห็นคนจากตระกูลลี และก็เห็นบุคคลที่ยืนด้านหน้าสวมใส่ชุดสีเหลือง วัยประมาณสี่สิบกว่าๆ มีร่างกายกำยำเทียบได้กับมู่หรงเจิ้น มีแผลเป็นไขว้ที่หน้าเขา (คงประมาณ X) ทำให้ทุกคนกลัวทันทีเมื่อได้เห็น
คนผู้นั้นคือผู้นำตระกูลลี ลีชานเย่ว์ ข่าวลือว่าเป็นคนเหี้ยมโหดมาก ไร้หัวใจ เขาไม่เคยที่จะให้ผู้ที่มาท้าทายเขาได้รอดกลับไปง่ายๆ ในเมื่อบุตรชายเขาถูกสังหารในเมืองฟ้าหอม และเขามาเพื่อที่จะแก้แค้นแทนบุตรชายเขา เขาจะทำลายคฤหาสน์เจ้าเมืองด้วยตัวเอง
ด้านหลังของลีชานเย่ว์ มีตาแก่2คนยืนอยู่ วัยราวๆ 50 พวกเขานั้นหน้าตาดูหยิ่งโอหังยิ่งนัก พวกนั้นอยู่ระดับแก่นแท้มนุษย์ คนหัวรุนแรงเป็นโหลที่อยู่ด้านหลังนั้นล้วนเป็นยอดฝีมือระดับฉีไห่ทั้งสิ้น ในหมู่พวกเขาได้มีชายคนหนึ่งซึ่งดูมืดมนและแสดงท่าทีเคียดแค้นออกมา นั่นเป็นเพราะเขาได้พบเจียงเจิ้นไห่
มันคือมู่หรงเทียน ผู้ซึ่งแจ้งข่าวให้แก่ตระกูลลีเกี่ยวกับความตายของนายน้อยของตระกูลลี แม้ระยะทางระหว่างเมืองสีชาดและเมืองฟ้าหอมจะยาวไกลยิ่ง เขาจึงกลับมาเมืองฟ้าหอมไม่ทัน
ด้วยความแข็งแกร่งของสองตระกูลนั้นเห็นได้ชัด ตระกูลเจียงนั้นจบสิ้นแน่นอน
“มันผู้ใดคือเจียงเฉิน”
ลีชางเยว์ได้ถามออกมาด้วยเสียงดังชัดกังวาล สร้างความตกใจให้แก่ผู้ที่ได้ยิน เขามองเหี้ยมไปยังผู้คนจากตระกูลเจียง เขาไม่ได้บุกไปหาตระกูลเจียงในทันที เพราะในวันนี้จะเป็นจุดจบของตระกูลเจียง
ตระกูลเจียงต้องตายทุกคนเร็วๆนี้ เขาต้องการทราบว่ามันผู้ใดคือเจียงเฉินและจะถามเขาว่ามันกล้าดียังไงที่มาสังหารบุตรชายเขา
“ข้าคือ เจียงเจิ้นไห่ ข้าเป็นผู้สังหารบุตรชายท่านเอง มันไม่เกี่ยวข้องกับเจียงเฉิน”
เจียงเจิ้นไห่กล่าวออกมา ตระกูลลีไม่ได้มีความตั้งใจที่จะให้คนในตระกูลเจียงรอดชีวิตไปได้สักคน ดังนั้นเจียงเจิ้นไห่จึงออกตัวปกป้องเจียงเฉินด้วยทั้งหมดของเขา ให้บุตรเขาสามารถหนีไปให้ได้ ให้ตระกูลเจียงสามารถคงอยู่ต่อไปได้
“ไม่ขอรับ นายน้อยของท่านได้ถูกเจียงเฉินเป็นผู้สังหารต่างหาก นักปรุงยาผุ้ที่ติดตามนายน้อยได้ถูกเจียงเจิ้นไห่สังหาร ทั้งคู่นั้นมีความผิดไม่สามารถละเว้นได้ขอรับ เจ้าบ้าเจียงเฉินมันต้องซ่อนตัวอยู่เป็นแน่”
มู่หรงเทียนก้าวมาข้างหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เคียดแค้นอย่างมาก ตระกูลมู่หรงได้นำความแค้นทั้งหมดไปลงที่เจียงเจิ้นไห่และเจียงเฉินดั่งน้ำตกที่ไม่มีวันหยุด มีทางเดียวที่จะทำให้ความเคียดแค้นหายไปได้คือตระกูลเจียงมันต้องพินาศ
“ซ่อนตัวงั้นรึ งั้นข้าจะสังหารพ่อของมันก่อน ดูซิว่ามันจะออกมาหรือไม่”
รอยยิ้มเหี้ยมปรากฎขึ้นที่หน้าของลีชานเยว์ จิตสังหารแผ่ออกมาจากร่างกายเขา
ทุกคนจากตระกูลเจียงหน้าซีดขาว พวกเขารู้สึกได้จากจิตสังหารของลีชานเยว์ ถึงตอนนี้เจียงเฉินซึ่งได้พูดว่าจะยืนอยู่ด้านหน้าปกป้องพวกเขาเวลาพบกับสถานการ์ณที่เป็นอันตรายก็ยังไม่พบตัว ในใจพวกเขาเศร้ามาก พวกเขาหมดหวังแล้ว
“ข้าเป็นผู้ที่สังหารคนจากตระกูลพวกท่าน อย่าไปทำอะไรกับผู้อื่น ตระกูลลีเป็นตระกูลที่น่านับถือจากเมืองสีชาดและผู้นำตระกูลลีท่านเองก็เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงมาก ข้าเชื่อว่าท่านคงไม่ทำให้คนอื่นๆต้องตกที่นั่งลำบากหรอกนะ”
เจียงเจิ้นไห่กล่าวออกมา
“ท่านเจ้าเมือง”
โจวเป่ยเฉินกระพริบตาและได้ขบฟันแน่น “พวกข้าก็จะตายพร้อมท่าน”
“เจียงเจิ้นไห่ เจ้าต้องตายวันนี้ ดังนั้นบุตรชายเจ้า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องซ่อนตัวจากข้า ข้าจะทำลายทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเจ้า และทุกคนจะต้องตายวันนี้”
แผลเป็นของลีชานเย่ว์ที่น่าสะพรึง เขาได้พูดอีกครั้งพร้อมทั้งรอยยิ้มยมทูต “แต่ข้าจะให้โอกาสเจ้า หากเจ้าคุกเข่าหมอบคลานและโขกหัว3ครั้งต่อข้า ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
หลังเขากล่าวจบบรรยากาศในตระกูลเจียงเริ่มเปลี่ยนไป ผู้ที่มีตำแหน่งใหญ่โตในตระกูลเจียงล้วนเป็นยอดฝีมือฉีไห่ทั้งสิ้น สิ่งที่ลีชานเยว่กล่าวนั้นมันพุ่งเป้าไปที่พวกเขา แต่สำหรับการ์ดและนักสู้ที่อยู่เบื้องหลัง พวกเขาไม่ได้รับโอกาสแม้แต่คุกเข่าให้แก่ลีชานเย่ว์
“ท่านเจ้าเมือง ข้าขออภัย แต่ข้าไม่อยากตาย”
ชายคนหนึ่งได้กำหมัดของเขาและทำความเคารพเจียงเจิ้นไห่ ก่อนที่เขาจะเดินตรงไหที่ลีชางเย่ว์ เขาคุกเข่าต่อหน้าลีชางเยว่และโขกหัว 3ครั้ง
…………………………………………………………………
จบตอนจ้า