ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป‘เย่เฟิง’วิ่งตรงเข้าไปยังบริเวณภายในสุสานโบราณ พลันสายตาเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความมืดมิด ชายหนุ่มรู้สึกว่าทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวเขากำลังเลือนหายไป นี่ถ้าเขามีวรยุทธ์ซัก10ปี เขาคงสามารถที่จะอาศัยทักษะเซียน “สัมผัสวิญญาณ” ในการมองเห็นท่ามกลางความมืดได้
แต่ตอนนี้เขายังไม่มีความสามารถมากพอที่จะทำเช่นนั้นได้ แต่โชคดีนัก ที่เขาได้ตระเตรียมการไว้เผื่อสำหรับเวลานี้แล้ว เย่เฟิงคว้าไฟฉายออกมาจากกระเป๋าสีดำของเขา ซึ่งได้ถูกจัดไว้โดย’จ้าวอี้เปย’ ทั้งยังมีถ่านอีกถึง 7 ก้อนไว้สำรอง ซึ่งมากพอที่จะใช้ได้เป็นเวลาหลายวัน
มากไปกว่านั้น’จ้าวอี้เปย’ยังทำให้ไฟฉายสามารถที่จะใช้งานได้นานขึ้น โดยการปรับไม่ให้ไฟสว่างมากเกินจำเป็นแต่ให้เพียงพอเหมาะสมต่อการใช้งานสำหรับ’เย่เฟิง’ เมื่อแสงไฟในมือของเขาสว่างขึ้น ปรากฏให้เห็นถึงรอยแยกด้านหน้าของ’เย่เฟิง’ พอมองเข้าไป จะเห็นได้ว่ามันสามารถผ่านเข้าไปได้แค่ทีละคนเท่านั้น
อย่างไรก็ตามข้างในนั้นกลับกว้างกว่า 100 เมตร ‘เย่เฟิง’ก็รู้ได้ทันทีว่าเขาได้มาถึงทางเข้าของสุสานโบราณแล้ว ร่องรอยและเงาของ’หลงหวางเอ๋อ’ได้หายไปนานแล้ว แต่’เย่เฟิง’ยังต้องรีบเข้าถึงตัวอีกฝ่ายให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะถ้าเขาไม่มีแผนที่ มันเป็นไปได้ยากกับการที่เขาจะเข้าไปในสุสานนี้ต่อ
เขาไม่ได้เป็นนักสำรวจโบราณสถาน เมื่อเทียบกับทักษะและเครื่องมือที่เขาเตรียมมาแล้ว มันยังห่างไกลจาก’จูไป่เหนี่ยว’นัก ชายหนุ่มเดินไปรอบๆ ก็พบว่ามันกว้างแค่ 32 ก้าวเดินเท่านั้น หลังจากนั้นเขาก็เจอห้องหินขนาดเล็ก ๆ ห้องหนึ่ง ด้านข้างของประตูมีร่องรอยความเสียหาย
อาจเป็นไปได้ว่า’จูไป่เหนี่ยว’จะเป็นลงมือทำ เนื่องจากไม่มีทางอื่นที่จะเข้าไปได้แล้ว เขาจึงตรงเข้าไปยังห้องหินและในที่สุดเขาก็มาถึงสุสานโบราณอย่างเป็นทางการเสียที ด้วยแสงสลัว ๆ ของไฟฉายในมือเขาที่อยู่โดดเดี่ยวท่ามกลางความมืดมิด บนพื้นหินเผยให้เห็นเถาวัลปกคลุมตลอดทั้งเส้นทางลง แม้เขาจะมองไม่เห็นปลายทางก็เถอะ
“บรรยากาศชื้นหน่อยๆ เหมือนที่จูไป๋เหนี่ยวพูดไว้เลยแฮะ ถ้าอย่างงั้นก็ต้องมีทะเลสาบอยู่ตรงกลางสุสานแห่งนี้สินะ…..”
‘เย่เฟิง’ครุ่นคิดอยู่ในใจ เขาก้มหน้าลงเพื่อจะมองหาเบาะแสจากร่องรอยที่ยังหลงเหลืออยู่ของ’หลงหวางเอ๋อ’ จากนั้นชายหนุ่มจึงก้าวเท้าของเขาออกไปตามทาง แล้วเร่งความเร็วจากเดินกลายเป็นวิ่งลงไปตามทางลงบันไดทันที และก็ได้มาถึงถนนสายหนึ่ง แสงไฟเฉิดฉายไปทั้งสองข้างทาง
‘เย่เฟิง’พบว่าหลังจากเดินมาได้ระยะหนึ่งกำแพงทั้งสองข้างของทางเดินมีไฟแฟลชไลท์อยู่ น่าเสียดายที่มันดับไปหมดแล้ว ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มยังเห็นแสงของมัน เพราะฉะนั้นไม่มีใครอื่นนอกจากหลงหวางเอ๋อที่ทำให้แสงไฟเหล่านี้ดับได้
“คุณหนูคนนี้ก็ฉลาดใช้ได้เลยนะ…”
‘เย่เฟิง’ลอบชมเชยหญิงสาวในใจแต่ก็ภูมิใจตนเองใช่กัน เห็นได้ชัดเลยว่า’หลงหวางเอ๋อ’ไม่ใช่คู่กรณีที่ต่อกรได้ง่ายๆเลย หลังจากที่ชายหนุ่มวิ่งมาตลอดทางเดินกว่าครึ่งกิโลเมตร เขาเริ่มรู้สึกว่าเรื่องชักจะยุ่งยากขึ้นมาแล้ว ตรงหน้าของ’เย่เฟิง’มีทางแยกอยู่
‘เย่เฟิง’ใช้ไฟฉายส่องกวาดไปทั่วพื้นที่เพื่อมองหาร่องรอยจนสังเกตพบบางอย่าง ฝุ่งที่จับอยู่ตรงทางแยกด้านซ้ายดูไม่เป็นระเบียบและยังมีรอยเท้าจางๆอยู่บนพื้น
“ทางนี้มันไม่ใช่ทางเข้าห้องโถงสุสานไม่ใช่เหรอ มันน่าจะเป็นทางตันรึเปล่านะ?”
‘เย่เฟิง’ขมวดคิ้วเล็กน้อยและคิดถึงอีกฝ่ายหนึ่ง เธอไม่ใช่คนโง่แถมยังมีแผนที่อยู่ในมือ มันแปลกมากที่เธอจะตรงเข้าไปยังทางตันข้างหน้านี้? ชายหนุ่มยังคงจำได้ถึงแผนที่ส่วนต้นจนถึงทางเข้าไปยังทะเลสาบใต้ดิน แต่รายละเอียดอื่นๆเขาไม่ทันได้ดูก็ถูก’หลงหวางเอ๋อ’ฉกไปเสียแล้ว
อย่างไรก็ดีทางแยกนี้ดูไม่ได้ยาวนัก ‘เย่เฟิง’จึงตัดสินใจลองเข้าไปสำรวจดู เขาวิ่งเข้าไปยังทางแยกด้านซ้ายมืออย่างรวดเร็ว ตลอดทางสังเกตเห็นหินผารอบๆยังคงมีสภาพสมบูรณ์ ดูมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ถ้าเกิดมีนักประวัติศาสตร์สักคนหลุดเข้ามาที่นี่ละก็พวกเขาคงต้องดีใจจนคลั่งเป็นแน่
น่าเสียดายสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้’เย่เฟิง’สนใจแม้แต่น้อย ชายหนุ่มมาถึงปลายทางอย่างรวดเร็วซึ่งเป็นรอบนอกของห้องโถงสุสาน
“บ้าเอ้ย ฉันถูกหลอกหรือเนี่ย”
‘เย่เฟิง’สำรวจสุสานเล็กๆแต่ไม่มีร่องรอยของหลงหวางเอ๋อ มีแต่ความเงียบกริบรายล้อมอยู่บริเวณนั้น ในกลางของสุสานมีหลุมที่ไม่มีใครรู้ว่าอะไรที่ถูกฝังอยู่ เย่เฟิงเริ่มตรึกตรองคิดขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นเขาไม่กล้าประมาทหลงหวางเอ๋ออีก การสร้างร่องรอยปลอมแปลงหลอกให้เขามาทางตันนี้เริ่มทำให้ชายหนุ่มไล่ตามหญิงสาวยากขึ้นไปเรื่อยๆ
“ฉันต้องไปที่ทะเลสาบใต้ดินก่อนเป็นอันดับแรก”
เมื่อ’เย่เฟิง’ตัดสินใจได้เขาออกตัวทันที ‘จูไป่เหนี่ยว’บอกว่าช่วงเวลาแรกของสุสานยังไม่มีทะเลสาบใต้ดินนี้ แต่หลังจากนั้นมันเกิดขึ้นมาโดยธรรมชาติ น้ำไหลมาสู่ใจกลางสุสานจนก่อให้เกิดทะเลสาบขึ้น สถานที่ที่’จูไป่เหนี่ยว’พบหลิงชี่ (หินจิตวิญญาณ) เป็นสถานที่เดียวกันกับรูปถ่ายที่เขาเห็นแผ่นหลังของใครบางคนที่คล้ายกับ’ซูเฟยหยิ่ง’!
ดังนั้น ในเมื่อ’เย่เฟิง’ไม่สามารถหาตัว’หลงหวางเอ๋อ’ได้เขาได้แต่เลือกไปที่ทะเลสาบใต้ดินแล้วสำรวจอย่างสุ่มๆแทน หลังจากนั้นชายหนุ่มจะใช้เส้นทางเดินกลับ การไต่กินพวกกลับขึ้นไปทางเดิมยังเป็นไปได้ แต่ดูจากระดับพลังของเขาตอนนี้แล้วน่าจะลำบากพอสมควร
ได้แต่หวังว่าที่ทะเลสาบใต้ดินจะต้องมีผลลัพท์ที่ดีสักอย่างเกิดขึ้นแล้ว ตลอดทางเดินกลับ ‘เย่เฟิง’เจอทางเลี้ยวมากมาย เขาไปตามทางในแผนที่ที่ยังพอจดจำไว้ได้ ชายหนุ่มเริ่มเข้าใกล้ทะเลสาบใต้ดินที่อยู่กลางสุสานโบราณทีละก้าว หัวใจเขาเต้นระรัว ยิ่งใกล้มากเท่าไหร่ ‘เย่เฟิง’เริ่มเก็บอาการตื่นเต้นไว้ไม่อยู่มากเท่านั้น
อาจารย์คนสวยของเขาซูเฟยหยิ่งเคยมาที่นี่จริงๆน่ะหรือ? แต่ถ้าไม่ใช่ทำไมรูปถ่ายนั่นถึงเหมือนเธอได้มากขนาดนี้กันล่ะ? แล้วถ้าเป็นเธอจริงๆทำไมเธอถึงมาที่สุสานโบราณแห่งนี้กัน? คำถามมากมายเดือดพล่านยู่ในใจ
‘เย่เฟิง’ได้แต่หวังว่าหลังจากไปถึงทะเลสาบใต้ดินจะมีคำตอบให้กับทุกสิ่งที่เขาสงสัย เหลือระยะทางอีกไม่ไกลมาก ไฟแฟลชไลท์ยังคงมีตลอดทาง ‘เย่เฟิง’ใช้เวลาเดินทางไปกว่าสิบนาที ตอนนั้นเองเขาก็มาถึงจุดหมายปลายทางจนได้ ชายหนุ่มหันไปตรงหัวมุม ไฟฉายของเขาดับลง
แต่ก็มีแสงสลัวสีขาวปรากฎขึ้นมาครอบคลุมแทนที่แสงไฟที่หรี่ลงจากไฟฉายเขา
“ถึงแล้ว!”
‘เย่เฟิง’ปิดไฟฉายแล้วกวาดสายตามองไปรอบๆ ไฟสีขาวสลัวๆที่ล่อยล่องไปทั่วบริเวณนี้เป็นไปตามที่จูไป่เหนี่ยวบอกไว้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน ที่จริงแล้วแสงไฟเหล่านี้มาจากไข่มุกรัตติกาลเรืองแสงในตำนานที่อยู่ในกลางสุสานโบราณ แต่น่าเสียดายที่มันจมไปใต้ก้นทะเลสาบแล้ว
จึงทำได้เพียงแค่ส่องแสงสลัวๆเท่านั้น ‘เย่เฟิง’ก้าวไปอีกสองก้าวเพื่อจับภาพสุสานจากขอบนึงไปยังอีกขอบด้านหนึ่ง ชายหนุ่มเห็นเพียงแค่ห้องโถงทรงสี่เหลี่ยมที่กว้างหลายร้อยตารางเมตร หลุมตรงกลางห้องถูกเติมเต็มไปด้วยน้ำจากทะเลสาบใต้ดินที่ใสชัด แต่บริเวณรอบทะเลสาบใต้ดินมีต้นเถาวัลย์กระจายอยู่
ภายใต้แสงสลัวสีขาวทำให้ภาพที่เห็นตรงหน้าดูวิจิตรตระการตาราวกับอยู่บนสรวงสวรรค์ ภายในทะเลสาบ มีหมู่ปลาแหวกว่ายอย่างคล่องแคล่วและมีชีวิตชีวา
พืชน้ำเจริญเงอกงามอย่างอุดมสมบูรณ์ แสงจากไข่มุกรัตติกาลเรืองแสงในตำนานส่องผ่านทะลุพืชเหล่านั้นมายังผิวน้ำ ดูราวกับเป็นชั้นแสงสีขาวบางที่โอบอุ้มไปทั่วสถานที่แห่งนี้
หลังจากมาถึง ‘เย่เฟิง’รู้สึกถึงความสดชื่นและความรู้สึกสบาย ทันใดนั้นเขารับรู้ถึงอำนาจจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ในทะเลสาบแห่งนี้! ถึงแม้ว่ามันจะน้อยมากแต่ว่ามันเคยมีอยู่จริง ไม่แปลกใจเลยที่’จูไป่เหนี่ยว’สามารถหาหินจิตวิญญาณเจอที่นี่ได้ แต่’จูไป่เหนี่ยว’ก็ยังไม่ใช่มืออาชีพนัก
ทันทีที่เขาเห็นหินจิตวิญญาณเขาไม่ได้สนใจอะไรมันมากมาย เพียงแค่เก็บมันมาและนำไปฝากขายต่อให้’อู๋เอ’ จนโชคตกมาถึง’เย่เฟิง’ที่สามารถซื้อมันในราคาถูกอย่างเหลือเชื่อ ‘เย่เฟิง’ที่เดินมาถึงขอบทะเลสาบกำลังคิดบางอย่างอยู่
ทันใดนั้นเรือนร่างที่สวยงามกระโจนเข้ามาหาชายหนุ่มจากอีกด้าน
“ใครกันน่ะ?”
‘เย่เฟิง’ร้องตะโกนอย่างตกใจ ทันใดนั้นเขาได้กลิ่นหอมหวนลอยเข้ามาแตะจมูก จากนั้นชายหนุ่มก็ล้มลงกับพื้นอย่างรุนแรง ความรู้สึกอันนุ่มนิ่มกระจายไปทั่วร่างของเขา กลิ่นหอมนี้ นี่มัน’หลงหวางเอ๋อ’ไม่ใช่งั้นเหรอ? เขาถูก’หลงหวางเอ๋อ’จับกดลงอย่างไม่ทันตั้งตัว!
ท่ามกลางแสงสลัวจากไข่มุกทำให้การมองเห็นภาพเป็นไปอย่างไม่ชัดนัก แต่’เย่เฟิง’ก็ยังสังเกตุเห็นได้ว่าสภาพของเธอตอนนี้ย่ำแย่มาก ตลอดทั้งร่างร้อนรุ่ม เสื้อผ้ายุ่งเหยิงดูไม่เรียบร้อย ลมหายใจหอบถี่ ยิ่งกว่านั้นดูเหมือนว่าฤทธิ์ของยาจะระเบิดขึ้นมาจนหยุดไม่อยู่แล้ว
หญิงสาวถึงได้เต็มไปด้วยอารมณ์ราคะและความปราถนาที่ดูร้อนแรงเช่นนี้ หน้าอกที่นุ่มหยุ่นและเหลือล้นนาบลงมาบนตัวของเขา สัมผัสต่างๆเหล่านี้ทำให้สิ่งที่อยู่ด้านล่างของ’เย่เฟิง’แข็งตัวขึ้นมาทันที!
…………………………………
แปลโดยทีมงาน GSI
Solar Spark: อ้ากกกกกกกกกกค้าง พูดแทนผู้อ่าน อิอิ
ที่มา: