I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Genius Sword Immortal ตอนที่ 44 อย่างนุ่มนวล

| Genius Sword Immortal | 2538 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

‘เย่เฟิง’รู้สึกลำบากใจเล็กน้อย เมื่อเขารู้ว่าจริงๆเขาไม่มีห้องว่างอยู่เลย

“ถ้างั้น เธอไปนอนห้องนอนฉันก็แล้วกัน ฉันจะนอนห้องรับแขกเอง”

เขาพูดขณะที่กำลังพาเธอไปยังชั้นสองของบ้าน

“เธอห้ามเข้าห้องอื่นๆนอกจากห้องนอนนี้ ยังไงก็ตาม เธอจัดของไปแล้วกัน เดี๋ยวฉันไปรอข้างล่าง”

“นี่มัน…..”

‘ซูเหมิงหาน’รู้สึกลำบากใจแปลกๆ มันเหมือนว่าเธอกำลังเอาเปรียบ’เย่เฟิง’ ที่ต้องให้ชายหนุ่มย้ายออกจากห้องนอนของเขาเอง ถึงเด็กสาวจะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับห้องที่เหลือ แต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไรอีก ตอนนี้ในสายตาของเธอ ‘เย่เฟิง’ดูเป็นคนที่ลึกลับเอามากๆ

“ไม่ต้องลำบากใจหรอก ฉันจะให้เธอไปนอนในห้องรับแขกได้ยังไงล่ะ จริงไหม?”

‘เย่เฟิง’กล่าวกับเธอเช่นนั้น เพราะสำหรับตัวเขาแล้ว เรื่องเล่านี้ผลอะไรกับชีวิตเขาเลยแม้แต่น้อย ตั้งแต่เขาอยู่โลกเทวะ เขาก็เคยนอนในถ้ำหรือนอนบนหญ้ามาแล้ว ซึ่งถ้าจะให้เปรียบเทียบแล้วการนอนในห้องรับแขกยังถือว่าเริศหรูเกินไปสำหรับเขาด้วยซ้ำ

“อืม”

เมื่อเห็น’เย่เฟิง’พยายามพูดเช่นนี้เธอก็ไม่อาจจะปฏิเสธเขาได้อีก เด็กสาวหยุดนิ่งไปซักพัก จากนั้นก็ค่อยๆยิ้มออกมาอย่างเขินอาย ก่อนที่จะวางมือทั้งสองของเธอลงบนไหล่ของ’เย่เฟิง’ และในขณะที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว เธอก็จูบชายหนุ่มที่แก้มอย่างนุ่มนวล

‘เย่เฟิง’รู้สึกมึนงง เพราะเขายังไม่ทันได้ตั้งตัวเลยแม้แต่น้อย

“เย่เฟิง ขอบคุณนะ เมื่อไหร่ที่เราผ่านการสอบเข้ามหาลัยแล้ว เราค่อยเริ่มคบกัน…..”

ในขณะที่’ซูเหมิงหาน’พูดแบบนั้น ใบหน้าของเด็กสาวก็พลันแดงระเรื่อ เธอรู้สึกขวยเขินเป็นอย่างมาก จึงรีบหันตัวก้าวลงไปข้างล่าง เพื่อที่จะได้ขนสำภาระมา เด็กสาวรู้สึกว่าก่อนหน้านี้ที่’เย่เฟิง’ได้อธิบายเกี่ยวกับผู้หญิงหน้าโรงพยาบาล คงเพราะกลัวว่าเธอจะเข้าใจผิดกระมัง?

แต่ทำไมเขาต้องกลัวเธอเข้าใจผิดด้วยล่ะ? เขาอาจเริ่มที่จะชอบเธอขึ้นมาแล้วก็ได้เพราะไม่อย่างนั้น เขาก็คงจะทำตัวเย็นชาใส่เธอเหมือนที่ผ่านมา ในขณะที่จ้องมองไปยังด้านหลังของร่างบาง ‘เย่เฟิง’ยกมือขึ้นมาจับแก้มที่เธอจูบเขาไปเมื่อเมื่อสักครู่ ชายหนุ่มรู้สึกมีความสุขมากเวลาที่ได้เห็นสาวน้อยคนนี้สดใสและร่าเริง

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อครู่นี้เขาได้ยินเธอพูดที่ว่าจะคบกันหลังจาก ที่เข้ามหาลัยแล้วงั้นหรอ? ทันใดนั้นคำพูดที่ปู่ของเขาเคยพูดไว้ก็สะท้อนอยู่ในหัวของชายหนุ่ม หลังจากที่เขาสามารถเข้ามหาลัยเหยียนจิง เขาจะถูกพาไปทำความรู้จักกับหลานสาวของตระกูลหลิน

‘เย่เฟิง’ไม่รู้เลยว่าถึงตอนนั้นเขาควรจะทำอย่างไรดี ชายหนุ่มส่ายหัว และตัดสินใจว่าเขาจะไม่คิดเรื่องพวกนั้นในตอนนี้ และแก้ปัญหาเรื่องอื่นก่อน หลังจากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรไปหา’อู๋บี’ เพื่อถามเขาเกี่ยวกับหินจิตวิญญาณในครั้งนั้น

“หะ นายสนใจมันอย่างงั้นหรอ? ถึงจะดูแปลกๆ แต่ก็เอาเหอะ เดี๋ยวฉันไปถามพ่อเกี่ยวกับข้อมูลของหินก้อนนั้นให้ละกัน”

‘อู๋บี’ วางสายหลังจากที่เขาพูดจบ ‘เย่เฟิง’นำผ้าปูที่นอนจากห้องนอนของเขามาปูไว้ที่ห้องรับแขกอย่างเรียบร้อย และหลังจากนั้น เขาจึงเริ่มนั่งขยายเส้นลมปราณของเขาที่มีพลังของเจินฉีไหลเวียนอยู่

เมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว ชายหนุ่มพยายามอย่างมากในการขยายเส้นลมปราณของเขา และตอนนี้ เขาขยายเส้นลมปราณจนสามารถรับพลังเจินฉีได้ถึง 5-6 ปีแล้ว ในการขยายเส้นลมปราณเขาจะจำเป็นที่จะต้องฝึกฝนอย่างเป็นประจำ และเขาจะเสียเวลาไม่ได้แม้แต่เพียงนิดเดียว

เมื่อ’ซูเหมิงหาน’เดินเข้ามาในขณะที่กำลังถือของใช้ส่วนตัวของเธอ เด็กสาวเห็น’เย่เฟิง’กำลังอยู่ในท่านั่งแบบแปลกๆ เหมือนเคยเห็นในพวกหนังจอมยุทธ์ที่ผู้คนต่างนั่งเพื่อฝึกกำลังภายใน ‘ซูเหมิงหาน’ไม่ได้คิดอะไรมากมายเกี่ยวกับนี้ ก่อนจะตะโกนไปหา’เย่เฟิง’

“เย่เฟิง จำไว้นะว่าฉันจะเชื่อใจนายแค่ครั้งนี้เท่านั้น เข้าใจไหม?”

หลังจากตะโกนออกไป เด็กสาวก็ยืนรอสักพักนึง แต่เมื่อเห็นว่า’เย่เฟิง’ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เธอก็ถือสิ่งของขึ้นไปด้านบน ‘ซูเหมิงหาน’ไม่ได้ต้องการให้’เย่เฟิง’คอยช่วยเหลือเธอตลอดเวลา เด็กสาวสามารถจัดการเรื่องราวเล็กน้อยเหล่านี้ได้ตัวของเธอเอง

ยิ่งเวลานี้ดูเหมือนว่า’เย่เฟิง’กำลังยุ่งอยู่กับอะไรซักอย่างนึง เมื่อ’เย่เฟิง’ได้ยินที่เธอพูด คำพูดของเด็กสาวทำให้เขารู้สึกตะลึงไปสักพักนึง และเข้าใจความหมายที่เธอต้องการจะสื่อออกมา เรื่องเกี่ยวกับ’หลงหวางเอ๋อ’ดูเหมือนจะฝังใจกับเธอมากเป็นพิเศษ

และถ้าหากเธอรู้ว่า’เย่เฟิง’ไปเกี่ยวข้องอะไรกับ’หลงหวางเอ๋อ’อีกละก็ เธอก็จะไม่ให้อภัยเขาอีกแน่ๆ ถึงอย่างนั้น ‘เย่เฟิง’ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก ความจริงแล้ว ตัวของเขาไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปยุ่งกับหญิงสาวคนนั้นอีกต่อไปอยู่แล้ว

และไม่ต้องกังวลว่าเธอจะรู้ว่าเขาคือชายที่ใส่หน้ากากในวันนั้นด้วย เมื่อชายหนุ่มได้ยินเสียงฝีเท้าของ’ซูเหมิงหาน’ที่เดินขึ้นไปข้างบน เขาถึงค่อยรู้สึกโล่งใจขึ้นมาหน่อย ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอจะฟื้นสภาพจากการที่ถูกพ่อของเธอทอดทิ้งในวันนี้เรียบร้อยแล้ว

‘เย่เฟิง’ไม่รู้เลยว่า จริงๆแล้ว’ซูซินฉาง’เดิมทีก็ไม่ได้สนใจดูแลอะไร’ซูเหมิงหาน’ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ความจริง สถานการณ์ตอนนี้ก็ไม่ได้ถือว่าแย่ไม่เสียทั้งหมด ดูเหมือนว่าความรู้สึกที่ได้มีความรักในวันนี้ทำให้อารมณ์ของเธอดีขึ้น

ตลอดตอนบ่ายนี้ ‘ซูเหมิงหาน’มัวแต่ยุ่งอยู่กับการจัดของในห้องนอน ส่วน’เย่เฟิง’ก็นั่งขยายเส้นลมปราณของตัวเองทั้งวัน

หลังจากจัดห้องเสร็จเรียบร้อย เมื่อ’ซูเหมิงหาน’เดินลงมาเห็น’เย่เฟิง’ที่ยังคงนั่งอยู่ในท่าเดิม ก็ยิ่งทำให้เกิดความประหลาดใจในใจของเธอ แต่เด็กสาวเป็นคนที่รู้กาลเทศะจึงตัดสินใจที่จะไม่รบกวนเขา และเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวที่จะอาบน้ำ

เดิมที ในบ้านหลังนี้มีห้องน้ำทั้งข้างบนและข้างล่าง แต่’เย่เฟิง’ได้คำเตือนจาก’ปู่เย่เวิ่นเทียน’ ปู่ของเขาว่าห้ามเข้าไปในห้องน้ำชั้นสอง ดังนั้นประตูห้องน้ำชั้นสองจึงถูกล๊อคไว้ ยกเว้นแต่จะใช้กำลังในการเข้าไป

‘ซูเหมิงหาน’จึงอาบน้ำได้แค่ชั้นล่าง  ก่อนที่เธอจะเข้าห้องน้ำ เธอแอบมองไปยัง’เย่เฟิง’ และคิดถึงตอนที่เขาปีนตึกขึ้นมาและเห็นเธอเปลือยเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว แค่คิดก้เพียงพอจะทำให้เธอรู้สึกอายจนหน้าแดงไปทั้งใบหน้า เด็กสาวเดินเข้าห้องน้ำแล้วจึงล๊อคประตู

และไม่นานก็มีเสียงฝักบัวที่เริ่มดังออกมาจากในห้องน้ำ เมื่อ’เย่เฟิง’ได้ยินเสียงน้ำในห้องน้ำ ชายหนุ่มอดไม่ได้คิดถึงวันที่เขาพึ่งมาที่โลกนี้ และพบกับเรือนร่างของเธอเข้าพอดี เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เมื่อไหร่ ชายหนุ่มก็ยิ่งรู้สึกร้อนรุ่มในหัวใจเขา

“ผึ้งน้อย ผึ้งน้อย เปิดประตูหน่อย พี่อู๋มาหานายแล้ว”

ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกริ่งดังขึ้น ‘เย่เฟิง’ได้แต่บ่นในใจ นี่ไอ้เด็กนี่มันทำไมไม่โทรศัพท์บอกเขาสักหน่อยก่อนจะมา ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนพร้อมกับยืดเส้นยืดสายบนร่างกาย เวลานี้ความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้หากเทียบกับตอนที่พึ่งเกิดนั้นชั่งแตกต่างกันอย่างยิ่ง

เขาไม่รู้ว่าเขาแข็งแกร่งขึ้นมากี่เท่า แต่ความรู้สึกที่แข็งแกร่งขึ้นทำให้’เย่เฟิง’พอใจ และรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก ยิ่งกว่านั้น หากเขายิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไหร่ ความปลอดภัยในชีวิตเขาก็จะเพิ่มขึ้นด้วย

‘เย่เฟิง’ไม่ได้ไร้สติปัญญาเหมือนบุตรชายคนที่สามของตระกูลหลิน เพราะไม่ว่าตระกูลของชายคนนั้นจะแข็งแกร่งมากขนาดไหน อย่างน้อยก็ต้องมีคนที่พยายามจะฆ่าเขา ทำไมเขาถึงสบายใจที่เอาแต่พึ่งพลังอำนาจของครอบครัวกัน

‘เย่เฟิง’เดินไปเปิดประตูให้อู๋บีที่ใส่เสื้อเชิตเรียบง่ายๆ ดูเหมือนกำลังยืนอยู่ด้วยความตื่นเต้น พร้อมถือรูปถ่ายจำนวนนึงไว้ที่มือ

“ผึ้งน้อย จากครั้งที่แล้ว ทั้งหินจิตวิญญาณและมัจฉาหยินหยางขาวล้วนถูกขายให้กับพวกเราโดยกลุ่มนักสำรวจสุสาน”

(tomb raider ใครเคยเล่นเกมก็จะรู้ว่าหมายถึงอะไร)

‘อู๋บี’รู้สึกตื่นเต้นมากขณะส่งยิ้มไปที่’เย่เฟิง’

“สุสานโบราณนี่อยู่ในภูเขาฉางไป่ แต่จำนวนรูปภาพที่ไม่จำเป็นมีเยอะเกินไป ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็บังคับให้พวกเราซื้อ พ่อจึงซื้อมาในราคา 10,000 แย่จริงๆ แต่ยังไงก็ตาม รูปภาพพวกนี้ดูแปลกๆ เหมือนจะมีพวกปีศาจสาวอยู่ในนั้นด้วยยังไงอย่างงั้น”

ปีศาจสาว?…..

‘เย่เฟิง’รู้สึกสงสัยแปลกๆ มีสิ่งมีชีวิตแบบนั้นอาศัยอยู่ในโลกนี้ด้วยงั้นหรอ?

“เฮ้ย ผึ่งน้อย มีคนอยู่ในห้องน้ำของนายงั้นหรอ?”

‘อู๋บี’ตั้งใจฟังดีดีก็ได้ยินเสียงน้ำไหลมากจากห้องน้ำ เขาก็เลยสงสัยเพราะปกติ’เย่เฟิง’จะอยู่ที่บ้านนี้คนเดียวเท่านั้น และดูเหมือนว่า’เย่เฟิง’ก็ไม่ได้กำลังอาบน้ำอยู่ด้วย

“เอ่อ….”

‘เย่เฟิง’รู้สึกตกใจสักพัก เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายเหตุการณ์นี้ยังไงดี  หลังจากนั้น เสียงน้ำก็เงียบลง และตามมาด้วยเสียงใสๆของเด็กสาว

“เย่เฟิงเอาเครื่องเป่าผมมาให้หน่อยสิ ฉันลืมหยิบมันเข้ามาน่ะ………”

ทั้ง’อู๋บี’และ ‘เย่เฟิง’ต่างติดสตั้นไปสักพักนึง….

(ฮา)

…………………………………

แปลโดยทีมงานGSI

Solar Spark : รู้นะว่าเห็นชื่อตอนแล้วคิดลึกกัน อิอิ

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments