ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“อ่า….ตั้งแต่ที่เขาทำเช่นนั้น มันแสดงถึงความเสียสละ เขาไม่ได้ทำได้เปล่าประโยชน์”
“ยังไงก็ตาม หากเขาต้องมาตายที่นี่ มันย่อมเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ท่านสามารถเข้าไปช่วนเขาได้หรือไม่”
‘ฉี เฟิงหยาง’ กล่าวขณะที่เขามองไปที่ชายชราที่สวมผ้าคลุมข้างๆ เขา สายตาของเขาเต็มไปด้วยความขอร้อง
“จริงๆ แล้วเจ้าต้องการที่จะเสียสละชรีวิตของเจ้าอย่างนั้นรึ !? เจ้าจะใช้ชีวิตของเจ้าเพื่อข่มขู่ข้าเช่นนั้นรึ เจ้ารู้ว่าถ้าเจ้ากำลังจะตาย ข้าจะต้องเข้าไปช่วยเหลือเจ้า”
ชายชราสวมผ้าคลุมกล่าว
“โอ้…เฟิงหยาง ในอาณาจักรมังกรฟ้านี้ เจ้าเป็นสหายเพียงหนึ่งเดียวของข้า ข้าไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับเจ้า ต้องสั่นคลอนเพียงเพราะเด็กคนหนึ่ง”
หลังจากบอกความคิดของเขา ชายชราสวมผ้าคลุม ก็เดินกลับไปยังวิหารของเขา
ขณะที่เขากำลังเดินกลับนั้น รอยยิ้มที่ขมขื่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา เขารู้ดีถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ของ ‘ฉี เฟิงหยาง’ เขายังรู้ได้อย่างชัดเจนอีกว่า บุคคลตรงหน้าของเขาเหนือกว่าเขา และเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะไปร้องขอให้เขาช่วยเหลือในเรื่องใดๆ ก็ตาม
“เจ้าหนุ่ม !! ข้าหวังว่าเจ้าจะมีโชคอยู่บ้าง โชคชะตานำพาให้เจ้าต้องใช้ความสามารถของตัวเอง เพื่อออกจากที่นั่น”
หลังจากกล่าวจบ ‘ฉี เฟิงหยาง’ ก็มองไปที่ ‘ชูเฟิง’ และเดินกลับไปยังวิหาร
*****วู้ชชชชชชช*****
‘ฉี เฟิงหยาง’ รู้สึกสงสาร ‘ชูเฟิง’ อย่างมาก ‘ชูเฟิง’ นั้นเดินทางขึ้นมาถึงที่ยอดเขาอีกครั้ง และเขาเริ่มวางรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณ เพื่อที่จะป้องรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณที่กดดันอยู่รอบๆ ตัวเขา
“มันไม่ได้ผล มันซับซ้อนเกินไป ถึงแม้ข้าจะรู้วิธีการสร้างมัน แต่ข้าก็ไม่รู้วิธีที่จะทำลายมันได้อย่างรวดเร็ว !!”
‘ชูเฟิง’ ขมวดคิ้วของเขาแน่น เขาพบว่ารูปแบบอำนาจพลังวิญญาณ ของผู้เชื่อต่อโลกวิญญาณระดับชุดคลุมสีฟ้านั้น เป็นสิ่งที่ท้ายทายสำหรับเขา ซึ่งเป็นเพียงผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณระดับชุดคลุมสีเทาเท่านั้น
“ชูเฟิง ทำต่อไป ข้าเชื่อว่าเจ้าสามารถเข้าใจวิธีก่อตัวของมันได้อย่างชัดเจน แต่เจ้านั้นยังมีพลังวิญญาณไม่เพียงพอ ดังนั้นเจ้าต้องลองในหลายๆ วิธี เพราะไม่ใช่แค่เจ้าเท่านั้นที่จะตาย แต่ข้าก็จะต้องตายไปพร้อมกับเจ้าด้วย”
นางต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ยากลำบาก ‘ต้านต้าน’ นั้นไม่สามารถช่วยอะไรเลยในตอนนี้ นางรู้ดีว่า ‘ชูเฟิง’ นั้นเข้าใจถึงรูปแบบพวกนั้น แต่ด้วยพลังวิญญาณของ ‘ชูเฟิง’ นั้นมีน้อย จึงไม่อาจ แก้ไขสถานการณ์ได้ในตอนนี้ ถ้าโดยปกตินั้น นางสามารถยืมร่างของ ‘ชูเฟิง’ เพื่อต่อสู้แทนได้ แต่มันไม่สามารถทำได้เมื่อต่อเผชิญหน้ากับการก่อตัวของรูปแบบพลังวิญญาณ
ดังนั้น ในตอนนี้ ‘ชูเฟิง’ จึงต้องหวังพึ่งเพียงแค่ตัวเขาเองเท่านั้น
“ใช่ !! ข้าต้องทำสำเร็จ ข้าไม่สามารถจะล้มเหลวได้ ข้ายังมีเรื่องที่จะต้องทำอีกมากมาย และถึงแม้ว่าข้าจะตาย ข้าก็จะไม่ยอมให้เจ้าตายไปพร้อมกับข้า”
เมื่อได้ยินคำพูดของ ‘ต้านต้าน’ ‘ชูเฟิง’รู้สึกมีแรงผลักดันขึ้นมาทันที แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเขาจะสามารถทำสำเร็จหรือไม่ก็ตาม แม้จะไม่มีอากาศหายใจ เขายังคงเพ่งสมาธิของเขาเพื่อบีบอัดพลังนั้น
สถานการณ์เช่นนั้นราวกับปาฏิหารย์ ‘ชูเฟิง’ ไม่ได้หายใจกว่า 1 ชม. มันเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ใรหัวใจของเขา หากเป็นคนอื่นพวกเขาคงตายไปแล้ว แต่ ‘ชูเฟิง’ ก็ยังรอดอยู่แม้ไม่ได้หายเป็นเวลานานขนาดนั้น
ในตอนนี้ใบหน้าของ ‘ชูเฟิง’ เป็นสีขาวซีดราวกับกระดาษ ดวงตาของเขาราวกับจะลุกไหม้ เขาจ้องมองไปที่รูปแบบที่ก่อตัวขึ้น ในขณะนั้นก็มีวิธีการหนึ่งที่เขาคิดได้ เขาส่งพลังวิญญาณของเขาเข้าไปในรูปแบบนั้น หลังจากนั้นเขาก็ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับมัน
*****พรึ่บบบบ*****
ในที่สุดก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอความร้อนแผ่กระจายออกมาทั่วบริเวณ จากนั้นจึงก่อตัวเป็นพลังวิญญาณที่ไม่มีขีดจำกัด ป้ายวิญญาณทั้งสี่ รวมกันที่จุดๆ เดียว มันเป็นป้ายวิญญาณขนาดเล็กและละเอียดอ่อน
ป้ายวิญญาณนั้นมีลักษณะที่ใสราวกับคริสตัล มันสวยงามเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม มันอัดแน่นไปด้วยพลังวิญญาณที่อยู่ภายในนั้น และพลังวิญญาณเหล่านั้น กำลังก่อตัวขึ้นอย่างซับซ้อนตามที่ชูเฟิงต้องการ
ในเวลาเดียวกันที่ป้ายวิญญาณปรากฏขึ้นในมือเขา ‘ชูเฟิง’ แรงกดดันรอบๆ ตัวของเขาก็ไป ราวกับเมฆหมองที่จางหายไปหลังฝนพรำ นั่นหมายถึงความสำเร็จของ ‘ชูเฟิง’
“ชูเฟิง !! เจ้าทำสำเร็จแล้ว ในที่สุดเจ้าก็ทำได้จริงๆ เจ้าสามารถทำในสิ่งที่มีแต่ ผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณระดับชุดคลุมสีฟ้า เท่านั้นที่จะทำได้”
ในขณะนั้น ก็มีเสียงร้องที่อ่อนหวานของ ‘ต้านต้าน’ ดังขึ้นมา นางกำลังกระโดดไปมาในโลกวิญญาณอย่างตื่นเต้น พร้อมทั้งตะโกนไปด้วย
นางมีความสุขอย่สงแท้จริง มันเป็นความสุขที่ออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจนาง ไม่ใช่เพียงแค่ ‘ชูเฟิง’ นั้นเป็นเจ้าชีวิตของนาง แต่เขายังเป็นคนที่มีสามารถที่สูงมากอีกด้วย
“ข้าต้องขอบคุณผู้ที่ให้ข้ายืมป้ายวิญญาณนี้มา เพื่อให้ข้าสามารถเรียนรู้ได้ถึงความสามารถของมัน หากไม่ได้เขาช่วยเหลือไว้ ข้าเกรงว่า ข้าคงต้องพบกับปัญหาใหญ่แน่ๆ”
‘ชูเฟิง’ กล่าวออกมาพร้อมทั้งยิ้มบาง ใบหน้าของเขาเปี่ยมไปด้วยความกตัญญู
เมื่อ ‘ชูเฟิง’ มีป้ายวิญญาณในมือนั้น เขาเปรียบได้กับปลาที่อยู่ในแม่น้ำ ตั้งแต่เขาเข้ามายังหุบเขาร้อยโค้ง ก่อนหน้านี้เขาก็ได้รับทรัพยากรมากมาย และได้แบ่งปันให้กับคนรุ่นใหม่ของอาณาจักรมังกรฟ้า
ในตอนนี้ เขาได้รับอะไรมากมายจากหุบเขาร้อยโค้ง ไม่ว่าจะเป็นยาต่างๆ เนื้อสัตว์ที่เลิศรส บรรยากาศที่สวยงาม ‘ชูเฟิง’นั้นรู้สึกประทับใจในหุบเขาร้อยโค้งเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ ‘ชูเฟิง’ ยังไม่รู้ว่าที่ใดจะมีทรัพยากรมากมาเช่นนี้ให้เขาได้เก็บเกี่ยวอีก นอกจากที่หุบเขาร้อยโค้งแห่งนี้
ดังนั้น ‘ชูเฟิง’ จึงอยู่ภายในหุบเขาร้อยโค้งกว่าครึ่งปี ภายในครึ่งปีนั้น เขาได้เก็บเกี่ยวทรัพยากรมากมาย เนื่องจากหุบเขาร้อยโค้งนี้มีขนาดใหญ่ ถึงแม้ว่าเขาจะออกล่าทรัพยากรในทุกๆ วัน แต่มันก็ไม่มีที่ท่าว่าจะหมดไปแต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้นั้น ‘ชูเฟิง’ มีความกังวลถึงทรัพยากร ที่เขาจะต้องหาเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ภายในร่างกายของเขา แต่ในตอนนี้นั้น เขาสามารถกลั่นยาระดับแก่นวิญญาณ และส่งให้กับสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ได้ทุกๆ วัน และการบ่มเพาะพลังของเขาตอนนี้ก็อยู่ในระดับ 7 ขั้นกำเนิดวิญญาณ
แม้การบ่มเพาะพลังของ’ชูเฟิง’นั้นจะไม่สูงมาก แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับ 3 ขั้นแก่นวิญญาณนั่น ก็ไม่อยู่สายตาของเขา แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับ 4 ขั้นแก่นวิญญาณ ก็ยังยากที่จะรับมือกับเขา ดังนั้น เขาจึงรู้สึกว่าการบ่มเพาะพลังของเขา ไม่น่ามีปัญหาที่จะจัดการ ‘กง ลู่หยุน’
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการบ่มเพาะพลังของ’ชูเฟิง’จะเพิ่มขึ้นในครึ่งปี แต่สำหรับ ต้านต้าน นั้น เนื่องจากไม่มีแหล่งให้ดูดซับพลังที่แข็งแกร่ง พลังของนางจึงยังคงอยู่เพียงระดับ 1 ขั้นแก่นสวรรค์เท่านั้น
เพราะว่า ‘ชูเฟิง’ นั้น ต้องการที่จะเอาชนะ ‘กง ลู่หยุน’ ด้วยพลังเขาเอง ดังนั้น ‘ต้านต้าน’ จึงไม่ได้ติ ‘ชูเฟิง’ แต่อย่างใด อีกทั่งยังช่วย ‘ชูเฟิง’ ในการค้นหาสถานที่ในการบ่มเพาะพลัง อีกทั้งหลังจากที่เสร็จสิ้นการประลอง ‘ชูเฟิง’ ก็สามารถหาแหล่งพลังงานให้นางดูดซับได้อีกมากมาย
ในวันนั้น ‘ชูเฟิง’ นับวันเล็กน้อย เขามีเวลาเหลืออีกประมาณหนึ่งเดือนก่อนถึงการประลอง เขาคิดเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่างที่เขาจะต้องจัดการก่อนการประลอง เขาจึงตัดสินใจออกจากหุบเขาร้อยโค้ง
เพราะการต่อสู้อาจจะไม่เป็นไปอย่างที่เขาคิดไว้ หลังจากวันนั้น ‘หลิน หลาน’ จากคฤหาสน์กิเลน ก็คอยปกป้อง ‘กง ลู่หยุน’ ตลอดเวลา หากว่าเขาฆ่า ‘กง ลู่หยุน’ แล้วนั้น ‘หลิน หลาน’ คงจะไม่ปล่อยให้เขารอดออกมาอย่างแน่นอน
ดังนั้นเขาจึงต้องเตรียมการบางอย่างก่อน เมื่อเขาจะต้องเผชิญกับภัยพิบัติ อย่างน้อยครอบครัวของเขาจะต้องปลอดภัย และไม่ต้องรับผลกระทบจากการกระทำของเขาอีก
ในเวลาเดียวกัน ขณะที่ ‘ชูเฟิง’ เตรียมจะออกจากหุบเขาร้อยโค้งนั้น ชายชราที่สวมผ้าคลุม และ ‘ฉี เฟิงหยาง’ กำลังนั่นเล่นหมากรุกกันอยู่ ในวิหารของพวกเขา
“พี่เฮิง หยวน ข้าต้องขอบคุณท่านมากๆ หากในวันนี้ไม่ได้ท่าน ข้าคงไม่รู้จะมาถึงจุดนี้ได้หรือไม่ และข้าคงไม่สามารถเข้าสู่ระดับ 9 ขั้นแก่นวิญญาณได้อย่างแน่นอน”
‘ฉี เฟิงหยาง’ กล่าวด้วยความเคารพ
แปลโดยคุณ #
ที่มา: