ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปพลบค่ำ ‘เย่เฟิง’นั่งอยู่บนเตียงขณะถือหินจิตวิญญาณไว้ในมือ เขาเริ่มดูดซับหลิงฉีที่อยู่ภายในหินก้อนนี้ และในเวลาเดียวกัน ระดับวรยุทธ์ของเขากำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับเส้นลมปราณของเขาที่ค่อยทวีความแข็งแกร่งขึ้น เมล็ดพันธุ์ภายในร่างกำลังดูดซับหลิงฉีจากหินจิตวิญญาณอย่างต่อเนื่อง
และเมื่อใดที่กระบวนการนี้เสร็จสิ้น เขาจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงเหมือนดั่งหญิงสาวใบหน้ารูปไข่ หรือเหล่าผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆที่ได้รับพลังจากหลิงฉี
“เส้นลมปราณของเรายังแข็งแกร่งไม่พอ มันมีขีดจำกัดเพียงระดับสามถึงห้าปีเท่านั้น ดูเหมือนจะถึงเวลาที่เราต้องปลดขีดจำกัดให้ตัวเอง……….”
มีเพียงเส้นลมปราณที่หนาและแข็งแรงเท่านั้น จึงจะกักเก็บเจินฉีในปริมาณมากและสามารถใช้ออกมาในระยะเวลาที่ยาวนานได้
ยามใกล้เที่ยงคืน ในที่สุดกระบวนการดูดซับหลิงฉีก็เสร็จสิ้น ระดับวรยุทธ์ของเขาเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 1ปี 4เดือน และตอนนี้ หินจิตวิญญาณครึ่งก้อนในมือของเขาได้สลายกลายเป็นผุยผง เพื่อต้องการตรวจสอบพลัง ‘เย่เฟิง’ได้ปล่อยหมัดออกไปในอากาศ เขารู้สึกได้ถึงกระแสการไหลของอากาศ และการระเบิดของอากาศที่ออกมาจากหมัดของเขา
หากหมัดของผู้ชายทั่วไปสามารถวัดแรงได้ 150 kg เช่นนั้น หมัดปากั้วของ’เย่เฟิง’ในตอนนี้ สามารถสร้างความรุนแรงได้มากกว่าถึง 2 เท่า นี่ไม่ใช่เพียงเพราะเทคนิคหมัดปากั้วเท่านั้น รูปแบบการเคลื่อนไหวก็เป็นส่วนช่วยส่งเสริมความรุนแรงให้ถึงระดับนี้เช่นกัน และแม้เทคนิกหมัดปากั้วจะเป็นเพียงทักษะพื้นฐานในโลกเทวะ แต่มันกลับให้ผลที่น่าเหลือเชื่อในโลกใบนี้
“แต่น่าเสียดาย ความแข็งแกร่งของหมัดนี้ยังไม่อาจหยุดกระสุนได้”
‘เย่เฟิง’ตระถึงความจริงข้อนี้ ดังนั้นหลังจากคุ้นเคยกับระดับความแข็งแกร่งในปัจจุบัน เขาจึงเตรียมตัวฝึกทักษะเสริมความรวดเร็วทักษะหนึ่งอีกครั้งซึ่งเขาเคยฝึกมาแล้วในตอนยังอยู่ในโลกเทวะ ทักษะนี้มีชื่อว่า‘ย่างก้าวไร้เงา’ ในโลกแห่งวรยุทธ์แล้ว มีเพียงต้องเร็วที่สุดเท่านั้นจึงจะไม่พ่ายแพ้ให้แก่ผู้ใด และในโลกเทวะก็เช่นกัน
ที่นั่นทุกๆล้วนจดจ่อกับการฝึกฝนทักษะเสริมความรวดเร็ว ธิดาน้ำแข็งอาจารย์ของเย่เฟิงจึงได้สอนทักษะเสริมความเร็วชั้นสูงให้เขา เย่เฟิงครุ่นคิดเล็กน้อยและได้ข้อสรุปว่าทักษะที่เขากำลังจะฝึกนี้ มีลักษะณะคล้ายคลึงกับทักษะวรยุทธ์ในโลกใบนี้ที่เรียกว่า Surging Waves Micro Step
แต่ทักษะนี้ให้ผลลัพท์แค่เพียงผิวเผินเท่านั้นเมื่อเทียบกับทักษะย่างก้าวไร้เงาในโลกเทวะ
“หากต้องการสำเร็จ ‘ย่างก้าวไร้เงา’ในระดับสูงสุด อย่างน้อยต้องมีระดับวรยุทธ์อยู่ที่ห้าปี แต่ถ้าเราฝึกตอนนี้ แม้มันจะไม่ให้ผลลัพธ์ที่สูงสุด แต่มันก็ช่วยให้เรารอดชีวิตในช่วงวิกฤตได้……..”
ความทรงจำเริ่มไหลเวียนในหัวของ’เย่เฟิง’ เขานึกถึงรูปแบบการควบคุมเจินฉีของทักษะย่างก้าวไร้เงา ที่ใช้การไหลเวินเจินฉีไปตามเส้นลมปราณและควบแน่นมันไว้ที่ขาทั้งสองข้าง ทันใดนั้นสิ่งที่เขาทำก็แสดงผลออกมา! ร่างของ’เย่เฟิง’เคลื่อนที่ไปข้างหน้าเล็กน้อยในพริบตาโดยทิ้งภาพติดตาที่เลือนรางไว้ข้างหลัง
“ไม่เลว”
‘เย่เฟิง’พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นเขาจึงรู้สึกถึงความเจ็บปวดของเส้นลมปราณที่ขาทั้งสองข้างเล็กน้อย ชัดเจนว่าแม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่หากเขาใช้ทักษะนี้อีกครั้ง มันต้องส่งผลเสียต่อร่างกายของเขาแน่นอน ตัวเขาในปัจจุบันสามารถใช้ทักษะย่างก้าวไร้เงานี้ได้เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น
เมื่อใดที่เขามีระดับวรยุทธ์ที่สูงขึ้น เขาจะสามารถใช้ทักษะนี้ได้นานขึ้นเช่นกัน
“ระดับความเร็วของย่างก้าวไร้เงา ทำให้เราสามารถเคลื่อนที่ได้ 100 เมตรในเวลาเพียง 3 วินาทีเท่านั้น การหลบกระสุนย่อมเป็นเรื่องง่ายมากในตอนนี้……”
‘เย่เฟิง’มีความมั่นใจมากขึ้น แต่นี่เป็นเพียงการหลบหนีอย่างรวดเร็วในหนึ่งครั้งเท่านั้น หากอีกฝ่ายกราดยิงเข้าใส่ เขาคงไม่อาจหลีกหนีสถานการที่น่าอนาถได้อย่างแน่นอน หากอีกฝ่ายกราดยิ่ง เขาควรมีเทคนิคป้องกันกระสุนสินะ? แต่นี่ยังไม่ใช่เรื่องที่เขาควรคิดถึงตอนนี้
ในเวลานี้ ‘เย่เฟิง’ชูมือขึ้นเพื่อแสดงความพึงพอใจ แต่ทันใดนั้น เขารู้สึกถึงความเย็นเล็กน้อยจากนิ้วที่สวมแหวนดาบมังกรโบราณไว้ ตอนนี้ มีกระแสพลังบางอย่างทะลักออกมา
“เกิดอะไรขึ้น?”
สีหน้าของ’เย่เฟิง’เปลี่ยนไปทันที นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบเจอกับสถานการณ์แบบนี้ เจินฉีของเขาที่ไหลเวียนในเส้นลมปราณค่อยๆถูกดูดซับและควบแน่นอยู่ภายในแหวนวงนี้
จากนั้นมันก็เกิดการระเบิดออกมา ปัง!
หลังจากเสียงเบาลง แสงสีแดงได้ปรากฏออกมาจากแหวนดาบมังกรโบราณและกระจายไปทั่ว จนห้องของเขาเต็มไปด้วยแสงแวววาวสีแดงเลือด!
‘เย่เฟิง’ลืมตาขึ้นและมองไปยังสิ่งที่อยู่ในมือ ใบหน้าของเขาแสดงความเหลือเชื่อออกมา
“นี่มัน…ดาบ?”
เจินฉีในร่างของเขาถูกดูดซับโดยแหวนดาบมังกรโบราณ จากนั้นจึงปรากฏด้ามดาบขึ้นในมือของเขา และไม่นานตัวดาบก็ถูกสร้างขึ้นจากเจินฉีสีแดงที่ไหลเวียนออกมาจากตัวของเขา ‘เย่เฟิง’ไม่คิดเลยว่าแหวนวงนี้จะดูซับเจินฉีในร่างของเขา และแปรเปลี่ยนให้กลายเป็นดาบเจินฉี
แต่แน่นอนว่าดาบเล่มนี้ คงดูน่ากลัวเกินกว่าจะนำมันออกไปเดินบนท้องถนน ตัวดาบมีสีแดงเลือด ซึ่งถูกสร้างขึ้นจากซวนฉีบริสุทธิ์ ประกายแสงสีแดงที่ปรากฏถูกแยกออกเล็กน้อยส่งผลให้มันดูคมมากเช่นกัน
‘เย่เฟิง’ลองแกว่งดาบเจินฉีเล็กน้อย ผลคือมันสามารถตัดผ่านกำแพงกระเบื้องที่สวยงามของบ้านได้อย่างง่ายดาย และทิ้งรอยบาดลึกไว้ข้างใน นี่มันน่ากลัวมาก มันคมถึงปานนี้เลยหรือ?
ปัง! เมื่อ’เย่เฟิง’ใช้จิตดึงเจินฉีภายในแหวนดาบมังกรโบราณกลับมา ทันใดนั้นดาบเล่มแดงนี้ก็หายไปทันที และแหวนวงนี้ก็กลับสู่ปกติของมัน
“นำออกมาและเก็บคืนอย่างอิสระได้ด้วย?”
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้เขารู้สึกยินดีอย่างมาก ความจริงแล้ว ‘เย่เฟิง’อยากจะลองดูอีกสักครั้ง แต่ก็พบว่าปริมาณเจินฉีของเขาตอนนี้มีไม่มากพอที่จะปลุกดาบแดงออกมาอีก ดาบแดงเล่มนี้ชัดเจนว่ามันคืออาวุธสังหาร และดาบเล่มนี้ทำให้ความมั่นใจของเขาเพิ่มมาหลายจุด
คืนนี้เป็นคืนที่ท้องฟ้ามืดมิดและมีพายุ ‘เย่เฟิง’วางแผนที่จะมุ่งไปยังบ่อนเทียนหัวเพื่อหาตัวหัวหน้าแก๊งอสรพิษสวรรค์ เนื่องจากการทดสอบก่อนหน้านี้ทำให้เขาสูญเสียเจินฉีไปอย่างมาก ‘เย่เฟิง’จึงจำเป็นต้องพักอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตัดสินใจออกจากบ้านเพื่อมุ่งหน้าไปยังบ่อนเทียนหัว
แม้ว่าเวลานี้ ผู้คนทั่วไปล้วนหลับไหล แต่ชีวิตกลางคืนสำหรับผู้คนในสถานที่อย่างบ่อนเทียนหัวเพิ่งเริ่มต้นขึ้น! นี่ถือเป็นโอกาสอันดีสำหรับ’เย่เฟิง’จริงๆ ……….
เวลานี้ ณ บ่อนเทียนหัว
ภายในห้องที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม มีผู้คนกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งดื่มสังสรรค์ด้วยกัน ขณะที่มีหญิงสาวหลายคนในชุดที่ดูเปิดเผยกำลังนั่งอยู่ข้างผู้ชายเหล่านั้น และพยายามหาทางดึงเงินออกจากกระเป๋าพวกเขาให้มากที่สุด
หนึ่งในกลุ่มชายเหล่านั้นคือ’เทียนโย่วเหลียง’
“พ่อ ในเมื่อพี่เถี่ยพูดมาแบบนี้ เราก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้ว เอ้าชน!”
‘เทียนโย่วเหลียง’มีผมขาวซีดและอยู่ในชุดแจ๊กแก็ตหนัง ทำให้เขาดูเหมือนพวกพังค์ ส่วนชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ข้างเขา สวมชุดที่ดูเป็นทางการสไตล์ตะวันตกพร้อมด้วยรองเท้าหนังและเน็คไท นี่คือ’เทียนจ้งไข่’ พ่อของ’เทียนโย่วเหลียง’ และเป็นประธานบริษัทบลูสกายแอดเวอร์ไทซิ่ง
“ใช่แล้ว ชน! พี่เถี่ย ผมต้องรบกวนคุณแล้ว”
‘เทียนจ้งไข่’ชูแก้วขึ้นขณะพูดกับชายร่างกายกำยำคนหนึ่งที่สวมแว่นกันแดดและกำลังหัวเราะ เวลานี้ เขาพบว่า’พี่เถี่ย’แห่งแก๊งอสรพิษสวรรค์กำลังมีเรื่องบาดหมางกับ’เย่เฟิง’ เขาจึงได้ตัดสินใจจ่ายเงินจำนวนหนึ่งเพื่อจะสั่งสอนเจ้าเด็กเวร’เย่เฟิง’คนนั้นให้มันต้องพบกับบทเรียนที่แสนเจ็บปวด
ชายร่างกำยำที่สวมแว่นกันแดดคนนี้ จมูกของเขาถูกห่อด้วยผ้าก๊อซ ชัดเจนว่านี่คือ’พี่เถี่ย’ตัวจริงซึ่งได้รับบาดเจ็บมาไม่นานนี้
“หึ สบายใจได้เลย ฉันถึงกับส่งคำเชิญไปให้มันแต่มันกลับไม่ไว้หน้าฉัน มันคิดว่าพี่เถี่ยคนนี้จะปล่อยไปหรือยังไง? หากฉันทำให้มันกลายเป็นคนพิการไม่ได้ ฉันไม่ขอใช้ชื่อพี่เถี่ยอีกต่อไป!”
ชายแว่นดำคนนั้นแค่นเสียงทางจมูกอย่างเยียบเย็น คำพูดของเขาแสดงถึงความเกลียดชังต่อ’เย่เฟิง’อย่างชัดเจน สำหรับเขาแล้วการทำสิ่งที่โหดร้ายมากกว่าการหักขาของใครสักคนก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขา ชายแว่นดำคนนี้มอง’เย่เฟิง’เป็นเพียงเด็กมัธยมปลายธรรมดาคนหนึ่ง
แต่กลับกล้าหักจมูกของเขา ซ้ำยังทำร้ายคนของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า และแม้เขาจะส่งข้อความเชิญชวนให้เข้าร่วมแก๊ง มันก็ยังกล้าปฏิเสธอย่างไม่ไว้หน้า
สำหรับเขาแล้ว นี่มันคือการฉีกหน้าอย่างชัดเจน ‘เทียนโย่วเหลียง’รวบสาวสวยข้างกายเข้ามาแล้วบีบเค้นหน้าอกที่อวบอิ่มทั้งคู่จนอิ่มเอมใจ
เมื่อคิดถึงเหล่าเพื่อร่วมชั้นที่พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องหางของเขาที่จู่ๆก็โพล่ออกมาแล้ว ‘เทียนโย่วเหลียง’ก็รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่เขามีความรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้ต้องเกี่ยวข้องกับ’เย่เฟิง’เป็นแน่
ขณะที่พวกเขายังคงดื่มกินกันต่อไป ไม่นาน พวกเขาก็ได้พวกคุยกันถึงเรื่องแผนการที่โหดเหี้ยมในการจัดการกับ’เย่เฟิง’โดยไม่มีใครรู้เลยว่าเวลานี้ ‘เย่เฟิง’ได้มายังบ่อนเทียนหัวตามคำเชิญแล้ว
………………..
แปลโดย : mikkunkkub
ปรับสำนวน : Solar Spark หายไปวันหนึ่ง เดี๋ยวไว้ชดเชยให้นะครับ ช่วงนี้ยุ่งๆ ตอนมีแปลไว้แล้วแต่ปรับสำนวนไม่ทันเลย
ส่วนเรื่อง DME ที่ค้างไว้นาน จริงๆคนแปลส่งมาสามตอนละฮะ แต่ผมปั่นไม่ทันจริงๆเพราะมันต้องใช้ภาษาจอมยุทธ์ด้วย ใครเก่งปรับสำนวนภาษาจอมยุทธ์แล้วสนใจช่วยผมติดต่อมาทางข้อความลับได้นะครับจะเป็นพระคุณอย่างสูง 🙂
ที่มา: