I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Genius Sword Immortal ตอนที่ 66 เคล็ดวิชาดาบปีศาจคำราม

| Genius Sword Immortal | 2538 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

ในขณะที่ร่างกายไร้หัวของ’หลี่จวิ้นหลง’ล้มลงกับพื้น ‘จูไป่เหนี่ยว’ก็กระอักเลือดสด ๆ ออกมาจากปาก ในที่สุดเขาก็ไม่สามารถที่จะทนอีกต่อไปและทรุดตัวลงพื้นพร้อมกัน   ใบหน้าราวกับดวงจันทร์ของ’ตู้เจวียน’เห็นในพริบตาว่า ‘เย่เฟิง’ที่สวมหน้ากากปรากฎตัวออกมาจากท้องฟ้า

ในขณะที่กระพริบตาสองที หัวของ’หลี่จวิ้นหลง’ก็ปลิวขึ้นสูงในฉับพลัน เมื่อเห็นอย่างนั้นเธอตกใจกลัวอย่างมาก แม้แต่ขาก็ยังอ่อนแรง บาดแผลที่เกิดจากมีดทั้ง 5 เล่มซึ่งปักอยู่ ยังคงมีเลือดไหลออกมา หญิงสาวรู้สึกราวกับว่าจะเป็นลมขณะพิ่งหลังกับต้นไม้

“ย…อย่าฆ่าฉัน…….หญ้าสื่อจิตอยู่กับเขา……”

ทั่วทั้งร่างของ’ตู้เจวียน’สั่นเป็นเจ้าเข้า ขณะที่เธอชี้นิ้วของเธอไปยัง’จูไป๋เหนี่ยว’ ความกลัวปรากฎขึ้นบนสีหน้าของเธอชัดเจน   เมื่อเห็นแบบนั้น นี่ทำให้’เย่เฟิง’ถึงกับส่ายหัว ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยรู้เลยว่า’จูไป๋เหนี่ยว’ไม่เพียงแต่รักเธอมาก แต่ก็ยังยินดีที่จะเสียสละชีวิตของเขาเอง เพื่อให้เธอปลอดภัย

ถึงอย่างนั้นในโลกใบนี้ ความรักไม่เคยต้องการเหตุผลอยู่แล้ว คงมีเพียงตัว’จูไป๋เหนี่ยว’เองเท่านั้นที่เข้าใจความรู้สึกนี้   ‘เย่เฟิง’เดินไปประมาณ 30 ก้าว เขาเข้ามาใกล้กับ’จูไป๋เหนี่ยว’และนั่งลง จากนั้นจึงเริ่มตรวจสอบอาการบาดเจ็บของเขา   ชายคนนี้ยังไม่ตาย แต่โชคร้ายที่เขาคงอยู่ได้ไม่นานนัก

แม้กระทั่ง’เย่เฟิง’ผู้มาจากโลกเทวะเองที่รู้จักยารักษาชั้นเยี่ยมมากมายยังไม่มีความสามารถพอที่จะยื้อชีวิต’จูไป๋เหนี่ยว’เอาไว้ได้

“ขอบใจนายมาก…..นาย.ไปเอากระดาษและปากกามาให้ฉัน….ฉันจะวาดแผนที่ให้…..”

‘จูไป๋เหนี่ยว’ พูดอย่างตะกุกตะกัก แม้แต่จะยกมือขึ้นในตอนนี้ เขายังทำเกือบไม่ได้   เมื่อเห็นอย่างนี้ ‘เย่เฟิง’รีบวิ่งออกไปโดยไม่พูดอะไร เขากลับไปสถานที่หลบซ่อนก่อนหน้านี้ที่เนินลาดชัน จากนั้นจึงหยิบกระเป๋าสีดำขึ้นมาจากที่เก็บไว้บนพื้นหญ้าและดึงแผนที่ออกมาพร้อมกับปากกา

‘เย่เฟิง’อ้อมไปยังด้านหลังของ’จูไป๋เหนี่ยว’และนำมันให้เขาดู   อีกด้านหนึ่ง’ตู้เจวียน’เห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น แต่เธอก็ไม่รู้ว่าชายหนุ่มทั้งสองคนกำลังทำข้อตกลงอะไร ชายสวมหน้ากากที่ฆ่า’หลี่จวิ้นหลง’ตอนนี้เขาควรที่จะพยายามมองหาหญ้าสื่อจิตให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ไม่ใช่หรือ?

แล้วนั้นเขาไปเอาปากกาและกระดาษมาให้’จูไป๋เหนี่ยว’ทำไม?   ‘เย่เฟิง’ขมวดคิ้วพลางคิดในใจว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นอุปสรรคต่อแผนการของเขา เขาจึงลุกขึ้นก่อนเดินตรงไปหาเธอ

“นายจะทำอะไร อย่าฆ่าฉันเลย ได้โปรด อย่าฆ่าฉัน อ๊า…”

ขณะที่เห็นชายหนุ่มเดินตรงมา ‘ตู้เจวียน’ก็ผงะและกรีดร้องออกมา หล่อนล้มลุกคลุกคลานเพื่อที่จะรีบหนีไปจากที่ตรงนี้ แต่ไม่มีเรี่ยวแรงมากพอจะที่ทำได้

หวับ!   ‘เย่เฟิง’จ่อมีดในมือของเขาลงบนคอน้อยๆของเธอ และทำท่าราวกับว่าจะปาดคอของเธอ จึงทำให้หญิงสาวตกใจจนสิ้นสติไป   ก่อนที่เขาจะหันไปหา’จูไป๋เหนี่ยว’ที่กำลังสั่นสะท้านทั่วทั้งร่างในขณะที่กำลังวาดแผนที่ ‘เย่เฟิง’มองไปที่ภาพและสังเกตุเห็นว่าภาพนั้นพุ่งเป้าไปที่ชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกของประเทศจีน

บางทีอาจจะอยู่ในเขตของเจ้อเจียงก็เป็นได้ ด้านบนของกระดาษเขียนว่า “เคล็ดวิชาดาบปีศาคำราม” ด้วยอักษรขนาดใหญ่   นั่นมันคืออะไร ? ‘เย่เฟิง’รู้สึกสงสัย

“สำนักเทวะเร้นลับ… วิชาเพลงศาตราวุธที่สูญหายไป…. หากสามารถสำเร็จวรยุทธ์นี้ในขั้นสูง มันจะทำให้เมื่อใช้วิชามีดบินจะก่อให้เกิดเสียงกรีดร้องดั่งภูติพราย หรือเสียงคำรามของสุนัขป่าเลยทีเดียว ซึ่งสามารถเขย่าขวัญฝ่ายตรงข้ามได้ดียิ่งนัก แต่โชคร้ายซะเหลือเกิน ที่ฉันไม่มีความสามารถมากพอที่จะฝึกฝนมัน   “

ขณะที่’จูไป๋เหนี่ยว’กำลังพูดอยู่นั้น เขาก็ได้ปิดเปลือกตาลง

“วิชานี้ถูกส่งต่อมายังรุ่นสู่รุ่น… โดยหนึ่งในคนที่ทรยศของสำนักเทวะลี้ลับ…”

ก่อนที่้เขาจะทันได้พูดจบ เขาก็หมดสิ้นล้มหายใจไปแล้ว และไม่มีเสียงใด ๆ เล็ดลอดออกมาจากปากเขาอีกเลย

“……………………….”

‘เย่เฟิง’หยิบแผนที่ออกมาจากร่างของ’จูไป๋เหนี่ยว’ที่ไร้ซึ่งลมหายใจ ก่อนจะตรวจสอบแผนที่อย่างระมัดระวัง   ด้วยดาบเจินฉีของเขา ชายหนุ่มได้ขุดหลุมถัดจากร่างของ’จูไป๋เหนี่ยว’ก่อนจะฝั่งเขาไว้ที่นั่น หลังจากเสร็จเรื่องที่ต้องทำทั้งหมด เขาควรจะนำร่างของ’จูไป๋เหนี่ยว’ที่ไร้ซึ่งลมหายใจไปให้ฝังไว้ให้ถูกต้องตามประเพณี

อย่างไรก็แล้วแต่ที่นี่ไม่ใช่โลกเทวะแต่เป็นยุคสมัยใหม่ การปล่อยให้ร่างที่ไร้วิญญาณไว้บนพื้นโดยไม่ทำอะไรเลย เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง ในกรณีของร่างของ’หลี่จวิ้นหลง’ ‘เย่เฟิง’ได้โยนมันลงจากหน้าผาเพื่อให้น้ำพัดพาร่างของมันหายไป

หลังจากเสร็จเรื่องทั้งหมด เขาก็กลับมายังร่างที่ไม่ได้สติของ’ตู้เจวียน’ และตรวจสอบร่องรอยบาดแผลบนร่างเธอ มีดบินทั้งห้าเล่มไม่ได้ปักลงไปลึกนัก แต่ดูเหมือนว่าบนใบมีดเหล่านั้นจะถูกฉาบไปด้วยยาพิษ

เขาลังเลเล็กน้อย ก่อนเขาจะหยิบเอาขวดยาขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋าสีดำ และเทยาถอนพิษทั้งสองลงไปในปากเธอ ก่อนจะบังคับให้เธอกลืนมันลงไป   ไม่รู้ว่ามันช่วยอะไรได้บ้างหรือเปล่า แต่’เย่เฟิง’แค่อยากจะลองดู

“รักแท้ของเขาสุดท้ายแล้ว เขาก็ไม่ได้อะไรเลยนอกจากการหักหลัง”

‘เย่เฟิง’ลุกขึ้นและมองไปที่หลุมศพของ’จูไป๋เหนี่ยว’เป็นสิ่งสุดท้าย ก่อนจะหันหน้าเดินจากไป   ชายหนุ่มคิดถึง’ซูเหมิงหาน’ ถ้าเขาเลือกใช้ชีวิตอยู่ที่นี่กับ’ซูเหมิงหาน’ ท้ายที่สุดแล้วเรื่องราวมันจะเป็นอย่างไร ไม่มีใครทราบได้ แต่ในเมื่อ’ซูเหมิงหาน’เลือกที่จะเชื่อในตัวเขาแล้ว ‘เย่เฟิง’ก็พร้อมจะเชื่อในตัวเธอเช่นกัน

“เพลงดาบปีศาจคำราม เคล็ดวิชาที่หายสาบสูญไปของสำนักเทวะลี้ลับ ถ้ามีเวลาว่างเราคงต้องไปดูสักหน่อย ดูจากชื่อของมันแล้วมันฟังดูดีทีเดียว อย่างน้อยนี่ก็เป็นหนึ่งในวิธีเรียนรู้เกี่ยวกับวรยุทธ์คงโลกใบนี้”

‘เย่เฟิง’คิดในใจ เคล็ดวิชาดาบปีศาจคำรามของสำนักเทวะลี้ลับนี้มันไม่ได้เป็นแค่การปาดาบให้ลอยไปธรรมดาๆ การขว้างอาวุธลับพวกนี้ต้องการพลังที่มากกว่าคนทั่วไป มันต้องมีเคล็ดลับเฉพาะในการควบคุมบังคับใช้มัน

ชายหนุ่มวิ่งอยู่ในพงหญ้าเลาะไปตามลำห้วย ตรงไปตามทาง จุดหมายคือข้างในสุสานโบราณที่อยู่ไม่ไกล แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นสองร่างที่คุ้นเคยปรากฏขึ้น โดยไม่คาดคิดว่าจะเป็นพวกเขาจริง ๆ นักเดินทางที่สวมชุดเทาและหมวกฟาง แบกห่อผ้ากันน้ำผืนยาวขนาดใหญ่คล้ายกับอาวุธบางชนิด

บุรุษผู้หนึ่งและสตรีนางหนึ่งที่อยู่บนฝั่งตรงข้ามของลำห้วย ห่างออกไปไม่มากนักจากเย่เฟิง กำลังตรงไปยังที่ ๆ เดียวกับที่ชายหนุ่มกำลังจะไป   โชคดีนัก ณ ตรงที่เย่เฟิงกำลังวิ่งมันเป็นพงหญ้าที่ทั้งหนาและสูงเป็นอย่างมาก มากไปกว่านั้นฝ่ายตรงข้ามยังไม่รับรู้ถึงเย่เฟิงที่อยู่บริเวณนี้

“วังดาบสวรรค์ เราไม่อาจคาดเดาความแข็งแกร่งของเขาได้เลย….. ”

[LASTVOICE : เทียนเต้าเตี้ยนหมายถึงพระราชวังดาบสวรรค์ ดังนั้นจากนี้ไปผมจะขอใช้คำว่าวังดาบสวรรค์ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และในตอนที่ 61 ผมขอเปลี่ยนเทียนเต้าเตี้ยนเป็นวังดาบสวรรค์ ขออภัยในความไม่สะดวกด้วยครับ :)]

‘เย่เฟิง’ลดฝีเท้าลงด้วยความรอบคอบ เนื่องจากเขาไม่การให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ว่าหญ้าวิญญาณประดับฟ้าถูกเขาดูดซับไปแล้ว และในขณะที่ชายหนุ่มกำลังคิดว่าจะเปลี่ยนเส้นทาง เขาก็เผอิญได้ยินบทสนทนาเล็กน้อยที่หลุดรอดมาของชายหนุ่มกับหญิงสาว

“ฮิฮิ คุณหนูตระกูลมังกรต้องอยู่ข้างหน้าของพวกเราเป็นแน่”

หญิงงามกล่าว

“หึ ครั้งล่าสุดที่เจอกันตอนหญ้าใบทอง พวกเรายังอ่อนแออยู่ ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะได้เจอกันอีกครั้ง ฉันสาบานเลยว่าจะต้องตัดหัวผู้หญิงคนนั้นด้วยดาบของฉันให้ได้”

ชายหนุ่มยื่นลิ้นสีแดงเข้มออกมาตวัดเลียบริเวณริมฝีปากสร้างความน่าขนลุกดูละม้ายคล้ายฆาตกร

“ฉันรู้ว่านายต้องการที่จะจับเป็นคุณหนูตระกูลมังกรนั่น ลดความกระหายนั่นหน่อยก็ดีนะ อย่าลืมว่าพวกตระกูลหลงก็อยู่ที่นั่น ฉันกลัวว่าเรื่องมันจะไม่ง่ายนักน่ะสิ”

ผู้หญิงคนนั้นกล่าวออกมาเบา ๆ

“ที่รัก ฉันรู้อยู่หรอกน่า”

ชายหนุ่มเหยียดรอยยิ้มออกมาอย่างน่ากลัว

“แต่หล่อนสวยเป็นบ้า จะให้ฉันไม่ลองลิ้มรสร่างกายของเธอได้อย่างไร? ถึงแม้ว่าจะกลายเป็นศพก็เถอะ มันก็คงเป็นศพที่สวยงามมิใช่น้อย…..”

จากฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำ ที่ซ่อนอยู่ในกอหญ้า ‘เย่เฟิง’กำลังแอบฟังพวกเขาอยู่ และเข้าใจในความหมายที่’จูไป่เหนี่ยว’พูดในก่อนหน้านี้ทันที

“คู่บ้าที่สติไม่สมประกอบจากวังดาบสวรรค์”

เดิมที เจ้าคู่บ้าสองคนนี่ได้ขโมยหญ้าใบทองไปจากมือ’หลงหวางเอ๋อ’ หญิงสาวจึงไล่ตามจนเอาคืนมาได้ แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็สิ้นสติจากยาพิษและได้’เย่เฟิง’ช่วยไว้

“พวกมันช่างเหมือนหมาที่กัดคนไม่เลือกจริง ๆ สมองก็เหมือนซากศพ ที่ไม่มีความคิดดีๆอันใดเลยแม้แต่น้อย”

‘เย่เฟิง’สาบแช่งพวกชั่วนี่อยู่ในใจ หาก’หลงหวางเอ๋อ’ตกอยู่ในกำมือพวกมันล่ะก็ ถึงตอนนั้นใครจะรู้ว่าสุดท้ายจะเกิดอะไรขึ้น แต่ถึงอย่างนั้น ตอนนี้’หลงหวางเอ๋อ’ก็ยังเห็นเขาเป็นศัตรูอยู่ แถมยังตอบแทนความมีน้ำใจของเขาด้วยการกระทำแบบนั้น มันน่าหงุดหงิดซะจริงๆ

“นั่นใคร!”

ชายหน้าตอบคนนั้นตวาดเสียดัง สร้างความตกใจแก่’เย่เฟิง’อย่างยิ่ง   แต่ในไม่ช้า’เย่เฟิง’ก็สังเกตเห็นว่าฝั่งตรงข้ามนั้นไม่ได้เจอตัวเขา แต่มันเป็นชายตัดไม้บนภูเขานั่นต่างหากที่ถูกพบ ชายตัดไม้คนนั้นสวมหมวกฟางเห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น

มีตระกร้าบรรจุสมุนไพรอยู่บนหลังของชายตัดไม้ เขาคงมาจากหมู่บ้านเพื่อที่จะหาสมุนไพร เมื่อเขาเห็นคนสองคนจากพระราชวังดาบสวรรค์ เขายังคงประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัดไปชั่วขณะหนึ่ง สายตาของเขาจับจ้องไปยังสัดส่วนที่สวยงาม ผิวสีขาวราวหิมะที่เผยให้เห็นบางส่วน ช่างเป็นผู้หญิงที่มีความงดงามดึงดูดสายตายิ่งนัก

เขาไม่สามารถที่จะละสายตาไปจากนางได้เลย

“แกกำลังมองหาอะไรอยู่?”

เสียงของชายหน้าตอบลดต่ำลง เห็นได้ชัดว่ามันรู้สึกไม่ค่อยดีนักและไม่ชอบใจอีกต่อไปเพราะสายตาที่ส่งมาจากฝ่ายตรงข้าม

“ท่าไม่ดีแล้วสิ…..”

‘เย่เฟิง’ทะลุพงหญ้าหน้าออกไป ทันใดนั้นเขาก็ได้เห็นความกระหายการฆ่าปรากฏบนสีหน้าของชายหน้าตอบคนนั้นพร้อมกับแววตาที่กระหายเลือด นั่นทำให้ชายหนุ่มใจสั่นไม่หยุด ชายตัดไม้แค่มาที่นี่เพียงเพื่อหาสมุนไพร ถึงกับจำเป็นต้องฆ่าเขาเลยหรือ?   แต่ก่อนที่’เย่เฟิง’จะทันได้คิดอะไรต่อไป ชายหน้าตอบคนนั้นก็ได้แกะผ้าใบผืนยาว และดึงดาบออกมา

ฉั๊วะ!

ร่างสูงของมันขยับอย่างรวดเร็วยากเกินจะพรรณนาภายใต้แสงอาทิตย์ ตามด้วยแสงสีส้มแดงที่ตกกระทบลงบนตัวดาบ มันก้าวไปยังด้านหน้าของชายตัดไม้ที่กำลังถอนสมุนไพรอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าเพื่อสังหาร   ‘เย่เฟิง’ลอบหวั่นอยู่ในใจกับความเร็วของอีกฝ่าย แต่สิ่งที่ทำให้’เย่เฟิง’ตกใจมากไปกว่านั้นคือความเร็วชั่วพริบตาของชายหน้าตอบคนนั้นเหนือกว่าก้าวย่างไร้เงาของเขาเสียอีก

ชายหนุ่มไม่สามารถหยุดยั้งการลงมือของชายคนนั้น เขาทำได้เพียงมองดูดาบที่กำลังฟันใส่ชายคนตัดไม้ผู้เคราะห์ร้ายอย่างช่วยเหลืออะไรไม่ได้   หากมันตวัดดาบเพียงครั้งเดียว ร่างของชายตัดไม้ก็คงถูกผ่าออกเป็นสองซีกทันที!

……………………………….

แปลโดยทีมงานGSI

Solar Spark: LASTVOICE คือนามแฝงผู้แปลจีนมาENGนะครับ

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments