ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 283 คำพูดของเขาก็คือคำพูดของฉัน
สืบเนื่องมาจากเรื่องของซูเหมิงหาน เย่เฟิงที่เพิ่งได้มายังโลกใบนี้ก็ต้องปะทะกับเทียนโย่วเหลียงและแก๊งอสรพิษสวรรค์ แต่ช่างน่าเสียดายสถานการณ์พลิกกลับอย่างรวดเร็วด้วยวิธีการอันรุนแรงของเย่เฟิง
และก็ไม่ได้คาดคิดเช่นกันว่าจะมาได้พบเห็นเทียนโย่วเหลียงชายหนุ่มผู้นี้ ทำให้เย่เฟิงอยากจะหัวเราะออกมาเล็กน้อย
ผู้ที่เข้ามาพร้อมกับเทียนโย่วเหลียงเป็นหญิงสาวร่างบอบบางอายุประมาณ 20 ปี สวมใส่ชุดเช่นเดียวกับหลินชื่อฉิง แต่อารมณ์ความรู้สึกมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มันไม่มีเสนห์อันยั่วยวนดั่งเช่นหลินชื่อฉิง แต่กลับเป็นความน่ารักนุ่มนวลที่น่าดึงดูดใจแทนที่
หญิงสาวคนนี้คือตัวแทนที่หลิวกรุ๊ปส่งมา
เมื่อเข้ามาภายในห้องประชุมแล้ว ท่าทางของเทียนโย่วเหลียงและหญิงสาวคนนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เทียนโย่วเหลียงที่มีท่าทางยกเท้าสูงยามก้าวเท้าและถือดีมีท่าทางน่าประทับใจและมั่นใจในตัวเองสูงคงคาดิดว่าด้วยการสนับสนุนจากหลินจื่อฉิงบริษัทบลูสกายจิวเวลรี่จะก้าวกระโดดขึ้นสูงเป็นแน่
แต่หญิงสาวจากหลิวกรุ๊ปคนนี้ แม้ว่าจะดูกดดันจากท่าทางที่น่าประทับใจของเธอและสามารถมองเห็นความเด็ดเดี่ยวภายในนัยน์ตาของเธอ แต่ก็ไม่ต้องสงสัยว่าทุกคนต่างรู้ว่าตัวแทนของหลินกรุ๊ปคนนี้ต้องการที่จะคว้าโอกาสเป็นหุ้นส่วนในครั้งนี้แท้จริงแล้วเป็นเรื่องที่ยากลำบากเกินไป
เย่เฟิงที่นั่งอยู่บนโซฟาซึ่งห่างออกไปจากหลินชื่อฉิงเพียงนิดเดียว ทำให้เทียนโย่วเหลียงที่เพิ่งจะเข้ามาภายในห้องประชุมสะดุดตามองไปยังหลินชื่อฉิงในทันที ปรากฏความชั่วร้ายประหลาดและความปรารถนาอยู่ภายในนัยน์ตาของเขา แต่ก็รู้สึกตัวอย่างรวดเร็วว่าเย่เฟิงนั่งอยู่เคียงข้างหลินชื่อฉิง
สิ่งนี้ทำให้เทียนโย่วเหลียงมีท่าทางเปลี่ยนไป
เย่เฟิง?
ชายหนุ่มคนนี้มาอยู่ที่นี้ได้เช่นไรกัน!
เทียนโย่วเหลียงจดจำเรื่องแก๊งอสรพิษสวรรค์ได้ก็กลายเป็นสั่นสะท้าน เขาไม่ได้เป็นคนโง่เหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว จากนั้นก็พลันตระหนักได้ทันทีเกรงว่าวันนี้เรื่องจะไม่ง่ายดายสำหรับตัวเขาแล้ว
มีเย่เฟิงอยู่ด้วย เรื่องของเขาจะราบรื่นได้เช่นไร?
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นไปไม่ได้!
“ให้ฉันแนะนำตัวก่อน”
หลินจื่อฉิงลุกขึ้นมาด้วยรอยยิ้มที่ฉาบอยู่บนใบหน้าและคว้าเทียนโย่วเหลียงมาคนแรกจากนั้นก็เริ่มแนะนำตัวให้กับเย่เฟิงและหลินชื่อฉิง “นี่คือคุณชายน้อยเทียน เป็นผู้ดูแลจัดการทั่วไปของบริษัทบลูสกายจิวเวลรี่ทำให้อนาคตก็เต็มไปด้วยความรุ่งเรืองแล้ว”
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ เทียนโย่วเหลียง”
เย่เฟิงเอ่ยปากพร้อมรอยยิ้มขัดการแนะนำตัวของหลินจื่อฉิง สำหรับ “สหายเก่า” คนนี้ เย่เฟิงรู้สึกคิดถึงจริงๆ ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องของซูเหมิงหานหรือหลงหวางเอ๋อกลับสามารถมาอยู่ที่เดียวกันได้กับเย่เฟิงมันก็ไม่ต่างอะไรกับการราดน้ำมันบนกองไฟ
“ฮิฮิ พี่เย่”
เทียนโย่วเหลียงยกยิ้มที่เจือปนไปด้วยความหวาดกลัวให้ ไม่กล้าที่จะเหลือบมองไปยังหลินชื่อฉิงด้านข้างสักครั้งหนึ่ง มองไปยังเย่เฟิงอย่างระมัดระวังหวาดกลัวว่าเขาจะกระทำอะไรออกมาหรือไม่
เขารู้ว่าเย่เฟิงในปัจจุบันมีชื่อเสียง! มีหลินชื่อฉิงเป็นคู่หมั้น! ตัวเขาเป็นเพียงผู้จัดการทั่วไปของบริษัทบลูสกายจิวเวลรี่จะไปเทียบอะไรกับเย่เฟิงได้? ไม่ต้องพูดถึงเรื่องบริษัทบลูสกายจิวเวลรี่ที่เป็นของแม่เขาไม่ใช่ของเขา
นอกจากนี้เพียงแค่สายตาอันกดดันของเย่เฟิงในสายตาของเขา มันก็ทำให้เขาไม่มีความคิดที่จะต่อต้านเย่เฟิงอย่างสิ้นเชิง
“เอาล่ะ ฉันจะไม่พูดอะไรมากนัก”
เย่เฟิงมองไปยังร่างเทียนโย่วเหลียงพลางส่ายหัว “เรื่องงานแสดงสินค้านี้ ฉันไม่อยากที่จะหักหน้าเท่าไหร่นัก บริษัทบลูสกายจิวเวลรี่ของแกถอนตัวไปซะ”
เขาคร้านที่จะใส่ใจอีกฝ่าย แต่ต้องพูดเรื่องการร่วมมืองานแสดงสินค้าครั้งนี้ของอีกฝ่ายมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“เย่เฟิงเรื่องนี้..?”
หลินจื่อฉิงรู้สึกตกใจ เขาจะไม่ไว้หน้ากันบ้างเลยหรือ? นี่มันไม่ใช่ว่าเย่เฟิงจะกระทำการเกินเหตุไปหน่อยหรือ?
หลินชื่อฉิงก็รู้สึกอึดอัดเช่นเดียวกัน เธอไม่รู้ว่าเทียนโย่วเหลียงคนนี้มีปัญหาอะไรกับเย่เฟิง แต่เธอก็ไม่ได้ลังเลใจโบกมือออกพูดด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่ “คำพูดของเขาก็คือคำพูดของฉัน เธอถอนตัวไปเถอะ”
เมื่อเย่เฟิงพูดตอนแรก เทียนโย่วเหลียงไม่กล้าที่จะส่งเสียงอะไร แต่ตอนนี้เมื่อเห็นหลินชื่อฉิงพูดสนับสนุนคำพูดของเย่เฟิงคือคำพูดของเธอมันก็เห็นได้อย่างชัดเจน นี่ไม่ใช่ว่าหลินชื่อฉิงเห็นแก่เย่เฟิงในฐานะสามีหรอกหรือ?
เทียนโย่วเหลียงรู้สึกว่าเย่เฟิงช่างโชคดีจริงเป็นดั่งหนูตกถังข้าวสาร แต่ด้วยสถานการณ์เช่นนี้เขาไม่กล้าที่จะรั้งอยู่อีกต่อไปลุกขึ้นและไม่ได้ร่ำลาหลินจื่อฉิง เพียงทักทายเย่เฟิงเล็กน้อยจากนั้นก็รีบเร่งถอยออกจากห้องประชุมไป
เหตุการณ์นี้ทำให้หญิงสาวบอบบางที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามหลินชื่อฉิงยิ่งตกใจมากกว่าเดิม
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ก่อนที่จะเข้าประตูมาผู้จัดการทั่วไปของบริษัทบลูสกายจิวเวลรี่ที่ถือดีโอ้อวดบอกกับเธออยู่เลยว่าครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องตอบรับเรื่องบูธสินค้าในทันที กลับวิ่งหนีออกไปด้วยความกลัวเพราะชายหนุ่มคนนี้?
แม้กระทั่งเรื่องงานแสดงสินค้าก็ยังไม่ได้พูดถึงเลย ไม่แม้กระทั่งพูดอะไรสักคำเดียว!
ชายหนุ่มที่หลินจื่อฉิงเรียกว่า “เย่เฟิง” สามารถที่จะตัดสินใจแทนหลินชื่อฉิงได้อย่างงั้นหรือ? หรือว่าคนนี้จะเป็นคู่หมั้นอย่างที่ข่าวลือว่ามาจริงๆ
“เอาล่ะ พี่หลินจัดการเรื่องของพี่ต่อเถอะ”
เมื่อเย่เฟิงเห็นเทียนโย่วเหลียงจากไปแล้วก็ยกยิ้ม ปัญหาถูกจัดการแล้วเขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรอีก
“กลับมาพูดคุยกับฉันต่อแล้วกัน”
หลินชื่อฉิงยกยิ้มและรั้งเย่เฟิงที่ต้องการจะลุกออกไปจากนั้นก็พิงร่างกล่าวกับหลินจื่อฉิง “พี่ชายพูดก่อนเถอะ”
สำหรับตัวเธอแล้ว ในฐานะรองผู้อำนวยการสำนักการคลังถูกปฏิบัติเช่นนี้มันไม่สมควรนัก ถ้าหากมีตำแหน่งที่สูงมากกว่านี้มันจะไม่เป็นที่น่าพอใจเลย
“น้องสาว ไม่ใช่พี่บอกแล้วหรือว่า บริษัทบลูสกายจิวเวลรี่ก็เป็นเป้าหมายของการร่วมมือที่ดี”
ยามเมื่อหลินจื่อฉิงพูดออกมาก็เหลือบมองไปยังเย่เฟิง สื่อความหมายประมาณว่าเย่เฟิงไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับธุรกิจเลย เพียงตั้งใจจะทำลายมันอย่างเดียว
“คุณต้องการจะพูดอะไรอีกในเมื่อพูดไปอย่างชัดเจนแล้ว”
เย่เฟิงยิ้มเล็กน้อย “บริษัทบลูสกายจิวเวลรี่น่ะหรือที่เป็นการร่วมมือที่ดี หลินจื่อฉิง คุณยังจำแต้ม 18 และ 9 ในคืนนั้นได้หรือไม่?”
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา หลินจื่อฉิงก็ตกใจในทันที
แต้ม 18 และ 9 นี้ มันเป็นตัวเลขที่ฝังอยู่ในความทรงจำของเขา ตัวเลขเหล่านี้ ตอนที่เขาเอาเงินของรัฐบาลมาลงพนันช่วงสถานการณ์ที่เลวร้าย ในช่วงเวลาที่สำคัญของสถานการณ์ที่เลวร้ายพลิกกลับอย่างโชคช่วยเนื่องจากตัวเลขทั้งสองนี้ทำให้เขาที่แทบจะหมดตัวกลับมาชนะได้
เย่เฟิงรู้ตัวเลขนี้ได้ยังไงกัน?
“คุณคิดว่าสถานการณ์ในตอนนั้นเป็นเพราะโชคดีของคุณจริงๆ?”
เย่เฟิงยิ้ม “ฉันสามารถทำให้คุณไม่เสียเงินได้ก็ทำให้คุณล้มละลายได้เช่นกัน ดังนั้นจงยินดีเสียเถอะที่ฉันอยู่ในตอนนั้น”
สำหรับเรื่องหลินจื่อฉิง เย่เฟิงไม่ต้องการที่จะใส่ใจนัก แต่เพื่อเห็นแก่หน้าหลินชื่อฉิง เขาจำเป็นต้องออกโรงเอาไว้ก่อน จากการร่วมมือกับขยะเช่นหลินเหรินเทียนตัวหลินจื่อฉิงจะหนีรอดไปที่ไหนได้กัน
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เฟิง หลินจื่อฉิงก็หลั่งเหงื่อเย็นออกมาทันที
จากเหตุการณ์คาสิโนก่อนหน้านี้ มันยังมีเรื่องลึกลับอะไรอยู่อีกหรือ? ซึ่งมันทำให้เขาขบคิดไปถึงชายสวมหน้ากากคนนั้นทันที มันเป็นเรื่องที่แน่ใจเป็นอย่างมากแล้วว่าเย่เฟิงก็คือชายสวมหน้ากากคนนั้นจริงๆ
หลินจื่อฉิงไม่กล้าที่จะอยู่อีกแม้แต่วินาทีเดียว จ้องมองเขม็งไปยังเย่เฟิงและออกจากห้องประชุมไปอย่างรวดเร็ว ไม่แม้กระทั่งแนะนำตัวหญิงสาวบอบบางที่เป็นตัวแทนของหลิวกรุ๊ป
เขาจะต้องรีบเร่งตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเย่เฟิงคนนี้แท้จริงเก่งกาจมากมายแค่ไหนกัน!
จากคำพูดของเย่เฟิง ไม่ใช่เพียงแค่หญิงสาวบอบบางตัวแทนของหลิวกรุ๊ปที่รู้สึกประหลาดใจเท่านั้นแต่หลินชื่อฉิงก็เช่นเดียวกัน หรือว่าเย่เฟิงจะเคยพบเจอหลินจื่อฉิงมาก่อน? หรือว่าเขาจะช่วยเหลือแก้ปัญหาให้กับหลินจื่อฉิง?
เธอต้องการที่จะถามเรื่องนี้กับเขา แต่เย่เฟิงก็พลันวางมือบนมือนุ่มขาวเนียนของเธอพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ ในเมื่อพี่หลินไม่มีเรื่องอะไรแล้วผมขอตัวก่อนแล้วกัน”
เหลือเพียงการหารือของหญิงสาวบอบบางของหลิวกรุ๊ปกับหลินชื่อฉิง เย่เฟิงคร้านที่จะใส่ใจนัก
เนื่องจากมีเรื่องสำคัญเพราะเย่เฟิงได้ใช้ทักษะสัมผัสวิญญาณพบว่าหลงหวางเอ๋อและซูเหมิงหานที่อยู่ชั้นสองกำลังจะมีปัญหา
……………………………..
แปลโดย คั่นหนังสือ