ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป‘เย่เฟิง’ยืนขึ้น ก่อนจะก้มหัวลงมองบาดแผลแห้งกรังที่ต้นขาขวาของเขา
“อาวุธของหน่วย NSA นี่น่าทึ่งจริงๆ โดยเฉพาะกระสุนนั่น นอกจากเรื่องความเร็วแล้ว ความรุนแรงยังสูงจนน่าเหลือเชื่อ แม้แต่ทักษะย่างก้าวไร้เงาของเราเองก็ไม่มั่นใจว่าจะหลบพ้น………ยังดีที่ตอนนี้เรามีทักษะสัมผัสวิญญาณแล้ว ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีก มันไม่มีทางยิงโดนเราแน่”
‘เย่เฟิง’คิดในใจ พร้อมกับพลิกฝ่ามือ และทันใดนั้นเอง มือขวาของเขาก็เริ่มเปล่งแสงสีทองส่องสว่างออกมา
ทักษะเซียน – แสงศักดิ์สิทธิ์!
ทักษะนี้ถือว่าเป็นทักษะเซียนพื้นฐานในโลกเทวะที่ผู้ฝึกวรยุทธ์ทุกคนที่มีวรยุทธ์ระดับ 10 ปีจะได้เรียน ความสามารถหลักของทักษะนี้คือการรักษาบาดแผลภายนอก นอกจากนี้ มันยังมีความสามารถในการฟื้นฟูเส้นลมปราณที่เสียหายได้อย่างดีเยี่ยม
‘เย่เฟิง’ถูกคนของหน่วย NSA ยิงเข้าที่ขาข้างขวา จนเกิดบาดแผลเป็นรูลึกขนาดเท่าครึ่งกำปั้น แต่ตอนนี้ มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเขาอีกต่อไป
ด้วยการนำแสงสีทองที่ส่องประกายในมือข้างขวา เข้าไปใกล้ๆกับบาดแผลของเขา ชายหนุ่มกดมันลงบนบาดแผลที่เป็นหลุมลึก ทันใดนั้น เนื้อเยื่อที่ฉีกขาดก็เริ่มประสานตัวกันอย่างรวดเร็ว ซึ่งแม้แต่ตาเปล่าก็สามารถเห็นการฟื้นฟูของมันได้อย่างชัดเจน!
(ตอนก่อนหน้านี้แปลผิดนะครับ55+ เย่เฟิงมันยังไม่ได้ใช้ทักษะนี้รักษาแผล ตอนนั้นมันแค่คิดในใจเฉยๆ)
ไม่นานหลังจากนั้น ขาข้างขวาของเขาที่ได้รับบาดเจ็บก็ถูกฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ เหลือไว้เพียงแค่รอยเลือดแห้งเป็นวงบนกางเกง หลังจากนั้น ‘เย่เฟิง’กดแสงสีทองในมือขวาลงบนหน้าอกของเขาและส่วนอื่นๆ ซึ่งก็เป็นไปตามขาด รอยแผลพวกนั้นสามารถฟื้นคืนจนไร้ร่องรอยได้อย่างรวดเร็ว
จากนั้น แสงสีทองจึงค่อยๆจางหายไป
‘ทักษะนี้ใช้เจินชี่ของเราไปเกือบครึ่งเลยทีเดียว แต่ก็คิดไว้แล้วล่ะนะว่ามันคงจะประมาณนี้’
‘เย่เฟิง’พยักหน้าอย่างพึงพอใจ จากนั้น เขาก็ล้วงเอาไหวิญญาณสีดำที่เก็บไว้ออกมา ขนาดของมันเกือบเท่าสองกำปั้น และเมื่อมองดูแล้ว มันคล้ายกับสิ่งที่ไว้เก็บอัฐิซึ่งสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันลี้ลับบางอย่างเล็กน้อย
ชายชราผู้ใช้ความตายเคยใช้ของสิ่งนี้ อัญเชิญศพเดินได้ขึ้นมาต่อสู้กับเขา ไหใบนี้จะกักขังดวงวิญญาณเอาไว้ ซึ่งทุกครั้งที่อัญเชิญออกมา ดวงวิญญาณเหล่านั้นจะได้รับความเสียหาย
สำหรับ’เย่เฟิง’แล้ว เขาไม่เคยคิดจะใช้ของประหลาดแบบนี้เลย ถึงอย่างนั้น ก่อนต้องไปเจอกับตระกูลหลิน เขามีบางสิ่งบางอย่างที่ต้องการถามจาก’ไซ่เชาหง’เสียก่อน
เมื่อชายหนุ่มโบกมือ กลุ่มควันสีเทาดำพร้อมด้วยสายลมอันหนาวเย็นก็พลันค่อยๆปรากฏออกมาจากไหวิญญาณ ทักษะเซียนชนิดนี้เรียกว่า ‘ทักษะชุมนุมวิญญาณ’
ทักษะนี้ไม่ถือว่าเป็นทักษะทั่วไปในโลกเทวะ เพราะมันไม่ใช่ทักษะที่ใครสามารถเรียนได้ง่ายๆ ถึงแม้’เย่เฟิง’จะเป็นลูกศิษย์ของ’ซูเฟยหยิ่ง’ แต่ก่อนหน้าที่จะได้เจอเธอ เขาได้ลองผิดลองถูกทักษะนี้ด้วยตัวเองจนเกิดความชำนาญ
ทักษะชุมนุมวิญญาณแบ่งออกอีกเป็นสามทักษะย่อยคือ ทักษะอัญเชิญวิญญาณ ทักษะผนึกวิญญาณ และทักษะปลดปล่อยวิญญาณ
ทักษะอัญเชิญวิญญาณ ใช้สำหรับอัญเชิญวิญญาณออกมาในระยะที่ไม่ไกลจากผู้อัญเชิญ วิญญาณที่อัญเชิญออกมาจะมีรูปร่างโปร่งใส นอกจากนั้น รูปร่างของวิญญาณยังสามารถมองเห็นได้ชัดเจนด้วยตาเปล่า ในกรณีที่คนๆนั้นเพิ่งเสียชีวิตได้ไม่นาน หากอัญเชิญออกมา วิญญาณจะยังมีสติอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์
ทักษะผนึกวิญญาณก็ใช้งานเช่นเดียวกับทักษะอัญเชิญวิญญาณ เพียงแต่มันใช้ในการอัญเชิญวิญญาณที่ถูกผนึกออกมา ไม่สำคัญว่าวิญญาณดวงนั้นจะถูกผนึกเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนหน้านี้ หรือถูกผนึกมาแล้วเป็นร้อยปี หลังจากทำลายผนึกแล้ว สติของวิญญาณดวงนั้นจะถูกปลุกขึ้นมาใหม่
ส่วนทักษะปลดปล่อยวิญญาณ ใช้ในการปลดปล่อยวิญญาณคนธรรมดาในโลกมนุษย์ หรืออีกความหมายก็คือ การส่งวิญญาณดวงนั้นไปสู่สุคติ แน่นอนว่ามันใช้ได้แค่วิญญาณทั่วไป
การมีทักษะเซียนชนิดนี้ นั่นหมายความว่าคนๆนั้นจะสามารถเก็บเกี่ยวข้อมูลจากทุกที่ได้อย่างรวดเร็ว เพราะคงไม่มีที่ไหนที่ไม่มีคนตาย
เมื่อ’เย่เฟิง’โบกมือครั้งหนึ่ง กลุ่มควันสีเทาดำก็ค่อยๆโผล่ออกมาจากไหวิญญาณ จากนั้นแล้ว ไหใบนี้ก็เริ่มสั่นอย่างน่ากลัวพร้อมกับกลุ่มควันที่ค่อยๆก่อตัวเป็นรูปร่างมนุษย์ ไม่นานนัก ดวงวิญญาณมากมายก็ยืนอยู่ต่อหน้า’เย่เฟิง’โดยแต่ละดวงจะไม่สามารถออกห่างจาก’เย่เฟิง’ได้ไกลนัก
วิญญาณที่ถูกอัญเชิญมาด้วยทักษะชุมนุมวิญญาณนั้น จะสามารถออกห่างจากผู้อัญเชิญได้เพียงระยะหนึ่งเท่านั้น
ดูเหมือนจะมีดวงวิญญาณอยู่ไม่มากที่ถูกเก็บไว้ในไหวิญญาณใบนี้ มันอาจเป็นเพราะว่าในเมืองแห่งนี้ ไม่ได้พบเห็นร่างคนตายง่ายๆเหมือนดั่งที่เผาศพ หรือที่ฝังศพ และต่อให้เป็นที่พวกนั้น ศพทั้งหลายก็ล้วนเสียชีวิตมาเป็นเวลานานแล้ว ดวงวิญญาณของพวกเขาจึงล้วนกระจัดกระจายหายไป
ดวงวิญญาณของ’ไซ่เชาหง’ยังคงดูไม่ต่างอะไรกับตอนก่อนตาย เพียงแต่เวลานี้ ร่างของเขาอยู่ในสภาพโปร่งแสง ใบหน้าของไซ่เชาหงมีร่องรอยของความประหลาดใจและความตื่นตกใจปรากฏอยู่ด้วย
ดวงวิญญาณของ’จ้าวอี้เปย’ก็ถูกอัญเชิญออกมาเช่นเดียวกัน แต่วิญญาณของเขาดูเหมือนจะไม่สมบูรณ์และได้รับความเสียหายไปบางส่วน ยิ่งกว่านั้น ใบหน้าของเขายังดูหม่นหมอง เมื่อ’จ้าวอี้เปย’มองเห็น’เย่เฟิง’ สีหน้าของเขาก็แสดงออกถึงความประหลาดใจ
นอกจากนั้นยังมีดวงวิญญาณอื่นๆอีก อย่างเช่น ไห่ถังจากวังกระบี่สวรรค์ ขวานวายุ พี่น้องหลัวลี่ และหลัวเล่ยจากหมัดเทพทวารา และดวงอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ดวงวิญญาณของพวกเขาล้วนได้รับความเสียหายเหมือนกันกับดวงวิญญาณของ’จ้าวอี้เปย’ ส่วนดวงวิญญาณของ’จูไป่เหนี่ยว’กลับไม่ปรากฏออกมาแต่อย่างใด
เมื่อเห็นดังนั้น ‘เย่เฟิง’ก็พึ่งจะเข้าใจทุกอย่างชัดเจน
‘ดูเหมือนว่าการอัญเชิญวิญญาณออกมาต่อสู้ จะทำให้ดวงวิญญาณเหล่านั้นได้รับความเสียหายไปไม่น้อย และหากยังทำเช่นนั้นต่อไปอีกเรื่อยๆ สุดท้าย ดวงวิญญาณของพวกเขาก็จะสูญสลายไป…..’
การที่เขาไม่เห็น’จูไป่เหนี่ยว’แบบนี้ มันทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเศร้าใจ จุดประสงค์ของการไปที่ทะเลจีนตะวันออกของ’เย่เฟิง’คือการไปตามหา’ซูเฟยหยิ่ง’ แต่นอกจากนี้แล้ว เขายังต้องไปที่นั่นเพื่อไปเอาทักษะการก่อกำเนิดเมล็ดพันธุ์ของโลกใบนี้ รวมทั้งเคล็ดวิชากระบี่ปีศาจคำราม เพื่อใช้ในการฝึกวรยุทธ์ของชายหน้าบาก หากวิญญาณของ’จูไป่เหนี่ยว’ยังคงอยู่ในไหใบนี้ ชายหน้าบากก็จะสามารถฝึกวรยุทธ์ได้เลยโดยไม่ต้องรอ’เย่เฟิง’ไปเอาทักษะเหล่านั้นมา
นอกจากนี้ วิญญาณของ’จูไป่เหนี่ยว’ยังสามารถปิดผนึกเพื่อเก็บรักษาดวงวิญญาณเอาไว้ได้ หากเมื่อใดที่’เย่เฟิง’กลายเป็นผู้ใช้วิญญาณ ชายคนนั้นจะกลายเป็นผู้ช่วยที่ยอดเยี่ยมสำหรับเขา
‘เย่เฟิง’หันไปมองยังดวงวิญญาณของ’จ้าวอี้เปย’ที่ดูไม่ค่อยสมบูรณ์ สิ่งที่เห็นทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจ และไม่สบายใจ ทั้งหมดนั้นมาจากที่’เย่เฟิง’ติดหนี้ชีวิตชายหนุ่มคนนี้อยู่ แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่จะคุยถึงเรื่องราวเหล่านั้น
“อี้เปย ไม่ต้องตกใจไปหรอก ตอนนี้นายอยู่ในสภาพดวงวิญญาณ ฉันจะใช้ทักษะผนึกวิญญาณให้นายก่อน แล้วไว้ฉันสามารถใช้ทักษะ‘แก่นวิญญาณ’ได้เมื่อไหร่ ฉันจะปลุกนายขึ้นมาอีกทีหนึ่ง ในตอนนั้นนายก็จะสามารถอยู่ในโลกใบนี้ในรูปวิญญาณได้แล้ว”
‘เย่เฟิง’อธิบายอย่างเอาจริงเอาจัง
‘จ้าวอี้เปย’เดิมทีอยู่ในสภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่น เมื่อเขาได้ยิน’เย่เฟิง’พูดว่า ‘วิญญาณ’ เขาก็ผงะไปในทันใด วิญญาณ? ทักษะผนึกวิญญาณ? เดิมทีเขาคิดว่าสติของเขาจะไม่มีทางได้ตื่นขึ้นมาอีกแล้วเสียอีก
ชายหนุ่มจำได้ว่าในช่วงเวลานั้น เขากระโดดออกไปขวางกระสุนให้แก่’เย่เฟิง’ จากนั้น สติของเขาก็พลันดับวูบไป จนถึงตอนนี้ เขายังคงอยู่ในอาการมึนงง เขาไม่คาดคิดว่าจะได้ตื่นขึ้นมาในวันนี้ และไม่เคยคิดเช่นกันว่า’เย่เฟิง’จะเป็นนักพรตหรืออะไรเทือกนั้น
แน่นอนว่าตอนนี้ ‘เย่เฟิง’ไม่มีเวลาจะอธิบายทุกสิ่งให้’จ้าวอี้เปย’เข้าใจ เขาเพียงแค่ยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนจะโบกมือ และใช้ทักษะผนึกวิญญาณกับดวงวิญญาณของ’จ้าวอี้เปย’
ทักษะผนึกวิญญาณจำเป็นต้องใช้สิ่งของเพื่อผนึกวิญญาณลงไปด้วยเช่นกัน แน่นอนว่า’เย่เฟิง’ไม่คิดที่จะผนึก’จ้าวอี้เปย’ลงในไหวิญญาณอีกครั้ง เขายื่นมือขวาออกไปและตัดสินใจผนึกวิญญาณลงในแหวนกระบี่มังกรโบราณ
การที่วิญญาณของ’จ้าวอี้เปย’ถูกชายชราผู้ใช้ความตายอัญเชิญออกมาบ่อยครั้ง วิญญาณของเขาจึงได้รับความเสียหายอย่างมาก ‘เย่เฟิง’ผนึกวิญญาณของชายหนุ่มลงในแหวนกระบี่มังกรโบราณเพื่อหวังว่า วิญญาณของเขาจะได้รับการฟื้นฟูจนกลับมาสมบูรณ์ดังเดิม
สายลมหนาวเย็นอันเบาบางพัดวนอยู่รอบๆดวงวิญญาณของจ้าวอี้เปยก่อนจะดึงเขาลงไปในแหวนที่นิ้วของ’เย่เฟิง’
วิญญาณดวงอื่นๆรวมทั้ง ‘ไซ่เชาหง’ ‘ไห่ถัง’ ‘หลัวลี่’ ‘หลัวเล่ย’ และ’ขวานวายุ’ ล้วนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน
‘เย่เฟิง’กวาดสายตาไปยังดวงวิญญาณเหล่านั้น ก่อนจะหยุดสายตาอยู่ที่’ไซ่เชาหง’
“ไซ่เชาใช่ไหม? โทษทีนะที่ฉันจำเป็นต้องฆ่านายให้ได้ไม่ว่ายังไงก็ตาม ถึงอย่างนั้นตอนนี้ ฉันหวังว่านายจะตอบคำถามฉันมาตามตรง”
“แกคือชายสวมหน้ากากจริงๆ ฉันควรจะคิดได้ตั้งแต่ทีแรก”
‘ไซ่เชาหง’ก้มหน้าลงมองร่างของเขาที่โปร่งแสง และลอยอยู่รอบๆตัว’เย่เฟิง’ ด้วยสีหน้ามืนมน
“ก็ใช่ แล้วทำไมละ?”
การที่ต้องเผชิญหน้ากับวิญญาณหลายดวงที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาอย่างสมบูรณ์ ‘เย่เฟิง’ไม่จำเป็นต้องปิดบังตัวตนอะไรต่อหน้าพวกเขา แต่ดวงวิญญาณเหล่านั้นต่างตกตะลึงเมื่อพบว่าเด็กหนุ่มคนนี้คือชายสวมหน้ากากที่เรียกตัวเองว่า “โม่จิ่วเกอ”
ดวงวิญญาณเหล่านี้ล้วนพากันขบกรามแน่นด้วยความโมโห ส่วนเหตุผลน่ะหรือ? นั่นเพราะพวกเขาถูกชายคนนี้สังหารยังไงล่ะ!
…………………….
แปลโดย Solar Spark
ที่มา : http://my.dek-d.com/tatuchandjan/writer/viewlongc.php?id=1485781&chapter=120