ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 143 ตบเข้าที่ใบหน้า
เย่เฟิงเดินเข้าไปในโรงเรียนพร้อมกับซูเหมิงหาน และทันใดนั้น ชายหนุ่มก็ต้องขมวดคิ้ว
เรื่องนี้กระจายสู่ภายนอกได้อย่างไร? ดูเหมือนว่าจะมีใครสักคนตั้งใจกระจายข่าวเรื่องนี้เพื่อทำให้ซูเหมิงหานต้องอับอายสินะ
“ผึ้งน้อย!”
อู๋บีวิ่งเข้ามาผลักชายหนุ่มอย่างแรง แต่เมื่อเห็นซูเหมิงหานที่ยืนอยู่ข้างเย่เฟิง ซ้ำยังมีกลิ่นอายของความใกล้ชิดอันน่าประหลาดใจ อู๋บีก็ร้องตะโกนออกมาอย่างรวดเร็ว
เย่เฟิงหันหน้ากลับมา และพบกับเด็กหนุ่มผมขาวอันแสนคุ้นเคย นี่คืออู๋บีที่เขากำลังมองหาอยู่นั่นเอง
“นายมาได้ถูกเวลาจริงๆ ฉันมีเรื่องอยากจะถามอยู่พอดี”
เย่เฟิงคว้าแขนดึงตัวอู๋บีเข้ามา ชายหนุ่มลังเลเล็กน้อยก่อนจะกระซิบถาม “ทำไมเรื่องการฟ้องร้องระหว่างเหมิงหานกับคนตระกูลเซี่ยถึงได้กระจายไปทั่วแบบนี้?”
เมื่อได้ยินคำว่า “เหมิงหาน” ที่แสดงถึงความใกล้ชิด อู๋บีก็รีบหันไปมองดาวโรงเรียนคนสวย เพราะอดสงสัยไม่ได้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง ‘ความสัมพันธ์ของพวกเขาใกล้ชิดกันขนาดนี้เลยหรอ?’
แน่นอนว่าอู๋บีย่อมไม่รู้ว่าเมื่อคืนมีสิ่งต่างๆเกิดขึ้นมากมาย
“ฉันไม่รู้เหมือนกันว่ามันมาจากไหน แต่วันนี้ตอนเช้าตรู่ มีใครบางคนทิ้งข้อความสั้นๆไว้ให้คนหลายกลุ่ม ทำให้ทั่วทั้งโรงเรียนรู้เรื่องนี้หมดแล้ว”
จากนั้นอู๋บีจึงพูดตำหนิขึ้นมา “เจ้าเพื่อนเลว ตอนนี้สถานการณ์ของนายเสียเปรียบมากนะ”
“สบายใจได้ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก”
แววตาของเย่เฟิงเปล่งประกายหนาวเย็น “ฉันแค่ไม่รู้ว่า‘ใครบางคน’คนนั้นเป็นใคร แต่ถ้าฉันหาตัวมันเจอล่ะก็ ฉันจะทำให้มันต้องร้องไห้หาแม่แทบไม่ทัน!”“เอาล่ะผึ้งน้อย ฉันเข้าใจถึงความสามารถของนายแล้ว แต่จุดสำคัญคือพวกเราไม่รู้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าว…..”
อู๋บีส่ายหัวก่อนจะพูดเปลี่ยนเรื่อง “อ่อ อีกเรื่อง เมื่อวานนายกับสายสวยตระกูลหลิน……”
หลังจากพูดไปได้ครึ่งทาง อู๋บีก็นึกขึ้นได้ว่าซูเหมิงหานยังยืนอยู่กับพวกเขา นี่ทำให้เด็กหนุ่มต้องรีบรูดซิบปากทันที“อะแฮ่ม จริงๆแล้ว เธอแค่ต้องการจะเป็นพี่สาวของฉันน่ะ เพราะงั้นสถานการณ์ตอนนี้ เธอก็เหมือนกับพี่สาวของฉันเท่านั้นเอง”
เย่เฟิงกระแอ่มก่อนจะยื่นมือมากุมมือน้อยๆของซูเหมิงหาน เขากล่าวออกมาเพื่อทำให้เด็กสาวรู้สึกดีขึ้น และเลิกสนใจเรื่องนี้
การที่นิ้วของซูเหมิงหานถูกมือของชายหนุ่มกุมไว้เบาๆ ทำให้รอยยิ้มหวานปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันสดใสของเด็กสาว สิ่งนี้ทำให้เย่เฟิงรู้สึกโล่งใจที่สาวน้อยคนนี้ไม่ได้โกรธเคืองอะไรเขา
“โอ้ พี่อู๋คนนี้ยืนอยู่ข้างนายนะเพื่อน”
อู๋บียิ้มแบบกวนๆขณะเอามือมาวางบนไหล่เย่เฟิง ยอมรับคุณหนูหลินเป็นพี่สาวงั้นหรอ? เยี่ยมไปเลย แบบนี้ไม่ใช่แค่ป้องกันไม่ให้ซูเหมิงหานเสียใจเท่านั้น แต่ยังได้ตระกูลมาสนับสนุนด้วย!
“อ่อ จริงสิ เอาเจ้านี่กลับบ้านไปให้พ่อนายดูทีว่ามันมีมูลค่าเท่าไหร่ ฉันอยากจะฝากเขาขายมันด้วย”
เย่เฟิงพูดขณะเปิดกระเป๋าให้อู๋บีได้ดูสิ่งที่อยู่ข้างใน มันคือไข่มุขเรืองแสงในตำนานนั่นเองอู๋บีเดินเข้ามามองดูแล้วก็ต้องตกใจจนตาเบิกกว้าง ไข่มุขเรืองแสงในตำนานยักษ์งั้นหรอ? นี่มันใหญ่กว่ากำปั้นของผู้ใหญ่เสียอีก นอกจากนี้ยังมีภาพมังกรสองตัวสลักอยู่ที่ผิว มันดูเหมือนกับของวิเศษยังไงอย่างงั้น
แค่กะด้วยสายตา อู๋บีคิดว่ามูลค่าของมันอย่างน้อยต้องมากกว่าห้าล้าน แต่ถ้านำออกประมูล แม้แต่สิบล้านก็ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้!
“มีข่าวดีอีกอย่างนะ เจ้าคนที่ชื่อหลินซิวเหวินกลายเป็นคนปัญญาอ่อนอย่างฉับพลันเมื่อเย็นวานนี้น่ะ”
เย่เฟิงยิ้ม“หะ?”
เวลานี้ อู๋บีที่เพิ่งหายจากอาการตกใจเรื่องไข่มุขเรืองแสง ก็ต้องรู้สึกตกใจอีกครั้งกับข่าวนี้ซานเชาแห่งตระกูลหลินกลายเป็นคนปัญญาอ่อน? อู๋บียังจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในร้านขายของโบราณอู๋ชีครั้งล่าสุดได้ดี ตอนนั้นพ่อของเขาต้องยอมชดใช้ค่าเสียหายถึงสามเท่าทั้งที่คนรับใช้ของมันเป็นคนทำของแตกเสียหายเอง
คงเป็นเพราะความหยิ่งยโสและความเอาแต่ใจของเจ้านั่นเองนั่นแหละที่ทำให้มันกลายเป็นคนปัญญาอ่อน แต่ยังไงก็ถือเป็นข่าวดีที่คุ้มค่าแก่การฉลอง!
‘แล้วมันกลายเป็นคนปัญญาอ่อนไปได้ยังไง?’
คำถามนี้เกิดขึ้นมาในใจอู๋บี หรือว่าเย่เฟิงเป็นคนทำ?“อย่าเข้าใจผิด”
เย่เฟิงรีบเบรคขณะจ้องมองท่าทีสงสัยของอู๋บี ถึงแม้ว่าเขามักจะใช้กระบี่สังหายผู้คนในทีเดียว แต่ตัวเขาเองไม่มีทางลดตัวไปทำอะไรอย่างเช่นการสร้างปัญหาหรือความปวดหัวให้คนอื่นหรอก
“อาจจะจริงที่ว่า ‘ทำอะไรไว้ก็ต้องรับผลที่ตามมาไม่ช้าก็เร็ว’ เจ้านั่นทำสิ่งเลวร้ายไว้มากมาย พระเจ้าก็เลยทนดูต่อไปไม่ได้ไงล่ะ”
เย่เฟิงโบกมือ “เรื่องนี้เอาไว้คุยกันทีหลัง รีบไปกันเถอะ นายคงไม่ลืมใช่ไหมว่าคาบเรียนจะเริ่มแล้ว?”
ถ้าอยากผ่านการสอบเข้ามหาลัยเหยียนจิง สิ่งแรกที่ต้องทำคือการพัฒนาความรู้ในสมองเขาก่อน เพราะในโรงเรียนนี้ คะแนนของเขาเป็นที่หนึ่งนับมาจากหลัง ถ้าไม่รีบเตรียมตัวล่ะก็ การสอบเข้ามหาลัยเหยียนจิงคงเป็นได้แค่ฝัน
แต่ความจริงเย่เฟิงไม่ได้รู้สึกกดดันอะไรอยู่แล้ว เพราะด้วยความสามารถในการจดจำของเขา การสอบเข้ามหาวิทยาลัยยอมไม่ใช่เรื่องยากอะไร
การพูดคุยกันสั้นๆของทั้งสามก็จบลงเพียงเท่านี้ พวกเขาต่างพากันเดินไปยังห้องเรียน
แต่เมื่อเดินลงบันไดมาถึงทางเดินยาว ทั้งสามก็มองเห็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาต้องขมวดคิ้ว ทำไมถึงมีคนมากมายรวมตัวอยู่ที่ันั่นกัน? นอกจากนี้ คนพวกนั้นยังดูไม่เหมือนนักเรียนด้วย มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นงั้นหรอ?
“นั่นมัน?”
เย่เฟิงปลดปล่อยทักษะสัมผัสวิญญาณ และเมื่อสัมผัสได้ถึงใครบางคน เขาก็ขมวดคิ้วแน่นทันทีผู้ที่ยืนขวางประตูห้องเรียนอยู่ก็คือคู่พี่น้องตระกูลเซี่ย เซี่ยหมินและเซี่ยเฉิงเย่ นอกจากนี้ยังมีคนตระกูลเซี่ยคนอื่นๆ และเหล่าทหารที่เคยยืนขวางทางเขาเมื่อครั้งที่เกิดเรื่องในภัตตาคารจิงเฉิง ทหารพวกนั้นก็คือลูกน้องของเซี่ยเฉิงเย่นั้นเอง
พวกมันอีกแล้วหรอ?
เย่เฟิงเค้นเสียงในใจและประสานมือซูเหมิงหานไว้แน่น จากนั้นพวกเขาจึงสาวเท้าเดินเข้าไป“เฮ้ เฮ้ ผึ้งน้อย อย่าเดินเข้าไปเลย พวกมันตั้งใจมาหาเรื่องนายชัดๆ ให้ฉันเดินเข้าไปดูก่อนดีไหมว่าเกิดอะไรขึ้น…….”
อู๋บียื่นมือออกไปขวางทั้งคู่ไว้ แม้สีหน้าจะยังดูตื่นกลัว“สบายใจเถอะ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก”
เย่เฟิงมองออกว่าเพื่อนของเขารู้สึกเป็นห่วงและกังวลแค่ไหน นี่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกซึ้งใจอย่างมาก แต่เพื่อจัดการกับพวกปลาซิวปลาสร้อยแค่นี้ เขาไม่จำเป็นต้องคิดอะไรให้มากความอยู่แล้วแม้จะมีอู๋บีที่พยายามโน้มนาว เย่เฟิงและซูเหมิงหานก็เดินมาถึงประตูห้องเรียนแล้ว!
“ดูนั่น เย่เฟิงกับซูเหมิงหานมาแล้ว”
“พวกเขามาจริงๆด้วย”
“พวกเรารีบไปบอกอาจารย์ดีไหม?”
“บอกอาจารย์หาเตี่ยนายน่ะสิ ต่อให้อาจารย์มาที่นี่ เขาจะกล้าแตะต้องคนตระกูลเซี่ยหรือไง?”
เหล่านักเรียนทั่วทั้งห้องต่างพากันกระซิบพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ ซึ่งเย่เฟิงสามารถรับรู้คำพูดเหล่านั่นได้ชัดเจนด้วยทักษะสัมผัสวิญญาณ
เซี่ยหมินและเซี่ยเฉิงเย่ หันหน้ากลับมาเห็นเย่เฟิงและซูเหมิงหานเดินเข้ามาพร้อมกัน สายตาของพวกเขาแวววับขึ้นทันที
“โอ้ ในที่สุดก็มาซะที ทั้งๆที่การสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็เหลือแค่ไม่กี่วัน แต่เธอยังอยู่กับยัยแพศยาคนนี้อีก ไม่กลัวสอบไม่ติดหรือไงเย่เฟิง?”
เซี่ยหมินจ้องมองไปยังทั้งคู่ด้วยสายตาดูถูก ทั่วทั้งตัวของผู้หญิงคนนี้ต่างประดับไปด้วยของมีค่า ทั้งยังแต่งหน้าจัด และด้วยที่เธอมีคนสนับสนุนมากมายเกินว่าเย่เฟิงจะจินตนาการได้ เซี่ยหมินจึงกลับมาแสดงท่าทีหยิ่งผยองอีกครั้ง
“บทเรียนคราวที่แล้วยังไม่พอรึไง?”
โดยไม่รอช้า เย่เฟิงเดินเข้าไปตบหน้าเซี่ยหมินทันทีเพี๊ยะ!
การเคลื่อนไหวของชายหนุ่มนั้นรวดเร็วอย่างมากจนไม่มีใครมองทัน แม้แต่เซี่ยเฉิงเย่และลูกน้องของเขาก็ยังไม่อาจตอบสนองได้ทัน แรงตบของเย่เฟิงทำให้เซี่ยหมินถอยหลังไปหลายก้าว ทั้งยังมีใบหน้าที่บวมเป่ง
เป็นการตบที่แรงจริงๆ ตบจนกระเด็น!
“โหดโคตร!”
เหล่านักเรียนที่มุงดูเหตุการณ์อยู่ต่างตกอยู่ในความโกลาหล เจ้าเย่เฟิงคนนี้ถึงกับกล้าปะทะกับคนตระกูลเซี่ยซึ่งหน้าจริงๆ!“แกกล้าตบพี่สาวฉัน! ตอนนี้ไม่มีใครช่วยแกได้แน่!”
เมื่อเห็นดังนั้น เซี่ยเฉิงเย่กัดฟันกรอด เขาดึงแขนเสื้อขึ้นก่อนจะเดินตรงเข้าหาเย่เฟิงอย่างไม่ลังเล พร้อมด้วยลูกน้องซึ่งเป็นทหารที่ถูกฝึกมาอย่างดีถึง 8 คน!
………………….
แปลโดย Solar Spark