ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป‘อู๋บี’ที่ได้ยินเสียงนั่นคิดได้ขึ้นมาทันที นั่นมันไม่ใช่เสียงของดาวโรงเรียนของเขาคนนั้นหรอกหรือ? เด็กหนุ่มชี้ไปยัง’เย่เฟิง’แล้วกล่าวว่า
“ผึ้งน้อย นั่นมันเสียงซูเหมิงหานไม่ใช่เหรอ?”
‘เย่เฟิง’ตอบกลับพลางกระแอมกลบเกลื่อน
“แค่กๆ พอดีพ่อของเธอพึ่งไล่เธอออกจากบ้านน่ะ ตอนนี้เธอก็เลยต้องมาอยู่ในบ้านของฉันชั่วคราว…”
“เฮ้ย นี่มันบ้าชัดๆ!”
‘อู๋บี’รู้สึกสับสันอย่างฉับพลัน ‘ซูเหมิงหาน’กับ’เย่เฟิง’อยู่ๆทำไมถึงมาอาศัยด้วยกันแบบนี้ แล้วที่ยิ่งไปกว่านั้นเธอบอกให้’เย่เฟิง’หยิบเครื่องเป่าผมให้ตอนที่กำลังอาบน้ำอยู่เลยเนี่ยนะ? ถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงโรงเรียนละก็ ไม่ต้องสงสัยว่ามันจะกลายเป็นเรื่องที่ร้อนแรงที่สุดในช่วงก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัยอย่างแน่นอน!
มากไปกว่านั้นทำไมอยู่ๆ’ซูเหมิงหาน’ถึงถูกพ่อไล่ออกมาจากบ้านกันล่ะ เธอผู้ที่เป็นลูกสาวของประธานแห่งบริษัทซูเฉิงที่ได้ชื่อว่าเป็นตระกูลที่มั่งคั่งตระกูลหนึ่ง หรือว่าสาเหตุมันมาจาก… ‘เย่เฟิง’อย่างนั้นเหรอ?
‘อู๋บี’จ้องมองไปยังเย่เฟิง
“ดูเหมือนว่านายจะปิดบังอะไรบางอย่างไว้อยู่นะ อธิบายมาเดี๋ยวนี้เลยมันเรื่องอะไรกันแน่?”
“อันที่จริง เมื่อวานนี้ฉันพึ่งพาเธอไปที่เมืองหลางฝางมาน่ะ…”
‘เย่เฟิง’ได้แต่ตัดใจพูดออกไปตรงๆ ชายหนุ่มเองก็ไม่คิดเลยว่าการไปยังเมืองหลางฝางของเขาและ’ซูเหมิงหาน’เมื่อวานจะก่อให้เกิดปัญหาได้มากขนาดนี้ แต่เขายังคงจำได้ว่าตอนที่พวกเขาลงจากรถไฟที่หลางฝางแล้วพวกเขาทั้งสองไม่ได้ดูพอใจกันมากเท่าไหร่
“นายจะบอกว่าครอบครัวของเธอตกลงให้เธออยู่กับนายในบ้านหลังเดียวกันงั้นเหรอ?”
‘อู๋บี’ยังรู้สึกประหลาดใจกับเรื่องนี้อยู่
“สถานการณ์จริงๆมันซับซ้อนกว่านั้น แต่ฉันคิดว่านายไม่จำเป็นต้องรู้หรอก ยังไงก็ตามไว้เราค่อยคุยกันเรื่องนี้อีกทีที่โรงเรียนก็แล้วกัน บายนะเพื่อน”
‘เย่เฟิง’ดึงรูปถ่ายและสิ่งของอื่นๆออกมาจากมือ’อู๋บี’แล้วจึงดันเขาออกไปนอกบ้าน
“ปัง” ชายหนุ่มปิดประตู
เขาไม่ต้องการรออีกแม้แต่นาทีเดียวไม่อย่างนั้น’อู๋บี’อาจจะเห็น’ซูเหมิงหาน’ที่พึ่งอาบน้ำเสร็จออกมาก็ได้ มีแต่เขาที่มองเธอได้ในสถานการณ์แบบนี้ได้เท่านั้น คนอื่นไม่มีสิทธิ์
“เยี่ยมมาก! ผึ้งน้อย นายนี่มันมีเสน่ห์เหลือร้ายกับเพศตรงข้ามจริงๆเลย ลูกผู้ชายมันต้องแบบนี้สิ!”
เสียง’อู๋บี’ตะโกนดังออกมาจากข้างนอก แต่ความจริงแล้วชายหนุ่มก็รู้สึกอึดอัดในใจเหมือนกัน
“ขอบใจนะพี่อู๋!”
เสียง’เย่เฟิง’ตะโกนดังออกมาจากด้านในบ้าน
“ให้ตายสิ! นี่มันครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่นายเรียกฉันแบบนี้ เอาเป็นว่าถ้านายเรียกฉันแบบนี้ต่อไปพี่อู๋คนนี้จะยกโทษให้นายก็แล้วกันนะ ฮ่าๆๆ”
ชายหนุ่มหัวเราะดังออกมาจากใจของเขา
“ได้สิ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว!”
‘เย่เฟิง’หัวเราะออกมาจากใจจริงเช่นกัน ชายหนุ่มรู้สึกซึ้งใจอย่างมาก ก่อนหน้านี้ในโลกเทวะเขาไม่เคยมีเพื่อนแบบนี้มาก่อน มีแต่กับท่านอาจารย์คนสวยของเขาเท่านั้นแหละที่เขามีความสัมพันธ์ที่ดีด้วย นี่สิถึงคู่ควรที่จะเรียกว่าคู่หูที่ดีที่สุดอย่างแท้จริง
หลังจากนั้น’เย่เฟิง’เอารูปวางบนโต๊ะแล้วจึงหยิบไดรเป่าผมเดินไปยังประตูห้องน้ำพร้อมกับเคาะประตู เพียงอึดใจเดียว มือที่ขาวนุ่มนวลราวกับหิมะค่อยๆยืดออกมาจากประตูห้องน้ำอย่างสั่นๆเล็กน้อย
‘เย่เฟิง’อดใจไม่ไหวที่จะยิ้มออกมา นี่เธอกลัวว่าเขาจะเปิดประตูพรวดพราดเข้าไปหรือยังไง เขาก็ไม่ได้มีมารยาททรามแบบนั้นหรอกนะ หลังจากวางไดรเป่าผมลงบนมือขาวๆของ’ซูเหมิงหาน’ ‘เย่เฟิง’ก็หันหลังเดินออกมาและได้ยินเสียงประตูห้องน้ำที่ปิดลงอย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มไม่ได้สนใจเท่าไรนัก เขารีบกลับมาที่โต๊ะแล้วจึงสำรวจสิ่งที่’อู๋บี’นำมาให้ บนรูปถ่ายของรายงานประเมินสินค้าโบราณมีข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งของต่างๆที่ถูกค้นพบที่สุสานโบราณรวมไปถึงหยกขาวมัจฉาหยินหยาง ‘เย่เฟิง’อดไม่ได้ที่จะเหลือบไปดูข้อมูลเหล่าพวกนั้น ทันใดนั้นชายหนุ่มรู้สึกสะดุดใจขึ้นมา!
หยกขาวมัจฉาหยินหยางถูกประเมินไว้ว่าอายุราวห้าพันปี ถูกขุดขึ้นมาจากสุสานแห่งราชวงศ์ชาน นี่มันเท่ากับว่าตอนที่’อู๋เอ’ขายหยกชิ้นนี้ให้กับตระกูลหลินเขาไม่ได้โป้ปดเลยแม้แต่น้อย ราคามันประมาณหนึ่งล้านจริงๆ หรืออาจจะมากไปกว่านั้นได้อีก
“อู๋บี เจ้าเด็กนั่นโกหกตอนที่แนะนำหยกชิ้นนี้ให้ฉันอย่างนั้นเหรอ?”
‘เย่เฟิง’ครุ่นคิดอยู่กับตัวเองพลางรู้สึกซาบซึ้งใจขึ้นมา ไม่เพียงแค่’อู๋บี’แนะนำของดีให้กับเขา เจ้านั่นถึงกับคิดว่าเขาไม่น่าจะมีเงินพอที่จะซื้อมันเลยลดราคาให้มากมายขนาดนี้ ใครจะรู้กันล่ะว่าถ้า’เย่เฟิง’ตัดสินใจซื้อหยกชิ้นนี้ในราคาหนึ่งแสนห้าไปจริงๆพ่อของ’อู๋บี’ต้องขาดทุนกว่าหนึ่งล้านเลยทีเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น’อู๋เอ’ไม่ได้หลอกลวง’ซานเฉี่ยว’แหง่ตระกูลหลินเลย ถึงแม้ว่า’อู๋เอ’จะเป็นพ่อค้าที่เจ้าเล่ห์แต่เขาก็รู้ว่าใครคือคนที่ควรจะโก่งราคาทำกำไรด้วย กับพวกคนรวยพวกนี้ที่มีสถานะที่สูงศักดิ์อย่าง’ซานเฉี่ยว’แห่งตระกูลหลินที่มักจะซื้อสินค้าโบราณเป็นประจำ การหลอกลวงคนแบบนี้คงได้แต่ถือว่าเป็นการรนหาที่ตาย
ในที่สุด’เย่เฟิง’ก็รู้แล้วว่าจากเหตุการณ์ครั้งที่แล้วร้านขายวัตถุโบราณอู๋ชีได้ขาดทุนไปเพราะเขาอย่างชัดเจน
“ลุงอู๋เป็นคนที่ดีจริงๆ ในโลกเทวะแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพบเจอคนแบบนี้”
ชายหนุ่มยิ้มเยาะตัวเอง ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดว่า’อู๋เอ’เป็นพ่อค้าที่ทั้งฉลาดและเจ้าเล่ห์แต่ในความจริงกลับไม่ใช่แบบนั้นเลย ลุงอู๋ต้องจ่ายค่าชดเชยอย่างมหาศาลให้กับ’ซานเฉี่ยว’ถึงกระนั้นเขาไม่ได้นิ่วหน้าคิ้วขมวดแม้แต่น้อยกลับยิ้มอยู่ตลอดเวลาเสียด้วยซ้ำ
“ตระกูลหลินแห่งเหยียนจิง… ที่นี่ไม่ต่างจากโลกเทวะเลย ใครก็ตามที่มีอำนาจและความแข็งแกร่งสามารถข่มเหงผู้อื่นได้ตามใจตนเอง”
ประกายความเย็นชาฉายออกมาจากแววตาของ’เย่เฟิง’ เพราะว่าตระกูลหลินแห่งเหยียนจิงนี้ไม่ได้ทำให้เขามีความรู้สึกดีอะไรด้วยอยู่แล้ว ที่น่าตลกไปมากกว่านั้นปู่ของเขา ‘เย่เวิ่นเทียน’ ยังเคยบอกไว้ว่าหากเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาให้ไปขอความช่วยเหลือได้จากตระกูลหลิน
ณ ตอนนี้ถึงแม้’เย่เฟิง’จะต้องการความช่วยเหลือขึ้นมาจริงๆ ชายหนุ่มก็ไม่มีทางไปหาตระกูลที่เรียกว่าหลินนั่นอย่างแน่นอน เขาพลิกดูเอกสารสิบฉบับเกี่ยวกับหยกสลักที่ถูกขุดพบ อย่างไรก็ตามพวกมันเหล่านั้นได้รับความเสียหายไม่สมบูรณ์ มีเพียงแค่หยกขาวมัจฉาหยินหยางเท่านั้นที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์
แต่ถึงกระนั้นมันก็เสียหายไปเพราะน้ำมือของคนรับใช้’ซานเฉี่ยว’ไปเสียแล้ว ส่วนหินจิตวิญญาณครึ่งก้อน มันดูลักษณะราวกับหินธรรมดาๆเพียงก้อนหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้น’อู๋เอ’ยังไม่ได้ทำการประเมินราคาของมัน อย่างไรก็ตามลุงอู๋เคยคุยกับหวงเหล่าเกี่ยวกับหินก้อนนี้มาก่อน
ตอนนั้น’หวงเหล่า’คงได้บอกกับลุงอู๋ไปแล้วว่ามันเป็นของชั้นดีชิ้นหนึ่ง ส่วนใต้เอกสารการประเมินมีรูปที่ถูกขายต่อมาจากนักขุดสุสานอีกที
‘เย่เฟิง’หยิบมันขึ้นมาเพ่งดู หน้าเขาสีเผือดทันควัน นี่มันไม่น่าจะเป็นเรื่องจริงไปได้!
“นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไรกัน อาจารย์?”
ในรูปที่ดูเลือนๆปรากฎภาพห้องโถงใต้ดินกว้างถูกล้อมไปด้วยเสาหินขนาดใหญ่สี่เสา ในห้องโถงศิลานี้มีข้าวของต่างๆกระจัดกระจายไปมาอย่างไม่เป็นระเบียบ จากรูปภาพสามารถดูออกได้ว่าห้องโถงศิลานี้สามารถเข้ามาได้จากทุกทิศทุกทาง ตรงมุมของทางเดินมีรูปภาพด้านหลังของหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งดูคุ้นตา’เย่เฟิง’อย่างมาก
เธอแต่งกายด้วยชุดผ้าก๊อซสีขาวราวหิมะ ผมยาวสลวยถูกมันเป็นรวบยาวทิ้งตัวลงไปกลางหลังรูปร่างสง่า จากภาพดูราวกับว่าหญิงกำลังหันหลังเดินออกไปจากสุสาน ถึงแม้ว่ารูปถ่ายจะไม่ชัดนักยากที่จะบอกว่าอะไรเป็นอะไร แต่สำหรับ’เย่เฟิง’แล้วสิบปีที่เขาอยู่กับท่านอาจารย์หญิงแสนสวยของเขา
แม้ว่าภาพจะดูแย่ขนาดไหนเขาก็สามารถบอกได้ทันทีว่านี่คืออาจารย์ของเขาอย่างแน่นอน! ไฟแห่งความตื่นเต้นถูกจุดขึ้นมาทันที มือของชายหนุ่มสั่นเทาขณะถือรูปภาพอยู่
“นี่มันอาจารย์ของฉันจริงหรือเนี่ย?”
เขารีบวางรูปอื่นๆลงพลางส่องสายตาหา ทั้งหมดเจ็ดภาพที่เหลือมีลักษณะมืดมัว จากความทรงจำของเขา’เย่เฟิง’มั่นใจร้อยเปอเซ็นต์ว่านี่ต้องเป็นภาพด้านหลังของอาจารย์ของเขาอย่างไม่มีผิดเพี้ยน ‘ซูเฟยหยิ่ง’ มีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะเซียนเหมันต์ในโลกเทวะ เธอเป็นผู้นำของคณะขุดสุสานแห่งดวงดาว
ตลอดชีวิตของเธอมีเพียง’เย่เฟิง’เท่านั้นที่เป็นศิษย์และเป็นคนที่เธอทุ่มเทใจสอนสั่งอย่างมากมาย ‘เย่เฟิง’ยังคงจดจำช่วงเวลานั้นได้ เพื่อที่จะก้าวข้ามวรยุทธ์ระดับหนึ่งร้อยปีก่อนให้เกิดสงครามครั้งยิ่งใหญ่ขึ้นระหว่างอาจารย์ของเขาและจ้าวอสูรเพลิงแห่งถ้ำมังกรไฟ
ขณะที่ต่อสู้กันพวกเขาได้ถลำลึกเข้าไปในถ้ำเรื่อยๆ เขาเห็นร่องรอยของการต่อสู้อย่างรุนแรงเท่านั้น แต่ไม่ได้พบใครอื่นเลย
“เวลาช่างเล่นตลกนัก… หรือว่าท่านอาจารย์จะมายังที่แห่งนี้ก่อนที่เราจะมาถึงกันนะ?”
ชายหนุ่มได้แต่คาดเดาอย่างเรื่อยเปื่อย ความคิดของเขาแล่นกลับไปมา ชายหนุ่มตัดสินใจแล้วว่าเขาต้องไปที่สุสานราชวงศ์ชางที่ภูเขาฉางไป่เพื่อตรวจสอบเสียแล้ว ไม่ว่าในรูปนี้จะเป็นรูปด้านหลังของอาจารย์เขาหรือไม่ แต่อย่างน้อยที่นั่นน่าจะมีหินจิตวิญญาณสักก้อนหรือมากกว่านั้นก็เป็นได้ มันคุ้มค่าที่จะลองไปสำรวจดูไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม
“ไม่สิ หรือเป็นไปได้ว่าหินจิตวิญญาณถูกนำมาโลกนี้เพราะท่านอาจารย์กันนะ?”
‘เย่เฟิง’ไม่มั่นใจความคิดของเขานัก ชายหนุ่มคิดว่าเขาควรไปสืบหาความจริงด้วยตัวเองดีกว่าเสียวเวลาเดาสุ่มไปเรื่อยเช่นนี้
“เย่เฟิง ดูอะไรอยู่น่ะ?”
‘ซูเหมิงหาน’ที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วเดินออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จ แต่เมื่อเธอเห็น’เย่เฟิง’ที่กำลังตกอยู่ในห้วงความคิด หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะถามมันออกไปอย่างใคร่รู้
……………………………
แปลโดยทีมงาน GSI
ที่มา: