I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Dragon Martial Emperor ตอนที่ 21 ความลับของตรามังกร

| Dragon Martial Emperor | 795 | 2361 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

โลกที่มีพื้นที่รกร้างขนาดใหญ่และดูวุ่นวาย ด้วยผืนดินมีเปลวเพลิงลุกโชนอย่างต่อเนื่องไม่มีท่าทีว่าจะดับไป แผ่นดินหลักๆของโลกล้วนทรุดตัวลงส่งผลให้เกิดมีน้ำท่วมไปทุกหนทุกแห่ง   ในสมัยโบราณ เพลิงแห่งสงครามได้กระจายไปทั่ว ‘แดนสงครามศักดิ์สิทธิ์’

‘หลงยี่’ รู้สึกว่าตอนนี้เขานั้นได้เข้ามาในโลกยุคโบราณแห่งหนึ่ง

“แดนสงครามศักดิ์สิทธิ์ นี่ต้องเป็นแดนสงครามศักดิ์สิทธิ์เป็นแน่ เกิดอะไรขึ้น ข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร หากจำไม่ผิดแดนสงครามศักดิ์สิทธิ์สมควรอยู่ในยุคโบราณ”

‘หลงยี่’มองตรงไปข้างหน้า เขาก็พบว่าตัวเขาไม่สามารถมองภาพตรงได้อย่างชัดเจนนัก และเขาก็รู้สึกได้ทันทีว่าภาพตรงหน้าอาจเป็นความทรงจำที่อยู่ใน ตราเก้ามังกรซ่อนที่ได้ส่งตรงมายังสมองของเขา   โลกใบนี้นั้นกว้างขว้างยิ่ง ในตอนแรก ‘หลงยี่’พบเพียงร่องรอยซากปรักหักพังที่เกิดจากพลังทำลายอันบ้าคลั่ง

และเขายังค้นพบอีกว่าในเวลานี้ ยังไม่มีสิ่งมีชีวิตใดเกิดขึ้น   ระหว่างที่’หลงยี่’กำลังกวาดสายตามองภาพเหล่านั้น ก็เกิดบางสิ่งขึ้นกับท้องฟ้า ระลอกคลื่นสีดำแพร่กระจายตัวออกและขยายตัวอย่างรวดเร็วต่อหน้าเขา ปรากฏเป็นเงาของสัตว์ขนาดยักษ์กำลังบินอยู่   แม้เขาจะไม่สามารถมองมันได้อย่างชัดเจน

แต่เขาย่อมรู้ว่ามันคือสิ่งใด   “เก้ามังกรซ่อน!”

‘หลงยี่’จ้องมองไปที่เงาขนาดยักษ์อย่างใจจดใจจ่อ ‘เก้ามังกรซ่อน’ กำลังบินอยู่บนท้องฟ้าซึ่งระหว่างที่มันบิน มันปล่อยคลืนสีดำบางอย่างออกมา คลื่นสีดำนั้นจะแพร่กระจ่ายออกไปทั่ว หากคลื่นนั้นกระทบกับสิ่งใดจะก่อให้เกิดความเสียหายขนาดใหญ่หลวง ระดับการทำลายของระลอกคลื่นสีดำเหล่านี้นั้นรุนแรงมากทำให้พื้นที่ที่ถูกระลอกคลื่นนั้นจะระเบิดออกและยากที่จะฟื้นคืน

ชัดเจนว่าสำหรับในโลกนี้นั้น มันสมควรแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ที่สุด เหมือนดั่งจักรพรรดิที่คอยดูโลกจากเบื้องบน ‘เก้ามังกรซ่อน’ โบยบินไปเรื่อยๆ และในขณะที่มันบินก็ได้ปล่อยไฟสีดำเผาผลาญพื้นโลกไปเรื่อยๆเช่นกัน ไฟเหล่านั้นล้วนไม่มีท่าทีว่าจะมอดลงแต่อย่างใด

‘เก้ามังกรซ่อน’ บินโฉบขึ้นสูงพร้อมปล่อยคลื่นออกมามากมายจึงทำให้โลกนี้ดูเหมือนถูกปกคลุมด้วยเมฆสีดำ ทันใดนั้นก็มีแสงศักดิ์สิทธิ์ถูกส่งมาจากสวรรค์ เปรี้ยง!!

แสงนั้นได้ฟาดลงยัง’เก้ามังกรซ่อน ‘!

แสงศักดิ์สิทธิ์ซึ่งได้ถูกส่งมาจากสวรรค์อย่างต่อเนื่องราวกับเวลาได้หยุดลง ‘เก้ามังกรซ่อน’ไม่ได้มีความกลัวอันใดต่อแสงศักดิ์สิทธิ์และพยายามที่จะต่อต้าน!

(Note: นึกภาพไม่ออกก็คิดซะว่าพลังคลื่นเต่าปล่อยลงจากฟ้าละกันครับ)

ในที่สุดเก้ามังกรซ่อน ซึ่งเป็นดั่งจักรพรรดิมังกรของโลกนี้ก็ถูกปราบจนสิ้นฤทธิ์ด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์และถูกปิดผนึกไปในส่วนลึกของดินแดนสงครามศักดิ์สิทธิ์

‘หลงยี่’ไม่รู้ว่าเวลาได้ผ่านไปนานเพียงใด ก่อนที่สิ่งมีชีวิตจะถือกำเนิดขึ้นบนแดนสงครามศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ และนานเพียงใด ที่เก้ามังกรซ่อนได้ถูกผนึกเอาไว้   ตลอดเวลาที่เขาอยู่ในที่แห่งนี้ หลงยี่ ได้ล่องลอยอยู่เหนือสถานที่ซึ่ง ‘เก้ามังกรซ่อน’ ได้ถูกปราบลงและถูกปิดผนึก

หลังจากนั้นหลายปีก็ได้มีภูเขาก่อกำเนิดขึ้นในที่แห่งนี้ พร้อมทั้งเศษเสี้ยวแห่งพลังที่เก้ามังกรซ่อนได้ปล่อยออกมา แพร่กระจายไปทั่วภูเขาในรูปของเส้นพลังสีดำที่เกิดขึ้นตามภูเขา

ในที่สุดก็มีชนเผ่าเผ่าหนึ่งกำเนิดขึ้นในแถบภูเขาแห่งนี้ พวกเขาสามารถปรับตัวให้เข้ากับเศษเสี้ยวพลังที่ถูกปล่อยออกมาได้   ชนเผ่าซึ่งเรียกตัวเองว่าเป็น “ทายาทมังกร”!

เพราะ เส้นพลังสีดำเหล่านั้น ได้ก่อกำเนิดพลังซึ่งน่าหวาดหวั่นกับชนเผ่านี้ ทุกคนในชนเผ่าล้วนมีรอยสัก ‘ตราเก้ามังกรซ่อน’ ขึ้นบนหน้าอก เป็นหลักฐานว่าพวกเขาได้รับพลังลึกลับจาก เก้ามังกรซ่อน ที่ถูกผนึกในที่แห่งนี้   ผู้คนของชนเผ่าล้วนไม่ใครรู้ว่าเพราะเหตุใด พวกเขาถึงได้รับพลังจาก ‘เก้ามังกรซ่อน’

แต่นั่นก็ทำให้พวกเขารู้สึกขอบคุณเพราะด้วยพลังนี้เอง พวกเขาสามารถดำรงชีวิตอยู่ในโลกที่มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะอยู่รอดได้   จึงเป็นสาเหตุที่ไม่มีใครพยายามหาเหตุผลและที่มาของพลัง รวมทั้งรอยสัก’ตราเก้ามังกรซ่อน’ อีกต่อไป   จนในที่สุด’ตราเก้ามังกรซ่อน’ ได้กลายเป็นหลักฐานที่แสดงตัวตนของสมาชิกชนเผ่านี้

‘ตราเก้ามังกรซ่อน’ มีการเปลี่ยนแปลงของมันได้ถึงเก้าแบบ และในแต่ละขั้นของการเปลี่ยนแปลง จะมีการเสริมพลังถึง 10 ครั้ง   ในการเปลี่ยนแปลงครั้งแรก ของ ‘ตราเก้ามังกรซ่อน’ จะเป็นการปลุกพลังให้ตื่นขึ้น

“หมายความว่าในช่วงวู่เต้าลำดับที่ 4 ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน และมอบพลังให้ถึง10000จิน คือการเปลี่ยนแปลงครั้งแรกสินะ ‘ตราเก้ามังกรซ่อน’ จะเปลี่ยนแปลงอีกครั้งในช่วงวู่เต้าลำดับที่ 8 และยามปลดปล่อยมันจะมอบพลังให้ถึง100,000 จิน และยังสามารถใช้ทักษะของ’ตราเก้ามังกรซ่อน’ ได้อีกด้วย!”

‘หลงยี่’ได้เฝ้าสังเกตชีวิตประจำวันของชนเผ่าที่เรียกตัวเองว่าเป็นทายาทมังกร และได้คอยสังเกตการเปลี่ยนแปลงของ ‘ตราเก้ามังกรซ่อน’ที่เกิดขึ้น   แต่ว่าความทรงจำที่เกี่ยวกับระดับวู่เต้าลำดับที่ 8 และสูงกว่านั้นปรากฏออกมาแบบไม่ชัดเจนทำให้เขาไม่สามารถรับรู้รายละเอียดมากไปกว่านี้ได้

เขาคิดว่าเพราะการบ่มเพาะพลังของเขายังอยู่ในระดับต่ำทำให้ไม่สามารถเห็นความทรงจำที่เกี่ยวกับพลังที่สูงกว่าตัวเขาได้มากนัก   หลักจากเห็นภาพเหล่านี้ หลงยี่ คิดว่าเขาควรจะฝึกทักษะที่ช่วยขัดเกลาร่างกายของเขา   เพราะคนในชนเผ่านี้นอกจากร่างกายจะได้รับพลังที่แข็งแกร่งจาก’ตราเก้ามังกรซ่อน’

พวกเขายังฝึกฝนทักษะที่ช่วยขัดเกลาร่างกาย ทำให้ร่างกายของพวกเขานั้นแข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้า ต่อให้บุกน้ำลุยไฟมากแค่ไหน ก็ไม่ส่งผลกระทบอันใดต่อร่างกายพวกเขาเลย   ความทรงจำหลังจากนี้มันเริ่มเบลอลงทำให้เขารับรู้ได้ไม่มากนัก และถึงกระนั้นหลงยี่ก็ได้รู้ความลับบางส่วนของ’ตราเก้ามังกรซ่อน’ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยขึ้นในใจของเขา   ‘ชนเผ่าที่เรียกตัวเองว่า ‘ทายาทมังกร’ เกี่ยวข้องอันใดกับชีวิตก่อนหน้านี้ของเขาหรือไม่’

แม้เกิดข้อสงสัยมากมาย แต่หลงยี่ก็ไม่ได้รับคำตอบจากความทรงจำเหล่านี้   จากนั้นความทรงจำค่อยๆเริ่มจางหายไป แต่ในขณะนั้น หลงยี่ กลับพบเห็นหญิงงามในชุดสีขาว ซึ่งเธอนั้นดูเหมือนภาพลวงตาที่ใกล้จะหายไป

หญิงงามคนนั้นมองมาที่เขา ซึ่งเขาไม่สามารถมองเห็นเธอได้อย่างชัดเจน แต่แม้เป็นเช่นนั้นเขากลับมองเห็นตาที่สวยงามดั่งกระจกคู่นั้นได้อย่างแจ่มชัด ในขณะนั้นมือของเธอนั้นดูเหมือนค่อยๆถอนออกจากอกของ’หลงยี่’

“อี้เฟย อี้เฟย …… “

ชื่อนี้ก็ปรากฏขึ้นในหัวใจของเขาราวกับมันถุกส่งตรงมาจาก ‘ตราเก้ามังกรซ่อน’

“ผู้หญิงที่ชื่ออี้เฟยเป็นคนสลัก’ตราเก้ามังกรซ่อน’ลงบนอกข้างั้นรึ เช่นนั้นเธอเป็นใคร แล้วเหตุใดจึงต้องสลัก’ตราเก้ามังกรซ่อน’บนอกข้า”

ภาพเหล่านั้นค่อยๆเบลอลงจนจางหายไปในที่สุด   ไม่ว่าจะเป็น ‘ตราเก้ามังกรซ่อน’ เผ่า ‘ทายาทมังกร’ หรือหญิงงามอี้เฟย ได้หายไปดั่งไม่เคยปรากฏให้เขาได้เห็นมาก่อน

หลังจากนั้น ‘หลงยี่’ได้ลืมตาขึ้น

“เจ้ารู้สึกตัวแล้ว!”

เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นเมิ่อเขาตื่นขึ้นมา   เขาจำได้ว่านี่คือเสียงของ’เลี่ยวเล่อเล่อ’ เขามองสำรวจดูตนเองขณะนี้และพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงไม้ไผ่ในขณะที่เลี่ยวเล่อเล่อกำลังบิดผ้าผืนหนึ่งและดูเหมือนกำลังจะเช็ดตัวเขา

“เจ้าทำอะไร?”

‘หลงยี่’หันไปถาม’เลี่ยวเล่อเล่อ’

“เจ้าถามว่าข้าทำอะไรอย่างนั้นรึ?”

‘เลี่ยวเล่อเล่อ’มองเห็นความระมัดระวังในสายตาของ’หลงยี่’ที่จ้องมองมายังนาง นางจึงพูดขึ้น

“ขาขวาของเจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเฟิงหยุน เราจึงใช้ยาชั้นเยี่ยมของผู้อาวุโสเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของเจ้าและข้าก็ต้องคอยดูแลเจ้าทั้งวันทั้งคืน ไม่เช่นนั้นเจ้าคงเสียขาข้างนี้ไปแล้ว! ”

‘หลงยี่’พบว่านางกำลังเช็ดแผลบริเวณหัวเข่าของเขาและยังพบว่าบาดแผลของเขานั้นได้ถูกรักษาจนหายเกือบหมดแล้ว   เขายกหัวของเขาและมองไปรอบ ๆ ‘หลงยี่’พบว่าเขาอยู่ในห้องที่ทำจากไม้ไผ่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบและสวยงาม แต่เขาไม่ทราบจริงๆว่าที่นี่คือที่แห่งใด

“ข้าอยู่ที่ไหน?”

‘หลงยี่’ถาม’เลี่ยวเล่อเล่อ’

“ที่นี่คือที่พักของผู้อาวุโสดำและผู้อาวุโสขาวที่ตั้งอยู่บนหุบเขาเจิ้นเทียน”

‘เลี่ยวเล่อเล่อ’ตอบ

“ผู้อาวุโสดำและผู้อาวุโสขาว?”

เขาเกิดข้อสงสัยบางอย่าง หลงยี่จำได้ว่าก่อนที่เขาจะหมดสติเขาได้ยิน’เฟิงหยุน’เรียกชื่อของ “ผู้อาวุโสยี่” ดังนั้นเหตุใดตอนนี้เขากลับมาอยู่ในที่พักผู้อาวุโสดำและผู้อาวุโสขาว?

“ผู้อาวุโสจากนิกายเจิ้นเทียนเป็นสหายกับผู้อาวุโสยี่ยังไงล่ะ.”

‘เลี่ยวเล่อเล่อ’อธิบายให้เขาฟัง   ‘หลงยี่’ได้ยินนี้ดังนั้นจึงพยักหน้า และเขาก็ดูเหมือนจะนึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้จึงรีบถาม

“ข้าหลับไปนานเพียงใดแล้ว?”

“สองสัปดาห์เห็นจะได้ ทีแรกข้าคิดว่าเจ้าจะตายไปแล้วเสียอีก”

‘เลี่ยวเล่อเล่อ’ตอบพลางถอนหายใจ   แม้คำพูดของนางจะฟังดูหยาบ แต่’หลงยี่’สัมผัสได้ว่าเป็นเธอนั้นคอยเป็นห่วงเขาอยู๋ตลอดเวลา จึงทำให้เขารู้สึกอบอุ่นเป็นอย่างยิ่ง ‘หลงยี่’จึงยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร   เขาลุกขึ้นนั่งและพบว่าร่างกายของเขาไม่มีความรู้สึกติดขัดอันใด มันสบายเหมือนเขาไม่เคยเป็นอะไรมาก่อน

แต่ถึงอย่างนั้นเขาได้หมดสติไปถึง 2 สัปดาห์ ทำให้ร่างกายของเขาอ่อนแอลงเล็กน้อง   บาดแผลและความเจ็บปวดที่ขาข้างขวาจากการโจมตีของ’เฟิงหยุน’นั้นเกือบหายดีแล้ว มันจึงไม่ค่อยมีผลต่อการเคลื่อนไหวใดๆของเขามากเท่าไรนัก

“ข้าจะไปแจ้งให้ผู้อาวุโสทราบว่าเจ้ารู้สึกตัวแล้ว”

‘เลี่ยวเล่อเล่อ’กล่าวกับ’หลงยี่’แล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป   ในเวลานั้นหลงยี่ก็ลองขยับร่างกายของเขาเล็กน้อยเพื่อต้องการยืดเส้นยืดสาย เมื่อเขาพบว่าเสื้อผ้าของเขาได้ถูกเปลี่ยนจึงเกิดคำถามในใจขึ้น

“ใครกันที่เป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับข้า เป็นไปได้สูงว่าน่าจะเป็นผู้อาวุโสดำไม่ก็ขาว ถ้าไม่เช่นนั้น บางทีอาจจะเป็น…… “

‘เลี่ยวเล่อเล่อ’ อย่างนั้นหรือ   ไม่ได้การแล้ว เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่าใครเป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับเขา!

เพราะไม่ว่าใครก็ตามที่เปลี่ยนชุดให้เขานั่นหมายความว่าตราเก้ามังกรซ่อนนั้น ได้ถูกเห็นแล้ว?   ในขณะที่กำลังครุ่นคิด ประตูไม้ไผ่กระถูกเปิดออก ปรากฏเป็นร่างของชายชราชุดสีขาวกำลังเดินเข้ามา พร้อมด้วย’เลี่ยวเล่อเล่อ’ที่เดินตามเขามา แต่นางไม่ได้เข้ามาในห้อง นางหยุดอยู่เพียงหน้าห้องเพื่อปิดประตูแล้วก็จากไป

เวลานี้ในห้องมีเพียง’หลงยี่’กับชายชราในชุดสีขาว

“หลงยี่ในที่สุด เจ้าก็รู้สึกตัวเสียที”

ชายชราเดินเข้าไปหา’หลงยี่’ รอยยิ้มบนหน้าของชายชราเป็นรอยยิ้มที่จริงใจแฝงด้วยความรู้สึกดีใจ รอยยิ้มที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับครอบครัวหรือเพื่อนสนิท

“ข้าคือผู้อาวุโสขาว”

ชายชราในชุดสีขาวกล่าวในขณะที่ยืนข้างๆ’หลงยี่’ และมองไปที่หน้าอกเขา   ‘หลงยี่’รู้สึกตกใจ เขาคิดว่าผู้อาวุโสขาวต้องรู้เรื่องเกี่ยวกับ’ตราเก้ามังกรซ่อน’แล้วเป็นแน่   แต่ถึงอย่างนั้นชายชราก็ไม่ได้ถามถึงมัน เขากล่าวขึ้นว่า

“เพื่อรักษาขาของเจ้าข้าได้ใช้ยาปลุกชีพจรคืนสังสารวัฏซึ่งเป็นโอสถทิพย์ชั้นเยี่ยมและนอกจากข้าแล้วในนิกายเจิ้นเทียน ล้วนไม่มีใครรู้จักมัน”

“ข้าน้อยขอขอบคุณผู้อาวุโสเป็นอย่างมาก”

‘หลงยี่’รีบขอบคุณทันที แต่เขาก็ยังคงสงสัยว่าเหตุใดชายชราคนนี้จึงยินดีที่จะใช้โอสถทิพย์ชั้นเยี่ยมรักษาอาการของเขา เป็นเพราะผู้อาวุโสขาวค้นพบพรสวรรค์ของเขาอย่างนั้นหรือ หรือผู้อาวุโสต้องการให้หลงยี่เป็นศิษย์ของเขาโดยตรง?   ในขณะที่เขายังครุ่นคิด ผู้อาวุโสขาวก็ได้กล่าวขึ้นว่า

“เด็กน้อย เจ้าไม่ต้องกังวลในการกระทำของข้า ข้าไม่ได้รักษาเจ้าเพราะหวังอะไรจากเจ้า ความจริงแล้วมันเกี่ยวกับพ่อของเจ้า “

“พ่อของข้างั้นหรือ!”

‘หลงยี่’รู้สึกประหลาดใจหลังจากได้ยินดังนั้น ผู้อาวุโสขาวช่วยเขาเพราะรู้จักกับพ่อของเขางั้นรึ?   ไม่ใช่ นี่หมายความว่าผู้อาวุโสขาวกับพ่อของเขาต้องเป็นสหายที่สนิทกันหรือมีสายสัมพันธ์บางอย่าง เพราะไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ผู้อาวุโสขาวจะให้โอสถทิพย์เพียงเพื่อรักษาลูกชายของคนรู้จักทั่วไป

โอสถทิพย์ชั้นเยี่ยมนั้นมีค่ามากกว่าโอสถทิพย์ชั้นสูงมาก มากจนไม่อาจจะนำมาประเมินค่าได้   ‘หลงยี่’จำได้ว่าก่อนที่จะมายังนิกาย’เจิ้นเทียน’ พ่อบุญธรรมของเขา ‘เฟิงหลงซ่ง’ ได้กล่าวกับเขาไว้ว่ามีสหายเก่าของพ่อเขาอยู่ในนิกายเจิ้นเทียน มันอาจเป็นไปได้ว่าผู้อาวุโสขาวเป็นเพื่อนของพ่อแท้ๆของเขาตามที่พ่อบุญธรรมได้กล่าวเอาไว้?

“แต่เรื่องเกี่ยวกับพ่อของเจ้า ตัวข้านั้นไม่สามารถบอกอะไรแก่เจ้าได้มากนัก”

ผู้อาวุโสขาวเหลือบมองไปที่หน้าอก’หลงยี่’พร้อมกับกล่าวขึ้นว่า

“ตรารูปมังกรบนหน้าอกของเจ้าข้าคิดว่ามันคงจะเป็นสิ่งพ่อของเจ้าที่ได้สลักเอาไว้ แม้ตัวข้าจะไม่ทราบว่าความจริงนั้นเป็นเช่นไร ข้าพูดได้เพียงว่าในอนาคต ถ้าเจ้าแข็งแกร่งมากพอ เจ้าอาจได้รู้ความลับเกี่ยวกับพ่อของเจ้า และตรานั้นได้ “

‘หลงยี่’พยักหน้าและคิดในใจ แม้ว่าตัวเขาแทบไม่เคยได้ยินสิ่งใดเกี่ยวกับพ่อของเขาเลย แต่เขาค่อนข้างมั่นใจว่าพ่อของเขาไม่มีตรามังกรบนหน้าอกอย่างแน่นอน   เขาจำได้ว่าเขาไม่มีตรานี้ในร่างกายก่อนที่จะข้ามผ่านมายังใบโลกนี้ ดังนั้น ชัดเจนว่าเขาได้รับตรานี้หลังข้ามผ่านมายังโลกนี้หรืออาจได้รับระหว่างข้ามมายังโลกนี้ก็เป็นได้

นอกจากนี้ในความทรงจำของ ‘ตราเก้ามังกรซ่อน’ เขาได้พบสาวงามซึ่งน่าจะเป็นคนสลัก ‘ตรามังกรซ่อน ‘บนอกเขา สาวงามนั้นมีนามว่า “อี้เฟย” และเขาไม่ทราบว่าเหตุใดนางจึงสลักตราลงบนอกเขา เพราะเขาคิดว่า’อี้เฟย’ไม่น่าจะเป็นญาติของเขาอย่างแน่นอน

ในชีวิตนี้   ผู้อาวุโสขาวได้ตั้งสมมติฐานต่างที่เชื่อมโยงเรื่อง ‘ตราเก้ามังกรซ่อน’ กับพ่อของ’หลงยี่’ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะมันทำให้’หลงยี่’ได้หลีกเลี่ยงการอธิบายเกี่ยวกับความลับของตรานี้ไปได้

‘หลงยี่’ มั่นใจว่าผู้อาวุโสขาวไม่ทราบเกี่ยวกับ’อี้เฟย’รวมทั้งชนเผ่าทายาทมังกรและ ‘ตราเก้ามังกรซ่อน’เป็นแน่

“แต่เจ้าหนุ่ม เวลานี้เจ้ามีปัญหาบางอย่างแล้ว”

ผู้อาวุโสขาวที่เปลี่ยนเรื่องคุยก็ยิ้มและกล่าวขึ้นว่า

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเฟิงหยุนในเวลานี้?”

“เกิดอะไรขึ้นกับมัน?”

‘หลงยี่’กล่าวออกไปอย่างแปลกใจ แน่นอนว่าเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับ’เฟิงหยุน’ เพราะมันทำให้เขาหลับไปถึงสองสัปดาห์ และเกือบจะสูญเสียขานี้ไป ดังนั้น เมื่อผู้อาวุโสขาวกล่าวถึงเรื่องนี้ ย่อมเป็นธรรมดาที่เขาอยากจะรู้ เพราะหลักจากที่’เฟิงหยุน’โดนพลังลึกลับของเขา ‘หลงยี่’ก็สลบไปในทันที

……………………………………………

แปลโดย : คุณบรรเจิด

ปรับสำนวน : Solar Spark

ในตอนต้นของตอน ต้นฉบับไม่ค่อยได้อธิบายลักษณะของมังกรเท่าไหร่นะฮะ ผมกับคุณบรรเจิดก็แปลไปงงไป55 ตอนนี้ผู้แปลหลักของเรื่องนี้คือคุณบรรเจิดนะครับความถี่ในการลงน่าจะได้ประมาณ2วันต่อตอน ส่วนผมยังไปโฟกัสกับเรื่อง GSI อยู่ ยังไงก็ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะครับ 😀

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments