ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป‘ชูเฟิง’ ถูกนางกัดดันอย่างสมบูรณ์ แม้ว่าเขาจะอยากเอาชนะนางมากแค่ไหน ก็ไม่อาจทำอะไรได้
” ชูเฟิง ให้เรายืมร่างกายของเจ้าก่อน เราจะเอาชนะผู้หญิงอวดดีคนนี้เอง “
ในตอนนั้น จู่ๆเสียงเทพธิดาก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
” อะไรนะ ? “
ก่อนที่ ‘ชูเฟิง’ จะได้ตอบกลับไป เขาก็รู้สึกถึงพลังที่สุดจะหยั่งถึงภายในโลกวิญญาณของเขา นางต้องการออกมาสู้ด้วยตัวเองจึงจำเป็นต้องมีสื่อกลางเป็นร่างของ ‘ชูเฟิง’
มันเป็นพลังที่สุดจะร้ายกาจ บอกได้คำเดียวว่า น่ากลัว มันเหมือนกับพลังที่มาจาก ความมืดของสุดขอบนรก จนทำให้คนรู้สึกเย็นเหมือนน้ำแข็ง แต่ ‘ชูเฟิง’ ไม่ได้ตกใจแต่อย่างใดเพราะเขารู้สึกถึงกลิ่นอายของเทพธิดาที่คุ้นเคย นั้นคือพลังของ เทพธิดาหลังจากที่เขาทั้งสองอยู่ด้วยกันมานาน
‘ชูเฟิง’ ก็ไว้ใจนางเป็นอย่างมาก แม้ว่านางจะมีนิสัยแปลกๆ แต่นางก็ไม่เคยทำร้ายเขา ดังนั้น ‘ชูเฟิง’ จึงไม่ขัดขืนหรือต่อต้านการรับรู้ของเขา จากนั้นก็ปล่อยให้นางควบคุมร่างกาย
* อืม *
ตอนนั้น ‘ชูเฟิง’เพียงคนเดียวที่รู้สึกได้ที่พลังที่เขาเคยสัมผัสมาก่อน มันวิ่งพล่านทั่วร่างกายของเขาพร้อมกับควันสีดำหลั่งไหลทะลักออกมา หมุนขึ้นรอบๆตัวของ ‘ชูเฟิง’ภายในพริบตา ควันสีดำปกคลุมทั่วทั้งสุสาน
พื้นดินเริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงพลังจากแหล่งกำเนิดวิญญาณและอำนาจของพลังแก่นแท้วิญญาณต่างปกคลุมทั่วทั้งอากาศ ทุกคนต่างร้องออกมาราวกับว่ากำลังตกใจกลัวควันสีดำลอยไปมาในอากาศเหมือนเมฆดำทมิฬเลื่อนมาบดบังดวงอาทิตย์ ทำให้สัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่คุกคาม มันเหมือนกับการปล่อยราชาปีศาจที่ถูกผนึกไว้เป็นเวลาแสนยาวนาน ซึ่งไม่ใช่สถานที่ที่ควรเข้าไปยุ่ง
นี้ไม่ใช่ความรู้สึกที่ควรจะมีอยู่ในโลกฝั่งนี้
” นี้คือพลังที่แท้จริงของคนๆนี้งั้นหรอ ทำไมมันช่างแตกต่างจากก่อนหน้านี้ “
ดวงตาสีม่วงของแม่นางชุดม่วง ขณะที่มองมานางดูเหมือนจะหวาดกลัว นางแปลกใจว่าทำไม ออร่าของ ‘ชูเฟิง’ จู่ๆถึงเปลี่ยนไป ก่อนหน้านี้เป็นแสงสีทองเจิดจ้า บัดนี้กลับถูกความมืดดำเข้าปกคลุม สิ่งที่สำคัญที่สุดเมื่อ ‘ชูเฟิง’ ระเบิดควันสีดำ ออร่าของนางถูกผลักกระจาย
” ทำไมในตัวของเด็กคนนี้ถึงมีพลังแห่งความมืดอยู่ “
ตอนนั้น แม้แต่ใบหน้าของพยัคฆ์ขาวยังเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก สายตาที่มอง’ชูเฟิง’ เขาไม่กล้าแม้แต่จะดูถูกเหยียดหยามอีกต่อไป
” เจ้าคิดว่าตัวเองอยู่เหนือคนทั้งโลกเพียงแค่มีกายศักดิ์สิทธิ์งั้นหรอ ? เราจะให้เจ้าได้สัมผัสพลังที่เจ้าไม่เคยเห็นมาก่อนในโลกฝั่งนี้และเจ้าจะได้รู้จัก อสูรฟ้า “
‘ชูเฟิง’ปัจจุบันถูกเทพธิดาควบคุม ดังนั้นคำพูดที่กล่าวออกไป ไม่ใช่ ‘ชูเฟิง’ แต่เป็น เทพธิดา แต่ หญิงสาวชุดม่วง กับ พยัคฆ์ขาว ไม่รู้ว่า ร่างกายของเขาในตอนนั้นถูกเทพธิดายืมใช้ เสียงที่ดังออกมาก็เป็นเสียงของ ‘ชูเฟิง’ . . . .
” อสูรฟ้า อะไร ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน ข้ารู้เพียงว่า กายศักดิ์สิทธิ์เป็นชนิดของร่างกายที่แข็งแกร่งที่สุดในแผ่นดินนี้ กายศักดิ์สิทธิ์จะทำให้ร่างกายไร้เทียมทาน “
เห็นได้ขัดว่าหญิงสาวชุดม่วงไม่อาจยอมรับ นางยังโกรธเมื่อได้ยินคำพูดของเทพธิดา จากนั้นระฆังสีม่วงที่ปกป้องนางก็ปล่อยวงแหวนที่แข็งแกร่งเป็นคลื่นพลังรูปวงแหวนพัดใส่ ‘ชูเฟิง’ พวกมันดูร้ายกาจมากกว่าเก่าหลายเท่า นางนั้นคงจะโกรธสุดๆ
ส่วนทางด้าน เทพธิดานางยังคงยืนอยู่เฉยๆ เหมือนไม่ได้สนใจสักนิด ควันสีดำหมุนเป็นเกลียวรอบๆร่างกายของนางและจะไม่มีอะไรสามารถทำลายมันได้ พลังของวงแหวนที่ตัดได้ทุกอย่าง ก็ไม่สามารถแตะถึงแม้แต่เส้นผมของเขา
” เอิ่มมม . . . “
จู่ๆเทพธิดาก็บ่นออกมาจากนั้นควันสีดำก็เริ่มเคลื่อนไหว หลังจากนั้นควันสีดำก็ปรากฏเป็นกรงเล็บขึ้นมาในอากาศจำนวนนับไม่ถ้วนพวกมันดูเป็นกรงเล็บที่ดูแสนจะน่ากลัวซึ่งแตกต่างจากเล็บมือของมนุษย์ ขณะที่มันปรากฏออกมา อาจทำให้ขนหัวลุกเย็นไปถึงกระดูกด้วยความกลัว
ถ้าหากเป็นกรงเล็บแน่นอนว่ามันคือกรงเล็บของปีศาจหลังกรงเล็บสีดำที่แหลมคมมีแขนยาวๆพุ่งลงมา ราวกับว่ามีกรงเล็บปีศาจนับไม่ถ้วนตกลงมาจากสวรรค์ ใส่หญิงสาวชุดม่วงที่ยืนอยู่ผืนโลก
” ความแข็งแกร่งแบบนี้ มาดูสิว่าใครจะแน่กว่ากัน “
ดวงตาสีม่วงของหญิงชุดม่วง จ้องมองขึ้นไปพร้อมกับระดมซัดฝ่ามือใส่ เมื่อฝ่ามือนางพุ่งขึ้นไป มันฉีกผ่านอากาศกระจุย ทำให้พื้นสั่นนิดหน่อย ที่นางใช้ไม่ใช่แค่ทักษะระดับ 5 แต่มันคือ ทักษะระดับ 6
” ทักษะระดับ 6 นางสามารถฝึกฝนทักษะระดับ 6 ได้ด้วพลังวิญญาณเพียงแค่นี้นะหรอ “
‘ชูเฟิง’ ตกใจอย่างมาก แม้ว่าร่างกายของเขาจะถูกเทพธิดาควบคุม แต่เขาก็ยังสามารถรู้สึกได้ถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในดวงตาของเขาเองราวกับว่าสัมผัสทุกอย่างเหมือนเดิมแต่แค่โดนนาง ทำให้ร่างกายขยับไปมาตามใจ
อีกทั้งยังสัมผัสได้ถึงความลึกลับและความเป็นมาที่ไม่ธรรมดาเกี่ยวกับทักษะที่นางใช้แน่นอนว่ามันแข็งแกร่ง มากกว่า วิชา ธนูร้อยแปลงอย่างไม่ต้องสงสัย ทักษะระดับ 6 เป็นสิ่งที่สำคัญในการบ่งบอกว่านางเข้าใจการต่อสู้มากแค่ไหน
ตอนนั้น ‘ชูเฟิง’ เข้าใจอย่างลึกซึ้ง ว่าหญิงสาวชุดม่วงแข็งแกร่งมากแค่ไหน ว่าเขาไม่เหมาะที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของนาง ความแข็งแกร่งของเขาและนางอาจกล่าวได้ว่า ต่างกันราวกับฟ้ากับเหว ไม่อาจพูดได้ว่าอยู่ในระดับเดียวกันแต่ไม่ว่าทักษะนางจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน มันก็ไม่สามารถทำอะไรกรงเล็บปีศาจสีดำที่อยู่ในอากาศได้
เพราะมันไม่ใช่พลังของโลกนี้ ไม่มีอะไรสามารถหยุดยั้งมันได้ มันมีแต่จะทำลายทุกอย่างที่มาสัมผัส
* ตููมมมมมมม *
ในตอนนั้น กรงเล็บสีดำพุ่งเข้ามาด้านหน้าของหญิงสาวชุดม่วง ทันทีที่โดน เศษดินเศษหินกระจุยกระจายเต็มไปทั่ว หญิงสาวชุดม่วงไม่สามารถหลบมันได้ นางจึงถูกกดลงกับพื้น
* ตูม ตูม ตูม ตูม ตูม *
ต่อมากรงเล็บสีดำจำนวนมากก็พุ่งลงมาอย่างต่อเนื่องใส่ร่างกายของหญิงสาวชุดม่วงตอนนั้นสุสานขนาดใหญ่เคลื่อนไหวไปมาเหมือนกับจะพังทลาย แม้แต่สัญลักษณ์ตามผนัง ต่างถูกมันดับแสงจนวอดวาย หลุมลึกปรากฏอย่างต่อเนื่องกระจายไปทั่วทุกสารทิศด้วยพลังอำนาจของเทพธิดา
” พอแล้วๆ สุสานจะพังแล้ว!!!! “
ในตอนนั้น พยัคฆ์ขาวก็ระเบิดตะโกนออกมา เพราะฉากด้านหน้ามันเกินกว่าอำนาจของเขาไปแล้ว หากเป็นแบบนี้ต่อไป สุสานจะถูกทำลายจากนั้นจะไม่มีใครสามารถเข้ามาที่สุสานจักรพรรดิได้อีกหลังจากที่ได้ยินคำพูดนั้น เทพธิดาก็หยุด
เมฆหมอกดำทมิฬที่ปกคุลมเหนือศีรษะของพวกเขาเริ่มค่อยๆกระจายออกไป จากนั้นก็ไหลมารวมกันรอบๆตัวของ ‘ชูเฟิง’ พร้อมกับค่อยๆหายไป
ทันใดนั้น’ชูเฟิง’ก็สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองเมื่อเทพธิดากลับไป พลังวิญญาณของ’ชูเฟิง’ ที่เข้าสู่อาณาจักรแก่นแท้วิญญาณระดับ 2 เหลือแค่ ระดับ 1
เมื่อเขาสังเกตุมองไปรอบๆ เขาก็พบว่าสุสานจักรพรรดิมีสภาพแตกต่างจากเมื่อก่อนทั้งหมดอยู่ในสภาพที่ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์มันมีการสร้างรูปแบบขนาดใหญ่เคลื่อนไหวอยู่ไปมา แต่แสงของมันไม่ดูสว่างเหมือนเมื่อก่อน
” อั๊ก อั๊ก อั๊ก. . . “
เสียงดังไอที่เจ็บปวดดังออกมาจากหลุมลึก จากนั้นหญิงสาวชุดม่วงก็ค่อยๆปีนขึ้นมา ระฆังม่วงที่ครอบคลุมนาง แสงของมันดูหริบหรี่ลง
นอกจากนั้น ยังมีเลือดสีแดงค่อยๆไหลออกมาจากมุมปากของนาง เห็นได้ชัดว่านางได้รับบาดเจ็บสาหัส แน่นอนหากไม่มีการป้องการจากระฆังม่วง นางคงถูกพลังของเทพธิดาบดลงเป็นเศษเนื้อติดกับพื้น
โปรดติดตามตอนต่อไป . . . . . . . . . . .
ที่มา: