ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปเมื่อ’เย่เฟิง’ออกจากโรงแรม เขาโทรหา’อู๋บี’แล้วบอกว่าให้รั้งนักล่าสมบัติ ‘จูไป๋เหนียว’ ใว้ให้นานที่สุด ขณะเดียวกัน’เจ้าอี้เปย’ขับรถพุ่งตรงไปยังหมู่บ้านชิงเฟิง ‘เย่เฟิง’เปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วและเก็บข้าวของที่เขาใช้ปลอมตัวเป็นโม่จิ่วจากนั้นจึงกลับไปขึ้นรถ BMW อีกครั้ง
“ยังมีอีกเรื่องนึง นายหารถเอ็สยูวีให้สักคันได้ไหม?”
(ในที่นี้เย่เฟิงหมายถึงรถแบบ off-road) ‘เย่เฟิง’ถามอย่างเร่งด่วนขณะขึ้นไปบนรถ
“ได้แน่นอนครับพี่ใหญ่เย่…”
ชายหน้าบากผงกหัวตอบรับ
“จะดีงั้นหรือ?”
‘เย่เฟิง’มอง’เจ้าอี้เปย’และชายหน้าบากอย่างระมัดระวัง ปกติแล้วชายหน้าบากจะไม่เรียกเขาว่า ‘พี่ใหญ่เย่’ ต่อหน้าสมาชิกในแก๊งอสรพิษสวรรค์คนอื่นๆ เพราะว่าต่อหน้าพวกมัน’เย่เฟิง’เป็นญาติผู้น้องของชายหน้าบาก แต่นี่ชายหน้าบากกลับเป็นฝ่ายเรียก ‘พี่ใหญ่เย่’ ออกมาต่อหน้า’เจ้าอี้เป่ย’เสียแบบนั้น
“พี่ใหญ่เย่สบายใจได้ เจ้าอี้เปยเป็นหลานที่มาจากบ้านนอกของผมเอง เจ้านี่รู้ทุกอย่างดีรวมไปถึงเรื่องที่พี่ใหญ่เย่ไม่ใช่ญาติผมนั่นแหละ”
ชายหน้าบากเกาหัวตัวเองขณะอธิบายด้วยท่าทีเก้อเขินเล็กน้อย
“อืม เข้าใจแล้ว”
‘เย่เฟิง’ผงกหัวตอบรับเบาๆ
“ก็สงสัยอยู่แล้วว่าไม่น่าจะมีคนเชื่อเท่าไหร่ว่าฉันคือญาติของนาย อย่าลืมล่ะสั่งให้คนเตรียมรถออฟโรดไว้ให้พร้อม บอกพวกเขาด้วยว่าครั้งนี้เราต้องเดินทางไกล”
ถนนบริเวณภูเขาฉางไป่ยากลำบากต่อการเดินทาง รถบีเอ็มดับบลิวไม่เหมาะใช้กับสถานที่เช่นนั้น รถเอสยูวีจึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด ร้าน’อู๋ฉี’อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านฉิงเฟิงนัก แม้ถนนหนทางจะค่อนข้างมืดแต่ด้วยทักษะการขับรถของเจ้าอี้เปยรถบีเอ็มดับบลิวก็มาถึงร้านอย่างรวดเร็ว
“พวกนายรออยู่ในรถ เดี๋ยวฉันกลับมา”
‘เย่เฟิง’เดินตรงเข้าไปในร้านอู๋ฉี เวลานี้ร้านอู๋ฉียังคงเปิดไฟอยู่ ‘เย่เฟิง’เห็น’อู๋บี’ยืนอยู่ตรงทางเข้าร้านมาแต่ไกล ท่าทางเขาดูกระสับกระส่าย ผมสีขาวของเด็กหนุ่มเด่นจับตาใต้แสงไฟยามค่ำคืน
“ฉันมาแล้วพี่อู๋”
‘เย่เฟิง’ยิ้มกล่าวทักทาย’อู๋บี’ ชายหนุ่มรู้สึกสบายใจเวลาที่อยู่ข้างๆเขา ไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาเป็นเพื่อนสนิทกันแต่พวกเขาเปรียบเสมือนพี่น้องกันเลยมากกว่า
“ให้ตายสิผึ้งน้อย นายมาช้าจริงๆ ไปกันเร็ว พ่อฉันกำลังคุยกับคนๆนั้นอยู่เลย”
‘อู๋บี’ที่เห็น’เย่เฟิว’เดินมาใต้แสงไฟของถนนรีบกล่าวทักทายเขาแล้วกระซิบบอก
“ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนั้นต้องการยืมเงิน ถ้านายมีเงินเรื่องทุกอย่างก็คงง่ายหน่อย…”
“ขอบใจมาก”
‘เย่เฟิง’พยักหน้าตอบรับอย่างซึ้งใจ ในโลกเทวะนอกจากอาจารย์คนสวยของเขา’ซูเฟยหยิ่ง’แล้วมีใครที่ช่วยเหลือเขามากขนาดนี้อีก? เขารู้สึกดีกับความเอาใส่ใจของทั้ง’อู๋บี’และ’อู๋เอ’ ความประทับเหล่านี้ถูกสลักลึกไว้ลงในใจชายหนุ่ม
“ขอบใจพี่สาวนายเถอะ เร็วเข้า รีบเข้าไปได้แล้ว”
‘อู๋บี’ยังคงบ่น’เย่เฟิง’ที่ล่าช้า ชายหนุ่มหันไปมองรถBMWที่ขับมาส่ง’เย่เฟิง’ เพื่อนของเขาเปลี่ยนไปมากจนแทบจำไม่ได้จริงๆช่วงนี้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเขาคงไม่ต้องกังวลมากเกี่ยวกับเรื่องเงินที่’เย่เฟิง’จะให้เจ้าหัวขโมยคนนั้น
ชายหนุ่มกล่าวกับ’เย่เฟิง’แต่ไม่ได้เดินตามเข้าไป เวลาที่พ่อของเขาคุยเรื่องธุรกิจอยู่ด้านในจะเป็นเขานี่แหละที่รับหน้าที่เฝ้าร้านอยู่ด้านนอก ถึงแม้ว่าของที่วางขายด้านนอกนี้จะไม่ได้แพงอะไรแต่การไม่คอยเฝ้าดูมันก็เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้เช่นกัน
เมื่อ’เย่เฟิง’เดินเข้าไปด้านในเพียงลำพังเขาเห็น’อู๋เอ’และชายร่างผอมตัวเล็กผ่านทางหน้าต่างกำลังพูดคุยกันอยู่ ซึ่งดูท่าทางเคร่งเครียดอยู่ระดับนึง
“ลุงอู๋ ผมมาแล้วครับ”
‘เย่เฟิง’รีบกล่าวทักทายเขาพลางมองดูชายร่างผอมตัวเล็กที่อยู่ในชุดสีน้ำเงินเข้มลักษณะดูเก่าเล็กน้อย สายตาของเขาดูมีความเจ้าเล่ห์ราวกับชายที่เขาเคยพบในงานขายสินค้าโบราณของตระกูลหลง นี่หรือคือนักปล้นสุสานจูไป๋เหนี่ยว?
ชายหนุ่มสำรวจเขาดูใกล้ๆสังเกตุถึงลักษณะที่ดูคล่องแคล่วอย่างเป็นธรรมชาติ บุคลิคกภาพของเขาแสดงถึงความไม่ธรรมดาเกินกว่าคนทั่วไปจะมีได้!
“เฟิงน้อย เข้ามาสิ นี่คือจูไป๋เหนี่ยวที่พึ่งมาจากภูเขาฉางไป่…”
เมื่อ’อู๋เอ’เห็น’เย่เฟิง’เดินเข้ามา เขารีบแนะนำนักขุดสุสานผู้นี้ให้กับ’เย่เฟิง’ทันที
“ช้าก่อน”
แต่’จูไป๋เหนี่ยว’ยกมือขึ้นมาขวาง’อู๋เอ’ที่กำลังเดินไปหา’เย่เฟิง’ เขาหันไปมอง’เย่เฟิง’ด้วยสายตาที่กลอกกลิ้งไปมา เสียงของเขาค่อนข้างแหลมแต่ไม่ได้ห้าวนัก หรือบอกได้อีกอย่างว่าเป็นเสียงที่ดูคมและเด็ดขาด สามารถทำให้ผู้คนรู้สึกถึงอันตรายได้โดยธรรมชาติ
“นายคือเย่เฟิงงั้นหรือ?”
‘จูไป๋เหนี่ยว’ตกใจเล็กน้อยขณะหันมาพูดกับ’เย่เฟิง’
“ใช่แล้ว”
‘เย่เฟิง’คิดกับตนเองว่าชายผู้นี้ต้องมาจากโลกยุทธภพของจีนอย่างแน่นอน เพราะเขาสามารถรู้ได้ทันทีว่า’เย่เฟิง’เป็นหลายของ’เย่เวิ่นเทียน’ ในโลกแห่งนี้มีไม่กี่คนนักที่สามารถมองเขาออกได้ในทันทีเช่นนี้
“ยังไงก็เถอะ สถานะของฉันไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอก”
ชายหนุ่มยิ้มแย้มกล่าวต่อ
“ที่สำคัญก็คือฉันสามารถช่วยนายได้ และนายก็ช่วยฉันได้เหมือนกัน”
“ฉันต้องการเงินสิบล้าน นายมีให้ฉันไหม?”
‘จูไป๋เหนี่ยว’กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ไม่มีปัญหา”
‘เย่เฟิง’ตอบกลับและยิ้มเล็กน้อย
“แต่เงื่อนไขคือนายต้องพาฉันไปที่ๆนายพึ่งไปมาครั้งที่แล้ว สุสานที่ภูเขาฉางไป่”
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าแก๊งอสรพิษสวรรค์มีเงินสดมากขนาดไหน แต่จำนวนเงินมหาศาลที่คาสิโนเทียนหัวนั่น สิบล้านคงไม่ใช่ปัญหา เรื่องนี้ชายหนุ่มจะสั่งให้ชายหน้าบากเป็นคนจัดการให้ ประเด็นคือสิ่งที่เขาได้จากสิบล้านนี้ต้องคุ้มค่าอย่างถึงที่สุด!
“สุสานเหรอ?”
‘จูไป๋เหนี่ยว’ถาม
“นายไม่ได้ต้องการไปที่ภูเขาฉางไป่เพราะ ‘หญ้าสื่อจิต’งั้นหรือ?”
“ไม่ใช่”
‘เย่เฟิง’ตอบกลับ ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่า ‘หญ้าสื่อใจ’ นั่นมันคืออะไร แต่เขาก็ขี้เกียจเสียเวลาคิดหาเหตุผลกับมัน ชายหนุ่มเพียงแค่ต้องการไปที่สุสานราชวงศ์ชางเพื่อค้นหาร่องรอยของ’ซูเฟยหยิ่ง’เท่านั้น
“ถ้าอย่างนั้นนายจะไปที่สุสานนั่นทำไมกันล่ะ?”
‘จูไป๋เหนี่ยว’ถามอย่างรอบคอบ
“ฉันไม่ได้ถามนายว่านายต้องการเงินสิบล้านไปทำไม ดังนั้นนายก็ไม่จำเป็นต้องถามฉันเหมือนกัน จริงไหม?”
‘เย่เฟิง’ตอบกลับสบายๆแล้วกล่าวต่อ
“แน่นอนว่านายสบายใจได้ว่าฉันไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับ ‘หญ้าสื่อใจ’ สิ่งที่ฉันต้องการเพียงอย่างเดียวคือให้นายนำทางฉันไปที่สุสานนั่นก็พอ”
ใบหน้าผอมบางของ’จูไป๋เหนี่ยว’นิ่วลง หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งชายหนุ่มผงกหัวอย่างช้าๆตอบกลับ
“โอเค ตกลงตามนี้”
ถึงแม้ว่าสุสานจะเป็นที่ๆอันตรายมาก แต่จากประสบการณ์ของเขาการนำทาง’เย่เฟิง’ไปไม่ใช่เรื่องใหญ่ แถมยังได้ผลตอบแทนเป็นเงินก้อนใหญ่อีกด้วย การหาเงินจำนวนมากขนาดนี้ในเวลาอันสั้นโดยปราศจากความเสี่ยงคงเป็นไปไม่ได้
“แต่ฉันขอเตือนอะไรนายไว้อย่างนึง”
‘จูไป๋เหนี่ยว’คิดอยู่ครู่เดียวแล้วมอง’เย่เฟิง’อย่างสนอกสนใจ
“ได้ยินมาว่าครั้งก่อนที่งานขายสินค้าโบราณของตระกูลหลงมีชายใส่หน้ากากเข้าไปก่อเรื่อง นายมีความสัมพันธ์อะไรกับหมอนั่นหรือเปล่า? ช่วงนี้แถบภูเขาฉางไป่มีคนของตระกูลหลงเต็มไปหมด รวมไปถึงคุณหนูของตระกูลมังกรนั่นด้วย… ถ้านายได้ก้าวเท้าออกไปจากเมืองเหยียนจิงเมื่อไรฉันคงรับรองความปลอดภัยของนายไม่ได้หรอกนะ”
“นายไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องนั้น”
‘เย่เฟิง’ฮึมฮัมเบาๆ เขาต้องการหา’ซูเฟยหยิ่ง’ไม่ว่าต้องใช้วิธีไหนก็ตาม เรื่องนี้สำคัญกับเขามากกว่าสิ่งอื่นใด แม้จะมีขวากหนามมากมายขนาดไหนก็ไม่สามารถหยุดชายหนุ่มได้ เขากล่าวอย่างกระตือรือร้น
“ว่าแต่ เราจะเริ่มออกเดินทางดันเมื่อไหร่ล่ะ?”
อะไรบางอย่างแวบไปมาในหัวของ’เย่เฟิง’ ถ้าเขาบังเอิญไปเจอ’หลงหวางเอ๋อ’อีกครั้ง ล่ะ? เมื่อเขานึกถึง’หลงหวางเอ๋อ’ ชายหนุ่มก็นึกถึงลูกเตะที่เธอเคยจู่โจมเขา ความเจ็บปวดเล็กน้อยแปลบเข้ามาในอก ในเวลาเดียวกันเรือนร่างอันเย้ายวนของเธอก็ปรากฎขึ้นมันจากความทรงจำของเขา
ร่างที่ขาวนวลเป็นประกายและดูบริสุทธ์ ความคิดเหล่านี้ทำให้ใจของเต้นแรงขึ้นมา โชคดีที่เขาพกหน้ากากมา ถ้าเขาบังเอิญไปเจอเธอเข้า ไปหยอกเธอเล่นหน่อยคงจะดี……
………………….
แปลโดยทีมงาน GSI
Solar Spark: แหม่ๆ ไปหยอกเธอเล่นหน่อย
ที่มา: