ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปชายสวมหน้ากากสองคนได้เผชิญหน้ากันในสวนสาธารณะอันมืดมืดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ่อนพนันแก๊งเทียน ความแตกต่างคือ หน้ากากของ’เย่เฟิง’เป็นรูปใบหน้าบึ้ง ขณะที่อีกฝ่ายเป็นหน้ากากโครงกระดูกสีดำ
สายตาของ’เย่เฟิง’ภายใต้หน้ากาก จับจ้องไปยังฝ่ายตรงข้าม ก่อนจะเอ่ยถามเสียงโทนต่ำ
“คุณเป็นใคร?”
“อย่ากังวลไป”
ชายหน้ากากโครงกระดูกยืนนิ่งพร้อมกับชูมือขึ้น เขาหัวเราะก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า
“ตามที่เขาว่ากันไว้ ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร เพราะงั้นสหาย ฉันขอถามว่าเป้าหมายสูงสุดของนายคือไซ่เชาใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินดังนั้น ใจของ’เย่เฟิง’ก็พลันเต้นรัว ชายคนนี้เดาได้อย่างไรว่าเป้าหมายสูงสุดของเขาคือ’ไซ่เชา’? ยิ่งกว่านั้น เขายังบอกว่า ‘ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร’ แล้วตัวตนของชายคนนั้นเป็นใครกัน?
“เพื่อความสบายใจ ฉันจะแสดงตัวตนให้นายได้รู้”
ชายหน้ากากโครงกระดูกยิ้มบางๆ ขณะล้วงเอาเหรียญสีเงินจากกระเป๋าเสื้อขึ้นมา เขาโยนเล่นในมือสองครั้ง ก่อนจะโชว์ให้’เย่เฟิง’ได้เห็น แก๊งประตูสวรรค์ใต้!
‘เย่เฟิง’เข้าใจในตัวตนของชายคนนี้ได้ทันที เมื่อหนึ่งปีก่อน ขณะที่องค์กรลึกลับเพิ่งปรากฏตัวขึ้นมา พวกมันจัดการกำจัดแก๊งประตูสวรรค์ใต้ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่แก๊งใหญ่ของเมืองเหยียนจิงจนสิ้นซาก และยังมีข่าวลือกระจายออกมาอีกว่า พวกมันไม่เพียงกำจัดแก๊งๆนี้เท่านั้น แต่ยังตามสังหารครอบครัวของคนในแก๊งจนแทบจะไม่หลงเหลืออยู่เลยในเมืองเหยียนจิง
แล้วชายหน้ากากโครงกระดูกคนนี้ เป็นคนของแก๊งประตูสวรรค์ใต้อย่างนั้นหรือ? ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมชายคนนั้นถึงพูดว่าศัตรูของศัตรูก็คือมิตร เพราะสำหรับเขาแล้ว แค้นที่มีต่อ’ไซ่เชา’นั้น ลึกซึ้งยิ่งกว่า’เย่เฟิง’ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า
“ถูกต้อง ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร”
‘เย่เฟิง’แกล้งแสดงท่าทีโล่งใจออกไปก่อน
ปัง! ทันใดนั้นก็เกิดเสียงทุ้มต่ำดังสนั่นไปทั่วบริเวณ พาให้หัวใจของ’เย่เฟิง’เต้นรัวไปชั่วครู่ ชายหนุ่มพลันเงยหน้าขึ้นมอง เขาเห็นชายหน้ากากโครงกระดูกถือปืนพกและยิงมาทางเขา! แน่นอนว่าเป้าหมายของชายคนนั้นไม่ใช่’เย่เฟิง’ แต่เป็นชายหนุ่มเจ้ามือที่ถูกเขาจับตัวเอาไว้
กระสุนได้พุ่งทะลุหน้าผากของเจ้ามือหนุ่มพาให้วิญญาณของเขาหลุดลอยออกจากร่างไปในทันที
“ในเมื่อมันรู้ตัวตนของฉันแล้ว ฉันก็คงปล่อยมันไว้ไม่ได้”
ชายหน้ากากโครงกระดูกพูดเบาๆ
“คุณแม่นปืนดีนะ”
‘เย่เฟิง’ยิ้มก่อนจะโยนร่างของชายหนุ่มเจ้ามือเข้าไปในพงหญ้า
“ดูแล้วพวกเราน่าจะร่วมมือกันได้”
ชายคนนี้ได้สังหารเจ้ามือหนุ่มที่มีสถานะค่อนข้างสูงในแก๊งเทียนอย่างไม่ลังเล ‘เย่เฟิง’จึงแน่ใจว่าชายสวมนั้นกากคนนี้ยืนอยู่ฝั่งเดียวกันกับเขา
“ไปคุยกันต่อที่อื่นเถอะ เดี๋ยวอีกไม่นานคงมีคนมาแถวนี้”
ชายหน้ากากโครงกระดูกพูดขณะมองไปรอบๆ ถึงแม้จะเป็นสวนสาธารณะที่ห่างไกล แต่ที่นี่ก็ยังเป็นจุดที่คู่รักมากมายนิยมมาพลอดรักกัน ก่อนหน้านี้ไม่กี่นาที ผู้คนเกือบทั้งหมดวิ่งหนีไปด้วยความตื่นกลัว แต่อีกไม่นานคงมีพวกคู่รักคู่ใหม่มาที่นี่อีก
และหากคนพวกนั้นพบศพเข้า ‘เย่เฟิง’และชายสวมหน้ากากอีกคนคงต้องเจอกับปัญหาใหญ่ การเปลี่ยนที่พูดคุยกันจึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับพวกเขา ความจริงแล้ว ด้วยทักษะของ’เย่เฟิง’ กลุ่มตำรวจไม่มีทางค้นหาตัวตนของเขาได้อย่างแน่นอน
ยิ่งกว่านั้นในกรณีนี้ที่มีเจ้ากอลิล่าสองตัวเกี่ยวข้องด้วย ตำรวจทั่วไปคงไม่มีอำนาจจะมาจัดการเรื่องนี้ได้ หลังจากทั้งคู่ตกลงกันได้ พวกเขาก็ออกจากสวนสาธารณะนี้โดยมีชายหน้ากากโครงกระดูกเป็นคนนำทาง ชายคนนั้นเดินตามซอยเล็กๆไปทางทิศตะวันตก เย่เฟิงก็ได้เดินตามเขาไปอย่างสงบเช่นกัน
ชายสวมหน้ากากคนนี้สืบหาเรื่องราวเหล่ามาตลอดหนึ่งปี ชัดเจนว่าเขาย่อมรู้เรื่องราวเกี่ยวกับ’ไซ่เชา’มากกว่า’เย่เฟิง’ และมีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะรู้ว่า’ไซ่เชา’ซ่อนตัวอยู่ที่ไหน
แต่หากไม่เป็นไปตามนี้แล้วมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น ‘เย่เฟิง’จะใช้กระบี่กุดหัวชายคนนี้อย่างไม่ลังเล เพราะอะไรก็ตามที่เป็นภัยคุกคามกับเขา มันต้องถูกกำจัดทันที!
“ชายคนที่ฉันยิงไปเมื่อกี้คือหัวหน้าบ่อนพนันของแก๊งเทียน คนอื่นๆเรียกมันว่าพี่ใหญ่ฟาง เจ้าหมอนี่มันฆ่าคนที่ติดหนี้ของมันแล้วไม่มีจ่ายไปมากมาย ยังมีคนอีกมากที่ถูกมันล่อล่วงจนล้มละลายและสุญเสียทุกสิ่ง มันสมควรถูกเรียกว่าสวะสังคมอย่างแท้จริง…….”
ขณะเดินนำทาง ชายหน้ากากโครงกระดูกค่อยๆพูดอธิบาย
“และคืนนี้ งานของมันคือการทำให้หลินจื่อฉิงเอาเงินภาษีมาเล่นพนัน และเก็บหลักฐานชิ้นโตเอาไว้สำหรับแผนการชิ้นใหญ่ของพวกมัน”
“ถ้างั้น ตระกูลหลินก็เป็นเป้าหมายหลักของไซ่เชางั้นรึ?”
‘เย่เฟิง’ถาม
“ก็ควรจะเป็นแบบนั้นละนะ”
ชายหน้ากากโครงกระดูกยิ้ม และเอ่ยเสียงนิ่ม
“เผ่ยเขิงกรุ๊ปเป็นคนส่งมันมาที่ประเทศจีน และมอบหมายให้มันค่อยๆหาวิธีกัดเซาะตระกูลหลินเพื่อหวังเข้าครอบงำในที่สุด และเพื่อหวังทำลายเศรษฐกิจของประเทศจีน พวกมันจึงพัฒนายาต้องห้ามและส่งเข้ามาในตลาดจีน นอกจากนี้ แผนอื่นๆของพวกมันคือสร้างขุมกำลังที่อยู่ใต้บังคับบัญชาในประเทศนี้”
“เผ่ยเขิงกรุ๊ป………ถ้างั้นไซ่เชาหงก็คือไซ่เชา!”
ประกายตาเย็นเยียบฉายวาบขึ้นมาในดวงตา’เย่เฟิง’
“ถูกต้อง และเพื่อจัดการกับตระกูลหลิน แผนของไซ่เชาวางไว้ละเอียดมาก มันตั้งใจจะลงมือกับหลินจื่อฉิงก่อน จากนั้นก็ควบคุมหลินซิวเหวิน และสุดท้ายคือหลินชื่อฉิง ไซ่เชาต้องการเข้าครอบครองเธอคนนั้น”
ชายหน้ากากโครงกระดูกพูดต่อด้วยท่าทีเศร้าใจ
“แผนของมันสมบูรณ์แบบเกินไป เพราะงั้นต่อให้บอกเรื่องนี้ให้คนอื่นรู้ก็ย่อมไม่มีใครเชื่อ”
ใช่แล้ว คงไม่มีใครคิดว่าจะมีใครคนหนึ่งกล้าวางแผนแบบนี้ขึ้นมา อาจบอกได้เลยว่า ถ้าแผนนี้ประสบความสำเร็จ เศรษฐกิจของประเทศจีนคงถึงคราวล่มสลาย และกลุ่มคนที่มีศักยภาพพอ จะเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์จากเรื่องนี้ทันที!
ยิ่งกว่านั้น ตัวตนของไซ่เชาหงยังเป็นที่นิยมอย่างยิ่งในมหาลัยเหยียนจิง ทุกๆคนย่อมเชื่อถือมันมากกว่าเชื่อถือชายสวมหน้ากากคนนี้อยู่แล้ว
“แล้ว… ทำไมคุณถึงรู้เรื่องราวเหล่านี้รวมทั้งแผนของมันด้วย?”
‘เย่เฟิง’เอ่ยถามด้วยความเพลิดเพลิน
“ดูเหมือนตัวตนของคุณจะได้รับความเชื่อใจจากเจ้านั่นนะ”
“ฮ่า ฮ่า ถ้านายจัดการมันได้เมื่อไหร่ นายจะได้รู้เอง”
ชายสวมหน้ากากหัวเราะเบาๆก่อนจะพูดว่า
“แต่อาศัยพลังของนายในตอนนี้ ฉันแนะนำว่านายอย่าเข้าชนกับมันแบบตรงๆจะดีกว่า เพราะเจ้าพวกกอลิล่าก่อนหน้านี้ ไซ่เชาซ่อนพวกมันไว้อีกมากกว่าร้อยตัวรอบๆตัวมัน……”
เมื่อ’เย่เฟิง’ได้ยินว่ามีพวกกอลิล่าอีกมากกว่าร้อยตัว หัวใจของเขาก็พลันหนาวเย็น ด้วยความแข็งแกร่งของชายหนุ่มในปัจจุบัน การปะทะกับพวกมันหนึ่งตัวอาจไม่ลำบากสำหรับเขาเท่าไหร่ แต่ถ้าต้องเจอมากกว่าร้อยตัวละก็ เขาไม่อาจจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น
แต่จุดสำคัญที่ชายหนุ่มสงสัยคือ ‘ไซ่เชา’เก็บซ่อนพวกกอลิล่าจำนวนมากขนาดนั้นไว้ที่ไหน โดยไม่รอให้’เย่เฟิง’ได้ถามคำถามอีกครั้ง ชายสวมหน้ากากพูดต่อ
“ในเมื่อพวกเราจัดการเรื่องของหลินจื่อฉิงได้แล้ว งั้นก็ไปที่มหาลัยเหยียนจิงกัน เป็นไปได้ว่าแผนต่อไปของไซ่เชาจะลงมือในคืนนี้”
“แผนอะไร?”
‘เย่เฟิง’ถามด้วยความสงสัย
“ใช้วิธีบางอย่างเพื่อควบคุมหลินซิวเหวิน…..”
ชายสวมหน้ากากหัวเราะและพูดต่อไปว่า
“ต่อจากนี้ไป นายจะได้เห็นความหายนะเกิดขึ้นไม่จบไม่สิ้น มีหญิงสาวตระกูลเสี่ยวคนหนึ่งที่จะต้องถูกสังเวยในแผนๆนี้ แต่ด้วยตัวฉันคนเดียว ฉันไม่กล้าเข้าไปขัดขวางแผนนี้”
หญิงสาวตระกูลเสี่ยวงั้นหรอ? เมื่อได้ยินคำพูดของชายสวมหน้ากาก ภาพเมื่อตอนเช้าก็ฉายวาบขึ้นมาในใจของ’เย่เฟิง’
‘ไซ่เชาหง’และ’หลินซิวเหวิน’ได้พูดคุยบางอย่างกันขณะที่อยู่ในสนามบาสเกตบอล หรือจะเป็น’เสี่ยวฉี’? ‘เย่เฟิง’พลันนึกถึงตอนที่เขาอยู่ในร้านกาแฟเมื่อเช้าวันนี้ ชายหนุ่มได้เจอกับหญิงสาวน่ารักที่ดูมีชีวิตชีวาคนหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของร้านกาแฟร้านนั้น
‘เย่เฟิง’ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่เกี่ยวกับเธอคนนี้ ถึงแม้ว่าปัจจุบัน เขาสนใจแค่เพียงจัดการกับ’ไซ่เชาหง’ แต่ถ้า’เสี่ยวฉี’เกี่ยวข้องกับแผนของมันแล้วละก็ ‘เย่เฟิง’ก็ไม่อาจมองข้ามเรื่องนี้ไปได้
“ถ้างั้นเอาเป็นว่า พวกเราไปที่มหาลัยเหยียนจิงก่อน แล้วหลังจากนั้น คุณค่อยตามผมไปจัดการกับไซ่เชา แบบนี้เป็นไง?”
‘เย่เฟิง’ถามด้วยเสียงโทนต่ำ ชายหนุ่มยังคงคิดเกี่ยวกับชั้นใต้ดินของบ้าน’ไซ่เชาหง’ ที่ที่เขารู้สึกถึงพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อันมหาศาล
“ก็ขึ้นอยู่กับว่านายแข็งแกร่งพอจะขัดขวางแผนนี้มั้ย”
ชายสวมหน้ากากพูดเสียงต่ำและบอกว่า ตัวเขาเป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น ถึงแม้จะมีปืน นั่นก็ยังไม่พอที่จะจัดการ’ไซ่เชา’ได้ ไม่อย่างนั้นตลอดเวลาหนึ่งปีมานี่ เขาคงสังหาร’ไซ่เชาหง’ด้วยตัวเองไปแล้ว เรื่องการจัดการกับ’ไซ่เชาหง’ ความหวังเดียวของเขาจึงตกอยู่ที่’เย่เฟิง’!
“ฉันไม่ได้จะดูถูกนายหรอกนะ แต่ศัตรูของเราในครั้งนี้ นายห้ามประมาทเด็ดขาด”
ชายสวมหน้ากากพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขณะจ้องมองมายัง’เย่เฟิง’
“ถ้านายมั่นใจว่าแข็งแกร่งพอ นายก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอีกแล้ว ไปจัดการไซ่เชาและแก้ปัญหาทั้งหมดในคืนนี้เลย!”
‘เย่เฟิง’ยังคงครุ่นคิดว่า’ไซ่เชาหง’จะสามารถใช้วรยุทธ์ได้หรือไม่? ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ถามอะไรอีก ทั้งคู่ได้มุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตกและไม่นาน พวกเขาก็มาถึงอพาร์ทเม้นท์ใกล้กับมหาลัยเหยียนจิง
สภาพแวดล้อมที่นี่ดูงดงามและสงบเงียบ ลมหนาวยามค่ำคืนค่อยๆพัดผ่านไปเบาๆ พร้อมด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบ ด้วยที่เป็นพื้นที่พักอาศัยในเวลากลางคืน มันจังไม่ค่อยมีเสียงรบกวนเท่าไหร่นัก
“หญิงสาวตระกูลพักอยู่ที่นี่…..”
ขณะที่ชายสวมหน้ากากกำลังพูด ในเวลาเดียวกัน ใบหน้าของ’เย่เฟิง’พลันเปลี่ยนเป็นตื่นตกใจ สิ่งที่เขาเห็นภายใต้แสงไฟสลัวใกล้ๆกับอพาร์ทเม้นท์ คือร่างๆหนึ่งที่ยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวในชุดที่ขาดรุ่งริ่งราวกับขอทาน แต่’เย่เฟิง’รู้ว่านั่นไม่ใช่ขอทาน เพราะเมื่อมองเข้าไปที่ใบหน้าของชายคนนั้นแล้ว มันกลับกลายเป็น– ‘จ้าวอี้เปย’?
ทำไมศพ’จ้าวอี้เปย’ที่หายไปถึงมาปรากฏอยู่ที่นี่?
ยิ่งกว่านั้น ใบหน้าของเขายังดูซีดเซียวและน่ากลัว หรือนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งในแผนของ’ไซ่เชา’?
หัวใจของ’เย่เฟิง’พลันสั่นสะท้านเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ และในขณะเดียวกันที่อีกด้านหนึ่ง ดูเหมือนร่างของ’จ้าวอี้เปย’จะพบว่า’เย่เฟิง’กำลังมองมา เขารีบกระโดดเข้าไปในซอยเล็กๆที่อยู่ไม่ไกลและหายไปในทันใดอย่างไร้ร่องรอย!
………………….
แปลโดย Solar Spark
ที่มา: