I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Dragon Marked War God ตอนที่ 26 ความมั่นใจของนายน้อย

| Dragon-Marked War God | 2538 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

 

แปลไทยโดย  Takumi Kun

************************************************************************

ทุกๆคนอ้าปากค้างกับคำสั่งที่โหดร้ายของเจียงเฉิน เพราะสิ่งที่เขาได้สั่งนั้นไม่ได้หมายถึงแค่คนเดียวหรือสองคน มันหมายถึงทุกๆคนที่เกี่ยวข้องกับตระกูลมู่หรง รวมถึงคนที่รับใช้ตระกูลมู่หรงอีกด้วย

ในฐานะยอดฝีมือ การทำลายการบ่มเพาะของพวกเขานั้นเสมือนฆ่าพวกเขานั่นเอง

“เฉินเอ๋อร์ ไม่คิดว่านี่มันโหดร้ายไปหน่อยหรือ”

เจียงเจิ้นไห่ ได้ถามออกมาโดยที่คิ้วของเขาผูกเป็นปม

“เจียงเฉินเจ้ามันปีศาจชัดๆ แกมันไม่ใช่คน”

“ข้าจะแก้แค้นแทนท่านพ่อ ข้าจะฆ่าเจ้า”

เสียงคร่ำครวญได้ยินในทุกๆที่ในตระกูลมู่หรง พวกเขาเหล่านั้นเคียดแค้นจนตาแดงกล่ำ และต้องการที่จะฆ่าเจียงเฉิน

“ท่านพ่อดูสิ ถ้าปล่อยพวกเขาไปในวันนี้ พวกเขาก็จะมาเอาคืนในวันหน้ามันทำให้เป็นอันตรายต่อพวกเราได้ ข้าเมตตาพวกเขาแล้วนะ ที่ไม่ได้ฆ่าพวกเขา”

เจียงเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม

“ท่านพ่อ ไม่มีถูกหรือผิดในสงคราม มีเพียงแค่ชัยชนะ และพ่ายแพ้ กฎในโลกฝึกตนเองก็เช่นกัน ท่านอย่าได้ปราณีต่อศัตรูเด็ดขาด เพราะศัตรูหาได้มีความกตัญญูไม่ หากท่านปล่อยพวกมันไป และมันจะก่อเกิดเมล็ดพันธุ์ความอาฆาตขึ้นมา สิ่งที่พวกมันทำนั้นมิผิดเพราะเป็นส่วนหนึ่งของสงคราม แต่พวกมันจะต้องแบกรับผลที่ตามมาเอง”

เจียงเฉินพูดอย่างไม่แยแส ในเมืองเล็กๆอย่างเมืองฟ้าหอมนั้น ผู้คนยังไม่เคยเห็นสงครามของจริง การต่อสู้ระหว่างขั้วอำนาจขนาดใหญ่ สามารถที่จะทำลายและฆ่าผู้บริสุทธ์เป็นจำนวนมาก เช่นการต่อสุ้ระหว่างมนุษย์และปีศาจ เลือดหลั่งไหลปกคลุมนับพันๆไมล์

ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดจะผ่านเส้นทางที่เต็มไปด้วยเลือดและกระดูก

“ข้าจะให้เจ้าจัดการต่อทุกอย่าง”

หลังจากพูดจบ เจียงเฉินหันหลังกลับ

เจียงเจิ้นไห่มองไปที่เจียงเฉิน คลื่นแห่งความหวาดกลัวปกคลุมความคิดของเขา แต่ตาของเขามีความเด็ดขาดขึ้นมา เขาได้หันไปมองคนจากตระกูลมู่หรงที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา และกล่าวว่า “ทำตามที่นายน้อยสั่งซะ คนสกุลมู่หรงจะต้องถูกทำลายการบ่มเพาะ ตัดแขนข้างนึง และเนรเทศออกจากเมือง”

เจียงเจิ้นไห่รู้ว่าเจียงเฉินเป็นคนที่มีความทะเยอทะยาน คงไม่จมปลักกับเมืองเล็กๆอย่างเมืองฟ้าหอมเป็นแน่ และเมื่อเขาได้ก้าวเข้าสู่โลกแห่งการฝึกตนที่มีผู้ฝึกตนที่แท้จริงอยู่ อันที่จริงวิธีการที่เจียงเฉินใช้นั้นเป็นวิธีการที่โหดร้าย แต่ด้วยทัศนคติเช่นนี้จะทำให้เจียงเจิ้นไห่อยู่ได้อย่างสงบสุขในอนาคต

ในคืนนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงขึ้น เปลวเพลิงและโลหิตมีอยู่ในทุกๆที่ในเมือง ทุกๆอย่างในตระกูลมู่หรงถูกครอบครองโดยตระกูลเจียงใช้เวลาน้อยกว่าสองชั่วโมง ผู้คนมากมายถูกสังหาร หรือบาดเจ็บสาหัส ผุ้นำตระกูลมู่หรง มู่หรงเจิ้น ได้ถูกเจียงเฉินสังหารอย่างโหดร้าย จากนี้ต่อไปจะไม่มีตระกูลมู่หรงอยู่ในเมืองฟ้าหอมอีก

โจวเป่ยเฉิน ทั้งตะลึงทั้งตกใจกว่าสามนาทีจะตั้งสติได้ เมื่อเขาได้ยินว่ามู่หรงเจิ้นได้ถูกเจียงเฉินสังหาร เมื่อตั้งสติได้ก็หายใจเข้าลึกๆและถอนหายใจ

“นายน้อยเป็นบุคคลที่สวรรค์เลือกสรร เขาสามารถทำในสิ่งที่คนอื่นไม่สามารถทำได้ เขาเปรียบเสมือนมังกร และในที่สุดเขาจะบินออกสุ่นภา”

โจวเป่ยเฉินอยู่มากว่า 50 ปี เขามีประสบการณ์ชีวิตมากกว่าคนอื่นๆ เขายังมีจิตใจที่สวยงาม เขาไม่เคยพบผุ้ใดเหมือนเจียงเฉินมาก่อน และเจียงเฉินได้ประสบความสำเร็จทำให้ผู้คนหันมาสนใจได้ ความคิดพวกเขาได้ถูกเจียงเฉินเปลี่ยนแปลง

เมื่อเจียงเฉินได้ออกคำสั่งให้พวกเขาบุกจู่โจมตระกูลมู่หรง หลายๆคนคิดว่าเขามุทะลุเกินไป แม้แต่โจวเป่ยเฉินยังกังขาในตัวเขา….แต่ไม่มีใครคิดว่าตระกูลมู่หรงจะโดนทำลายรวดเร็วเช่นนี้ มันสามารถพูดได้ว่า ทุกอย่างเป็นฝีมือของเขาเพียงคนเดียว

การวางแผนสงครามครั้งนี้เจียงเฉินเป็นผู้วางแผนเพียงผู้เดียว เขายังสังหารมู่หลงเจิ้นลงได้อีกด้วย

ในวันรุ่งขึ้น!

ตะวันส่องทางทิศตะวันออก มันเป็นอีกวันที่แดดแรงความสงบสุขได้กลับมาสู่เมืองฟ้าหอม แต่ยังมีบางสถานที่ที่ยังคงมีกลิ่นละอองเลือดหลงเหลือ ทำให้เมืองฟ้าหอมดูแย่ลง

ตระกูลเจียงได้บดขยี้ตระกูลมู่หรง มันหาไม่สำคัญสำหรับโลกแห่งการฝึกตน แต่มันเป็นเรื่องใหญ่ราวแผ่นดินไหวในเมืองฟ้าหอม

ข่าวไม่ได้ขึ้นหัวข้อนานนัก แม้ไม่ได้ขึ้นหัวข้อข่าว เนื่องจากทุกคนในเมืองต่างทราบกันดีว่ามีอะไรเกิดขึ้นเมื่อคืน

ตระกูลมู่หรงได้หายไปจากเมืองฟ้าหอมในข้ามคืน ผู้คนยังไม่สามารถยอมรับได้เพราะมันเกิดขึ้นรวดเร็วเกินไปนั่นเอง เมื่อวานทั้งสองตระกูลต่างสู้รบกัน และตอนนี้ตระกูลหนึ่งในสองที่สู้รบกันหายไปอย่างถาวร

“รวดเร็วเกินไปแล้ว ตระกูลมู่หรงถือว่าเป็นหนึ่งในกำลังหลักของเมืองฟ้าหอมเลยนะ และตอนนี้พวกเขาโดนขยี้เพียงแค่คืนเดียวนี่นะ…..นี่มันเรื่องจริงหรือนี่”

“ใครจะไปคิดล่ะว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วแบบนี้ … ตระกูลเจียงลงมือได้รวดเร็วจริงๆ”

“ข้าคิดว่าเป็นเพราะนายน้อยเจียงเฉิน พวกเจ้าได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานไหม ว่านายน้อยเป็นคนสั่งการให้จู่โจมตระกูลมู่หรง และเขาได้ก้าวสุ่ระดับฉีไห่แล้ว เขาสามารถสังหารมู่หรงเจิ้นได้ มู่หรงเจิ้นที่อยู่ระดับฉีไห่ขึ้นปลายเชียวนะ ไม่น่าเชื่อ น่ากลัวเกินไปแล้ว”

“ข้าได้ยินมาว่าเจียงเฉินให้โอกาสมู่หรงเจิ้นได้มีโอกาสที่จะสู้กับเขาตัวต่อตัว และเขาก็เอาชนะมู่หรงเจิ้นได้อีกด้วย….เขาเป็นปีศาจแน่ๆ”

“อืม ตระกูลมู่หรงวางแผนที่จะกำจัดตระกูลเจียงโดยยืมมือตระกูลลี แต่ผู้ใดจะคาดคิดว่าตระกูลเจียงชิงลงมือก่อน”

……………………………………………………………………………………………….

ทุกๆคนบนถนนต่างกล่าวถึงสงครามที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เจียงเฉินมีชื่อเสียงมากขึ้นในชั่วข้ามคืน เขาสังหารมู่หรงเจิ้นที่เปรียบเสมือนบุคคลที่ไม่ควรแตะต้องในเมืองฟ้าหอม พวกเขาต่างแปลกใจว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่

ชายหนุ่มวัย 15 ปี ผู้ซึ่งไร้ความปราณี เขาลงมือด้วยความกล้าหาญและเปี่ยมด้วยความมั่นใจ และเขายังเฉียบแหลมยิ่งกว่ายอดฝีมือรุ่นเก๋าด้วย เขาทำให้ผู้คนต่างหวาดกลัว ในการขยี้ตระกูลมู่หรงในคืนเดียวมันไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปสามารถทำได้

“ในความคิดข้านะ ตระกูลมู่หรงนั้นหาเรื่องตายเอง เจียงเฉินไม่ใช่บุคคลที่จะปราณีและยิ่งกว่านั้นพวกนั้นยังยืมมือตระกูลลีเพื่อทำลายตระกูลเจียง จะให้พวกนั้นได้ทำตามใจชอบโดยที่ไม่ทำอะไรเลย เจียงเฉินไม่ปล่อยให้ผ่านไปได้แน่”

“ใช่แล้ว ดูผลสิ พวกเขาโดนเจียงเฉินขยี้ภายในคืนเดียว”

“ข้าได้ยินว่า เจียงเฉินได้ทำลายการบ่มเพาะของผู้รอดชีวิตตระกูลมู่หรง และตัดแขนออกข้างนึง กับผู้ที่เกี่ยวข้องตระกูลมู่หรงทุกคน เขาช่างโหดร้ายยิ่งนัก”

“โหดร้ายบ้านเจ้ารึ ทั้งสองตระกูลต่างสู้เป็นตาย เขามีเมตตาที่ไว้ชีวิตพวกนั้นตะหาก”

……………………………………………………………………………………………………

การสนทนาทั้งหมดเกี่ยวข้องกับเจียงเฉินทั้งสิ้น ชื่อนี้ได้เปลี่ยนความคิดของผุ้คนในเมืองทั้งหมด จากคนที่โง่เง่าและไร้ประโยชน์กลับกลายเป็นสุดยอดฝีมือผู้สามารถทำลายตระกูลมู่หรงได้ในคืนเดียว ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป

นี่เป็นเหตุการ์ณครั้งใหญ่สำหรับผู้คนในเมืองฟ้าหอม ทุกๆคนพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่มีใครที่จะลืมส่วนสำคัญนั่นคือ ตระกูลลีจากเมืองสีชาติ เจียงเฉินได้สังหารนายน้อยแห่งตระกูลลี พวกเขาไม่มีทางที่จะปล่อยเจียงเฉินไปแน่

“หากว่าตระกูลเจียงโดนตระกูลมู่หรงทำลาย ตระกูลมู่หรงก็จะเข้ามายึดเมือง และสิ่งที่เลวร้ายก็จะตามมาหาพวกเขาที่เป็นประชาชน”

“ถูกต้อง ตระกูลลียังไม่ได้เคลื่อนไหวที ภัยพิบัติกำลังจะมาเยือนเร็วๆนี้”

“ชิ ทุกอย่างดูยุ่งเหยิงไปหมด ใช่ เจียงเฉินอาจมีความสามารถที่จะทำลายตระกูลมู่หรง แต่ตระกูลมู่หรงนี่เอามาเทียบกับตระกูลลีไม่ได้เลย”

“หากตระกูลลีขยี้ตระกูลเจียงแล้ว เมืองนี้ก็จะไม่มีผู้ครอบครองสินะ และภายในเมืองก็จะเกิดฝันร้ายขึ้น ขุมกำลังใหม่ก็จะมาแย่งชิงว่าใครจะเป็นผู้ครองเมือง”

หลากหลายคนเป็นกังวล ชาวบ้านก็ต้องการที่จะอาศัยอย่างสงบสุข แต่เพราะเหตุการ์ณที่เกิดขึ้นล่าสุดนี่ อนาคตดูมืดมน ชีวิตของพวกเขาจะกลับสู่ปกติ เมื่อตระกูลเจียงสามารถควบคุมอำนาจได้อย่างเบ็ดเสร็จ

ภายในห้องประชุม ณ คฤหาสน์เจ้าเมือง บุคคลระดับสูงของตระกูลเจียงนั่งด้านซ้าย และด้านขวา โดยที่มีเจียงเฉิน และเจียงเจิ้นไห่ นั่งอยู่ตรงกลาง

บรรยากาศหนักอึ้ง มันไม่ได้หมายถึงว่าพวกเขาได้ทำลายคู่แข่งแล้วสามารถควบคุมเมืองนี้ไว้ได้ทั้งหมด ตามปกติพวกเขาควรเฉลิมฉลอง แต่ไม่มีใครยิ้มออก พวกเขาดูกังวลมาก

แน่นอนว่าตอนนี้มีบุคคลเพียงคนเดียวที่ยิ้มร่า นั่นคือ เจียงเฉิน เขาเปลี่ยนใส่ชุดสีขาวสะอาดแล้วนั่งบนเก้าอี้ท่าไขว่ห้าง รอยยิ้มที่เห็นเต็มไปด้วยความมั่นใจบนหน้าของเขา

“สงครามเมื่อคืนจบลงด้วยดี ตระกูลมู่หรงพ่ายแพ้ยับเยิน ทุกคนสมควรที่จะมีความสุขสิ มาทำหน้าอมทุกข์กันทำไม มา มา ยิ้มสิ”

เจียงเฉินแกล้งพูด

เมื่อได้ยินเจียงเฉินพูดออกมา ทุกคนก็ยิ้มออกมา แต่เป็นรอยยิ้มเฝื่อนๆ พวกเขาไม่ได้ยิ้มด้วยใจจริงของพวกเขา พวกเขาสงสัยว่าทำไมเจียงเฉินยังยิ้มได้อีก ไม่รู้หรือยังไงว่าต่อไปจะต้องเจอปัญหาใหญ่อีก

“นายน้อย ใช่พวกเราได้จัดการตระกูลมู่หรง แต่ว่าตระกูลลีนี่มันไม่ได้ง่ายนัก ข้าเชื่อว่าภายใน 3 วันตระกูลลีจะมาที่นี่และมาขยี้พวกเรา พวกเราจะรับมือกับพวกนั้นยังไงดี”

โจวเป่ยเฉินได้ถามออกมา ทุกๆคนรวมถึงเจียงเจิ้นไห่ต่างมองมายังเจียงเฉิน สิ่งที่เจียงเจิ้นไห่กังวลมากถึงมากที่สุดก็คือตระกูลลี ตอนนี้เจียงเฉินได้เป็นเสาหลักของตระกูลเจียงแล้ว

“ท่านพ่อ ท่านลุงโจว ทุกท่านคิดว่าตระกูลลี นี่มันอยุ่ยงคงกระพันไร้พ่ายรึ? ทุกท่านคิดว่าเมื่อตระกูลลีมาถึง พวกเราจะต้องทำตามที่ตระกูลมู่หรงสั่งรึ หรือพวกเราจะโดนกำจัดรึ? “

เจียงเฉินพูดอย่างไม่แยแส โดยที่ไม่มีสัญญาณแห่งความกังวลแม้แต่น้อย

ทุกๆคนเงียบและลองคิดดูในสิ่งที่เจียงเฉินพูดออกมา

“นายน้อย ตระกูลลีในเมืองสีชาติมันไม่ใช่ระดับตระกูลมู่หรงสามารถเทียบได้เลยนะครับ พวกเขามียอดฝีมือระดับแก่นมนุษย์อยู่ด้วยนะครับ และผู้นำตระกูลอยู่ระดับขั้นปลายของแก่นมนุษย์ด้วยนะครับ..ด้วยกำลังของพวกเราตอนนี้ไม่มีทางที่พวกเราจะสามารถต้านพวกนั้นได้เลย”

ชายอ้วนทั้งสองพูด

“เฉินเอ๋อร์ อย่าบอกนะว่าเจ้ามีวิธีในการรับมือแล้ว?”

ดูจากความมั่นใจของเจียงเฉิน เจียงเจินไห่อดไม่ได้ที่จะถามออกไป

“ท่านพ่อ พวกเราเพิ่งทำลายตระกูลมู่หรงไปเมื่อคืนนี้ ดังนั้นจะมีภาระการงานอีกจำนวนมาก ธรุกิจต่างๆมันจะหมายถึงการเงินและความมั่งคั่งทั้งสิ้น พวกเราต้องจัดการให้เรียบร้อยเสีย”

เจียงเฉินไม่ตอบคำถามเจียงเจิ้นไห่

“เฉินเอ๋อร์ พวกเราต้องเผชิญกับตระกูลลี และคนของตระกูลเราความภักดีต่ำ พวกเขาไม่สามารถที่จะให้ความสนใจกับอย่างอื่นได้ตอนนี้”

เจียงเจิ้นไห่กล่าว ว่าสถานการ์ณช่วงนี้ละเอียดอ่อนภัยคุกคามจากตระกูลลีที่กำลังจะมาถึง ความภักดีของพวกเขาไม่ใช่แค่ต่ำ ยังทั้งกลัวและกังวลเป็นอย่างมากด้วย

“พวกเจ้าทุกคนหาไม่ต้องกังวลกับตระกูลลี ไม่ว่าพวกมันจะเป็นใคร ถ้าพวกมันมานี่ ข้าจะส่งมันกลับไปเมืองของพวกมันเอง”

เจียงเฉินตาเป็นกระกายเมื่อเขายืนขึ้น “ทุกคนจงฟัง ปฎิบัติหน้าที่ตามปกติของพวกเจ้า ถ้าหากเมืองฟ้าหอมถูกเล่นงาน พวกเจ้ายังมีข้าอยู่หน้าและคอยดูแลพวกเจ้าอยู่”

*******************************************************************

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments