ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 142 ปะการังราชันแห่งทะเลจีนตะวันออก
เย่เฟิงรู้ดีว่าซูเหมิงหานเป็นเด็กสาวขี้หึง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาไม่คิดจะเปิดเผยเรื่องความสัมพันธ์กับหลงหวางเอ๋อแก่เธอ จนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม
แต่ตอนนี้ ซูเหมิงหานกลับรับสายโทรศัพท์ของหลงหวางเอ๋อ แบบนี้มัน…….
“โทษทีนะ พอดีฉันพยายามจะโทรเข้ามือถือเขาแล้ว แต่มันติดต่อไม่ได้เลย ฉันเลยต้องโทรเข้าเบอร์โทรศัพท์ครอบครัวแทน”
น้ำเสียงของหลงหวางเอ๋อหวานใสเหมือนดังเสียงนกร้อง มันเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ราวกับว่าหญิงสาวกำลังอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
สำหรับโทรศัพท์มือถือของเย่เฟิงนั้น ชายหนุ่มโยนลงในทะเลสาบเว่ยหมิงเมื่อคืน เพื่อป้องกันการแกะรอยของตระกูลหลิน จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่มีใครติดต่อเขาได้ แต่การที่หลงหวางเอ๋อรู้เบอร์โทรศัพท์ของบ้านเขานั้น ถือเป็นเรื่องน่าแปลกใจไม่น้อย ชัดเจนว่าคงเพราะอิทธิพลของตระกูลหลงที่ทำให้หญิงสาวได้เบอร์โทรศัพท์นี้มา
อาจเป็นเพราะคำว่า “ครอบครัว”ทำให้ซูเหมิงหานรู้สึกเขินเล็กน้อย “โอเคค่ะ เดี๋ยวฉันจะเรียกเขาให้นะ”
“ขอบคุณมาก”
เสียงหัวเราะเบาๆของหลงหวางเอ๋อดังผ่านสายโทรศัพท์ไม่นานนักที่ชั้นล่างของตัวบ้าน เย่เฟิงรับสายโทรศัพท์ “ฮัลโหล?”
“ไงคู่อริน้อย เคยคิดถึงฉันบ้างไหมเนี่ย? ชิ”
หลงหวางเอ๋อรู้ว่าซูเหมิงหานเป็นคนรับสายโทรศัพท์ ดังนั้น หญิงสาวจึงอดจะเคืองไม่ได้ และพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนเด็กเอาแต่ใจ“คิดถึงสิ…แล้วตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?”
ทันใดนั้น ความหวานและความอบอุ่นก็พลั่งพรูขึ้นมาในใจเขา“ฉันยังอยู่ที่บ้าน”
“ดูสิ ฉันถูกจับตาดูอยู่ตลอดเวลา ไปไหนไม่ได้เลย……” หลงหวางเอ๋อหยุดพูดไปช่วงหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อไปว่า “เกี่ยวกับเรื่องที่แทบทะเลจีนตะวันออกน่ะ ข่าวเรื่องปะการังราชันที่กำลังจะโตเต็มที่ กระจายไปทั่วเหมือนไฟลามทุงเลยล่ะ”
“ปะการังราชัน?”
เย่เฟิงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย“ใช่ เรื่องนี้ทำให้เกิดความโกลาหลไปทั่วในโลกยุทธภพเลย”
หญิงสาวยังคงอธิบายรายละเอียดต่อไป “มีคนบอกว่าปะการังราชันจะเพิ่มระดับวรยุทธ์ได้ 5 ปีในทีเดียว กองกำลังมากมายต่างพากันคุมเชิงเพื่อรอให้ปะการังราชันโตเต็มที่ในอีกสองสัปดาห์ ที่นั่นวุ่นวายกันใหญ่เลยล่ะ”อีกครึ่งเดือน กระชั้นชิดมากทีเดียว
เย่เฟิงกำลังคิดถึงเรื่องการสอบเข้ามหาวิทยาลัยซึ่งเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้เท่าไหร่ ถึงอย่างนั้น ชายหนุ่มยังไม่รู้เลยว่า ซูเฟยหยิ่งอาจารย์ของเขาจะยังอยู่ที่นั่นหรือไม่…..
“ยังไม่มีข่าวอะไรเรื่องอาจารย์ฉันเลยหรอ?”
ช่ายหนุ่มถามออกไปตามตรง“ครั้งสุดท้ายที่มีคนเห็นคือเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน ตอนที่เธอคนนั้นเช่าเรือออกทะเลไป แล้วตั้งแต่วันนั้นก็ไม่มีใครพบเห็นเธออีกเลย”
หลงหวางเอ๋อบอกข้อมูลแก่เย่เฟิงโดยไม่ปิดบังอะไร เพราะเธอรู้ว่าชายหนุ่มกังวลกับเรื่องนี้มากแค่ไหน
“อืม”
ถึงแม้เย่เฟิงจะพยักหน้า แต่คำพูดของหลงหวางเอ๋อก็ทำให้ใจของเขาเต็มไปด้วยข้อสงสัย หนึ่งในนั่นคือทำไมซูเฟยหยิ่งถึงต้องออกทะเลไป? อีกอย่าง การที่ไม่มีใครพบเห็นเธอเลยทั้งๆที่เวลาผ่านไปนานขนาดนี้ หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับอาจารย์ของเขากัน?
เย่เฟิงส่ายหัวเพื่อไล่ความคิดนี้ออกไป ผ่านไปครู่หนึ่ง ชายหนุ่มจึงเอ่ยถาม “บ้านเธออยู่ที่ไหน”
“นายถามทำไม?”
เมื่อหลงหวางเอ๋อได้ยินดังนั้นก็พลันรู้สึกกังวลขึ้น “ฉันสบายดี นายไม่ต้องมาที่นี่หรอก มันอันตรายเกินไป อีกอย่าง นายตจ้องไปตามหาอาจารย์ที่แทบทะเลจีนตะวันออกอยู่ไม่ใช่หรอ?”
“อืม…..งั้นขอให้เชื่อในตัวฉันนะ”
เย่เฟิงพูดอย่างจริงจัง “ในวันหนึ่ง ฉันจะเอาชนะพ่อเธอให้ได้แน่นอน”“อือ ฉันเชื่อนาย…….งั้นแค่นี้ก่อนนะ มีคนกำลังมา”
ทันใดนั้น หญิงสาวก็พลันพูดเสียงต่ำลง ก่อนจะวางสายไปในที่สุดทันทีที่เสียงตัดสายดังขึ้นในโทรศัพท์ ความทรงจำยากค่ำคืนที่สุสารโบราณกับหลงหวางเอ๋อก็พลันแล่นเข้ามาในใจของเย่เฟิง หัวใจของชายหนุ่มตอนนี้เต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะแข็งแกร่งขึ้น ตราบเท่าที่เขาสามารถเอาชนะหลงโม่หรันได้ ตระกูลหลงก็ไม่อาจเข้ามาขัดขวางเขาและหลงหวางเอ๋อได้อีก!
สำหรับหลงโม่หรัน ปัจจุบันชายคนนั้นคงมีระดับวรยุทธ์อย่างน้อย 60 ปี ซึ่งไม่อาจดูแคลนได้ นอกจากนี้ มันยังสามารถบรรลุเพลงกระบี่พร่ำเพ้อขั้นสามได้ พรสวรรค์ของมันสูงเกินกว่าจะคาดเดา
เพื่อพิชิตหลงโม่หรัน จุดสำคัญสำหรับเย่เฟิงไม่ใช่แค่เรื่องระดับวรยุทธ์ และทักษะเซียนเท่านั้น เขาจำเป็นต้องไปให้ถึงอย่างน้อยวรยุทธ์ระดับ 20 ปี และมีความเข้าใจในทักษะต่างๆอย่างลึกซึ้ง ความเข้าใจที่ลึกซึ้งหมายความว่า ต้องมีระดับของทักษะเซียนที่สูงกว่าที่เป็นอยู่ เพื่อให้เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบเมื่อต้องเผชิญหน้ากัน
และเพื่อจะไปให้ถึงจุดนั้นได้ ปะการังราชันที่แทบทะเลจีนตะวันออกถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับตัวเขาอย่างยิ่ง
ในระยะเวลาที่เหลืออีกครึ่งเดือน เย่เฟิงต้องใช้เวลาทั้งหมดที่มีในการขยายเส้นลมปราณเพื่อเพิ่มขึดจำกัดของระดับวรยุทธ์ให้ถึง 30 หรือ 40 ปี และหลังจากได้รับปะการังราชันมาแล้ว มันก็เป็นเรื่องง่ายที่จะเพิ่้มระดับวรยุทธ์ขึ้นเป็น 15 ปีในทีเดียว
เพื่อการนั้น เขาต้องเอาปะการังราชันมาให้ได้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม!
แม้เมื่อเทียบกับคนของโลกยุทธภพแล้ว ระดับวรยุทธ์ของเขาจัดอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ แต่ด้วยอาศัยทักษะล่องหน และทักษะเซียนอื่นๆ ชายหนุ่มก็มีโอกาสสูงมากที่จะคว้าปะการังราชันมาครอบครอง
ขณะที่เย่เฟิงกำลังขบคิดอยู่ ซูเหมิงหานที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยกำลังเดินลงมา
“แผลนายเป็นไงบ้าง ยังเจ็บอยู่ไหม?”
เมื่อเห็นซูเหมิงหานแสดงความกังวลออกมา เย่เฟิงจึงเดินเข้าไปรวบตัวเด็กสาวมากอดไว้“เมื่อคืนยังเจ็บอยู่…….แต่ตอนนี้ไม่แล้วล่ะ”
ซูเหมิงหานพลันหน้าขึ้นสีด้วยความเขินอาย เพราะอดไม่ได้ที่จะคิดถึงความจำทรงเมื่อคืนความทรงจำที่ทำให้เธอกลายเป็นหญิงสาวเต็มตัว
‘คนบ้า เมื่อคืนรุนแรงอย่างกับสัตว์ป่า…….”
โชคดีที่ซูเหมิงหานกลายเป็นผู้ฝึกวรยุทธ์วิถีเซียนแล้ว ร่างกายของเด็กสาวจึงฟื้นฟูได้เร็วกว่าคนธรรมดาอยู่มาก ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นเมื่อคืนจึงจางหายไปอย่างรวดเร็ว“เอาล่ะ งั้นฉันจะสอนเธอสองเรื่องนะ เรื่องแรกคือการขยายเส้นลมปราณ และอีกเรื่องคือทักษะเสริมความว่องไว ‘ย่างก้าวไร้เงา’…..”
เย่เฟิงพูดด้วยรอยยิ้มขณะลูบหัวเด็กสาวเบาๆ ในเรื่องการโคจรเจินชี่ในเส้นลมปราณ ซูเหมิงหานสามารถทำได้ดีแล้ว สำหรับตอนนี้ เขาอยากให้เด็กสาวได้เริ่มเรียนรู้วิธีขยายเส้นลมปราณ รวมทั้งทักษะย่างก้าวไร้เงา เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่จะฝึกได้สำเร็จในเวลาสั้นๆ
เย่เฟิงจึงใช้ช่วงเวลาที่พวกเขาออกจากบ้านไปด้วยกัน อธิบายสิ่งต่างๆให้ฟัง นอกจากนี้ เขายังมีไข่มุขเรืองแสงในตำนานที่ได้มาจากสุสารโบราณ ชายหนุ่มต้องการนำมันไปให้อู๋บีดู มันคงขายได้ราคาดีไม่น้อย!
วันนี้ เป็นชายหน้าบากเป็นคนรับหน้าที่ขับรถไปส่งพวกเขาที่โรงเรียน เมื่อขึ้นไปบนรถ เย่เฟิงยื่นตำราวิถีอสุราให้แก่หน้าบากทันที รวมทั้งตำราที่เหลืออีกสามเล่ม
“วิถีอสุราเป็นพื้นฐานของตำราทั้งสามเล่ม โดย‘ย่างก้าววิญญาณเงาภูติ’เป็นทักษะหลักที่นายต้องศึกษา ส่วน‘เพลงดาบล่าวิญญาณพันลี้’เป็นทักษะรอง สำหรับ‘คลื่นอสุราปราบวิญญาณ’ ทักษะนี้ก็น่าสนใจอยู่เหมือนกัน นายจะศึกษามันด้วยก็ได้”
เย่เฟิงย้ำเพิ่มเติม “จำไว้ให้ดี ถ้ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นให้รีบติดต่อฉันทันที…….”
“มือถือนายหายไม่ใช่หรอ?”
ซูเหมิงหานที่นั่งอยู่ข้างย้ำเตือนชายหนุ่ม“งั้น นายโทรเข้าเบอร์เหมิงหานก็แล้วกัน”
เย่เฟิงพูดต่อด้วยความรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย “หน้าบาก นายช่วยหามือถือให้ฉันอีกเครื่องสิแต่เอาเบอร์เดิมนะ”“เข้าใจแล้วครับพี่เย่”
เมื่อรับตำราทั้งสี่เล่มมา ชายหน้าบากรู้สึกตื่นเต้นราวกับได้ขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ดการที่เขาได้ตำราทั้งสี่เล่มมาก็เท่ากับว่าตอนนี้ เขาสามารถเริ่มฝึกวรยุทธ์ได้แล้ว! ดูเหมือนว่าการติดตามเย่เฟิงจะเป็นความคิดที่ถูกต้องจริงๆ
ชายหน้าบากจ้องมองเย่เฟิงรวมทั้งซูเหมิงหานที่นั่งอยู่ข้างกัน จากลักษณะการแสดงออกของเด็กสาวแสนน่ารักคนนี้ ดูเหมือนทั้งคู่จะมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกันแล้วสินะ แล้วแบบนี้ เรื่องคุณหนูตระกูลหลินล่ะ?
ถึงอย่างนั้นชายหน้าบากรีบโยนความคิดนี้ออกจากหัวอย่างรวดเร็ว เพราะเขารู้ว่าสำหรับคนที่แข็งแกร่งอย่างเย่เฟิง การมีผู้หญิงมากกว่าหนึ่งคนไม่ใช่เรื่องน่าแปลกตรงไหน
เมื่อคิดได้ดังนั้น ชายหน้าบากจึงเหยียบคันเร่งทันที รถ BMW สีเงินเริ่มออกตัว และปลายทางคือโรงเรียนมัธยมปลายเหยียนจิง
ขณะอยู่ในรถ เย่เฟิงสอบถามเกี่ยวกับเรื่องคดียายของซูเหมิงหาน ชายหน้าบากจึงอธิบายเรื่องทั้งหมดออกมา การพิจารณคดีจะเริ่มขึ่นหลังจากการสอบเข้ามหาวิทยาลัย และเมื่อเวลานั้นมาถึง ซูซินฉางจะปรากฏตัวขึ้นที่ศาลในฐานะพยานปากเอก
เดิมทีเย่เฟิงเข้าใจว่านี่เป็นแค่เรื่องเล็กๆเท่านั้น แต่เข้าก็ต้องคิดผิดมหันต์ เพราะเมื่อทั้งสองก้าวเท้าเข้าไปในประตูโรงเรียน พวกเขาก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เรื่องคดีฟ้องร้องระหว่างซูเหมิงหานกับพี่น้องตระกูลเซี่ย ได้กระจายไปทั่วทั้งโรงเรียน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่พวกเขาต้องตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนมากมายเมื่อก้าวเท้าลงจากรถ
จากการแสดงออกและการพูดคุยของผู้คน เย่เฟิงสามารถเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ลูกสาวของประธานบริษัทที่น่าอับอายกำลังฟ้องร้องตระกูลเซี่ยแห่งเมืองเหยียนจิง นี่ช่างเป็นเรื่องเพ้อฝันจริงๆ
แม้เด็กสาวจะใกล้ชิดกับเย่เฟิง แต่ในสายตาคนอื่นๆแล้ว คนที่เย่เฟิงจะพึงพาได้ก็มีแต่ปู่ของเขาเท่านั้น และเรื่องการหมั้นกับคุณหนูตระกูลหลิน นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นพวกเพย์บอยหรือไง? อีกอย่าง ซูเหมิงหานไม่ใช่แค่มีเรื่องกับตระกูลเซี่ย แต่ยังฉกฉวยคู่หมั้นของคุณหนูหลินไปด้วย นี่เหมือนกับการก้าวเท้าสู่ความหายนะด้วยตัวเองชัดๆ
เกือบทุกคนต่างรู้สึกสงสารดาวโรงเรียนคนนี้อยู่ในใจ
……………………………..แปลโดย:Solar Spark ,Tan Tan
Tan Tan:หลังจากนอนบนเตียงมาหลายวันข้าได้กลับมาแล้ว555555
ไปหาสาวในทะเลต่อ…….