I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Age of adept – บทที่ 4

| Age of Adepts | 895 | 2369 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ขณะที่ปีศาจส่วนใหญ่กลับไปเนื่องจากกลัวเปลวไฟเวทย์ที่ปรากฏขึ้นมาบนอากาศ กริมกระโดดออกจากทางเดินหินไปขุดดินใต้ต้นไม้นักล่า ใช้เวทย์ไฟเผารากหนาและมองเห็นวัตถุดิบที่เขามาเก็บเกี่ยวในวันนี้

ระหว่างรากที่หยิกงอและโครงกระดูกมนุษย์ในนั้นมีก้อนกลมๆที่มีรากเล็กๆ บางชิ้นมีสีขาว บางชิ้นมีสีแดงและมีสีม่วงอยู่เล็กน้อย กริมเก็บความรู้สึกรังเกียจเอาไว้และหยิบมีดขนาดเล็กออกมา เขาเก็บเอาก้อนสีม่วง 3 ชิ้นและวางไว้ในกระเป๋าเอวของเขา หลังจากนั้นก็รีบวิ่งขึ้นไปบนทางเดินอย่างรวดเร็ว

ถ้าไม่ใช่งานที่สำคัญ เขาจะไม่ก้าวเท้าออกจากทางเดินเด็ดขาด แม้ว่าเขาจะเคลื่อนไหวได้เร็วมาก แต่เหล่าปีศาจที่กลับออกไปได้กลับเข้ามาอีกครั้ง เหล่าเถาวัลย์ได้ห้องอยู่บนต้นไม้นักล่าและได้ยึดครองพื้นที่ที่เขาเคยลงไปขุดดิน

ถ้าเขาช้ากว่านี้เพียงวินาทีเดียว เขาจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการต่อสู้ที่ตามมาได้แน่นอน!

อันที่จริงแล้วต้องขอบคุณ ‘ทัศนวิสัยค้นหาธาตุ’ ที่ได้มาใหม่ ที่ทำให้เขาค้นหาคอร์ของต้นไม้นักล่าได้โดยง่าย ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เขาต้องเดินลงจากทางเดินไปมาหลายครั้งเพื่อเก็บเกี่ยววัตถุดิบ ยิ่งลงจากทางเดินมากเท่าไหร่ ความเสี่ยงก็จะมากขึ้นเท่านั้น

เขาเดินต่อไปบนทางเดินอีกประมาณ 200 เมตร โดยพ้นจากเหล่าต้นไม้นักล่า ตรงหน้าของเขา เขามองเห็นต้นไม้ผีสิงที่เหมือนมีชีวิตอยู่และยืดออกมาด้านข้างทางเดินหิน เถาวัลย์และกิ่งก้านสาขาได้ห้อยลงมา ทำให้ดูเหมือนว่าพวกมันลอยอยู่กลางอากาศ

กริมหยิบเครื่องรางเวทย์ออกมาจากเสื้อ เขากระซิบออกมาเป็นเวทย์ลับที่นักเวทขั้นต้นทุกคนต้องเชี่ยวชาญ

“มูฮานโทเรีย-ซินรา”

เมื่อเสร็จสิ้นการร่ายเวทย์ลับ พลังลึกลับที่มองไม่เห็นออกมาจากเครื่องรางเวทย์และปกคลุมไปทั่วร่างกายของเขา

คำเตือนดังขึ้นในหัวของเขา

“ตรวจพบพลังงานผิดปกติ! การทำงานของชิพกำลังถูกแทรกแซง….”

เสียงที่อ่อนลงของชิพและค่อยๆจางหายไปอย่างสมบูรณ์

กริมที่ปราศจากชิพ เขาได้เดินต่อไปด้านหน้าขณะที่ชูเครื่องรางเวทย์ไว้เหนือศีรษะ ทุกครั้งที่เขาก้าวเท้า เถาวัลย์และกิ่งไม้ด้านหน้าจะเปิดทางออกให้เขาเดินผ่านไป

ตอนนี้เขาทำสิ่งที่เหมือนกับที่เขาเคยทำกับต้นไม้นักล่าและเถาวัลย์ดูดเลือด มันเป็นเวลาที่เขาจะได้รู้จักกับสิ่งที่เรียกกันว่า ‘ทารกปีศาจ’ หัวใจของกริมค่อยๆหวาดกลัวขึ้นทีละน้อย

เป็นพื้นที่ที่อยู่ใกล้กับต้นไม้ผีสิงที่เต็มไปด้วยปีศาจ พวกเขาเรียกมันว่า ‘สวนแห่งเสียงกระซิบ’

ถ้ามีคนมองออกไปจากทางเดิน พวกเขาทั้งหมดจะเห็นเป็นทุ่งดอกไม้ แต่ทุ่งเหล่านี้เต็มไปด้วยขี้เถ้า ศพและปีศาจนับไม่ถ้วน

นี่เป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับสิ่งที่เรียกว่า ทารกปีศาจ ผีสาวและพวกภูติดอกไม้ ทั้งหมดเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องการจะกินศพและวิญญาณทั้งหมด

เมื่อใดก็ตามที่มีคนโง่เข้ามาที่สถานที่แห่งนี้ ชะตากรรมของพวกเขาคือการตกอยู่ในภาพลวงตาและกลายเป็นปุ๋ยให้กับพืชที่แปลกประหลาดนี้

เห็ดที่มีใบหน้าเหมือนมนุษย์มีมือและขาที่เล็ก พวกมันจับมือกันกระโดดไปมาและร้องเพลงอย่างสนุกสนานเพื่อชวนให้กริมมาร่วมกันร้องเพลง นั่นทำให้กริมสั่นไปถึงกระดูกสันหลัง

“คำเตือน….คำเตือน….พลังงานบางอย่างแทรกแซงร่างต้น….แนะนำให้ร่างต้นออกจากสถานที่แห่งนี้ทันที….”

กริมหันหลังกลับอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาทิ้งระยะห่าง ความรู้สึกเสียวที่กระดูกสันหลังก็หายไปในที่สุด

เห็ดที่มีใบหน้าน่ารักไม่ว่าจะมองยังไง พวกมันก็ยังเป็นปีศาจที่กินเนื้อแน่นอนและพวกมันกินจนไม่เหลือวิญญาณเลย ปกติแล้วปีศาจพวกนี้เป็นเห็ดสีขาวชนิดหนึ่งที่มีพลังธาตุความมืดอยู่ แต่ละตัวมีความสามารถในการสร้างภาพลวงตาที่น้อยมาก ไม่มีทางที่จะหลอกเหยื่อขนาดใหญ่เช่นมนุษย์ที่มีขนาดใหญ่กว่ามันได้

แต่เมื่อสิ่งมีชีวิตเหล่านี้อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม

เมื่อเห็ดหน้ามนุษย์ 100 ตนมาอยู่รวมกัน พวกมันสามารถสร้างภาพลวงตาขนาดใหญ่ได้ซึ่งกินพื้นที่กว้างมากและเหยื่อพวกนั้นจะสูญเสียการควบคุมตัวเอง ดังนั้นหากใครสักคนไปเจอเข้ากับกลุ่มเห็ดหน้ามนุษย์กลุ่มใหญ่เข้าละก็เขาจะมีรอยยิ้มบนหน้าและหลุดไปในโลกแห่งจินตนาการ!

สำหรับนักเวทย์แล้ว เห็ดหน้ามนุษย์เหล่านี้มีความสามารถในการสร้างภาพลวงตา พวกมันเป็นวัตถุดิบชั้นดีในการยกระดับเวทมนตร์ของพวกเขา แต่กับนักเวทขั้นต้นอย่างกริมแล้ว เขาเสี่ยงต่อการถูกฆ่าตลอดเวลาที่เจอพวกมัน

ถ้ากริมไม่สามารถทนต่อภาพลวงตาที่เห็ดหน้ามนุษย์สร้างขึ้นมาได้และเดินไปตามความรู้สึกของตัวเอง สิ่งมีชีวิตพวกนี้จะเฉลิมฉลองกับอาหารมื้อใหญ่โดยที่ไม่ได้ละเมิดข้อตกลงของหอคอยแต่อย่างใด!

ดังนั้นการเผชิญหน้ากับปีศาจที่มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวซึ่งมักจะเดินเข้ามาใกล้เขา กริมยิ้มกว้างและหยิบก้อนหินขนาดเท่าไข่ออกมาและขว้างมันเข้าไปใจกลางของกลุ่มเห็ดที่เต้นกันอยู่

ในวินาทีต่อมา เกิดประสายแสงแฟลชสีฟ้าสว่างออกมาบริเวณที่กระทบกับหิน เห็ดหน้ามนุษย์ 5 ตนเสียชีวิตอยู่ตรงนั้น เห็ดหน้ามนุษย์ทั้งหมดหวาดกลัวและวิ่งหนีไปทุกทิศทางและซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ

กริมวิ่งเหยาะๆไปที่ซากทั้ง 5 ของเห็ดเหล่านั้นและนำมาเก็บไว้ในกระเป๋า จากนั้นเขาก็เก็บหินก้อนเล็กๆและกลับขึ้นไปบนทางเดิน

ก้อนหินขนาดเท่าไข่ก้อนนั้นคือหินสายฟ้า ที่เขาซื้อมาจากนักเวทขั้นต้น ริค ในราคาแพง เมื่อมันทำงาน มันจะปล่อยสายฟ้าขนาดเล็กออกมา 5 สาย มันเป็นอาวุธที่สมบูรณ์แบบในการจัดการกับเห็ดหน้ามนุษย์ที่ร่างกายอ่อนแอมากๆ นอกจากเวทย์ฝ่ามือเปลวเพลิงแล้ว เขาจำเป็นลูกเล่นอย่างอื่นอีก

ไม่มีเห็ดหน้ามนุษย์ตนใดกล้าเผชิญหน้าเมื่อเห็นว่าเพื่อนๆถูกโจมตี อย่างไรก็ตามมีเสียงกระซิบที่น่ารำคาญดังขึ้นมาตลอดเวลา มันทำให้เขาขนลุก

เห็ดหน้ามนุษย์เป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่เขาต้องเก็บเกี่ยว ดังนั้นเมื่อกริมเสร็จงานนี้ เขารีบเดินต่อไปบนทางเดินที่คดเคี้ยว เนื่องจากเขาไม่กล้าอยู่ที่นี่ให้นานกว่านี้

จริงๆแล้ว พื้นที่ทั้งหมดรอบหอคอยเป็นที่รู้กันดีว่า ที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่มีอัตราการตายของนักเวทย์ขั้นต้นมากที่สุด

เมื่อออกจากทุ่งดอกไม้ที่เห็นหน้ามนุษย์อยู่ เขาพบกับแถบพื้นที่ที่ทารกปีศาจอาศัยอยู่

ทารกปีศาจเหล่านี้เป็นมอนสเตอร์ขนาดเล็กที่มีขนาดเท่าทารกของมนุษย์ พวกมันมีสิ่งที่คล้ายกับสายสะดือติดอยู่ด้านหลัง เมื่อพวกมันเคลื่อนที่ พวกมันจะเคลื่อนที่ไปรอบๆโดยการคลาน แต่ความเร็วในการคลานนั้นเร็วมาก

ทารกปีศาจเหล่านี้ไม่ใช่ทารกจริงๆ แต่เป็นมอนสเตอร์ที่น่ากลัว พวกมันมีความสามารถตั้งแต่เกิดที่เหมือนกับคำสาป คำว่า ‘คำสาป’ ในที่นี้หมายถึงทำสิ่งที่หวังให้กลายมาเป็นความจริง มันมีพลังคล้ายกับเวทย์ ‘Wish’(พร)

แต่น่าเสียดายที่พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ชั่วร้ายที่มีจิตใจที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ดังนั้นเมื่อพวกเขาพบกับทารกเหล่านี้ เขาต้องเผชิญหน้ากับคำสาปที่ชั่วร้ายของพวกมัน

ถ้านำทารกปีศาจสักโหลนึงมารวมตัวกันและใช้คำสาปใส่เป้าหมาย แม้แต่หมีธาตุดินที่แข็งแกร่งก็ต้องยอมแพ้ให้กับความชั่วร้ายของพวกมัน หลังจากนั้นเหยื่อก็จะถูกฆ่าอย่างง่ายดาย

เมื่อเดินเข้ามาท่ามกลางกลุ่มของมอนสเตอร์ที่น่าขนลุกขนพอง แม้ว่าคนๆนั้นจะมีหัวใจและความมุ่งมั่นดังเหล็กกล้า แต่พวกเขาจะจบด้วยการถูกถลกหนังและเลาะกระดูกออกมาโดยทารกปีศาจ และกลายมาเป็นหนึ่งในวิญญาณในสวนแห่งเสียงกระซิบ

กริมเร่งฝีเท้าของเขาขณะที่เดินผ่านพุ่มไม้ในสวน เขาไม่กล้าหยุดและเดินถือเครื่องรางเวทย์ไว้กลางอก เดินเร็วขึ้นอีก เร็วขึ้นอีก เขารีบเดินผ่านส่วนนี้ของป่าให้ไวที่สุด

เสียงร้องที่แสบแก้วหูของทารกปีศาจดังออกมา กริมพุ่งตัวไปอย่างรวดเร็ว เขาออกมาจากสวนแห่งเสียงกระซิบ เสียงหายใจที่หนักหน่วง เขาหันไปมองที่ทางเดินแคบๆ

ถึงแม้ว่าเขาจะออกมาจากการเก็บเกี่ยววัตถุดิบ แต่ยังมีงานที่สำคัญกว่ารอเขาอยู่นั่นคืองานตรวจสอบปีศาจที่อยู่ใกล้ๆหอคอยและตรวจสอบด้านนอกของหอคอยเช่น มีสัญญาณของคนนอกที่แอบลักลอบเข้ามาในพื้นทื่แห่งนี้ ทุกๆ7วัน เขาต้องจดบันทึกรายงานปีศาจรอบๆหอคอยและวัตถุดิบเวทมนตร์ที่เขาเก็บเกี่ยวมา นี่เป็นงานที่กริมได้รับมอบหมายมา

ความจริงแล้ว พื้นที่ที่เขาตรวจสอบเป็นหนึ่งในบึงเวทมนตร์ มันยากที่จะมีคนนอกเดินทางเพื่อเข้ามาในบึงแห่งนี้ เพราะต้องเจอกับเหล่าปีศาจที่จอมเวทย์สรรหามาเลี้ยงและแสนจะอันตราย แม้ว่าจะใส่เครื่องรางเวทย์แต่มันไม่เพียงพอที่จะสร้างความปลอดภัยให้กับนักเวทย์ขั้นต้นทุกคน สำหรับคนธรรมดาที่พยายามเข้ามาเพื่อขโมยทรัพยากรของจอมเวทย์ พวกเขาต้องผ่านเหล่าปีศาจที่อันตรายซึ่งแทบไม่มีโอกาสเป็นไปได้

จริงๆแล้วมนุษย์ธรรมดาส่วนใหญ่ไม่มีใครผ่านรอบนอกของบึงเวทมนตร์เข้ามาได้

แต่ด้วยความรู้ของกริมบางครั้งจอมเวทย์จงใจลดกลไกการป้องกันหอคอยลงเพื่อดึงดูดมนุษย์ธรรมดาให้เข้ามาในส่วนลึกของบึงแห่งนี้ ในขณะนั้นบึงที่เต็มไปด้วยปีศาจมากมายต่างเฉลิมฉลองให้กับมนุษย์ที่โง่เขา

หอคอยเวทมนตร์มีลักษณะครงสร้างเป็นวงแหวนและรากฐานที่ซับซ้อน ปีศาจที่กระจายอยู่ทั่วบึงน้ำอย่างเป็นระเบียบ ดังนั้นในการตรวจสอบจำเป็นต้องมีนักเวทย์ขั้นต้นอย่างน้อย 2 คน หนึ่งคนเดินตามเข็มนาฬิกาและอีกคนเดินทวนเข็มนาฬิกา พวกเขาจะเดินไปตามเส้นทางที่กำหนดไว้และผ่านพื้นที่ที่เต็มไปด้วยเหล่าปีศาจ การตรวจสอบจะเริ่มต้นจากประตูด้านหน้าและไปจบลงที่ประตูด้านหลัง เมื่อครบ 1 รอบ พวกเขาถือว่าทำภารกิจเสร็จสิ้น

ทุกๆครั้งที่การตรวจสอบเสร็จสิ้น รางวัลที่ได้คือ แต้มความรู้ 4 แต้มและเหรียญทองเล็กน้อย เมื่อเทียบกับงานอื่นๆในหอคอย รางวัลแต้มความรู้ถือได้ว่าหรูมาก แต่ถึงแม้ผลตอบแทนจะสูง แม้ว่าส่วนใหญ่นักเวทขั้นต้นที่กระหายในแต้มความรู้ แต่พวกเขากลับหลีกเลี่ยงงานเดินตรวจสอบนี้เหมือนกับหนีจากโรคระบาด

สำหรับเหตุผลนั้นก็คือ : อัตราการเสียชีวิตที่สูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับงานทั้งหมดในหอคอย ไม่มีงานใดที่อัตราการเสียชีวิตสูงขนาดนี้

ในการเดินทางตรวจสอบครั้งนี้ กริมได้เดินในเส้นทางทวนเข็มนาฬิกาที่ต้องผ่านป่าของพวกต้นไม้นักล่า เห็ดหน้ามนุษย์และสวนแห่งเสียงกระซิบและพื้นที่อื่นๆ สำหรับนักเวทขั้นต้นอีกคน โทนี่ เขาได้เดินตามเข็มนาฬิกา มันเป็นทางที่ไม่ปลอดภัยเหมือนกัน ที่ต้องพบกับจระเข้ยักษ์และแมลงปรสิตที่อันตรายมากพอๆกับฝั่งของเขา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณกำลังเก็บไข่จระเข้หรือดักแด้ของแมลงปรสิต การทำแบบนั้นได้ต้องเข้าไปในส่วนลึกของรังพวกมันและนั่นเป็นอะไรที่อันตรายมาก ดังนั้นเมื่อเขาเห็นโทนี่ที่ประตูด้านหลังของหอคอย เขารู้สึกดีใจที่โทนี่ยังรอดกลับมาได้

ทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยกันหลังจากที่พบกัน พวกเขาเพียงพยักหน้าให้กันและเดินเข้าไปในหอคอย

เป็นหัวหน้านักเวทขั้นต้น แอคโซรัส ที่รอพวกเขาอยู่ หลังจากที่ส่งวัตถุดิบที่หามาได้แล้ว ทั้งคู่จะว่างอีกเป็นเวลา 6 วัน แต้มความรู้ แอคโซรัสได้นำพวกมันมาใส่ในเครื่องรางเวทย์ของพวกเขาโดยเทคนิคลับเฉพาะ

 

************************

ลำดับชั้นที่แบ่ง

-จอมเวทย์

-นักเวทขั้นต้น(ขั้นอื่นยังไม่รู้)

-นักเวทฝึกหัด

ไปติดตามข่าวสาร – สอบถามได้ในเพจนะครับ

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments