ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 281 ไม่ใช่ว่าต้องการเครื่องประดับหรือ?
เมื่อมีเย่เฟิงยืนอยู่เคียงข้าง ความกังวลใจต่างๆของหลินชื่อฉิงก็เบาบางลงไปมาก
เมื่อเย่เฟิงมองเห็นความกังวลใจภายใต้คิ้วที่ขมวดมุ่นเล็กน้อยก็กล่าวถามออกไป “พี่หลิน หรือว่ามันจะเป็นปัญหาใหญ่หรอ?”
ในปัจจุบันสถานการณ์ของงานแสดงสินค้ามันดูดี แต่จำนวนยอดซื้อขายแท้จริงมันไม่สูงนัก เนื่องจากส่วนมากเป็นเพราะสินค้าคุณภาพมันดีไม่พอ ถึงแม้ว่าเย่เฟิงจะไม่เข้าใจในเรื่องพวกนี้แต่ก็ยังคงดูมันออก
ดูเหมือนว่าหลินเหรินเทียนและจูอี้ฉวินจะได้สร้างปัญหาใหญ่มาให้กับหลินชื่อฉิงแล้ว
“เรื่องนี้เราไม่ต้องกังวลใจไปหรอก”
หลินชื่อฉิงยิ้มให้คิดว่าเย่เฟิงไม่ได้เข้าใจถึงปัญหานี้
“แต่เรื่องนี้ดูเหมือนจะต้องเป็นกังวลแล้ว”
เย่เฟิงเพียงต้องการที่จะพูดว่าเขาสามารถที่จะช่วยเหลือเติมเต็มบูธที่ว่างอยู่ให้ได้ ทันใดนั้นประตูของห้องประชุมก็ถูกเปิดออกจากด้านนอก ผู้ที่เข้ามาเป็นชายหนุ่มดูอ่อนวัยเล็กน้อยและสวมใส่ชุดสูท
“น้องพี่ สถานการณ์เป็นเช่นไรบ้าง?”
ผู้ที่มาแท้จริงก็คือหลินจื่อชิงพี่ชายของหลินชื่อฉิง เขาเข้ามาถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล
แต่เมื่อถามแล้วกลับพบว่าภายในห้องประชุมมันไม่ได้มีเพียงแค่หลินชื่อฉิงคนเดียวแต่ยังมีเย่เฟิงอยู่ด้วยเช่นกัน สิ่งนี้มันทำให้เขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจนัก
เขาเดินไปยังโซฟาฝั่งตรงข้ามหลินชื่อฉิงพลางนั่งลง
“ทุกอย่างไปได้ดี ไม่จำเป็นต้องกังวลหรอก”
หลินชื่อฉิงพูดเบาๆ เห็นท่าทางของพี่ชายเธอไม่มีอะไรเป็นพิเศษ
จากการสอบสวนจูอี้ฉวินเมื่อครู่ ทำให้หลินชื่อฉิงและเย่เฟิงรู้ว่าเรื่องการก่อกวนที่งานแสดงนี้คราวนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลินเหรินเทียนเป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง แต่หลินจื่อฉิงก็คงเป็นผู้สมรู้รวมคิดอีกคนหนึ่ง
ในฐานะรองผู้อำนวยการสำนักการคลัง เรื่องการขัดขวางเหล่าบริษัทอัญมณีหลินจื่อเสียงมีอำนาจมากกว่าหลินเหรินเทียน หลายบริษัทต่างเชื่อฟังคำพูดของหลินจื่อฉิงและถอนตัวออกจากงานแสดงครั้งนี้
ตอนนี้หลินจื่อฉิงกลับวิ่งเข้ามาอย่างกะทันหัน พวกเขาทั้งสองรู้เลยว่าหลินจื่อฉิงไม่ได้มีเจตนาที่ดีแน่นอน
“ปกติดีงั้นหรือ?”
หลินจื่อฉิงหัวเราะพลางกล่าวด้วยท่าทางจริงใจ “น้องสาว สถานการณ์ตอนนี้ของงานแสดงสินค้าต่อให้เป็นคนธรรมดาก็มองออก ต้องการให้พี่ชายผู้ต่ำต้อยนี้แนะนำบริษัทเครื่องประดับสักสองแห่งมาเข้าร่วมหรือไม่? ให้ทั้งสองบริษัทไปตัวแทนสร้างภาพลักษณ์ของงานแสดงนี้ สามารถลงสัญญาในตอนนี้ได้เลย”
เมื่อหลินชื่อฉิงได้ยินก็ยิ้มออกมา
ผู้ชายคนนี้ขนาดตอนนี้ยังมาทำเป็นกล้าหาญหน้าสลอนอยู่อีก เห็นได้ชัดเลยว่ามีเจตนาชั่วร้าย มีความเป็นไปได้อยู่สองข้อ ข้อแรกคือจะยิ่งทำให้งานแสดงสินค้าครั้งนี้กลับกลายเป็นมีปัญหามากขึ้นอีก และข้อที่สองเพื่อออกตัวแสดงให้ตัวเองเห็นว่าหลินจื่อฉิงไม่ได้ร่วมมือกับหลินเหรินเทียน
หลินเหรินเทียนต้องการที่จะใช้งานแสดงสินค้าครั้งนี้เพื่อทำลายหลินชื่อฉิง แต่กับตัวหลินจื่อฉิงแล้วไม่มีความสนใจที่จะต้องการขัดแย้งกับหลินชื่อฉิง ด้วยเหตุนั้นหลินจื่อฉิงจึงหลอกใช้หลินเหรินเทียนเพื่อกระทำการนี้
เมื่อเป็นบุคคลของตระกูลหลิน ตั้งแต่เด็กก็ต้องอยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ต้องใช้กลยุทธ์อยู่เสมอ สติปัญญาโดยเฉลี่ยแล้วไม่ต่ำอย่างแน่นอน ทั้งสองบริษัทนั้นแน่นอนว่าจะต้องมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับหลินจื่อฉิงอย่างมากเป็นแน่ และยืนยันได้เลยว่ากำไรของทั้งสองบริษัทนั้นตัวหลินจื่อฉิงจะต้องได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ถ้าเป็นอย่างหลังที่ว่า หลินชื่อฉิงไม่ใช่ไม่ต้องการความร่วมมือจากเขา แต่เธอไม่กล้าที่จะรับความเสี่ยงได้ ถ้าทั้งสองบริษัทแห่งนั้นมีปัญหาเล่า?
เธอต้องการที่จะเปิดปากเอ่ยปฏิเสธไปตามตรง แต่เย่เฟิงที่อยู่ด้านข้างก็ออกตัวพูดขึ้นก่อน “ต้องขอโทษด้วย งานแสดงสินค้าในตอนนี้ทั้งหมดเป็นไปได้ด้วยดีแล้ว มันจำเป็นที่จะต้องให้คุณช่วยอีกงั้นหรือ?”
เย่เฟิงเห็นหลินจื่อฉิงก็อยากจะหัวเราะผู้ชายที่อยู่เบื้องหน้านี้ เนื่องจากเมื่อวันก่อนเขาเสียพนันในคาสิโนจนเกือบหมดสภาพ แม้กระทั่งกางเกงในก็แทบจะไม่เหลือ สุดท้ายก็เกือบจะต้องพึงเงินรัฐบาล เย่เฟิงได้ช่วยเหลือคนที่แทบจะหมดตัว*ประเภทนี้เอาไว้
[คั่นหนังสือ : *血本无归/to lose one’s life savings = แทบจะหมดตัว]
เย่เฟิงไม่เชื่อว่าเขาจะมีความตั้งใจช่วยอย่างแน่นอน นักพนันที่เกินเยียวยาผู้นี้ เมื่อถึงเวลาหนึ่งความผิดพลาดจะเป็นสิ่งที่คอยย้ำเตือน
“เด็กอย่างแกจะไปเข้าใจอะไร?”
หลินจื่อฉิงเมื่อได้ยินเย่เฟิงพูดเช่นนั้น ก็เหลือบมองไปยังเขาพลางแสยะยิ้มพูดอย่างดูถูก
เขารู้อยู่แล้วว่าชายสวมหน้ากากคือเย่เฟิง แต่เขาไม่รู้ว่าคนที่ช่วยเหลือเขาในคาสิโนคืนนั้นก็คือชายสวมหน้ากาก อย่างไรก็ตามมันเป็นเพียงหน้ากากตามร้านข้างทางราคาแค่สิบหยวน ใครก็สามารถซื้อใส่ได้ นอกจากนี้ในท้ายสุดแล้วเขาก็ยังไม่รู้ว่าชายสวมหน้ากากเป็นคนช่วยเขาไว้ เขาเพียงแค่คิดว่าโชคดีที่เล่นพนันได้
“ถึงฉันจะไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมาก แต่ฉันรู้ว่าฉันสามารถที่จะช่วยเหลือพี่สาวหลินแก้ปัญหาในตอนนี้ได้”
เย่เฟิงยกยิ้ม
“แกนะหรือแก้ไขปัญหาได้?”
หลินจื่อฉิงรู้สึกเหมือนได้ยินเรื่องตลก เขาเป็นรองผู้อำนวยการสำนักการคลังของเหยียนจิง ต้องการที่จะเหนือกว่าหลินเหรินเทียน สำหรับบริษัทเครื่องประดับทั้งสองถึงกับต้องใช้วัวเก้าตัวเสือสองตัว* เย่เฟิงเพียงแค่รู้วิชาการต่อสู้ เขาจะช่วยหรือจะสร้างปัญหายุ่งให้กันแน่?
[คั่นหนังสือ : *九牛二虎之力/ วัวเก้าตัวเสือสองตัว = ใช้ความพยายามไปอย่างมาก, ทำทุกอย่างสุดกำลัง เหมือนใช้แรงพอๆกับวัวเก้าตัวกับเสือสองตัวมารวมกัน]
มันไม่ใช่แค่เพียงแค่หลินจื่อฉิงเท่านั้น แต่หลินชื่อฉิงก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกันว่า เย่เฟิงมีความสามารถพอที่จะช่วยเหลือหรือ?
แต่หลินจื่อฉิงต่างกับหลินชื่อฉิง ซึ่งเธอที่รู้เกี่ยวกับความอัศจรรย์ของเย่เฟิงจากเรื่องที่ได้เป็นพยานการต่อสู้ของเย่เฟิงและหลงโมหรันด้วยตาของเธอเอง สายตาของเธอยังกว้างไกลกว่าของหลินจื่อฉิงมากนัก
“แน่นอนว่ามันมีทางแก้อยู่ ไม่ใช่ว่าต้องการเครื่องประดับหรือ?”
เย่เฟิงหัวเราะเบาๆสะบัดมืออย่างฉับพลัน ก็ปรากฏชุดเครื่องเพชร ทอง และเครื่องประดับออกมาจากแหวนมิติ กองอยู่บนโต๊ะประชุมเบื้องหน้าโซฟา
เพียงชั่วพริบตาเดียว พี่น้องทั้งสองจากตระกูลหลินก็อยู่ในอาการตกใจ
นี่มันเกิดอะไรขึ้น เห็นอยู่ชัดเจนว่าเย่เฟิงแค่สะบัดมือ แล้วเครื่องประดับเหล่านี้มันออกมาได้เช่นไร? และมันไม่ใช่เพียงแค่เพชรหรือทองธรรมดา คุณภาพที่บริสุทธิ์เปล่งปลั่งของไพลิน ทับทิม โมราและอัญมณีอื่นๆอย่างน่าสนใจ ซึ่งต่างเป็นมันเงาแวววาวภายใต้แสงไฟของห้องประชุม
แรกเริ่มมันเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของฉีหลินจื่อ แต่ในตอนนี้แน่นอนว่ามันเป็นของเย่เฟิงทั้งหมด
สำหรับเย่เฟิงของที่เก็บไว้ยังไงก็ไม่ได้ใช้อยู่ดี โดยการมอบมันช่วยเหลือหลินชื่อฉิง มันอาจจะเป็นวิธีที่ดีในการใช้ประโยชน์สิ่งของเหล่านี้ แน่นอนว่าคือการขายเอาเงินมา และเย่เฟิงจะต้องได้ส่วนแบ่งมากกว่าครึ่งอย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นเพราะเขาขาดแคลนเงินเช่นกัน
ถ้าหากมีเงินเพียงพอ เขาสามารถที่จะซื้อพวกวัตถุดิบทั่วไปมาทำโอสถในตอนนี้ ด้วยวรยุทธเพียง 15 ปี สามารถที่จะชำระฟื้นฟูเจินชี่ได้เป็นอย่างดี โดยการใช้เม็ดโอสถในการฟื้นฟู
เมื่อมีพวกโอสถตุนเอาไว้ เย่เฟิงก็คงจะมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย!
แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่วัตถุดิบทั่วไปแต่ราคามันไม่ได้ต่ำเลย อย่างเช่นพวกโสมที่มีอายุหลายปีและบัวหิมะหรือเห่อสิ่วโอว*และอื่นๆ ต่างเป็นพวกวัตถุดิบทำเม็ดโอสถที่อาจจะมีราคาสูง ซึ่งมีราคาหลายร้อยและมันไม่ใช่วัตถุดิบธรรมดาที่จะหาซื้อได้ตามร้านขายยา
[คั่นหนังสือ : เห่อสิ่วโอวคืออะไรผมก็ไม่รู้ครับ แต่มันเป็นหนึ่งในสมุนไพรครับ]
นอกจากนี้เขายังเตรียมพร้อมเม็ดโอสถพวกนี้เพื่อไว้ให้หลงหวางเอ๋อและซูเหมิงหานทั้งสองคน เย่เหวินเทียนก็จำเป็นด้วยเช่นกัน ซึ่งคำนวณดูแล้วมันใช้เงินหลายล้านที่เขาไม่เพียงพอจะจ่ายไหว
เป็นธรรมดาที่การช่วยชีวิตโดยใช้เม็ดโอสถเมื่อเทียบกับการสูญเสียความมั่งคั่งเช่นเครื่องประดับที่ไร้ประโยชน์พวกนี้เพื่อเปลี่ยนเป็นเม็ดโอสถสำหรับเย่เฟิงแล้วมันคือสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
“เสี่ยวเย่ เราเอามันออกมาจากที่ไหนกัน?”
ภายในนัยน์ตาหลินชื่อฉิงมีอาการตกตะลึง เมื่อตอนที่เย่เฟิงจู่ๆก็เอาเพชรจักรพรรดิออกมากทำให้เธอตกใจไปแล้วครั้งหนึ่ง ยิ่งเป็นตอนนี้ภายในใจของเธอตกใจมากกว่าเดิมถึงสิบเท่า
เอาสิ่งของออกมาหลายอย่างไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพียงแต่ว่าเอามันมาจากที่ไหนกัน?
มันเหนือเกินกว่าความเข้าใจเหมือนกับเวทมนตร์
“ความลับ”
เย่เฟิงเอียงตัวมาใกล้กับหูของเธอ กลิ่นรัญจวนใจอันเบาบางก็ส่งผ่านมาพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย “ของพวกนี้เติมเต็มบูธเพียงพอหรือไม่?”
“เมื่อดูจากจำนวนแล้วควรจะเพียงพอ แต่…”
ในสายตาของหลินชื่อฉิงไม่สามารถเอาพวกมันไปได้ทั้งหมดได้ แต่ละชิ้นของเครื่องประดับบนโต๊ะต่างดึงดูดน่าสนใจ และเธอก็ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญอัญมณี ถ้าเอาพวกมันไปแสดงในบูธ จากนั้นจะต้องตั้งราคาเท่าไหร่กันถึงจะดูเหมาะสมที่สุด?
หลินจื่อฉิงที่อยู่อีกฝั่งเหลือบมองมา
เหล่าเครื่องประดับที่เย่เฟิงได้นำออกมา มูลค่าของมันอย่างต่ำๆก็สามารถที่จะได้เท่ากับเงินเดือนหนึ่งปีของเขาแล้ว!
……………………………..
แปลโดย คั่นหนังสือ