ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปร้านกาแฟนี้ประดับตกแต่งด้วยสิ่งของต่างๆอย่างสวยงาม สภาพแวดล้อมภายในร้านดูงดงามและเงียบสงบมาก พื้นหลังโทนสีขาวทำให้ทั่วทั้งร้านดูสดใหม่และน่ารื่นรมณ์
ณ ที่นั่งริมหน้าต่าง ‘เย่เฟิง’และ’หลินชื่อฉิง’ได้นั่งอยู่ตรงข้ามกัน สายตาของชายหนุ่มถูกดึงดูดด้วยเสื้อยืดคอวีของหญิงสาวที่เผยให้เห็นร่องลึกที่ขาวเนียน แต่ด้วยอาการเคอะเขินทำให้เขารีบหันหน้าไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว ‘หลินชื่อฉิง’ไม่ได้สนใจอะไร ใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มบางๆขณะนั่งอยู่บนเก้าอี้
หญิงสาวหยิบเมนูที่โต๊ะมาดูแล้วเอ่ยถามด้วยเสียงใส
“น้องเย่จะกินอะไรดีจ๊ะ?”
“อะไรก็ได้ครับ”
‘เย่เฟิง’ไม่คุ้นเคยกับร้านกาแฟแบบนี้เท่าไหร่ ยิ่งกว่านั้น เขาไม่ค่อยจู้จี้จุกจิกเรื่องอาหาร เวลานี้ ความคิดของชายหนุ่มล้วนจดจ่อกับเรื่องของ’ไซ่เชาหง’ เขาสงสัยว่าชายคนนั้นจะมีความสัมพันธ์อะไรกับ’ไซ่เชา’จากองค์กรลึกลับหรือไม่?
“กำลังคิดอะไรหรอ?”
เมื่อ’หลินชื่อฉิง’เห็น’เย่เฟิง’ที่เป็นแบบนั้น เธอจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย ริมฝีปากสีดอกกุหลาบของหญิงสาวโค้งขึ้นเล็กน้อย ทำให้ใบหน้าของเธอดูงดงามยิ่งขึ้นไปอีก
“ผมกำลังคิดถึงเรื่องไซ่เชาหง เขาเป็นใครงั้นหรอ?”
ชายหนุ่มยิ้มและถามออกไปตรงๆ เมื่อ’หลินชื่อฉิง’ได้ยินดังนั้น เธอก็แสดงรอยยิ้มที่คาดไม่ถึงออกมา แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงใสดังมาจากด้านหลังของ’เย่เฟิง’
“อ้าว นายไม่รู้จักแม้กระทั่งไซ่เชาหงหรอกหรอ แล้วนายจะเหมาะสมในฐานะคู่หมั้นของหลินชื่อฉิงได้ไงเนี่ย?”
‘เย่เฟิง’หันหลังกลับไปเห็นสาวสวยคนหนึ่งเดินออกมาจากในครัว หญิงสาวคนนั้นเดินมาถึงโต๊ะของทั้งคู่อย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงยิ้มหวานด้วยความอยากรู้และมองชายหนุ่มด้วยความแปลกใจ
“นี่เสี่ยวฉี อย่าทำให้น้องเย่กลัวสิ”
เมื่อเห็นดังนั้น ‘หลินชื่อฉิง’ยิ้มก่อนจะพูดว่า
“น้องเย่ เธอชื่อว่าเสี่ยวฉีเป็นเจ้าของร้านนี้เอง แล้วก็เสี่ยวฉี นี่คือเย่เฟิง เขากำลังจะสอบเข้ามหาลัยเหยียนจิง เพราะงั้น ฉันเลยพาเขามาที่นี่ให้คุ้นชินกับบรรยากาศน่ะ”
คำว่า ‘น้องเย่’ทำให้’เสี่ยวฉี’เข้าใจความคิดของ’หลินชื่อฉิง’ได้อย่างรวดเร็ว ชัดเจนว่า’หลินชื่อฉิง’ไม่อยากพูดคุยถึงเรื่องการหมั้นหมายกับ’เย่เฟิง’ เธอถึงเรียกเขาว่าน้องเย่ตลอดเวลา ‘เสี่ยวฉี’อยู่ในตระกูลเล็กๆของเมืองเหยียนจิง ตามปกติแล้ว ตระกูลของเธอไม่อาจเทียบได้เลยกับตระกูลหลินซึ่งเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองเหยียนจิง
ถึงอย่างนั้น นี่ไม่ได้เป็นอุปสรรคระหว่าง’หลินชื่อฉิง’และ’เสี่ยวฉี’ในการเป็นเพื่อนสนิทที่พูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ดังนั้น พวกเธอจึงเข้าใจความคิดของกันและกันได้อย่างรวดเร็ว
ร้านกาแฟฉีฉีแห่งนี้ ‘เสี่ยวฉี’พูดคุยกับครอบครัวของเธอเพื่อขอนำเงินมาลงทุนเปิดร้าน และถึงแม้ว่าตระกูลเสี่ยวจะเป็นตระกูลเล็กๆ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินทองเช่นกัน
“อ่า เรื่องเมื่อกี้นี้”
‘เสี่ยวฉี’ในชุดเสื้อยืดแขนสั้นสีขาวและกางเกงขาเดฟนั่งลงข้างๆ’เย่เฟิง’ ขณะที่ผมหางม้าของเธอคลออยู่รอบๆลำคอ หญิงสาวยิ้มก่อนจะเอ่ยขึ้น
“น้องเย่ ไซ่เชาหงคือที่รักของชื่อฉิงของพวกเราไงล่ะ”
“เธออยากตายรึไงยะ?”
‘หลินชื่อฉิง’พูดอย่างขบขัน
“มันยังเร็วเกินไปย่ะ”
“อ่อหรอ? งั้นฉันขออนุญาติพูดคุยเรื่องนี้ได้มั้ยจ๊ะ?”
‘เสี่ยวฉิง’พูดขณะยืดอกเล็กๆของเธอขึ้น แต่น่าเสียดาย ขนาดของหญิงสาวยังเทียบกับขนาดของ’หลินชื่อฉิง’ไม่ได้แม้แต่น้อย
“สวัสดีครับพี่เสี่ยวฉี พูดต่อได้เลย ผมค่อนข้างสนใจเรื่องนี้นิดหน่อย”
‘เย่เฟิง’ยิ้ม ‘เสี่ยวฉี’มองมาที่’เย่เฟิง’พร้อมกับคิดว่าเด็กหนุ่มคนนี้ยังเด็กจริงๆ คงไม่ใช่ว่าเขาหึงหรอกนะ? ราวกับเข้าใจความคิดของหญิงสาว ‘เย่เฟิง’จึงรู้สึกขบขันในใจเล็กน้อย หาก’ไซ่เชาหง’เป็นคนๆเดียวกันกับ’ไซ่เชา’จากองค์กรลึกลับจริงๆ แล้วภายใต้เปลือกตาของตระกูลหลิน
เขาสามารถทำเรื่องต่างๆอย่างง่ายดายภายในหนึ่งปี ยิ่งกว่านั้น ตระกูลหลินยังไม่แม้แต่จะรู้ว่าคุณหนูหลินสนใจในตัวชายคนนี้ เช่นนั้นก็บอกได้ว่า ไม่ตระกูลหลินโง่เง่าเกินไปก็’ไซ่เชาหง’ฉลาดเกินไป เพราะเขาสามารถเก็บงำเรื่องธุรกิจสกปรกที่ทำอยู่เป็นความลับได้อย่างสมบูรณ์
หากจะบอกว่าตระกูลหลินมีความสัมพันธ์กับองค์กรลึกลับในเชิงหุ้นส่วนก็คงเป็นไปได้ยาก เพราะตระกูลหลินคงไม่ลากตัวเองมายุ่งกับโลกอาชญากรรมของเมืองเหยียนจิง ‘เย่เฟิง’ไม่รู้อีกด้วยว่าหาก’ไซ่เชาหง’เป็นชายหนุ่มที่แสนเพอร์เฟคขนาดไหนถึงทำให้สาวสวยอันดับหนึ่งแห่งเมืองเหยียนจิงอย่าง’หลินชื่อฉิง’หลงไหลเขาได้
เมื่อ’เสี่ยวฉี’เห็นว่า’หลินชื่อฉิง’ไม่ได้คัดค้านอะไร เธอจึงเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่า’หลินชื่อฉิง’อาจต้องการใช้โอกาสนี้ทำให้’เย่เฟิง’เสียงความมั่นใจ ดังนั้น หญิงสาวจึงยิ้มก่อนจะเล่าว่า
“ไซ่เชาเป็นนักกีฬาบาสมือหนึ่งของมหาลัยเราและเขายังหล่อเหล่ามากเลยล่ะ ถึงแม้ว่าพ่อของเขาจะเป็นคนจีน แต่ตัวเขาเองมีสัญชาติอเมริกา ตอนนี้เขาเป็นประธานของบอร์ดบริหารบริษัทเผ่ยเขิง และเรียนอยู่มหาลัยนี้ปีสองเหมือนกับชื่อฉิง เขายังเป็นเดือนมหาลัยด้วยล่ะ~”
‘เย่เฟิง’ฟังสิ่งที่หญิงสาวเล่าอย่างสนอกสนใจ แล้ว….ชายคนนั้นมีสัญชาติอื่นงั้นหรอ? สำหรับบริษัทเผ่ยเขิง ‘เย่เฟิง’เคยได้ยินมาเช่นกัน บริษัทนี้เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงเรื่องเทคโนโลยีในอเมริกา สมัยนี้ อุปกรณ์ทางการทหารและอุปกรณ์สื่อสารส่วนใหญ่ล้วนถูกพัฒนาขึ้นมาจากบริษัทนี้ แน่นอน ลิขสิทธิ์ต่างๆล้วนอยู่ในมือของอเมริกา….
“ก็แค่สัญชาติของเขาน่ะ”
‘เสี่ยวฉี’ขยิบตาให้เย่เฟิงก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ความจริง พ่อแม่ของเขาเป็นคนจีน”
“นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆนะ”
‘หลินชื่อฉิง’พูดเบาๆ
“ถ้าเขาไม่ย้ายสัญชาติ ฉันก็คงยอมรับเขาไม่ได้”
สายตาของหญิงสาวปรากฏร่องรอยแห่งความเสียดาย ราวกับว่าเธอพยายามแสดงให้เห็นว่าเธอสนใจในตัว’ไซ่เชาหง’แล้ว ซึ่งตอนนี้ติดแค่เรื่องสัญชาติของเขาเพียงอย่างเดียว อาจบอกได้ว่า’หลินชื่อฉิง’เป็นตัวแทนทางการเมืองของประเทศจีน หากเธอมีความรักกับชายหนุ่มสัญชาติอเมริกาแล้ว มันอาจเกิดผลร้ายแรงตามมา ซึ่งเธอต้องคิดถึงจุดนี้แน่นอน
ไม่นานนัก อาหารที่’หลินชื่อฉิง’สั่งซึ่งประกอบด้วย แซนวิชสองชิ้น พาย และนม ก็ถูกนำมาวางที่โต๊ะของพวกเขา ขณะกินอาหารเช้า ‘เย่เฟิง’ยังคงถามเรื่องของ’ไซ่เชาหง’เรื่อยๆทั้งเรื่องของนิสัย งานอดิเรก และอื่นๆ แต่น่าเสียดายที่สุดท้าย เขาก็ไม่อาจสรุปได้ว่า’ไซ่เชาหง’มีความเชื่อมโยงกับไซ่เชาจากองค์กรลึกลับหรือไม่
ชายหนุ่มแทบจะไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับ’ไซ่เชา’ ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะสรุปข้อมูลที่ถูกต้องออกมาได้ แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ตัดสินใจจะเริ่มสืบค้นทุกอย่างจากชายที่ชื่อว่า’ไซ่เชาหง’ เมื่อเห็น’เย่เฟิง’ถามเรื่องเกี่ยวกับ’ไซ่เชาหง’อย่างไม่รู้จบ หญิงสาวทั้งสองจึงมองหน้ากันอย่างช่วยไม่ได้
ชัดเจนว่าพวกเธอเข้าใจว่า’เย่เฟิง’พยายามจะเอาชนะไซ่เชาหง จึงพยายามถามเรื่องราวของเขา
ช่างน่าสงสาร ในสายตาของ’เสี่ยวฉี’ สภาพของ’เย่เฟิง’ในตอนนี้ไม่อาจเทียบกับ’ไซ่เชาหง’ได้เลย ขณะที่อีกด้าน ‘หลินชื่อฉิง’คิดว่าเธอล้มเหลวในการสร้างภาพลักษณ์ความเป็นพี่สาวลงในใจของ’เย่เฟิง’
ดังนั้น เธอจึงตั้งใจจะพยายามมากขึ้น และเธอจะทำให้’เย่เฟิง’รู้ว่าความรักในเชิงหนุ่มสาวระหว่างพวกเขาทั้งคู่มันเป็นไปไม่ได้ แม้’เย่เฟิง’จะพอเข้าใจว่าหญิงสาวทั้งสองกำลังคิดกับเขายังไง ถึงอย่างนั้น’เย่เฟิง’ก็ไม่ได้อธิบายแก้ตัว เพราะความเข้าใจผิดนี้ทำให้เขามั่นใจร้อยเปอร์เซ็นว่าหญิงสาวทั้งคู่ไม่ได้สงสัยในจุดประสงค์แท้จริงที่เขาถามเรื่องของ’ไซ่เชาหง’
สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับ’ไซ่เชาหง’ที่’เย่เฟิง’ได้มานั้น อาจสรุปแบบหยาบๆได้ว่า ชายคนนั้นเป็นนักกีฬาบาสอันยอดเยี่ยมของมหาลัยเหยียนจิง อัจริยะทางด้านดนตรี มีความสามารถทางธุรกิจ เป็นรองประธานสโมสรนักศึกษา มีร้านกาแฟ และมักทำการกุศลอยู่บ่อยๆ…….
ซึ่งข้อมูลแต่ละอย่างของ’ไซ่เชาหง’แสดงถึงความเป็นบุคคลที่แสนจะเพอร์เฟคอย่างน่าเหลือเชื่อ
“พี่หลินพาผมไปเจอเขาหน่อยได้ไหม?”
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ ‘เย่เฟิง’ได้เอ่ยถามขึ้นขณะที่บรรยากาศเงียบสงบ เมื่อได้ยินคำพูดของ’เย่เฟิง’ ‘หลินชื่อฉิง’และ’เสี่ยวฉี’พลันรู้สึกตกใจขึ้นมาในทันใด ทำไม’เย่เฟิง’ถึงอยากไปเจอไซ่เชาหงล่ะ? หรือว่าเด็กหนุ่มคนนี้อยากไปท้าทาย’ไซ่เชาหง’โดยตรงงั้นหรอ?
‘หลินชื่อฉิง’คิดแบบนั้น เพราะอย่างไรก็ตาม เธอไม่ต้องการเห็นตระกูลเย่ ตระกูลหลิน และ’ไซ่เชาหง’ต้องเกิดการเผชิญหน้ากัน หญิงสาวอยากจะแก้ปัญหานี้ด้วยความสันติ เมื่อ’เย่เฟิง’เห็น’หลินชื่อฉิง’กำลังขบคิด เขาก็ยิ้มก่อนจะเอ่ยเพิ่มเติมว่า
“ผมแค่อยากไปเห็นหน้าพี่เขยในอนาคตน่ะครับ แบบนี้คงไม่มีปัญหาใช่ไหม?”
หากชายหนุ่มพูดออกมาแบบนี้ ‘หลินชื่อฉิง’ก็คงไม่อาจปฏิเสธได้ ดังนั้นหญิงสาวจึงยิ้มก่อนจะกล่าวว่า
“ได้แน่นอนไม่มีปัญหา แต่ถึงยังไงมันก็เร็วไปที่จะพูดแบบนั้นนะ พี่กับเขาพึ่งสนิทกันได้ไม่นานเอง”
เมื่อสังเกตเห็นท่าทีที่นิ่งสงบของ’เย่เฟิง’ ‘หลินชื่อฉิง’ก็รู้สึกชื่นชมเขาอยู่ในใจนิดหน่อย แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเธอยอมรับเรื่องการหมั้นหมายกับเขา หากเธอนำ’เย่เฟิง’ไปพบกับ’ไซ่เชาหง’ ‘หลินชื่อฉิง’คิดว่ามันอาจจะทำให้’เย่เฟิง’ได้รู้ถึงความต่างระหว่างเขาและ’ไซ่เชาหง’
และทำให้’เย่เฟิง’ล้มเลิกความตั้งใจที่จะเอาชนะใจเธอ ได้ยินดังนั้น ‘เย่เฟิง’ก็ยืนขึ้นและรอยยิ้มอันคลุมเครือก็ค่อยๆปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขา
สำหรับ’เย่เฟิง’แล้ว การหมั้นหมายและเรื่องของ’หลินชื่อฉิง’ไม่ใช่สิ่งที่เขาสนใจแม้แต่น้อย สำหรับตอนนี้ ชายหนุ่มสนใจเพียงแค่ต้องการไปเห็น’ไซ่เชาหง’ ซึ่งเขาอาจจะได้พบเบาะแสบางอย่าง และอาจมีโอกาสได้ใช้ทักษะสะกดจิตใส่ชายคนนั้น
หากเขาพบว่า’ไซ่เชาหง’คือ’ไซ่เชา’จากองค์กรลึกลับแล้วละก็ เขาจะไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะฆ่ามันด้วยมือคู่นี้!
……………………….
แปลโดยทีมงาน GSI
Solar Spark : ฆ่ามานนนนนน!!!
ที่มา: