ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
แปลไทยโดย : Takumi Kun
ตรวจทาน : Subaru-Kyun
=====================================================
ในคืนเดียวกัน ตระกูลลีได้หายไปอย่างสมบูรณ์ คนจากตระกูลลีทุกคนถูกสังหารสิ้น และตระกูลใต้อาณัติได้ยอมแพ้ ตระกูลใต้อาณัติบางตระกูลไม่ยอมจำนนก็ถูกสังหารสิ้นเช่นกัน
ไม่มีข้อสงสัยใดๆ เมืองสีชาดตอนนี้กฎเกณฑ์ชุดใหม่ ตระกูลหยานมีเอกสิทธิ์ในการควบคุมเมืองสีชาด ธุรกิจต่างๆของตระกูลลีได้ตกเป็นของตระกูลหยาน จากนี้ต่อไปตระกูลลีจะไม่มีอยู่ในเมืองสีชาดอีก ลีชานเย่ว์ได้มีอำนาจกว่ายี่สิบปีได้หายไปในคลื่นที่เรียกว่าประวัติศาสตร์
เหตุการณ์ใหญ่โตที่เกิดขึ้นได้สร้างความตกตะลึงแก่ชาวเมือง ไม่สามารถที่จะปกปิดใครได้ และไม่มีผู้ใดเก็บซ่อนมันไว้ ทุกๆคนในเมืองต่างได้ยินข่าวนี้หลังจากตระกูลลีได้หายไป
ข่าวใหญ่เช่นนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสร้างความตกตะลึงในเมืองขนาดไหน ไม่มีผู้ใดสามารถที่จะสงบนิ่งได้ โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาได้รู้เรื่องเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในระหว่างการสู้รบ ทุกๆคนถอนหายใจอย่างเงียบเชียบในใจ สิ่งเหล่านี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วยิ่ง
“เฮ้อ……………หนึ่งในพยัคฆ์ได้หายไปเช่นนี้……ต่อจากนี้ตระกูลหยานจะเป็นผู้คุมกฎของเมืองแห่งนี้เพียงผู้เดียว พวกเขาไร้คู่ต่อสู้”
“พวกเจ้ายังจำราชันย์ปีศาจที่ปรากฎขึ้นก่อนการต่อสู้ได้ไหม? ข้าได้ยินว่าเขาจะช่วยตระกูลลีสังหารหยานเจิ้นหยุน แต่เขากลับคุกเข่าให้กับหมาแทน เป็นหมาตัวเดียวกับเหล่าศิษย์จากนิกายกระบี่สวรรค์ตามหา! หมานั่นมันแปลกมาก แม้แต่ราชันย์ปีศาจยังฟังที่มันพูด”
“ใช่เลย! ราชัย์ปีศาจแก่นแท้สวรรค์ที่สนับสนุนตระกูลลีได้ย้ายข้างและสังหารลีชานเย่ว์! ผู้ใดจะจินตนาการออกว่ามันจะเปลี่ยนไปเหมือนละครเช่นนี้”
“นี่มันยิ่งใหญ่มาก! เจ้าหมานั่นย่อมไม่ใช่หมาทั่วๆไป คนที่ได้บอกเรื่องราวแก่ข้าได้บอกว่า ราชันย์ปีศาจนั่นได้คุกเข่าต่อหน้าหมาตัวนั้นและเขาไม่กล้าที่จะขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย!”
หลายๆคนได้พูดถึงเรื่องสงครามได้หาสถานที่คุย หวงต้ากลายเป็นศูนย์กลางของเรื่องที่พูดคุย จะมีผู้ใดจินตนาการได้ว่าผลสรุปของสงครามจะถูกกำหนดโดยหมา?
“ในความคิดข้านะ สาเหตุที่ตระกูลลีโดนกวาดล้างเพราะเจียงเฉิน! ตั้งแต่ที่เขามายังเมืองแห่งนี้ ที่นี่ไม่เคยสงบสักวัน!”
“ใช่แล้ว ทุกๆอย่างเกิดขึ้นเพราะเจียงเฉิน! และเจ้าหมานั่นเจียงเฉินก็เป็นคนพามาด้วย!”
“เจียงเฉินเป็นคนโหดร้าย ไม่เพียงแค่สังหารบุตรชายทั้งสามของลีชานเย่ว์ เขายังกล้าสังหารศิษย์ของนิกายกระบี่สวรรค์! เขาเหี้ยมโหดมาก โอ้ พระเจ้า ข้าไม่เห็นคนที่มีความกล้าเช่นเขามาก่อน”
แม้ว่าตระกูลหยานจะเป็นผู้ที่จัดการตระกูลลี แต่ทุกคนมุ่งเน้นเจียงเฉินและหวงต้า ชายผู้นี้และเจ้าหมาเป็นกุญแจสำคัญของการล่มสลายของตระกูลลี
ค่ำคืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่มีผู้ไม่หลับไม่นอนอยู่ เจียงเฉินมีสมาธิกับการดูดซับจิตวิญญาณอสูรเหยี่ยวปีกโลหิต
หลังจากใช้เวลาไปกว่าชั่วโมงครึ่ง เจียงเฉินได้ปรับปรุงรูปแบบของเขาจนสมบูรณ์ ตราประทับมังกรทั้งสิบในทะเลลมปราณต่างสั่นสะเทือนไม่หยุด บนหัวของเขามีเงามังกรสีแดงเลือดลอยอยู่ โลหิตและปราณของเขาทรงพลังยิ่งนักหลังจากได้รับโลหิตของหวงต้า เขาสามารถปลดปล่อยร่างแปลงมังกรได้ในเวลาสั้นๆ
เจียงเฉินอ้าปากกว้างและกลืนวิญญาณอสูรสีแดงที่ลอยอยู่ตรงหน้าเขาเข้าไปทันที แสงสีแดงสองเส้นปรากฎขึ้นที่ดวงตาของเจียงเฉิน คลื่นพลังงานเกิดขึ้นบนอากาศ
เปรี๊ยะ…….
เมื่อวิญญาณอสูรได้เข้าไปยังร่างกายของเจียงเฉิน ร่างกายเขาได้มีเสียงเปรี๊ยะๆ เกิดขึ้น และพลังหยวนของเขาก็สั่นสะเทือน เจียงเฉินเริ่มโคจรทักษะร่างแปลงมังกรด้วยความสามารถที่ดีที่สุดของเขา ดูดซับวิญญาณอสูรทีละนิดทีละนิด
“ช่างเป็นพลังที่มหาศาล! หากข้าสามารถดูดซับได้อย่างสมบูรณ์จากวิญญาณอสูรนี้ ดังนั้นหากดูดซับสายเลือดของเหยี่ยวปีกโลหิตเข้าสู่ร่างกายข้าได้ พละกำลังของข้าจะเพิ่มทวีคูณ! นอกจากนี้ข้าสามารถก้าวเข้าสู่ระดับแก่นแท้มนุษย์ได้อีกด้วย!”
ใบหน้าของเจียงเฉินเต็มไปด้วยความปิติยินดี วิญญาณอสูรแก่นแท้มนุษย์ขั้นปลายเป็นแก่นแท้ที่สมบูรณ์แบบสำหรับเขาในการดูดซับในขณะนี้
ภายใต้การควบคุมของทักษะร่างแปลงมังกร ตราประทับมังกรสีแดงเลือดได้แสดงออกเหมือนมังกรตัวจิ๋วของแท้มันโค้งตัวไปพันรอบๆวิญญาณอสูรสีแดง
ประสบการณ์ของเจียงเฉินนั้นไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบกับคนอื่นได้ การควบคุมทักษะร่างแปลงมังกรของเขาสามารถรับประกันได้ว่าพลังงานในวิญญาณอสูรปลดปล่อยอย่างช้าๆให้เขาได้ดูดซับทีละนิด ทีละนิดและตรวจสอบให้แน่ใจว่าพลังงานไม่ได้ไหลออกมาอย่างเร็วหรือร่างกายไม่สามารถทนรับไหว ไม่มีพลังงานเสียไปอย่างเปล่าประโยชน์
เวลาผ่านไป เจียงเฉินตกอยู่ในภวังค์ หวงต้าได้นอนบนหินสีเขียวก้อนใหญ่ ทันใดนั้นแสงสีทองได้ออกมาจากร่างกายของมัน แสงสีทองในด้านพลังนั้นทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งกลายเป็นรังไหมห่อหุ้มหวงต้าไว้ด้านใน
เมื่อเวลาผ่านไป พลังของหวงต้ากล้าแข็งมากขึ้น เหมือนมีบางสิ่งภายในร่างกายมันได้ตื่นขึ้น มันได้มีการพัฒนาการจากรากฐาน
หากเจียงเฉินอยู่ที่นี่แล้วเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เขาคงเริ่มสาปแช่งไปแล้ว เจ้าหมานี่มันตกอยู่ในภวังค์ขณะที่มันกำลังนอนอยู่ และมันได้เข้าสู่กระบวนการปลุกสายเลือดและความสามารถที่สืบทอดโดยธรรมชาติ หากกระบวนการเสร็จสมบูรณ์เจ้าหมานี่จะอยู่ระดับแก่นแท้มนุษย์
ในฐานะที่เป็นกิเลน การปลุกความสามารถที่สืบทอดโดยธรรมชาตินั้นเป็นเรื่องปกติ สายพันธุ์หายากเช่นนี้ไม่ได้มีสามารถที่สืบทอดมานั้นแค่หนึ่ง สิ่งที่คนต่างไม่พอใจคือกิเลนสามารถที่จะแข็งแกร่งขึ้นได้โดยการไม่ได้ทำอะไรเลย พวกมันสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้ขณะที่มันนอนหลับ นี่มันเหมือนตบหน้าทุกๆคน ขณะที่ทุกๆคนต่างสู้แทบเป็นแทบตายเพื่อที่จะให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และดูล้มเหลวที่สุดเมื่อเวลาที่เจ้านี่สามารถที่จะเลื่อนระดับได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องตื่น ไม่มีสิ่งใดสามารถเปรียบกับมันได้ (โกงสลัด)
เรือนที่พักเงียบสนิท เจียงเฉินได้ดูดซับวิญญาณอสูรเหยี่ยวปีกโลหิต หวงต้าก็นอนอยู่บนหินสีเขียวก้อนใหญ่และด้านนอก ชายแก่ได้นั่งคุ้มกันเหมือนผู้เชี่ยวชาญ ในเมืองแห่งนี้ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าใกล้สถานที่นี่ได้ได้รับการคุ้มกันจากราชันย์ปีศาจแก่นแท้สวรรค์
ชายแก่ยังคงยืนอยู่ ดวงตาของเขาดูเหมือนกับเขากำลังหมกมุ่นกับบางอย่างและร่างกายเขาเป็นดั่งรูปปั้นที่ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ เขาได้มุ่งความสนใจกับทักษะมารเทวะศักดิ์สิทธิ์ ทักษะระดับเซียน หากเขาสามารถใช้มันได้อย่างถูกต้อง มันจะทำให้เขาได้กลายเป็นระดับราชาปีศาจได้ตามที่เจียงเฉินบอก
มีสองร่างกำลังมาแต่ไกล เป็นชายหนึ่งและหญิงสาวหนึ่ง พวกเขาคือหยานเฉินหยู่และหยานหยาง ผู้เพิ่งกลับมาจากใจกลางจตุรัส
หยานเฉินหยู่กำลังอารมณ์ไม่ดีและนางได้คิดเรื่องเกี่ยวกับท่านพี่เจียงเฉิน
“หยุดอยู่ตรงนั้น!”
ชายแก่ชุดดำพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขณะที่จ้องมองไปยังทั้งสอง
“ท่านพี่เจียงเฉินอยู่ที่ไหนกัน?ข้าต้องการพบท่านพี่เจียงเฉินของข้า!”
หยานเฉินหยู่พูด ทางที่นางและหยานหยางมองไปยังชายแก่นั้นดูหวาดกลัว ชายแก่ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่โหดร้ายมาก พวกเขายังจำได้ชัดเจนว่าชายผู้นี้ได้สังหารลีชานเย่ว์เช่นไร
“นายท่านกำลังทำการปิดประตูบ่มเพาะอยู่ ไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้ไปรบกวนเขา”
ชายแก่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาสามารถที่จะสุภาพกับหวงต้าและเจียงเฉินแต่เมื่อเขาพบคนอื่นๆ เขาเป็นเหยี่ยวที่ดุร้าย ราชันย์ปีศาจแก่นแท้สวรรค์
“ไปเถอะ เสี่ยวหยู่ อย่าไปรบกวนน้องเจียงเฉินยามปิดประตูบ่มเพาะเลย”
หยานหยางพูด
“เข้าใจแล้วค่ะ”
หยานเฉินหยู่ผงกหัวและหันกลับออกไป การบ่มเพาะของเจียงเฉินนั้นเป็นเรื่องสำคัญมาก แน่นอนเขาจะถูกรบกวนไม่ได้
หลังจากผ่านไปชั่วโมงค่ำคืนได้มาเยือน หยานเจิ้นหยุนและคนระดับสูงในตระกูลหยานต่างเสร็จสิ้นกิจธุระของพวกเขา และตอนนี้พวกเขาได้กลับไปยังหอคอยหมอกฝนด้วยท่าทีภาคภูมิใจ
สิ่งแรกที่พวกเขาทำคือแวะไปเยี่ยมเยียนเจียงเฉินและหวงต้าเพื่อแสดงความชื่นชม แต่หยานหยางได้หยุดพวกเขาเอาไว้
“ท่านผู้นำตระกูลขอรับ น้องเจียงเฉินปิดประตูบ่มเพาะอยู่ พวกเราไม่สามารถรบกวนได้ขอรับ”
หยานหยางกล่าว
“ดูท่าทางน้องจะเจียงเฉินจะได้เรียนรู้อะไรใหม่! บางทีเขาอาจจะทะลวงเข้าสู่อาณาจักรแก่นแท้มนุษย์ก็เป็นได้ขณะที่ปิดประตูบ่มเพาะ”
หยานเจิ้นหยุนพูดออกมาพร้อมถอนหายใจยาวๆ
“เทียบกับน้องเจียงเฉินแล้ว ข้าไม่คิดว่าจะมีใครกล้าเรียกตัวเองว่าอัจฉริยะได้อีก…..อายุของเขา ความสามารถของเขา มารยาทของเขาและความรวดเร็วในการบ่มเพาะอีก……คนประเภทนี้เป็นประเภทที่หายากอย่างแท้จริง”
ทุกๆคนต่างถอนหายใจเมื่อคิดเกี่ยวกับเจียงเฉิน
“หยานหยางเจ้าควรที่จะให้เจียงเฉินเป็นเป้าหมายของเจ้านะ! ข้าไม่คิดว่าเจ้าสามารถเทียบกับเขาได้แต่ให้เขามาเป็นเป้าหมายหรือบุคคลที่ชื่นชมก็ดี”
หยานเจิ้นหยุนพูดขณะวางมือไว้บนบ่าหยานหยาง
“ข้าจะทำมันแน่ ข้าจะพยายามไปให้ถึงระดับเดียวกับเขา!”
มันหายากที่หยานหยางจะเคารพใครสักคน เขานั้นไม่มีอะไรเลยแต่กลับชื่นชม
“ครั้งนี้น้องเจียงเฉินได้ช่วยเหลือพวกเราอย่างดี! ข้าสามารถพูดได้เต็มปากว่าเขาได้ช่วยตระกูลหยานเอาไว้! ความเมตตาที่เขาแสดงให้เห็นจะไม่มีวันที่จะลืมเลือน! เมื่อน้องเจียงเฉินออกมาจากการปิดประตูบ่มเพาะพวกเราจะต้องขอบคุณเขาอย่างสง่างาม”
หยานเจิ้นหยุนพูด
“เป็นความจริง หลังจากช่วยหยู่เอ๋อร์ เขาได้ช่วยทั้งตระกูลพวกเราเอาไว้! ความเมตตาของน้องเจียงเฉินที่มีต่อตระกูลพวกเรานั้นไม่อาจสรรหาคำใดมาบรรยายได้”
ผู้อาวุโสระดับสูงขั้นแก่นแท้มนุษย์พูด
ทุกๆคนจากตระกูลหยานต่างชื่นชมเจียงเฉินจากก้นบึงของหัวใจ หากว่ากันจริงๆแล้ว ไม่มีเจียงเฉินอยู่ ตระกูลหยานคงไม่มีตัวตนอยู่ตอนนี้
“หยานหยาง หยู่เอ๋อร์เป็นเช่นไรบ้าง”
หยานเจิ้นหยุนถาม
“นางขังตัวเองไว้ในห้อง นางคงต้องการเวลาส่วนตัวสักพักหนึ่ง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดนั้นส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อนาง ระยะเวลาหลายปีมานี้ เสี่ยวหยู่ไม่เคยออกจากหอคอยหมอกฝน นางยังเป็นเด็กสาวไร้เดียงสา นางไม่เคยเห็นแบบสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้”
หยานหยางพูด
“นี่เป็นสิ่งที่นางต้องเผชิญในอีกไม่นานหรือภายหลัง นางมีชีพจรเก้าหยิน นางต้องเผชิญกับสิ่งต่างๆมากมายในอนาคต! นอกจากนี้ในการที่จะอยู่กับเจียงเฉินนั้น นางจะต้องไม่เป็นตัวถ่วงเด็ดขาด”
หยานเจิ้นหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม ทุกๆคนต่างรู้ดีว่า หยานเฉินหยู่ได้เดินทางในเส้นทางที่แตกต่างจากพวกเขา นางได้เดินตามเส้นทางของเจียงเฉิน
ตูม!
ขณะนั้น ได้มีเสียงระเบิดดังนั่นจากส่วนลึกของเขตตระกูลหยาน ทุกๆคนต่างมองไปยังทางที่เกิดระเบิด พบว่ามันมาจากทางที่เจียงเฉินอยู่ มีแสงสีแดงพุ่งออกมาทะลุหลังคาและพุ่งสูงเสียดฟ้า พลังที่แข็งแกร่งมากไหลออกมาจากที่นั่น
ซู่ม……
หลังจากนั้นมีพายุปรากฎขึ้นเหนือเขตตระกูลหยาน พลังธรรมชาติที่อยู่โดยรอบโดนดูดซับทันที และภายในเสาสีโลหิตนั้น มีแสงเล็กๆสีทองโผล่ขึ้นมากระทันหัน แสงเริ่มเปล่งสว่างมากขึ้นก่อนที่จะรวมเป็นรูปร่างเป็นแก่นสีทองที่มีขนาดเท่ากำปั้น
“ดูนั่น! นั่นแก่นแท้มนุษย์! น้องเจียงเฉินได้สร้างแก่นแท้มนุษย์แล้ว! พลังมหาศาลยิ่งนัก”
“อะไรนะ….ข้าไม่เข้าใจ แค่ช่วงเวลาสั้นๆ เขาได้ทะลวงเข้าสู่อาณาจักรแก่นแท้มนุษย์?!”
“เขาเพียงแค่ทะลวงเข้าสู่อาณาจักรแก่นแท้มนุษย์เพียงเท่านั้น เหตุใดจึงมีพลังงานมหาศาลเช่นนี้? ข้าอยู่ในระดับแก่นแท้มนุษย์ขั้นกลางแต่ภายใต้พลังงานของเจียงเฉินนั้น วิญญาณของข้ากำลังสะเทือน”
“ปีศาจแน่ๆ! เขาจะต้องเป็นปีศาจหายาก!”
………………………………………………………..
ทุกๆคนจากตระกูลหยานตกตะลึง โดยเฉพาะนักรบแก่นแท้มนุษย์ที่อยู่ที่นี่ได้เห็นฉากนี้ พวกเขาได้ทะลวงเข้าแก่นแท้มนุษย์มาก่อน แต่พวกเขาไม่เคยเห็นสิ่งใดเหมือนวิธีการของเจียงเฉินใช้ในการทะลวง มันยากที่จะจินตนาการนัก
ฟ้าว…
หลังจากสร้างแก่นแท้มนุษย์แล้วมันลอยกลับเข้าในห้อง ในเวลาเดียวกันพลังงานที่แข็งแกร่งพุ่งสูงบนท้องฟ้า พัดห้องทั้งหมด ชายหนุ่มในชุดสีขาวได้บินสู่ท้องฟ้า ด้านหลังของเขามีปีกสีเลือดกระพืออยู่
************************************************************************
To be continue…..