I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Dragon Martial Emperor ตอนที่ 29 ร่างมารทรราชย์ระดับต้าเฉิง

| Dragon Martial Emperor | 789 | 2366 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

หลังจากที่ได้รับรองเท้าวายุเหมันต์มาแล้ว ‘หลงยี่’มิอาจรั้งรอที่จะทดสอบความสามารถของอาวุธใหม่ของมัน

ทันใดนั้น ไอน้ำแข็งยะเยือกก็ครอบคลุมบริเวณเท้าของมัน ช่วยไม่ได้ที่จะทำให้มันรู้สึกขนลุก แต่ในสายตาของมันเต็มไปด้วยความปิติยินดี ทั้งนี้เพราะมันสามารถสัมผัสได้ถึงพลังของรองเท้าวายุเหมันต์ที่ช่วยเพิ่มความเร็วของมันขึ้นไปอีก

“ข้าได้ฝึกก้าวกระพริบตาไปถึงระดับสูงแล้ว และด้วยพลังของรองเท้าวายุเหมันต์นี้ ความเร็วของข้าจะมากขึ้นกว่าเดิมถึงสองเท่าจากครั้งก่อน!!”

ในขณะที่’หลงยี่’คิด ทันใดนั้นร่างกายของมันก็รู้สึกเบาเหมือนกับสายลมน้ำแข็ง และแสดงพลังของก้าวกระพริบตาออกมา  หลังจากที่ได้เห็นความเร็วอันน่าเหลือเชื่อของ’หลงยี่’แล้ว สายตาของ’เลี่ยวเล่อเล่อ’ ก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ

เธอเคยแอบคิดว่าถึงแม้เจ้าเด็กนี่จะดูงี่เง่าและบ้าบิ่น เพราะเอาแต่ไปหาเรื่องชวนต่อสู่อยู่ตลอดเวลา แต่ความเร็วในการเรียนรู้ทำความเข้าใจในพลังวรยุทธของมันนั้น ช่างรวดเร็วอย่างยิ่ง

‘เลี่ยวเล่อเล่อ’ ได้เข้ามาในนิกายเจิ้นเทียนเมื่อสามวันที่ก่อนที่หลงยี่จะเข้ามา ตอนนั้นเธอยังอยู่แค่ระดับวู้เต้าที่ 4 และยังห่างไกลจากความเข้าใจในวิชาวรยุทธมากนัก เธอเลือกวิชาก้าวกระพริบตาแต่ก็ฝึกได้ถึงแค่ระดับเซี่ยวเฉิง เธอยังห่างไกลจาก’หลงยี่’มากนัก

“ศาตราวุธทุกชิ้นล้วนมีความคิดและจิตวิญญาณอาศัยอยู่”

เมื่อ’หลงยี่’กำลังทำความคุ้นเคยกับรองเท้าวายุเหมันต์ ผู้อาวุโสขาวก็อธิบายออกมา

“หากเจ้าอยู่กับศาตราวุธของเจ้าอย่างยาวนาน และเมื่อเจ้ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อมัน เจ้าจะสามารถดึงความสามารถของศาตราวุธที่ซ่อนอยู่ออกมาได้ แต่ถึงอย่างงั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย และข้าเองก็ไม่สามารถสอนเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ เจ้าจะต้องหาหนทางของเจ้าเอง”

มันจะต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับอาวุธงั้นหรอ เมื่อ’หลงยี่’ได้ยินดังนั้น มันก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย ดูเหมือนว่าทุกศาตราวุธจะมีความคิดและจิตวิญญาณเป็นของตัวเอง ข้อมูลนี้ทำให้มันรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย

เนื่องจากมันไม่เคยคิดว่าศาตราวุธที่อยู่ใต้เท้าของมันนั้นจะไม่ใช่อาวุธที่ไว้ใช้ต่อสู้ธรรมดา และไม่คิดว่าศาตราวุธในทวีบเทียนหยวนจะไม่ธรรมดาขนาดนี้

แต่อย่างไรก็ตาม มันที่ไม่เคยรู้เรื่องแบบนี้มาก่อนก็คิดว่าตอนนี้ปัญหาเพียงอย่างเดียวคือมีความสัมพันธ์ที่ดีกับศาตราวุธของมันซึ่งน่าจะเป็นเรื่องที่ยากมาก

อย่างน้อยศาตราวุธที่เฟิงหลงซ่งให้กับเฟิงเหยาไปนั้นเป็นศาตราวุธระดับสูง ดาบทองแดงสองคม แต่ดูเหมือนว่า ดาบนั้นจะไม่ได้มีความนึกคิดอยู่

“ก่อนอื่น ข้าจะต้องเตรียมตัวสำหรับงานอุทยานโสมโบราณที่กำลังจะมาถึงในห้าวัน  ภายในห้าวัน ข้าจะต้องฝึกร่างทรราชให้ได้เท่ากับระดับของก้าวกระพริบตา”

‘หลงยี่’วางแผนวางแผนในสี่วันที่เหลืออยู่ของมันในการฝึกร่างมารทรราชย์ เพราะในวันนี้มันจะใช้เวลาในการทำความคุ้นเคยกับความเร็วของรองเท้าวายุเหมันต์ของมัน

และหลังจากนั้น ค่อยไปฝึกฝนร่างมารทรราชย์ต่อ ในอุทยานโสมโบราณ นอกจากศิษย์ของนิกายเจิ้นเทียนแล้ว มันยังจะต้องเจอกับศิษย์ของนิกายหาญปิงและนิกายเชียนซือ

ซึ่งเป็นสองจากเจ็ดนิกายหลักแห่งดินแดนถัง(ขอแก้จากนิกายเฉียนซีเป็น เชียนซือนะหะ)

และคนรู้จักของ’หลงยี่’

‘เฟิงเหยา’ ก็เป็นศิษย์ของนิกายหาญปิงด้วย

“อย่างน้อยข้าต้องมั่นใจว่าข้าจะไม่แพ้ต่อเฟิงเหยา!”

‘หลงยี่’คิดกับตัวเอง เพราะครั้งที่แล้วที่’เฟิงเหยา’ กลับมาที่ตระกูลเธอยังส่งลูกสมุนสองตัวมาฆ่ามัน และตอนนี้เธออยู่ในระดับวู่เต้าที่ 7 มากกว่านั้นเธอยังมีดาบทองแดงจาก’เฟิงหลงซ่ง’อีก ซึ่งจะทำให้พลังต่อสู้ของเธอสูงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

และดาบของ’เฟิงเหยา’นั้นเป็นศาตราวุธระดับสูงและมีความน่ากลัวเสียยิ่งกว่าตราประทับลมชวนของ’ฉินเทียนขู’ มันไม่ง่ายที่จะก้าวข้ามระดับวู่เต้าเพราะฉะนั้นเธอจึงน่าจะอยู่ในระดับที่ 7 อยู่ แต่ด้วยดาบทองแดงนั้น ทำให้เธอดูน่าเกรงขามกว่า’ฉินเทียนขู’ที่มีพลังวู่เต้าระดับ7 ด้วยกัน

‘หลงลี่’รู้ว่าหากมันไม่สามารถที่จะฝึกร่างมารทรราชย์ของมันให้ได้ระดับต้าเฉิง มันก็จะมิอาจที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของ’เฟิงเหยา’หากมันต้องการที่จะฝึกจนถึงระดับเซี่ยวเฉิงของร่างมารทรราชย์แล้ว มันขัดเกลากล้ามเนื้อและกระดูกของมัน ด้วยพลังซวนฉีในร่างกายของมัน

หากมันอยากจะขึ้นไปสู่ระดับต้าเฉิง มันจะต้องใช้ซวนฉีของมันขัดเกลาเลือดเนื้อของมัน แต่อย่างไรก็ตามสองขั้นตอนดังกล่าวต่างสร้างความเจ็บปวดและทรมานเป็นอย่างมากแน่นอน แต่ถึงจะต้องเจ็บปวดมากเพียงใด

‘หลงยี่’ก็ไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย หากมันสามารถทนและฝึกจนผ่านสองระดับนี้ไปแล้ว มันก็จะสามารถฝึกจนถึงระดับต้าเฉิงได้ และหลังจากนั้น พลังป้องกันและความแข็งแรงในร่างกายของมันจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว

ในการเสียสละในครั้งนี้ช่างคุ้มค่ายิ่งนัก

“ซวนฉี ขัดเกลากล้ามเนื้อและกระดูก!”

‘หลงยี่’นั่งอยู่บนเตียงไม้ไผ่ ซวนฉีได้โคจรรอบร่างกายของมัน และค่อยๆแทรกเข้าไปในกล้ามเนื้อและกระดูกของมัน มันรู้สึกเจ็บปวดและทรมานไปทั้งร่ายกาย ทำให้มันรู้สึกทนกับความเจ็บปวดนี้ไม่ไหว มันจึงได้แต่กัดฟันแน่นเพื่อที่จะต่อต้านความเจ็บปวดนี้

ความเจ็บปวดของกล้ามเนื้อและกระดูกของมันนั้นน่ากลัวมากกว่าซวนฉีที่ไหลเวียนในเส้นลมปราณของมันนับร้อยเท่า ในการขัดเกลากล้ามเนื้อและกระดูก หากคนผู้นั้นไม่ได้มีพลังใจที่มากล้น มันก็แทบที่จะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสามารถผ่านความเจ็บปวดในครั้งนี้ไปได้

แต่’หลงยี่’ มันไม่ได้ขาดพลังใจในด้านนี้เลยแม้แต่น้อย ขณะที่’หลงยี่’กำลังฝึกฝนอยู่ ‘เลี่ยวเล่อเล่อ’ก็บังเอิญเข้ามาตรวจว่า’หลงยี่’นั้นสบายดีไหม แต่เมื่อเธอเห็นความเจ็บปวดบนใบหน้าของมัน ทำให้เธอรู้สึกเป็นห่วงมันอย่างมาก

ผู้อาวุโสขาวได้บอกกับเธอแล้วว่า การฝึกฝนร่างกานและ วิชาขัดเกลาร่างกายนั้นเป็นวิชาที่ฝึกด้วยความเจ็บปวดและทรมานเป็นอย่างมาก และทำให้’เลี่ยวเล่อเล่อ’กลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับการฝึกของ’หลงยี่’ แต่ถึงอย่างงั้นไม่ว่ายังไง ‘เลี่ยวเล่อเล่อ’ก็ไม่สามารถทนกับความเจ็บปวดของความรักได้

“นี่….”

‘เลี่ยวเล่อเล่อ’กำลังภาวนาในอยู่ในใจของเธออย่างเงียบๆเพื่อ’หลงยี่’ หลังจากผ่านไปสองวัน ‘หลงยี่’ก็หยุดขัดเกลากล้ามเนื้อและกระดูกของมันและสามารถผ่านความเจ็บปวดทั้งหลายมาได้ มันสามารถเข้าสู้ระดับเซี่ยวเฉิงของร่างมารทรราชย์ และต้องขอบคุณพลังใจของมัน

“หลังจากถึงระดับเซี่ยวเฉิงของร่างมารทรราชย์ พลังภายในร่างกายของข้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก และความทนทานของร่างกายเองก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน”

ตาของ’หลงยี่’เป็นประกาย ด้วยความตั้งใจ

“หาข้าถูกคนระดับเดียวกันหรือต่ำกว่าโจมตี พวกมันทำได้แค่ทำร้ายเลือดเนื้อข้า แต่ไม่สามารถทำลายกล้ามเนื้อและกระดูกข้าได้!”

แต่ถ้าหากมันฝึกฝนร่างมารทรราชย์จนถึงระดับต้าเฉิง ร่างเนื้อของมันก็จะเปรียบได้กับเหล็กกล้า ที่ต่อให้คนที่มีพลังระดับวู่เต้าขั้น 5 โจมตีหนักๆมา ก็เหมือนกับสะกิดหลงยี่เท่านั้น  ในคัมภีร์ของร่างมารทรราชย์นั้น เขียนไว้ว่าหลังจากที่ฝึกจนถึงระดับต้าเฉิงแล้ว จะมีวัชระมารมาครอบคลุมร่างกายของมันที่ช่วยทำให้เพิ่มพลังป้องกันของมันขึ้นอย่างมาก

ต่อให้มันยังไม่สามารถไปถึงระดับวู่เต้าขั้นที่ 7 และไม่สามารถปล่อยซวนฉีในร่างกายออกมาจากร่างได้ แต่มันก็สามารถใช้วัชระมารเพื่อที่จะครอบคลุมร่างของมันเพื่อป้องการวรยุทธในระดับเดียวกันได้

“แต่ข้าต้องสำเร็จร่างมารทรราชย์ระดับต้าเฉิง”

หลังจากที่ได้เห็นความมั่นใจในสายตาของ’หลงยี่’ มันรู้ตัวว่ามันไม่มีเวลามาพักผ่อน และเริ่มที่จะฝึกฝนขั้นต่อไป ตอนนี้ มันกำลังจะใช้ซวนฉีเพื่อขัดเกลาเลือดเนื้อของมัน มันเพียงพึ่งเริ่มฝึก

ทันใดนั้นผิวของมันก็เริ่มที่จะแตก และรอยแตกนั้นได้มีเลือดที่ไหลซึมออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน ราวกับมีใครกำลังใช้มีดร้อยเล่มเพื่อที่จะกรีดผิวหนังของมัน ความเจ็บปวดของมันในตอนนี้ มันเหนือกว่าที่คนธรรมดาจะสัมผัสได้แล้ว

ความเจ็บปวดบนผิวหนังของมันที่กำลังแตกออก มันเป็นอะไรที่ยากที่จะทนได้ แต่หลงยี่ได้แต่กัดฟันและทนต่อไป ถึงความเจ็บปวดของมันราวกับจะเป็นการฉีกผิวหนังของ’หลงยี่’ แต่เมื่อมันฝึกได้สำเร็จ มันก็จะเหมือนผีเสื้อที่พึ่งออกมาจากรังไหม และร่างเนื้อใหม่ที่สามารถทนได้แม้กระทั่งดาบ

‘หลงยี่’ใช้เวลาสามวันสามคืนในการทนกับความเจ็บปวด และเมื่อสามวันเหล่านั้นผ่านไป เลือดเนื้อของเขาก็คล้ายที่จะมีการเปลี่ยนแปลง มีเศษผิว และเศษเนื้อกระจายอยู่ตามเตียงไม้ไผ่ของมัน

แต่หลังจากการขัดเกลา ผิวของ’หลงยี่’ก็เหมือนกับได้เกิดไหม่ ที่มีความเนียนแต่แข็งดั่งเหล็กกล้า และเมื่อมีซวนฉีไหลเวียนอยู่ ก็ยิ่งทำให้มันแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

“ร่างมารทรราชย์ระดับต้าเฉิง เส้นลมปราณ กระดูก กล้ามเนื้อ และผิวหนัง ต่างก็ถูกขัดเกลาด้วยซวนฉีจนหมดแล้ว หากใครต้องการทำร้ายข้าพวกมันจะต้องแข็งแกร่งกว่าข้าเท่านั้น!”

ยิ่งกว่านั้น นอกจากความแข็งแกร่งที่ได้จาก ร่างมารทรราชย์ระดับต้าเฉิงแล้ว มันยังสามารถใช้ซวนฉีครอบคุมร่างกายของมันจนกลายเป็นวัชระมาร เพื่อทำให้ร่างกายของมันแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม ด้วยพลังการป้องกันของวัชระมารก็เพียงพอที่จะ ต่อต้านพลังของวรยุทธลมชวนของ’ฉินเทียนขู’ได้

หรือแม้แต่ดาบสายลมที่ปล่อยออกมาจากตราลมวายุซวน แน่นอนว่า วัชระมารนั้นใช้พลังของซวนฉีเป็นจำนวนมาก และหลงยี่จะใช้เฉพาะช่วงสำคัญจริงๆเท่านั้น มันลืมตาขึ้นมาและลงมาจากเตียงของมัน ด้วยสีหน้าที่พึ่งพอใจเป็นอย่างมาก ตอนนี้หากมันต้องเจอกับพลังวรยุทธของวู่เต้าขั้นที่ 7 เหมือน’ฉินเทียนขู’

การต่อสู้ก็คงจะไม่ยากเย็นมากนักอย่างน้อยก็ไม่ทำให้มันได้รับบากเจ็บสาหัส หลังจากฝึกร่างมารทรราชย์ระดับต้าเฉิง ทำให้พลังกายของเขาเพิ่มขึ้นจาก 35000 จินเป็น 42000 จิน การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ค่อนข้างทำให้มันพึงพอใจ

“ต่อไป ข้าต้องไปงานอุทยานโสมโบราณเพื่อที่จะจับโสมโบราณระดับสูงมา และหลังจากนั้นเราจึงจะสามารถไปถึงวู่เต้าขั้นที่ 7 และสามารถที่จะปล่อยซวนฉีออกจากร่างกายได้”

‘หลงยี่’ที่คิดว่ามันต้องสร้างความได้เปรียบจากโอกาสในครั้งนี้ ในการเข้าร่วมงานอุทยานโสมโบราณเพื่อที่จะเพิ่มพลังของมัน

……

แต่ในตอนนี้ เหล่าศิษย์ที่ถูกเลือกจากนิกายเจิ้นเทียน ได้มารวมตัวกันที่ด้านล่างของหุบเขาเพื่อเตรียมตัวที่จะไปอุทยานโสมโบราณ ทั้งหมดที่ยืนอยู่ตรงนั้นมีทั้งหมด 15 คน และทุกคนมีอายุต่ำกว่า 20 และยิ่งกว่านั้น ยังมีพลังวู่เต้าระดับ 6 เป็นอย่างต่ำ

“เฟิงเชียนเชียน ไม่ใช่ว่าไอขยะจากตระกูลเฟิงของเจ้าจะเข้าร่วมงานอุทยานโสมโบราณด้วยงั้นรึ แล้วทำไมมันถึงยังไม่มาอีก”

ในกลุ่มของศิษย์ มีใบหน้าที่แหลมคมดั่งกับมีด ชายที่ดูยิ่งใหญ่คนนั้นเกล่าด้วยความใจร้อนในสายตาของมัน

“ทำให้15 คนรอมันคนเดียว มันคิดว่าตัวเองนั้นมีความสำคัญมากขนาดนั้นเลยหรือไง”

ชายที่ดูยิ่งใหญ่คนนี้คือ พี่ชายของ’ถานเย่ว์’ ‘ถานเจี้ยน’ ในนิกายเจิ้นเทียนในตอนนี้ ‘ถามเจี้ยน’ที่พึ่งก้าวข้ามขึ้นสู่ระดับวู่เต้าขั้นที่ 8 และได้กลายเป็นศิษย์อันดับหนึ่งในศิษย์ฝ่ายในของนิกายเจิ้นเทียน

และในตอนนี้ ดุเหมือนว่าจะยังเหลือเวลาอีก 2 เดือนกว่าที่เขานั้นจะอายุครบ 20 ปี อนาคตของมันช่างไม่มีจุดสิ้นสุดและดูเหมือนว่าซักวันมันก็จะสามารถก้าวข้ามวู่เต้าขั้น 9 และไปสู่อีกระดับได้ ความสำเร็จของมันนั้นมากกว่าของ’เฟิงหยุน’ และในบรรดาศิษย์ที่ไปร่วมงานอุทยานนี้

‘ถามเจี้ยน’คนนี้คือคนที่แข็งแกร่งที่สุด ตอนนี้’ถามเจี้ยน’กำลังคุยกับผู้หญิงในชุดผ้าสีดำที่ดุเหมือนจะมีอายุ 18 ปี และมีใบหน้าที่หยิ่งยโสเต็มใบหน้าของเธอ ดูเหมือนว่าเธอมีความคล้ายคลึงกันระหว่างเธอกับ’เฟิงหยาง’ และดูเหมือนว่าเธอบังเอิญเป็นคนจากตระกูลเฟิงในเมืองหยูกวน

‘เฟิงเชียนเชียน’เป็นน้องสาวของ’เฟิงหยาง’ แต่ถึงเธอจะมีอายุน้อยกว่ามัน แต่ระดับพลังของเธอกลับมีมากกว่ามัน เธอได้ก้าวเข้าสู่วู่เต้าขั้นที่ 7 และยังเป็นศิษย์ฝ่ายในของนิกายเจิ้นเทียนอีกด้วย

หลังจากได้ยินที่ ‘ถานเจี้ยน’พูด เธอก็ตะโกนออกมา

“ตระกูลเฟิงของฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับขยะหลงยี่ และถ้าหากถามว่าทำไมมันถึงยังไม่มา เจ้าก็ลองไปถามคำถามเดียวกันกับผู้อาวุโสดูสิ”

ด้านหน้าของกลุ่มศิษย์ มีผุ้อาวุโสชุดสีดำที่นั่งหลับตาอยู่ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากผู้อาวุโสยู่ ผู้อาวุโสที่เฝ้าอยู่ตรงทางเข้าของนิกาย แต่อย่างไรในตอนนี้ ผุ้อาวุโสยู่ไม่ได้สนใจในสิ่งที่พวกศิษย์กำลังสนทนากัน มันนั่งเงียบและไม่พูดอะไรสักคำทำให้ไม่มีใครรู้เลยว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่

‘ถามเจี้ยน’คือศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดและมีสิทธิ์ที่จะพูดกับผู้อาวุโสและถามคำถามกับมัน

“ผู้อาวุโสยู่ เจ้าหลงยี่มันยังไม่มาเลย หากพวกเราออกเดินทางช้าและไปถึงอุทยานสายใครจะเป็นคนรับผิดชอบ”

‘ถามเจี้ยน’ มองไปที่ ผู้อาวุโสยู่และถามเสียงดังด้วยเสียงที่ดูน่าเกรงขาม

“ยังไม่มา?”

ผู้อาวุโสยู่พูดอย่างเบาๆ และทันดันนั้น ทุกคนก็หันหัวของพวกมันและมองไปยังที่ชายหนุ่มที่สวมผ้าคุมสีฟ้า ที่กำลังเดินมาตรงทางด้านหน้าประตูของหุบเขานิกายเจิ้นเทียน

ชายหนุ่มที่ใส่ผ้าคุมสีฟ้านั้นคือ’หลงยี่’ และตอนนี้ มันได้เข้าร่วมนิกายเจิ้นเทียนในการแข่งขัน และมันยังใส่ชุดของศิษย์ฝ่ายนอกของนิกายเจิ้นเทียน เมื่อ’หลงยี่’ปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้าทุกคน สายตาที่ไม่เป็นมิตรต่างมองไปยังมัน

และหนึ่งในนั้น ‘เฟิงเชียนเชียน’ และ’ถามเจี้ยน’ ก็มองไปที่’หลงยี่’ด้วยสายตาที่อาฆาตและต้องการที่จะฆ่าตลอดการมองไปที่’หลงยี่’

……………

Eins : ผมที่เคยแปล gsi มาก่อน  มาช่วย DME และครับ ถ้าแปลไม่ดียังไงก็ขออภัยด้วยหะ

Marionette : เล่อเล่อนี่ยังไงดี 55555 ขอขอบคุณ คุณEinsที่สละเวลามาแปลให้ครับ

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments