I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Dragon Martial Emperor ตอนที่ 22 หุบเหวอสรพิษถัง

| Dragon Martial Emperor | 771 | 2367 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยของ’หลงยี่’ ‘ผู้อาวุโสขาว’หัวเราะพร้อมกับลูบเคราสีขาวของเขาแล้วกล่าวว่า

“เฟิงหยุนเป็นอัจฉริยะของนิกายเจิ้นเทียน ทั้งยังอยู่ในตำแหน่งหนึ่งในสิบศิษย์ชั้นสูงที่แข็งแกร่งที่สุดอีกด้วยและระดับวรยุทธ์ของมันนั้นอยู่ในระดับวู่เต้าลำดับที่ 8 การที่เจ้าสามารถรอดมาได้ เรื่องนี้ต้องขอบคุณพ่อของเจ้า เพราะเมื่อมันถูกพลังลึกลับของเจ้าจู่โจม มันต้องใช้เวลาพักฟื้นถึง 2 เดือน ”

‘ผู้อาวุโสขาว’ยังคงคิดว่าตรามังกรบนอกของ’หลงยี่’มาจากพ่อของเขา ‘หลงยี่’ไม่ได้แก้ความเข้าใจผิดนั้นแต่รู้สึกแปลกใจในคำพูดของชายชราจึงถามขึ้นว่า

“ฟื้นตัว?”

“ถูกต้อง”

‘ผู้อาวุโสขาว’ยิ้มจางๆพร้อมกับกล่าวว่า

“มันจะต้องพักฟื้นไปอีกสองเดือนเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ ข้าเดาว่ามันคงบาดเจ็บจากการได้รับพลังในตัวเจ้า แม้ทีแรกข้าจะประหลาดใจอย่างยิ่งเพราะเจ้ามีระดับพลังเพียงแค่วู่เต้าลำดับที่ 5 เท่านั้น แต่หลังจากทราบว่าพ่อของเจ้าคือผู้ใด ข้าจึงหายข้องใจ เช่นนี้เอง เช้าวันถัดมา เฟิงหยุนจึงอาการกำเริบจากพลังของเจ้าจนต้องนอนพักฟื้น”

‘หลงยี่’เข้าใจว่าขณะที่ฝ่ามือของ’เฟิงหยุน’เข้าปะทะกับหน้าอกของเขา ตรามังกรได้มีปฏิกิริยาตอบสนองพร้อมกับปลดปล่อยพลังลึกลับออกมา ส่งผลให้อวัยวะภายในร่าง’เฟิงหยุน’บอบช้ำไม่น้อย

“หากเป็นเช่นนี้ ถ้าเมื่อใดที่ข้าตกอยู่ในอันตราย ก็สามารถหลอกล่อศัตรูให้โจมตีใส่ตรามังกรได้สินะ แต่ข่าวคราวของเฟิงหยุน เป็นไปได้ที่จะถูกแพร่กระจายออกไปแล้ว เช่นนั้นคงเป็นเรื่องยากที่จะใช้วิธีนี้กับศัตรูที่ตระหนักถึงเรื่องนี้……..”

‘หลงยี่’ขบคิดในใจ   ‘หลงยี่’รับรู้ถึงระดับวรยุทธ์ของตนเอง เขาพบว่ามันยังอยู่แค่เพียงวู่เต้าลำดับที่ 5 ซึ่งมีความแข็งแกร่งอยู่ที่ 16,000 จิน และด้วยตรามังกร มันจะเพิ่มขึ้นอีก 10,000 จิน ซึ่งหมายความว่าระหว่างที่เขาหมดสติไป มันไม่มีความเปลี่ยนแปลงอันใดเกินขึ้นกับร่างกายของเขาเลย

“เอาละเจ้าหนุ่ม เวลานี้เจ้าอยู่ในระดับวู่เต้าลำดับที่ 5 ยังพอมีเวลาอีกครึ่งเดือน ก่อนที่การแข่งขัน‘อุทยานโสมโบราณ’จะเริ่มขึ้น หากเจ้าสามารถบรรลุขึ้นเป็นวู่เต้าลำดับที่ 6 ได้ เวลานั้นเจ้าได้รับสิทธิ์เป็นตัวแทนของนิกายเจิ้นเทียนไปร่ามการแข่ง”

‘ผู้อาวุโสขาว’กล่าวขณะมองไปยังหลงยี่ด้วยสายตาที่คาดหวัง

“งานอุทยานโสมโบราณ คือสิ่งใดกัน?”

เกิดคำถามขึ้นในใจของ’หลงยี่’ เพราะเขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน

“ภายในแคว้นถังนี้ มีนิกายใหญ่ซึ่งเป็นนิกายหลักอยู่ทั้งหมด 7 นิกาย แต่ทั้ง 7 นิกายจะอยู่ภายใต้อำนาจของจักรพรรดิราชวงศ์ถัง”

‘ผู้อาวุโสขาว’อธิบายเพิ่มเติม

“อุทยานโสมโบราณนั้นเป็นของราชวงศ์ถัง โสมโบราณทั้งหลายจะเจริญเติบโตได้ดีในที่ที่มีความเหมาะสมและอุดมสมบูรณ์ ซึ่งจัดได้ว่าโสมในอุทยานโสมโบราณเป็นโสมคุณภาพสูงมาตั้งแต่สมัยโบราณ โสมคุณภาพสูงเหล่านั้นจะช่วยเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะวรยุทธ์ ซึ่งผลของมันเทียบได้กับยาทิพย์โอสถระดับสูง ในทุกๆปี ราชวงศ์ถังจะเปิดอุทยานพร้อมเชิญ 7 นิกายใหญ่ให้เข้าร่วมเก็บเกี่ยว ซึ่งในปีนี้ เป็นคราวของนิกายเจิ้นเทียนของเรา นิกายหาญปิง และนิกายเฉียนซี และยังมีนิกายเล็กๆบางนิกายอีกเช่นเดียวกัน   นิกายหาญปิง!”

หลังจาก’หลงยี่’ได้ยินดังนั้นก็เกิดประกายตาเย็นเยียบขึ้นในดวงตาของเขา เขาจำได้ว่า’เฟิงเหยา’นั้นเป็นศิษย์ของนิกายหาญปิงที่ว่านี้   ‘เฟิงเหยา’อยู่ในระดับวู่เต้าลำดับที่ 7 ซึ่งหากอยู่ในวู่เต้าระดับเดียวกันกับเขา นางไม่มีทางเอาชนะเขาได้แน่

“เฟิงเหยาหมายปองที่จะสังหารข้า แล้วข้าจะรอเวลาที่จะได้ชำระบัญชีกับนางในไม่ช้าก็เร็ว!”

หลังจากทราบเรื่องนี้ ชัดเจนว่า’หลงยี่’ไม่มีทางพลาดโอกาสเข้าร่วมงานนี้อย่างแน่นอน   ‘ผู้อาวุโสขาว’ได้อธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมต่างๆให้’หลงยี่’ฟัง

“ภายในงานแต่ละครั้ง จะมีนิกายใหญ่อยู่สามนิกาย และนิกายเล็กหรือตระกูลอื่นๆอีกเล็กน้อยเข้าร่วม ผู้เข้าร่วมจะต้องมีอายุไม่เกิน 20 ปี และต้องมีระดับวรยุทธ์ไม่ต่ำไปกว่าวู่เต้าลำดับที่ 6 จึงจะมีสิทธิ์ในการเข้าร่วม   ในปีนี้ นิกายเจิ้นเทียนได้รับเชิญให้เข้าร่วมและมีสิทธิ์ส่งคนเข้าร่วมทั้งหมด 16 คน แต่เมื่อฟางคังซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมได้รับบาดเจ็บสาหัส ตัวแทนผู้เข้าร่วมในเวลานี้จึงเหลือเพียง 15 คน”

หาก’หลงยี่’สามารถบรรลุขึ้นเป็นวู่เต้าลำดับที่ 6 ได้ภายในสองสัปดาห์ เขาจะได้รับสิทธิ์เป็นตัวแทนเข้าร่วมแทนในส่วนของฟางคัง   โดยรวมแล้ว จะมีกลุ่มศิษย์ซึ่งมาจากนิกายใหญ่ทั้งหมด 3 นิกายคือ นิกายหาญปิง นิกายเฉียนซี และนิกายเจิ้นเทียน รวมแล้วประมาณ 50 คน

โสมโบราณในอุทยานนั้น แบ่งออกเป็น 3 ระดับคือ ระดับต่ำ ระดับปานกลาง และระดับสูง โดยทุกปี จะมีโสมโบราณระดับสูงปรากฏเพียง 3 ต้นเท่านั้น

นอกจากนี้ ในรอบหลายปีจะมีโสมชั้นเยี่ยมเติบโตขึ้นมาภายในอุทยาน โสมชั้นเยี่ยมนั้นให้ผลที่สูงยิ่งกว่าโสมชั้นสูงหลายเท่าตัว หากผู้ใดได้ดูดซับหลิงฉีจากมันเพียงต้นเดียว ก็มีค่าเทียบเท่ากับการบ่มเพาะวรยุทธ์เป็นเวลา 2-3 ปี

หากโสมชั้นเยี่ยมถูกตั้งเป็นของรางวัล ผู้ชนะก็เหมือนกับได้ยกระดับวู่เต้าขึ้นอีกหนึ่งลำดับทันที   ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่บ่มเพาะวรยุทธ์แล้วไม่อาจก้าวข้ามคอขวดของการบ่มเพาะได้ การจะผ่านจุดนี้ไปจำเป็นต้องใช้เวลาอย่างมาก เช่นการเลื่อนลำดับจากวู่เต้าลำดับที่ 6 ขึ้นเป็นลำดับที่ 7 ผู้ฝึกจะต้องนำซวนฉีภายในร่างออกมาใช้ภายนอกให้ได้

(Note: คอขวดก็ประมาณว่า ไม่สามารถผ่านไปได้ติดอยู่ตรงนั้น หรือเรียกง่ายๆ ติด ดอยแบบ tos อะครับ)

โสมชั้นเยี่ยม คืมโสมที่มีประสิทธิภาพสูงสุดของบรรดาโสมโบราณ แต่น้อยครั้งที่มันจะปรากฏออกมา และหากปรากฏออกมา มันจะถูกนำไปใช้โดยคนของราชวงศ์ถัง ซึ่งนิกายทั้งเจ็ดไม่เคยได้รับเป็นรางวัลเลยแม้แต่ครั้งเดียว

“เจ้าหนุ่ม หากต้องการบรรลุขึ้นเป็นวู่เต้าลำดับที่ 6 โดยเร็ว แม้ข้าไม่อาจช่วยเจ้าได้โดยตรง แต่ข้าสามารถให้คำแนะนำแก่เจ้าได้”

หลังจาก’ผู้อาวุโสขาว’อธิบายให้หลงยี่ฟังเกี่ยวกับเรื่องอุทยานโสมโบราณ เขาได้ให้คำแนะนำแก่’หลงยี่’เพิ่มเติมว่า

“มีสัตว์อสูรงูถังมากมายอาศัยอยู่ในหุบเหวของหุบเขาในป่าเจิ้นเทียน เจ้าสามารถไปล่าเพื่อเอาหนี่ตันของพวกมันมาดูดซับหลิงฉีได้ ผลของมันเทียบเท่ากับยาทิพย์โอสถระดับกลางเลยทีเดียว นอกจากนี้เจ้ายังสามารถเก็บหญ้าวิญญาณในระแวกนั้นมาดูดซับโดยตรง หรือเก็บมาทำเป็นยาทิพย์โอสถก็ได้เช่นกัน มันจะช่วยเสริมความเร็วในการบ่มเพราะวรยุทธ์ได้ดียิ่งขึ้น”

ไม่ว่าจะเป็นหญ้าวิญญาณ ยาทิพย์โอสถ หรือแม้แต่หนี่ตันจากสัตว์อสูร สิ่งเหล่านี้ล้วนช่วยเสริมระดับของการบ่มเพาะได้ทั้งสิ้น แต่มันจะให้ผลดีสุดเพียงครั้งแรกที่ใช้เท่านั้น หากดูดซับสิ่งเหล่านั้นชนิดเดิม ผลที่ได้รับจะลดลงเรื่อยๆ

ดังนั้นเหล่าศิษย์ชั้นนอกจะมักจะไปที่หุบเหวอสรพิษถัง เพื่อสังหารงูถังและเอาหนี่ตันของพวกมันมา

“ข้าขอบคุณท่านมาก ผู้อาวุโส”

‘หลงยี่’ยิ้มพร้อมกับกล่าวขึ้น   เขาตัดสินใจที่จะมุ่งไปยังหุบเหวในป่าเจิ้นเทียนเพื่อล่างูถังและเอาหนี่ตันของพวกมันมา ทั้งนี้ ความสามารถในการดูดซับของเขาจัดว่าสูงยิ่งจากการช่วยเหลือของตรามังกรซึ่งมีอำนาจฝืนกฏสวรรค์ หากเป็นไปตามที่คิด การดูดซับหลิงฉีจากหนี่ตันจะช่วยให้เขาทะลวงขึ้นเป็นวู่เต้าลำดับที่ 6 ได้ ไม่เช่นนั้นก็ถือว่าปริ่มๆ

เนื่องจากมีเวลาจำกัด ‘หลงยี่’จึงไม่ได้พูดสิ่งใดกับ’ผู้อาวุโสขาว’อีก เขารีบเตรียมตัวเพื่อมุ่งหน้าไปยังหุบเหวอสรพิษถังทันที

‘เลี่ยวเล่อเล่อ’ ออกจากบ้านไผ่มาเพื่อส่ง’หลงยี่’ โดยภายนอกบ้านไผ่ บนระเบียงมีชายชราสองคนกำลังนั่งเล่นหมากรุกอยู่ ชายชราเหล่านั้นคือผู้อาวุโสดำและผู้อาวุโสขาว พวกเขาทั้งคู่นั่งเล่นหมากรุกโดยไม่ได้สนใจ’หลงยี่’และ’เลี่ยวเล่อเล่อ’ที่กำลังเดินออกไป   บนทางลงภูเขา

เมื่อถึงทางแยก ‘เลี่ยวเล่อเล่อ’หยุดก่อนจะพูดขึ้น

“หากเดินไปตามนี้เรื่อยๆก็จะพบหุบเหวอสรพิษถังซึ่งเป็นที่อยู่ของพวกงูถัง ระวังตัวด้วยล่ะ”

‘เลี่ยวเล่อเล่อ’ค่อยดูแล’หลงยี่’มาถึงสองสัปดาห์เต็ม จนถึงเวลานี้ นางค่อนข้างรู้สึกผูกพันกับเขาและไม่ค่อยเต็มใจจะแยกจาก

“เจ้าจะไม่มากับข้างั้นรึ?”

‘หลงยี่’ถามนาง

“ข้าไปกับเจ้าไม่ได้ ผู้อาวุโสขาวได้รับข้าเป็นศิษย์แล้ว ข้าจึงมีสิ่งที่ต้องฝึกในแต่ละวัน ยิ่งไปกว่านั้น ระดับวรยุทธ์ของข้ายังด้อยอยู่มาก หากข้าไปหุบเหวอสรพิษถังกับเจ้า ข้าจะเป็นเพียงตัวถ่วงของเจ้าเสียเปล่า”

‘เลี่ยวเล่อเล่อ’พูด แม้ว่าสายตาของนางจะแสดงให้เห็นว่านางอยากตามเขาไปอย่างชัดเจนก็ตาม   ‘หลงยี่’คิดว่า เมื่อนางเป็นศิษย์ของ’ผู้อาวุโสขาว’แล้ว นี่ก็ถือว่าเป็นโอกาสทองของนางในการพัฒนาระดับวรยุทธ์ เพราะผู้อาวุโสขาวนั้นมีระดับวรยุทธ์ที่สูงยิ่ง จากสายตาของเขา ผู้อาวุโสขาวควรจะมีระดับวรยุทธ์ที่สูงกว่าวู่เต้าลำดับที่ 9 และอยู่ในอีกระดับชั้นหนึ่ง

เมื่อผู้’อาวุโสขาว’ยอมรับ’เลี่ยวเล่อเล่อ’ และรับนางเข้าเป็นศิษย์ นี่ก็ถือว่านางได้รับการสนับสนุนจากนิกายเจิ้นเทียน อย่างน้อย นางก็ไม่ถูกเจ้าสุกร’เฟิงหยาง’รังแกอีกต่อไป

‘หลงยี่’หันหลังกลับเพื่อเตรียมจะเดินทางต่อ แต่หลังจากเดินไปเพียงสองก้าว เขาก็พูดกับ’เลี่ยวเล่อเล่อ’โดยไม่ได้หันกลับไปมอง

“สองสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าเป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ข้างั้นรึ?”

“ใช่แล้ว เป็นข้าเอง”

เสียงใสของ’เลี่ยวเล่อเล่อ’ตอบกลับมา

“เจ้าได้เห็นมันหรือไม่?”

‘หลงยี่’ถามต่อโดยยังคงไม่หันกลับมา

“แน่นอน ข้าเห็นมัน”

‘เลี่ยวเล่อเล่อ’ตอบ

” …… “

‘หลงยี่’ไม่ได้พูดสิ่งใดอีก เขารีบก้าวเดินจากไปและหายไปจากสายตาของ’เลี่ยวเล่อเล่อ’อย่างรวดเร็ว

“อะไรกันเล่า! ข้าเห็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง ถึงมันจะดูใหญ่ตอนมันยืดขึ้นก็เถอะ”

เรือนผมของ’เลี่ยวเล่อเล่อ’ถูกพัดปลิวไปตามสายลม ขณะที่ใบหน้าของนางเริ่มขึ้นสี นางยืนยืนนิ่งอยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน จนแน่ใจแล้วว่า’หลงยี่’ไม่ได้ย้อนกลับมาอีก นางจึงค่อยเดินกลับไป

‘หลงยี่’ ไม่ได้หันกลับมามองจึงไม่เห็นปฏิกิริยาของนางในขณะนั้น   เวลานี้ ใจของเขาจอจ่ออยู่กับการเลื่อนระดับวรยุทธ์ เมื่อใดที่เขาไปถึงหุบเหวอสรพิษถัง และสามารถจัดการกับงูถังได้ หนี่ตันของมันจะช่วยเสริมระดับการบ่มเพาะวรยุทธ์ของเขา ส่วนจะสามารถบรรลุขึ้นเป็นวู่เต้าลำดับที่ 6 ได้หรือไม่นั่น อยู่ที่คุณภาพของหนี่ตันซึ่งขึ้นกับระดับความแข็งแกร่งของงูถัง

“เวลาเพียงครึ่งเดือนที่เหลืออยู่ ข้ามีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะสามารถเพิ่มระดับวรยุทธ์ให้เป็นวู่เต้าลำดับที่ 6 ได้ ดีละ เช่นนั้นข้าจะล่างูถังที่หุบเหวอสรพิษถังก่อนเป็นอย่างแรก”

‘หลงยี่’เดิมตามถนนซึ่งเป็นทางลงจากภูเขาสู่หุบเหวของหุบเขาเจิ้นเทียน   หุบเขาเจิ้นเทียนนั้นกว้างใหญ่และสูงยิ่ง อย่างน้อยก็มากพอที่ทำให้มองไม่เห็นยอดเขาจากจุดที่เขายืนอยู่ ส่วนหุบเหวอสรพิษถัง อยู่ห่างจากประตูทางเข้านิกายไปประมาณ 40 ไมล์

‘หลงยี่’เร่งความเร็วขึ้นโดยใช้ก้าวพริบตา เขาผ่านกลุ่มคนซึ่งเป็นศิษย์ชั้นนอกที่ออกมาล่างูถังรวมแล้วประมาณ 12 กลุ่มได้ แต่กลุ่มคนเหล่านั้นล้วนไม่ได้ทักทายเขา แน่นอนว่า’หลงยี่’ก็ไม่ได้ทักทายกลับไปเช่นกัน เขาเดาว่าพวกนั้นคงมีวิธีการล่าซึ่งเป็นเฉพาะกลุ่มของตัวเอง

หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง ‘หลงยี่’ก็ได้มาถึงหุบเหวซึ่งเป็นที่อยู่ของเหล่างูถัง   ป่าของหุบเขาเจิ้นเทียน เป็นป่าขนาดใหญ่และหนาแน่นอย่างยิ่ง ต้นไม้ที่ขึ้นติดๆกันส่งผลให้แสงอาทิตย์มิอาจสาดส่องเข้ามาถึงได้มากนัก เหล่าศิษย์ชั้นนอกของนิกาย ส่วนใหญ่จะเดินอยู่เพียงรอบนอกเท่านั้น

เพราะหากเข้าไปลึก พวกเขาอาจถูกจู่โจมจากงูถังระดับสูงจนอาจสิ้นชีวิตได้

“ข้าหวังว่าจะได้เจองูถังโดยเร็ว”

‘หลงยี่’พูดกับตัวเอง ขณะก้าวเข้าไปในหุบเหว   ความแข็งแกร่งของงูถังโดยทั่วไปนั้น เทียบเท่ากับผู้ที่อยู่ในระดับวู่เต้าลำดับที่ 5   หลังจากเดินลึกเข้าไปในหุบเหว วิสัยทัศน์การมองเห็นของหลงยี่ก็ต่ำลงเรื่อยๆ เนื่องจากสภาพแวดล้อมโดยรอบเป็นป่าทึบที่แสงอาทิตย์มิอาจสาดส่องลงมาได้

เขาจึงทำได้เพียงพึ่งประสาทสัมผัสในการฟัง การดมกลิ่น และสัญชาตญาณของเขาเท่านั้น   นอกจากเหล่างูถังแล้ว เป็นไปได้ว่าเขาอาจพบสัตว์อสูรชนิดอื่นอีกเช่นกัน นอกจากนั้น ภายในป่าแห่งนี้ยังมีเถาวัลย์พิษจำนวนมาก แม้พิษของมันไม่อาจทำให้ถึงแก่ชีวิต แต่มันก็ทำให้ร่างกายติดขัดและสร้างปัญหาที่ตามมาภายหลัง

เมื่อ’หลงยี่’เดินเข้ามา มีบางครั้งที่เขาเห็นเหล่าศิษย์ชั้นนอกซึ่งถูกเถาวัลย์พันไปทั่วตัวขณะที่พวกเขาพยายามจะแก้มันออก เช่นนั้น วิธีที่ดีที่สุดคือการทำลายพวกเถาวัลย์ทิ้ง ก่อนจะเดินผ่าน ไม่เช่นนั้นจะต้องเสียเวลากับเถาวัลย์พวกนี้อย่างมาก

‘หลงยี่’ตัดสินใจเดินต่อไป โดยไม่สนใจพวกศิษย์ชั้นนอกที่กำลังยุ่งอยู่กับการแก้เถาวัลย์ เขารีบเดินเข้าไปในส่วนลึกของหุบเหวอสรพิษถังอย่างรวดเร็ว

หลังจากเดินลึกเข้าไปประมาณ 10 ไมล์ ‘หลงยี่’สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายบางสิ่งที่น่ากลัวอย่างมาก ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกสนใจอย่างยิ่ง   กลิ่นอายแห่งการกระหายเลือดได้แพร่กระจายออกไปทั่วทุกที่!

หัวใจของเขาเต้นรัว และขาของเขาได้ก้าวไปตามกลิ่นอายที่ถูกส่งมาอย่างระมันระวัง แต่ทันใดนั้นเอง เขาได้ยินเสียงใครบางคนร้องขอความช่วยเหลือ

“ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยข้าที ข้าเจอพญางูถัง!”

“ศิษย์น้องฉิน อย่าทิ้งข้าไป อ้ากกกก!”

เสียงกรีดร้องอย่างน่าเวทนา และเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือ ดังระงมไปทั่วดั่งหลุดออกมาจากขุมนรก   ‘หลงยี่’ค่อยๆย่องเข้าไปแอบมอง ในบริเวณนั้น เขาเห็นเงาของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่กำลังกลืนกินศิษย์ชั้นนอกคนหนึ่งในชุดสีฟ้าเข้าไป!   ………………………………..

แปลโดย : บรรเจิด

ปรับสำนวน : Solar Spark

งูถังหรือ Teng snake เป็นงูมีปีกในเทพนิยายของจีนนะครับ หน้าตาก็ประมาณรูปด้านล่างนี้

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments