ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปเมื่อข้อเท้าของ’หลงจื่อ’ถูก’เย่เฟิง’จับไว้ได้กลางอากาศ ใจของชายชุดม่วงพลันตื่นตกใจ ก่อนหน้านี้ เขาได้ยินมาว่าโม่จิ่วเกอดูเหมือนคนวัยหนุ่ม ซึ่งจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะสามารถปลดปล่อยพลังชี่ภายในออกมานอกร่างกายได้?
ยิ่งกว่านั้น ท่าที่ชายสวมหน้ากากใช่ออกมานี่มัน…..ทักษะกรงเล็บมังกรของตระกูลเย่งั้นรึ? ‘หลงจื่อ’พลันไหลเวียนพลังชี่ของตัวเองกลับเข้าไปในจุดตัดเถียนเพื่อสร้างเสถียรภาพ จากนั้นจึงค่อยๆทิ้งตัวลงมาบนพื้นอย่างมั่นคง
“ยอดเยี่ยม การปลดปล่อยพลังชี่ภายในออกมานอกร่างกายไม่ใช่เรื่องง่ายแม้แต่น้อย”
‘หลงจื่อ’ชื่นชม’เย่เฟิง’จากก้นบึ้งของจิตใจ
“ท่านมีความสัมพันธ์อะไรกับตระกูลเย่งั้นรึ?”
ก่อนหน้านี้ ‘หลงหวางเอ๋อ’บอกว่า’เย่เฟิง’เป็นเพียงแค่คนธรรมดา ดังนั้น ไม่ว่า’หลงโม่หรัน’หรือคนอื่นๆตระกูลหลงจึงไม่มีใครสงสัยเขา หาก’เย่เฟิง’ไม่ใช้ทักษะแฝงตัวลอบสังหาร ทุกๆคนย่อมต้องสงสัยในตัวเขาแน่ๆ
“ความสัมพันธ์ของผมกับตระกูลเย่ เป็นเพียงแค่เรื่องตอบแทนบุญคุณเท่านั้น”
‘เย่เฟิง’ตอบเสียงต่ำ
“ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์จะไม่ใช่แค่ผิวเผินเสียด้วย น่าเสียดายจริงๆ”
‘หลงจื่อ’ส่ายหัว
“เมื่อเห็นพรสวรรค์ของท่านแล้ว ข้าบอกได้เลยว่า หากท่านได้รับการฝึกฝนที่ดี ท่านจะกลายเป็นดาวเด่นรุ่นใหม่ของวงการยุทธภพอย่างแน่นอน”
“แล้วไงล่ะ?”
เมื่อ’เย่เฟิง’เห็น’หลงจื่อ’ไม่จู่โจมเข้ามาอีก เขาจึงถามออกไปอย่างระมัดระวัง
“ท่านนี่กล้าหาญไม่เบาเลยจริงๆ”
‘หลงจื่อ’พูดขณะที่ยังคงแสดงท่าทางสุภาพอยู่
“ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดหลงหวางเอ๋อถึงหลงไหลในตัวท่าน แต่หากข้ายอมให้ท่านเข้าสู่ตระกูล นั่นจะมีเพียงทางเดียวเท่านั้นคือการแต่งงาน”
เมื่อ’เย่เฟิง’ได้ฟังดังนั้น เขาก็เกือบจะหลุดหัวเราะ ชายคนนี้ชื่นชอบเขาเพียงเพราะว่าชายหนุ่มสามารถปลดปล่อยพลังชี่ภายในออกมานอกร่างกายได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ดังนั้น’หลงจื่อ’จึงอยากจะดึงตัว’เย่เฟิง’เข้าตระกูลของเขา
“คุณเป็นตัวแทนของหลงโม่หรันงั้นรึ?”
‘เย่เฟิง’พูดออกมาขณะยังคงแสดงท่าทางสงบนิ่ง
“ผมไม่คิดว่าหลงโม่หรันจะยอมรับผมหรอกนะ”
“ฮ่า ฮ่า”
‘หลงจื่อ’หัวเราะ
“หากหัวหน้าตระกูลเรารู้ว่าบุตรเขยของเขาเป็นผู้มีพรสวรรค์อย่างน่าเหลือเชื่อ เขาย่อมรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่มีโอกาสได้เสริมความแข็งแกร่งของตระกูลหลง ยิ่งกว่านั้น ตระกูลเย่ถือว่าหลุดพ้นจากยุทธภพแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีความสัมพันธ์อันใดกับตระกูลหลงอีก ดังนั้น การเข้าร่วมตระกูลหลงของพวกเราไม่ได้หมายความว่าเป็นศัตรูกับตระกูลเย่”
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่เชิญชวน แต่เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผมมาก ผมจึงต้องขอเวลาคิดกับมันให้ดีเสียก่อน”
‘เย่เฟิง’ไม่รู้สึกเห็นด้วยกับ’หลงจื่อ’แม้แต่น้อย แต่เขาย่อมไม่แสดงสิ่งที่คิดออกมา ชายหนุ่มจึงเลี่ยงการตอบคำถามโดยขอใช้เวลาสำหรับคิดเรื่องนี้แทน สิ่งสำคัญสำหรับเวลานี้ของ’เย่เฟิง’คือการโกหกให้ชายคนนี้กลับไป เพื่อที่เขาจะได้พักผ่อนและเก็บแรงไว้สำหรับจัดการกับไซ่เชา
“เข้าใจแล้ว ข้าเชื่อว่าท่านเป็นคนฉลาด”
‘หลงจื่อ’ยิ้ม
“โอ้ อีกเรื่องหนึ่ง หากท่านตัดสินใจได้เมื่อไหร่ก็ให้มาหาหัวหน้าตระกูลเราที่ทะเลจีนตะวันออก ข้าและคนอื่นๆของตระกูลหลงจะรอต้อนรับท่านอยู่ที่นั่น”
‘เย่เฟิง’รู้ว่า’หลงจื่อ’รู้สึกยินดีและพอใจมากกับความสามารถของเขา แต่ถึงอย่างนั้น ชายหนุ่มยังค้นพบร่องรอยของความกังวลในสายตาของเขา ความจริงแล้ว ‘หลงจื่อ’คงรู้ว่าการโน้มน้าวใจ’หลงโม่หรัน’ให้ยอมรับโม่จิ่วเกอเป็นลูกเขยไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่น้อย
แต่เมื่อได้เห็นพรสวรรค์ของ’เย่เฟิง’ ‘หลงจื่อ’คงรู้สึกเสียดายอย่างยิ่งหากไม่ได้ลองพยายามดึงตัว’เย่เฟิง’เข้าสู่ตระกูลหลง ดังนั้น เขาจึงเชิญชวนโม่จิ่วเกอไปยังทะเลจีนตะวันออก ซึ่งเป็นที่ๆชายหนุ่มมีโอกาสได้แสดงพรสวรรค์ต่อหน้าหลงโม่หรันเพื่อเปลี่ยนใจของเขา……….
“เข้าใจแล้ว”
‘เย่เฟิง’พูดด้วยเสียงโทนต่ำ ถึงอย่างนั้น เขารู้สึกมึนงงเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าตระกูลหลงจะไปที่ทะเลจีนตะวันออก พวกเขาจะไปที่นั่นทำไม? หรือเพราะต้องการจะไปยลโฉมเทพธิดาแห่งทะเลจีนตะวันออกงั้นหรือ?
หลังจากได้คุยเรื่องไร้สาระมากมาย สุดท้าย หลงจื่จึงได้หันหลังจากไปด้วยความพึงพอใจ ที่เสียดายที่ความจริงแล้ว เย่เฟิงไม่ได้สนใจจะเข้าร่วมกับตระกูลหลงเลยแม้แต่น้อย
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าหากได้เห็นพรสวรรค์ของเขาแล้ว หลงโม่หรันผู้มีอารมณ์แปรปรวนคนนั้นจะรู้สึกพอใจในตัวเขาไหม? นี่เป็นเรื่องที่ทำนายได้ยากจริงๆ
เมื่อเห็นหลงจื่อในชุดคลุมสีม่วงจากไป ‘เย่เฟิง’ค่อยรู้สึกโล่งใจ ชายหนุ่มเดินกลับเข้าไปในบ้านอย่างเงียบเชียบโดยไม่เปิดไฟ เพื่อกลับไปที่เตียงนอนของเขา
‘เย่เฟิง’ไม่รู้เลยว่าเหตุการณืที่เขาได้พูดคุยกับ’หลงจื่อ’นั้น ล้วนตกอยู่ในสายตาของคนๆหนึ่งมาโดยตลอด
“เด็กคนนั้น ถึงแม้ว่าจะถูกตระกูลหลงเชิญชวน แต่เขาก็ยังคงไม่แยแสแม้แต่น้อย จิตใจของเขานับว่าน่าชื่นชมจริงๆ!”
‘หวงเผยหรง’ที่ยืนอยู่ใต้เงาต้นไม้อีกด้านหนึ่งของถนนชื่นชมโม่จิ่วเกออย่างมากมาย เขาเป็นคนหนึ่งที่รู้ข่าวว่าโม่จิ่วเกอกลับมาที่เหยียนจิงแล้ว ยิ่งกว่านั้น เขายังรีบไล่ตามมาเพื่อต้องการพูดคุยกับชายหนุ่ม
ถึงอย่างนั้น ก่อนที่เขาจะเข้าไปหาโม่จิ่วเกอ น่าที่เสียที่เขาถูกตระกูลหลงชิงตัดหน้าไปเสียก่อน เมื่อเห็น’หลงจื่อ’ล้มเหลวในการเชิญชวน ‘หวงเผยหรง’อดใจไว้ไม่ให้ตัวเขาโดดเข้าไปหาโม่จิ่วเกอ อิทธิพลและความน่าดึงดูดของสวรรค์แห่งเขาเทียนจู่นั้นไม่อาจเทียบได้กับตระกูลหลง
ดังนั้นการเชิญชวนโม่จิ่วเกอในตอนนี้ย่อมไม่มีโอกาสสำเร็จแม้แต่น้อย
“เรื่องนี้คงต้องใช้เวลา ถึงอย่างนั้น ทะเลจีนตะวันออกกำลังจะคึกคักจริงๆ ช่างน่าตกใจที่หลงโม่หรันปรารถนาจะแต่งงาน จึงได้ระดมคนตระกูลหลงไปที่นั่น…….”
‘หวงเผยหรง’คิดถึงเรื่องนี้ขณะยังแอบซ่อนตัวอยู่ สุดท้าย รอบๆบ้านของ’เย่เฟิง’ก็กลับสู่ความเงียบสงบ ซึ่งเหลือไว้เพียงแค่เงาของต้นไม้ที่โบกสะบัดไปตามสายลมอันหนาวเย็นที่พัดไหวไปอย่างช้าๆ …………..
เช้าวันถัดมา ‘เย่เฟิง’และ’ซูเหมิงหาน’ได้เดินไปโรงเรียนพร้อมกัน เหลืออีกเพียงครึ่งเดือนจะถึงช่วงการสอบเข้ามหาวิทยาลัย และนี่คือสัปดาห์สุดท้ายของการเรียนการสอนในโรงเรียน โดยหลังจากสัปดาห์นี้ไปแล้ว ทางโรงเรียนจะหยุดให้นักเรียนได้มีเวลาเตรียมตัวสำหรับการสอบ
ความจริงแล้ว ในการสอบจำลองครั้งล่าสุด คะแนนของ’เย่เฟิง’ได้อันดับหนึ่งนับมาจากหลัง ซึ่งทำให้’ซูเหมิงหาน’รู้สึกเป็นกังวลมาก และเป็นเหตุผลหลักที่’เย่เฟิง’รู้สึกว้าวุ่นใจ
“เย่เฟิง ตั้งแต่วันนี้ไป ฉันจะพยายามช่วยติวให้นายอย่างดีที่สุด นายได้ยินไหม?”
‘ซูเหมิงหาน’พูดอย่างจริงจังระหว่างที่พวกเขาเดินอยู่
“อ่า……….แล้วเรื่องระหว่างตระกูลเซี่ยกับพ่อของเธอเป็นไงบ้าง?”
‘เย่เฟิง’พยักหน้าแล้วถามเพื่อเปลี่ยนเรื่อง
“แน่นอนว่าคงต้องฟ้องร้องพวกเขา”
‘ซูเหมิงหาน’พูดอย่างรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
“แต่ฉันไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้างนี่สิ”
“งั้นฉันจะให้หน้าบากช่วยเธอเรื่องนี้นะ”
‘เย่เฟิง’พูดอย่างไม่กังวล หน้าบากที่เป็นหัวหน้าแก๊งโลกใต้ดินย่อมมีประสบการณ์ทางสังคมมากพอ เพราะฉะนั้น การช่วย’ซูเหมิงหาน’เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับเขา
ยิ่งกว่านั้น ในเรื่องการฟ้องร้อง ยังมี’ซูซินฉาง’ที่คอยเป็นพยาน ดังนั้น ไม่ว่า’เซี่ยหมิน’หรือ’เซี่ยเฉิงเย่’ย่อมไม่อาจดิ้นหลุดได้ และถึงแม้จะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น มันย่อมไม่ใช้เรื่องใหญ่สำหรับ’เย่เฟิง’ เขาสามารถจัดการปัญหาที่เหลือได้ด้วยกระบี่ของเขา
ถึงอย่างนั้น นี่เป็นเรื่องของ’ซูเหมิงหาน’ซึ่งเธอไม่ยอมให้’เย่เฟิง’แก้ปัญหาด้วยการฆ่าผู้คนแน่นอน
หลังจากพูดอย่างนั้น ‘เย่เฟิง’โทรหาชายหน้าบากให้เขาช่วยจัดการเรื่องนี้ให้
“พี่เย่ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ครับ ผู้พิพากษาของศาลเมืองเหยียนจิงเป็นคนของตระกูลหลิน ยิ่งไปกว่านั้น พวกเรายังมีคำสารภาพจากปากของซูซินฉาง ดังนั้น พวกมันดิ้นไม่หลุดแน่นอน!”
ชายหน้าบากรับปากอย่างขึงขัง เมื่อฟังจากน้ำเสียง ‘เย่เฟิง’ยังสามารถรู้สึกถึงความโศกเศร้าในน้ำเสียงของเขา คนที่แข็งแกร่งอย่างชายหน้าบากยังไม่สามารถทำใจกับความสูญเสียได้
“ในโลกเทวะ ความตายทางกายภาพไม่ถือว่าเป็นการตายอย่างสมบูรณ์……น่าเสียดายที่ในโลกนี้ ด้วยระดับวรยุทธ์ของเราในตอนนี้ เรายังไม่สามารถจะทำอะไรได้”
‘เย่เฟิง’รู้สึกสงสารและรู้สึกผิดในใจ แต่ต้นเหตุทั้งหมดของเรื่องนี้มาจากเจ้าไซ่เชาจากองค์กรลึกลับนั่น!
เมื่อ’เย่เฟิง’และ’ซูเหมิงหาน’มาถึงใกล้ๆประตูโรงเรียน ทันใดนั้น เขาพบว่ามีความโกลาหนอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียน ที่นั่นมีรถและผู้คนอยู่มากมาย ยิ่งกว่านั้น นอกจากนักเรียนแล้ว ยังมีผู้ปกครองมากมายยืนอยู่รอบๆประตูโรงเรียน
เพราะใกล้จะถึงวันสอบเข้ามหาวิทยาลัยงั้นหรือ? ถึงมีผู้ปกครองมากมายมาส่งบุตรหลานที่โรงเรียน
อย่างไรก็ตาม ไม่นานพวกเขาทั้งคู่ก็เข้าใจว่ามันไม่เกี่ยวกับเรื่องการสอบเข้า เพราะเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เดินตามมาด้านหลังพวกเขาได้วางมืออย่างแรงบนไหล่ของ’เย่เฟิง’แล้วพูดว่า
“ผึ้งน้อย รีบไปดูเร็ว ฉันได้ยินมาว่าคุณหนูตระกูลหลินมาที่นี่วันนี้เพื่อมาหาใครบางคน ทุกๆคนจึงมามุ่งดูกัน”
อะไรนะ? ‘หลินชื่อฉิง’คนนั้นมาที่โรงเรียนเพราะแค่มาหาเขางั้นหรือ? ‘เย่เฟิง’และ’ซูเหมิงหาน’เบิกตากว้างและถึงกับนิ่งเงียบไปในทันที
………………………..
แปลโดยทีมงาน GSI
ที่มา: