I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Genius Sword Immortal ตอนที่ 19 ฉันขอแช่งให้นายไม่มีแฟนไปตลอดชีวิตเลย

| Genius Sword Immortal | 2538 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

“การจัดแสดงสินค้าโบราณหรอครับ?”

‘เย่เฟิง’มองอย่างแปลกใจอยู่ชั่วครู่ พร้อมทั้งคิดในใจว่าเหตุใดลุงอู๋จึงเอ่ยปากชวนเขา

“ใช่แล้ว”

‘อู๋เอ’พูดด้วยคำพูดที่น่าสงสัย

“งานนี้จัดขึ้นใหญ่โตมาก ไม่เพียงเท่านั้น บางที เธออาจได้เจอกับบุคคลสำคัญหลายคนที่นั่น ซึ่งคนที่ยากจะมีโอกาสได้เจอในยามปกติ”

คนที่ยากจะมีโอกาสได้เจอในยามปกติ?

‘เย่เฟิง’ขมวดคิ้วเหมือนไม่เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู๋ในคำพูดของ’อู๋เอ’

“เอาละ ถ้าเธออยากจะไป ฉันจะจัดการจดหมายเทียบเชิญให้ บางทีเธออาจจะได้เจอของบางอย่างทีเป็นประโยชน์กับเธอก็ได้นะ”

‘อู๋เอ’ยิ้มพร้อมกับโบกมือ จากนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ‘เย่เฟิง’รู้สึกประทับใจอย่างมาก ลุงอู๋ช่างเป็นคนใจดีจริงๆ แต่เมื่อมาคิดดูอีกที ลุงอู๋คงไม่น่าจะรู้ เรื่องที่เขามาจากโลกเทวะหรอกใช่ไหม?ไม่สิ ไม่ใช่แน่นอน

หากพิจารณาจากเรื่องหินจิตวิญญาณ ลุงอู๋น่าจะเข้าใจว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้ฝึกวรยุทธ์ของโลกนี้ก็ได้

“ถ้าอย่างนั้น ผมคงต้องขอรบกวนลุงอู๋แล้วล่ะครับ”

‘เย่เฟิง’พยักหน้า แม้ภายนอกเขาดูไม่ค่อยสนใจอะไร แต่ความจริงแล้วเขาค่อนข้างสนใจงานจัดแสดงสินค้านี้ทีเดียว

จากนั้น’เย่เฟิง’จึงถามลุงอู๋อีก

“อ้อ ลุงอู๋ ลุงรู้จักที่ตั้งของสำนักงานใหญ่แก๊งอสรพิษสวรรค์ไหมครับ? หรือจะเป็นที่ๆสามารถพบตัวหัวหน้าใหญ่ของแก๊งก็ได้”

เขาตัดสินใจแล้วว่าคืนนี้จะดูดซับหินวิญญาณ จากนั้น เขาได้จัดการกับแก๊งอสรพิษสวรรค์นี่เสียที

“ผึ้งน้อย นายวางแผนจะทำอะไรเนี่ย?”

สีหน้าของ’อู๋บี’เปลี่ยนไปทันที ถ้า’เย่เฟิง’ถามถึงสำนักงานใหญ่ของแก๊งอสรพิษสวรรค์แบบนี้ เขาวางแผนจะก่อเรื่องอะไรขึ้นอีกหรือไง นี่เขาบ้าไปแล้วเรอะ?

“สำนักงานใหญ่ของแก๊งตั้งอยู่ที่บ่อนเทียนหัว แต่ฉันไม่รู้หรอกนะว่าจะเจอกับหัวหน้าแก๊งที่นั้นหรือไม่”

‘อู๋บี’สังเกตุเห็นว่าท่าทางคำพูดของพ่อเขาต่างไปจากเดิม ‘อู๋เอ’บอกที่อยู่ของแก๊งให้’เย่เฟิง’อย่างใจเย็นโดยไม่มีอาการตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย

“พ่อ ทำไมพ่อถึง………?”

‘อู๋บี’จ้องไปที่’อู๋เอ’พร้อมกับคิดในใจ ทำไมพ่อของเขาถึงบอก’เย่เฟิง’ทุกอย่าง นี่เขาจะพา’เย่เฟิง’ไปตายหรือยังไง?

“ขอบคุณมากครับลุงอู๋ งั้นผมคงต้องขอตัวก่อน สวัสดีครับ”

‘เย่เฟิง’ประกบมือแสดงความเคารพต่อ’อู๋เอ’ จากนั้นจึงหันมาตบไหล่’อู๋บี’ด้วยรอยยิ้ม แล้วจึงเดินออกจการ้านไป ‘เย่เฟิง’ตั้งใจจะกลับบ้านไปบ่มเพาะวรุยทธ์ จากนั้นจึงวางแผนจะไปที่บ่อนเทียนหัวเพื่อหาหัวหน้าของแก๊งอสรพิษสวรรค์ หากโชคดีเจอกับหัวหน้าแก๊งเข้าจริงๆ เขาจะได้จัดการควบคุมมันด้วยยาพิษซะ!

“พ่อ วันนี้พ่อดูแปลกมากเลยนะ รู้ตัวไหม?”

‘อู๋บี’อดจะส่ายหัวไม่ได้เมื่อมองร่างของ’เย่เฟิง’ที่เดินจากไป

“เด็กอย่างแกไม่เข้าใจหรอก”

‘อู๋เอ’ดุเขา

“ถ้าพ่อเข้าใจไม่ผิด เขาคงจะเป็นหนึ่งในผู้ฝึกวรยุทธ์ ได้ยินอย่างนี้แล้วแกยังจะกังวลกับเขาไหมฮึ?”

“ผู้ฝึกวรยุทธ์หรอ?”

‘อู๋บี’ขมวดคิ้ว มองดูแล้ว เขาคงไม่เข้าใจอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ซักเท่าไหร่

“ใช่ ถูกต้องแล้ว แกรู้ไหมว่าไอก้อนหินสีเขียวๆนั่นคืออะไร?”

ท่าทางของ’อู๋เอ’ แสดงออกถึงความรอบรู้

“แล้วมันคืออะไรล่ะพ่อ?”

‘อู๋บี’ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ดูจากรูปร่างแล้ว มันน่าจะเป็นหินจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นของที่ต้องการสำหรับผู้ฝึกวรยุทธ์”

‘อู๋เอ’พูดอย่างเคร่งขรึม

“ตอนแรก ฉันก็ไม่รู้ความสำคัญของมันหรอก แต่ล่าสุดที่ฉันได้พูดคุยกับเพื่อนเก่า พวกเราคุยกันเรื่องสิ่งของต่างๆที่เกี่ยวข้องกับผู้ฝึกวรยุทธ์ เมื่อถามถึงมูลค่าของหินจิตวิญาณนี้ ฉันถึงได้รู้ว่ามันมีราคาไม่ต่ำกว่าร้อยล้าน!”

“ร้อยล้าน! นี่พ่อพูดเล่นใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นก็แปลว่าเราขาดทุนย่อยยับเลยน่ะสิ”

ได้ยินดังนั้น ‘อู๋บี’แทบจะอยากกระโดดไปดึง’เย่เฟิง’กลับมา

“แกนี่มันไม่เข้าใจอะไรเลยจริงๆ”

พ่อจอมหน้าเลือดของเขาจู่ๆก็เบิร์ดกะโหลกแล้วดุ

“ถ้าเป็นไปตามที่ฉันพูด เย่เฟิงเพื่อนของแกต้องเป็นคนที่อิทธิพลอย่างมากในอนาคตอย่างแน่นอน เพราะงั้นอย่าลืมรักษาความสัมพันธ์ดีๆกับเขาไว้ล่ะ”

ได้ยินดังนั้น ‘อู๋บี’ก็อดไม่ได้ที่จะถามแบบซื่อๆออกมา

“แล้วตกลงวรยุทธ์คืออะไรล่ะพ่อ? อย่าบอกนะว่ามันสามารถทำให้เหาะเหินเดินอากาศ หรือวิ่งบนน้ำได้แบบในทีวีได้น่ะ?”

“ถึงฉันจะบอกอะไรที่เป็นรูปธรรมไม่ได้ แต่สั้นๆคือ พวกเขาไม่ใช่คนธรรมดานั่นแหละ”

‘อู่เอ’ยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า

“ครั้งล่าสุดที่ฉันไปหลางฝาง เพื่อนเก่าของฉันแนะนำให้ขายหินจิตวิญญาณในงานจัดแสดงสินค้าวัตถุโบราณ แต่ตอนนี้ฉันไม่จำเป็นต้องไปแล้ว เพราะงั้นเดี๋ยวเอาจดหมายเทียบเชิญไปให้เย่เฟิงที่โรงเรียนด้วยล่ะ”

ในฐานะนักธุรกิจแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องฉลาดและรวดเร็วในการสังเกตุการกระทำของผู้คน ‘อู๋เอ’รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ’เย่เฟิง’ในปัจจุบันเมื่อเทียบกับที่แล้วมา ดังนั้นเขาต้องรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ให้ถูกวิธีเขาได้ยินจากเพื่อนเก่ามาว่า ผู้ฝึกวรยุทธ์ทุกคนล้วนเป็นผู้ที่มีสถานะสูงส่งอย่างมาก พวกเขาใช่ว่าจะได้พบเจอง่ายๆตามทั่วไป

แม้กระทั่งตระกูลหลินในเมืองเหยียนจิงก็ยังไม่กล้าที่จะล่วงเกินพวกเขา ก่อนหน้านี้ ‘อู๋เอ’ไม่ได้เสียดายเงินที่เสียไปกับเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่าง’เย่เฟิง’กับ’ซานเฉี่ยว’แห่งตระกูลหลิน

เขาออกจะได้กำไรจากเรื่องนี้ด้วยซ้ำไป เมื่อเห็น’เย่เฟิง’ที่แสดงออกถึงความกังวลแก่เขา ในฐานะนักธุรกิจแล้ว การเสียเงินเพียงสามล้านไม่นับว่าขาดทุนเลยแม้แต่น้อยเมื่อเทียบกับการได้ฝ่ายตรงข้ามมาเป็นเพื่อนสนิทที่ดีที่สุดของลูกชาย

อีกไม่นาน ชายหนุ่มที่ดูธรรมดานามว่า’เย่เฟิง’คนนี้ จะนำตระกูลอู๋ไปสู่ความรุ่งโรจน์ในอนาคตอย่างแน่นอน! …………

ตอนนี้ ‘เย่เฟิง’ใช้เงินก้อนสุดท้ายกับการนั่งรถแท็กซี่กลับไปยังบ้านของเขาที่หมู่บ้านชิงเฟิง เขารู้สึกว่า’อู๋เอ’ต้องเดาตัวตนของเขาออกแล้วแน่นอน

“ถ้าว่ากันตามเหตุผล ก็เป็นไปได้สูงว่างานจัดแสดงสินค้าวัตถุโบราณจะมีผู้ฝึกวรยุทธ์มากมายมารวมตัวกันที่นั่น รวมไปถึง……..”

‘เย่เฟิง’นึกถึงหญิงสาวใบหน้ารูปไข่ที่เจอกันครั้งก่อน รวมไปถึงเจ้าปู่ที่ดูลึกลับและยากจะเข้าใจของเขา ปู่ไม่ได้บอกอะไรแก่เขาเลยเกี่ยวกับเรื่องผู้ฝึกวรยุทธ์ เหมือนกับว่าอยากให้เขาใช้ชีวิตเป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป แต่เขาไม่ใช่’เย่เฟิง’คนเดิมอีกต่อไปแล้ว การอยู่แบบสงบเหมือนคนธรรมดามันใช่นิสัยของเขาเสียที่ไหน?

และมันยังมีความเป็นไปได้เช่นกันที่เขาจะไม่สามารถกลับสู่โลกเทวะได้ เพราะฉะนั้น เขาควรจะรีบกลมกลืนเข้ากับโลกใบนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

“เย่เฟิง พาฉันไปหลางฝางที!”

ขณะที่’เย่เฟิง’เพิ่งกลับถึงบ้าน ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงหวานใสที่คุ้นเคยมาจากบ้านข้างเคียง เธอคือดาวโรงเรียน’ซูเหมิงหาน’นั่นเอง’เย่เฟิง’เห็น’ซูเหมิงหาน’เรียกชื่อของเขาจากระเบียงชั้นสอง เธออยู่ในชุดเดรสวันพีชสีขาวที่ดูสวยงามและน่าหลงใหลเอามากๆ

‘เย่เฟิง’ไม่ได้แสดงความสนใจในเสียงเรียกของเธอ แล้วหันตัวเตรียมจะเดินกลับเข้าบ้านไป

“เย่เฟิง เดี๋ยวก่อน! พาฉันไปหลางฝางที!”

‘ซูเหมิงหาน’เห็นเขารีบเดินจากไปก็ตะโกนเรียกอีกครั้งเขาตอบกลับอย่างรำคาญ

“ฉันตั้งใจจะไปที่นั่นในอีกสองอาทิตย์ต่อจากนี้ ถ้าเธออยากมาด้วยก็ตามใจ”

“จริงๆนะ!? นายไม่โกหกฉันแน่นะ!”

‘ซูเหมิงหาน’ประหลาดใจอยู่ชั่วครู่ แต่ไม่นานเธอก็แสดงท่าทีตื่นเต้นอย่างมีความสุขออกมา เธอนึกว่า’เย่เฟิง’จะปฏิเสธคำขอร้องของเธออีกครั้งเสียแล้ว

“ฉันจะโกหกสาวน้อยไปเพื่ออะไรกันละ?”

‘เย่เฟิง’หัวเราะเสียงดังขณะเดินเข้าบ้านของเขาไปพร้อมกับปิดประตูดัง“ปัง”

‘ซูเหมิงหาน’ยังคงยืนอยู่ที่ระเบียงชั้นสอง ตอนนี้เธอมีความสุขมาก และถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าทำไม’เย่เฟิง’ถึงกลับบ้านช้า แต่ในเมื่อเขารับปากจะพาเธอไปที่หลางฝาง เธอก็ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว’ซูเหมิงหาน’อยากไปเยี่ยมยายของเธอมากๆ และถึงแม้ว่าจะไม่ชอบ’เย่เฟิง’ แต่ขอเพียงเธอได้เจอกับยายอีกครั้ง

เธอก็มีความสุขมากแล้วถึงอย่างนั้นก็เถอะ

ทำไมเมื่อกี้เขาเรียกเธอว่าสาวน้อยกัน?’ซูเหมิงหาน’อดไม่ได้ที่จะก้มลงมองหน้าอกของเธอ แล้วจึงด่า’เย่เฟิง’ด้วยความโมโห

“ใครเป็นสาวน้อยกันหะ เจ้าบ้า! ฉันขอแช่งให้นายไม่มีแฟนไปตลอดชีวิตเลย!”

‘เย่เฟิง’ที่ตอนนี้กำลังเดินกลับมายังห้องนอน จามออกมา

“ใครแช่งเราลับหลังกันเนี่ย? เฮ้อช่างเถอะ หลังจากผ่านความยากลำบากมานาน ในที่สุดเราก็ได้หินจิตวิญญาณก้อนนี้มาเสียที เราต้องใช้มันให้ดีที่สุดเพื่อพัฒนาระดับวรยุทธ์ให้สูงขึ้น”

เขาลุกขึ้นมาปิดผ้าม่านทั้งหมดในห้อง จากนั้นจึงนั่งลงบนเตียงทันทีเพื่อเตรียมดูดซับหินจิตวิญญาณครึ่งก้อนในมือโดยไม่แม้แต่จะกินข้าวหรืออาบน้ำหากดูดซับหินจิตวิญญาณทั้งก้อน ระดับวรยุทธ์ของเขาจะเพิ่มขึ้นสามถึงห้าปีในทีเดียว

แต่ถึงอย่างนั้น หินจิตวิญญาณครึ่งก้อนในมือของเขานี้มีหลิงฉีเหลืออยู่เพียงหนึ่งในสาม ซึ่งมันจึงช่วยเสริมระดับวรยุทธ์ของเขาได้เพียงไม่เกินหนึ่งปีเท่านั้นการดูดซับหินจิตวิญญาณจะสามารถใช้เพิ่มระดับวรยุทธ์ได้เพียงครั้งเดียวในชีวิต

ถึงอย่างนั้น เพราะระดับวรยุทธ์ของเย่เฟิงในปัจจุบันมีอยู่เพียงห้าเดือน ซึ่งการอยู่ในระดับเพียงเท่านี้ทำให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัย

ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจอะไรอีกมนุษย์นั้นบอบบางมาก พวกเขาสามารถตายได้จากอุบัติเหตุขณะเดินอยู่บนถนน และสามารถตายได้แม้กระทั่งการสำลักอาหารหรือเครื่องดื่ม

‘เย่เฟิง’ไม่ต้องการจะใช้ชีวิตแบบเปราะบางอย่างสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้อีกต่อไป………………………………….

แปลโดย : mikkunkkub ปรับสำนวน : Solar Spark

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments