ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป‘เย่เฟิง’ชะงักเท้าลงหลังจากได้ยินเสียงของ’ซูเหมิงหาน’
“ฉันจะกลับมาให้เร็วที่สุดนะ”
‘เย่เฟิง’หันกลับมายิ้มขณะมองเด็กสาว
“อ๋อใช่ ยังมีอีกเรื่องนึง กลุ่มอสรพิษสวรรค์จะช่วยเธอสืบสวนเรื่องอุบัติเหตุของยายเธอเอง เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น โอเคนะ”
ชายหนุ่มส่งสายตาไปยังชายหน้าเหลี่ยม’ซ่งหู่’
“ไม่ต้องห่วงพี่เย่ ผมจะจัดการให้เอง”
‘ซ่งหู่’เอ่ยตอบอย่างจริงจัง เนื่องจากชายหน้าบากจะไม่อยู่ที่นี่ชั่วคราวเขาจึงต้องเป็นคนรักษาการณ์แทนไปก่อน
“อื้ม เข้าใจแล้ว”
‘ซูเหมิงหาน’คอตกอย่างหงอยๆ แววตาวาววับของเธอกระพริบแล้วกระพริบเล่า สุดท้ายเธอไม่สามารถหักห้ามใจตัวเองได้อีก เด็กสาววิ่งเข้าไปหา’เย่เฟิง’อย่างไม่สนใจสายตาคนรอบข้างจากนั้นจึงสวมกอดชายหนุ่มอย่างแนบแน่น ร่างที่นุ่มนวลและอบอุ่นของเธอแนบชิดกับอกของ’เย่เฟิง’
ชายหนุ่มรู้สึกราวกับตัวของเขาถูกกระตุ้นจากเรือนร่างตรงหน้านี้ แค่เพียงคิดว่าจะได้อยู่กับเธอแบบนี้ตลอดไปทำให้เขาไม่อยากจะนึกถึงโลกเทวะที่เขาจากมาอีกเลย แต่นั่นก็เป็นเพียงความคิดที่ลอยแวบเข้ามาเท่านั้น
ตอนนี้เขาต้องใช้ทุกวิธีในการตามหาที่อยู่ของ’ซูเฟย’หยิ่งให้ได้ ชายหนุ่มไม่สามารถละเลยความจริงในข้อนี้
“ความจริงแล้วก็ไม่น่าเป็นห่วงอะไรเท่าไหร่ เธอก็เป็นคนดีอยู่แล้วนี่นะ”
‘เย่เฟิง’ตบไหล่เด็กสาวเบาๆ น้ำเสียงที่นุ่มนวลและอ่อนโยนของเขาปลอบประโลมเธอ ชายหนุ่มคลายมือออกของเขาออกเล็กแล้วและเพ่งพิศมองใบหน้าอันสวยงามของเด็กสาว เขาประทับภาพนี้ลงในหัวใจเขาอย่างแนบแน่น ‘เย่เฟิง’หันหลันเดินจากไปขณะที่เด็กสาวยังคงชะเง้อมองชายหนุ่มที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ
“ไม่ต้องเป็นห่วง เขาไม่ใช่คนธรรมดา ไม่มีอะไรทำอันตรายเขาได้อย่างแน่นอน”
ใบหน้าที่ดูดุร้ายของชายหน้าบากกล่าวด้วยรอยยิ้มต่อ’ซูเหมิงหาน’ จากนั้นจึงเดินประกบตาม’เย่เฟิง’ไป เจ้า’อี้เปย’กำลังยืนรอพวกเขาอยู่ด้านนอกของร้านอาหาร เหล่าผู้คนที่ยังหลงเหลืออยู่มองด้านหลังของเย่เฟิงและชายหน้าบากอย่างงงๆ ทำไมอยู่ๆเขาก็รีบออกไปเสียแบบนั้น ไม่แม้กระทั่งพา’ซูเหมิงหาน’ไปด้วยกัน?
‘ซูซินฉาง’รีบวิ่งไปหาลูกของเขาแล้วเอ่ยถาม
“เหมิงหาน เกิดอะไรขึ้น?”
“มันไม่เกี่ยวกับพ่อค่ะ”
ทันทีที่’ซูเหมิงหาน’ได้ยินเสียงพ่อของเธอ เด็กสาวตอบกลับอย่างเย็นชา
“นายหญิงเย่ไปกันเถอะครับ พวกเราจะไปส่งคุณที่บ้านเอง”
ชายหน้าเหลี่ยม’ซ่งหู่’ที่อยู่ในเครื่องแบบสูทตะวันตกเห็น’ซูซินฉาง’ที่วิ่งเข้ามาหา’ซูเหมิงหาน’ เขาเบนตัวมากั้นระหว่างทั้งสองคนไม่ให้อีกฝ่ายได้เข้าถึงตัวเธอ ชายหน้าเหลี่ยมมองไปทาง’เย่เฟิง’และชายหน้าบากที่เดินจากไป แววตาของเขาวูบวาบอย่างแปลกประหลาด
“อื้ม ไปกันเถอะ…”
‘ซูเหมิงหาน’ผงกหัว ในเมื่อตอนนี้’เย่เฟิง’ก็ไปแล้ว เธอก็ไม่ได้ต้องการจะอยู่ที่นี่เพื่อสนทนากับ’ซูซินฉาง’หรือคนอื่นๆอีก เมื่อกลุ่มอสรพิษสวรรค์เห็นเด็กสาวแสดงท่าทีเช่นนี้พวกเขาต่างมาล้อมรอบอารักขาพาเธอเดินออกไป ตอนนี้เด็กสาวเชื่อใจคนของแก๊งอสรพิษสวรรค์มากกว่าคนอื่นใด
เพราะคนของแก๊งๆนี้เชื่อฟังและให้ความเคารพกับ’เย่เฟิง’ พูดได้ว่า’เย่เฟิง’ไม่ใช่เป็นเพียงญาติของหัวหน้าแก๊งอสรพิษสวรรค์เท่านั้น แต่ยังมีความสัมพันธ์กับตระกูลหลิน ดังนั้น เธอเชื่อว่าจะไม่มีใครกล้าล่วงเกิน’เย่เฟิง’อีก
‘ซ่งหู่’โบกมือให้สัญญาณคนของเขาเก็บอาวุธพลางอารักขา’ซูเหมิงหาน’เดินออกไปจากทางเดิน ปาก’ซูซินฉาง’ขยับราวกับต้องการกล่าวอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
“พี่ซู ฉันไปก่อนนะ”
‘หลิวลี่ฮุ่ย’ยิ้มกว้างเดินไปตบไหล่’ซูซินฉาง’จากนั้นออกไปจากที่นี่เช่นกัน ถึงแม้ชายอ้วนจะไม่รู้ว่า’เย่เฟิง’ติดธุระด่วนอะไรก็เถอะ แต่เขาเชื่อว่าการที่เขาออกหน้าช่วยเหลือ’เย่เฟิง’ไว้ในวันนี้ต้องสร้างความประทับให้กับชายหนุ่มอย่างแน่นอน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาตัดสินใจเดินเกมได้อย่างชาญฉลาดมากในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเย่เฟิงผู้ที่มีคนยิ่งใหญ่หนุนหลังอยู่! ตอนนี้เหลือเพียงคนของตระกูลเซี่ยเท่านั้นที่ยังไม่จากไป ‘ซูซินฉาง’ยืนอยู่อย่างนั้นอย่างสิ้นหวังเช่นกัน ค่ำคืนนี้การปรากฎตัวของผู้อาวุโสตระกูลหลินได้สร้างความหนักใจให้แก่พวกเขาอย่างมหาศาล
“ซินฉาง เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ฉันคงไม่มีอะไรจะพูดนอกจากว่านายได้สูญเสียอย่างใหญ่หลวงแล้วล่ะ”
‘เซี่ยผิงฮุ่ย’ลุกขึ้นยืนพลางกระแอมพูดกับ’ซูซินฉาง’
“ทำไมกัน ทำไมคุณถึงไม่บอกก่อนว่าเด็กคนนั้นจะมีคนอยู่เบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้…..”
‘เซี่ยหมิน’ชี้หน้า’ซูซินฉาง’และตะคอกใส่เขา
“จะโทษฉันได้ยังไงเล่า?”
เวลานี้ที่’ซูซินฉาง’รู้สึกเสียใจอยู่แล้วเขากลับถูกอีกฝ่าย “คนที่เคยอยู่เคียงข้างเขา” ดุด่า ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาเศร้าใจมากแค่ไหน
“หึ มันก็ควรจะต้องเป็นเช่นนั้นนี่”
‘เซี่ยผิงฮุ่ย’กล่าวเสียงแข็ง
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เราได้สร้างเรื่องบาดหมางใจไว้กับตระกูลหลินแห่งเหยียนจิงไปแล้ว ดังนั้นบริษัทซูเฉิงของนายจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ด้วยการขายหุ้นส่วนหนึ่งไปเป็นการชดเชย…”
ได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของ’ซูซินฉาง’ซีดเผือดทันควัน ความนัยที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของ’เซี่ยปิงฮุ่ย’ก็คือ’ซูซินฉาง’ต้องขายหุ้นของบริษัทเขาในราคาที่ต่ำมาก!
ตามเรื่องราวแล้วหุ้นเหล่านี้จะไม่อยู่ในมือของ’ซูซินฉาง’แต่อยู่ในการควบคุมของตระกูลเซี่ย เมื่อผลออกมาเป็นเช่นนี้เขาจึงไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้เลย สำหรับตระกูลเซี่ย บริษัทซูเฉิงเป็นแค่ส่วนหนึ่งของอุสาหกรรมเท่านั้น
แต่สำหรับ’ซูซินฉาง’มันคือทุกอย่างของเขา เขามีหุ้นเหลือในมืออย่างจำกัดอยู่แล้วการที่เขาต้องขายมันไปให้ตระกูลหลินอีกเท่ากับว่าอำนาจและอิทธิพลที่เคยมีอยู่จะต้องหายไป ความมั่งคั่งและสถานะทางสังคมของเขาพังทลายในชั่วพริบตา!
……
เมื่อ’เย่เฟิง’และชายหน้าบากลงบันไดมาพร้อมกัน ผู้จัดการภัตตาคารจินเชิงรีบวิ่งมาหาพวกเขา เขาเป็นชายวัยหนุ่มลักษณะสุภาพสวมใส่แว่นกรอบบางแต่งตัวด้วยชุดสูทแบบตะวันตกใส่สวมใส่เนคไท ไหล่ของเขาสั่นเทาอย่างหวาดหวั่นเล็กน้อย ชายหนุ่มคือผู้ที่รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับหัวหน้าใหญ่ของร้านอาหารจินเชิง
แต่ถึงกระนั้นหัวหน้าใหญ่ของเขายังไม่กล้าออกหน้ามาเอง เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนี้มันใหญ่เกินไป เกินกว่าที่ใครจะคาดคิดไว้จริงๆ มากไปกว่านั้น เมื่อครู่นี้ตำรวจกลุ่มใหญ่ที่พึ่งเดินออกไปตกลงว่าพวกเขาแค่มาเดินเล่นงั้นหรือ มีคนของแก๊งอาชญากรรมใต้ดินอยู่มากมายแต่ไม่มีสักคนที่ถูกจับกุมไปโดยตำรวจเลย
หรือจริงๆแล้วตำรวจเหล่านั้นตั้งใจแค่จะมากินข้าวจริงๆ? ในใจผู้จัดการโรงแรมเต็มไปด้วยความหดหู่แต่เขาไม่กล้าที่จะเอ่ยปากพูดอะไรทั้งนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลานี้ที่เขาเห็นทั้งชายหน้าบากกับ’เย่เฟิง’เดินลงมาพร้อมกัน ชายหนุ่มรีบปั้นยิ้มเดินไปต้อนรับพวกเขา
“ท่านสภาพบุรุษครับ โปรดรอก่อน…”
เขาหยุดอยู่หน้า’เย่เฟิง’ขวางชายหนุ่มไว้พร้อมกล่าวอย่างสุภาพ
“มีอะไรอีกล่ะ?”
‘เย่เฟิง’ขมวดคิ้ว ตอนนี้’จูไป๋เหนี่ยว’นักขุดสุสานอยู่ที่ร้าน’อู๋ฉี’แล้ว เขาไม่ยอมเสียแม้แต่วินาทีเดียวกับเรื่องไร้สาระเด็ดขาด
“หลีกไป”
ชายหน้าบากไม่สามารถรักษาความสุภาพได้เช่น’เย่เฟิง’ ใบหน้าของเขาถมึงทึงพร้อมคำรามด้วยเสียงอันดัง เห็นแบบนั้นแล้วผู้จัดการโรงแรมก็ไม่สามารถห้ามความกลัวของเขาได้พลางก้างถอยหลังไปสองก้าวอย่างหวาดหวั่น เขายกมือปาดเหงื่อบนหน้าผากจากนั้นจึงอธิบาย
“ร้านอาหารของเราได้เตรียมบัตรสมาชิกระดับเพชรไว้ให้กับคุณเย่ครับ หลังจากนี้ไปคุณเย่สามารถใช้มันเผื่อรับส่วนลด…”
“ขอโทษนะแต่ผมต้องไปแล้ว”
‘เย่เฟิง’พูดเพียงสองสามคำแล้วจึงรีบก้าวขาเดินไปอย่างฉับไป
“ด… เดี๋ยวก่อนครับ คุณเย่…”
นั่นทำให้ผู้จัดการโรงแรมตกใจอย่างมาก ชายหนุ่มผู้นี้เป็นใครกันแน่นะ? ร้านอาหารจินเชิงจัดได้ว่าเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ดีที่สุดของเมืองเหยียนจิง แต่ดูแล้วบัตรสมาชิกระดับเพชรนี้ไม่แม้แต่ดึงดูดใจชายหนุ่มตรงหน้านี้ได้เลย เขาไม่ต้องการมันจริงๆหรือ?
“ถ้านายอยากจะให้บัตรอะไรนั่นเอาไว้ให้ผู้หญิงที่เดินตามหลังเรามาแล้วกันนะ”
‘เย่เฟิง’ไม่สนใจเขาอีกต่อไป ชายหนุ่มกล่าวเมื่อหันไปเห็น’ซูเหมิงหาน’ที่มาพร้อมกับ’ซุ่งหู่’จากทางลิฟท์
“เอ่อ แต่นี่มัน…”
ผู้จัดการโรงแรมรู้สึกค่อนข้างลังเล หัวหน้าของเขาสั่งมาเองว่าให้ยื่นบัตรนี้กับมือชายหนุ่ม ถ้าเขาไม่ปฏิบัติตามนี้เขาได้หลุดจากเก้าอี้ผู้จัดการแน่ๆ
“นายเอามันไปให้คุณผู้หญิงเย่ เธออยู่ตรงนั้น จะรออะไรอีกไปได้แล้ว!”
ชายหน้าบากตะโกนใส่อีกฝ่ายอย่างราวกับไม่ใส่ใจอะไร แต่ความจริงกลับซ่อนความนัยไว้ให้อีกฝ่ายรู้ถึงสถานะของ’ซูเหมิงหาน’ หลังจากนั้นชายหน้าบากรีบออกจากร้านอาหารไปกับ’เย่เฟิง’ในทันที
ผู้จัดการโรงแรมเข้าใจทุกอย่างอย่างแจ่มแจ้ง เด็กสาวอันงดงามตรงหน้านี้เป็นแฟนสาวของชายหนุ่มคนนั้นนี่เอง! มีไม่กี่คนในเมืองเหยียนจิงที่มีบัตรสมาชิกระดับเพชรของร้านอาหารจินเชิง เมื่อ’ซูเหมิงหาน’ได้รับบัตรสมาชิกนี้มาเธองงอยู่สักพัก แม้กระทั่งพ่อของเธอก็ยังม่แค่บัตรสมาชิกระดับเงินของร้านนี้
แล้วมันยังมีอีกหลายขั้นด้วยซ้ำกว่าจะไต่ระดับไปหาสมาชิกระดับเพชรได้เชียวนะ! เด็กสาวเริ่มรู้สึกว่าช่องว่างระหว่างเธอกับ’เย่เฟิง’เริ่มห่างออกไปทุกที
………………………………………..
แปลโดยทีมงาน GSI
Solar Spark: วันนี้ตอนสุดท้ายของวันนะครับ พอดีวันนี้นักแปลไม่ค่อยว่างกัน ผมก็มีงานเข้าด้วย
ที่มา: