ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 285 เมื่อเห็นฉันจะต้องเดินหลบไปซะ
เสิ่นเทียนเจียวได้ขวางทางหญิงสาวทั้งสองเอาไว้ หลงหวางเอ๋อเพียงต้องการหลีกออกไปพร้อมกับซูเหมิงหาน
“หลีกทางไปซะ”
หลงหวางเอ๋อพูดอย่างไร้อารมณ์
เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีนัก ตระกูลหลงของเธอเป็นประเภทที่สังหารคนในทันทีอยู่เสมอ ถ้าชายเบื้องหน้าคนนี้แตะต้องเธอแม้แต่นิดเดียว เธอจะต้องส่งอีกฝ่ายลอยออกไปจากชั้นสองปราศจากลมหายใจอย่างแน่นอน
“เหตุใดสาวสวยถึงต้องรุนแรงเช่นนี้เล่า?”
เสิ่นเทียนเจียวมองนางฟ้าทั้งสองผ่านแว่นกันแดดของเขา ด้วยหัวใจที่เต้นแรง ถ้าหากหญิงสาวเช่นนี้หลุดมือไปแล้วล่ะก็เขาคงจะเสียใจทั้งชีวิต!
“ฉันคือเสิ่นเทียนเจียวจากตระกูลเสิ่น”
เขาเพียงต้องการที่จะแนะนำตัวเองเพื่อให้สองสาวรู้ว่าเขามีชื่อเสียงแค่ไหน แต่ในขณะนั้นเย่เฟิงก็มาถึงแล้ว
“ไม่ว่าแกจะเป็นลูกหลานมังกรหรือจักรพรรดิหยก* กล้ามายุ่งกับผู้หญิงของฉัน ฉันจะจัดการแกให้เละ!”
[คั่นหนังสือ : *จักรพรรดิหยก = เง็กเซียนฮ่องเต้ ]
สิ้นเสียงคำกล่าวก็ปรากฏตัวต่อหน้าหญิงสาวทั้งสองราวกับภูติผี ผู้คนรอบข้างหลงหวางเอ๋อไม่มีใครรู้เลยว่าเขามาได้ยังไงกัน
เสิ่นเทียนเจียวรู้สึกตกใจนัก เพียงแค่ชั่วพริบตาชายหนุ่มก็พลันปรากฏตัวเบื้องหน้าหญิงสาวทั้งสองได้ยังไงกัน? เขาไม่รู้จักเย่เฟิงแต่ในความเห็นของเขากล้าที่จะมาขัดขวางเขาจุดจบคงจะไม่สวยนัก
“เด็กน้อย นี่ไม่ใช่เรื่องของแก”
สีหน้าของเสิ่นเทียนเจียวเขียวคล้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาได้ยินคำพูดของเย่เฟิง “ผู้หญิงของฉัน” ทำให้ใจของเขาลุกโชนไปด้วยความริษยา ชายหนุ่มที่สวมใส่เสื้อราคาถูกเบื้องหน้านี้กลับมีผู้หญิงสวยชั้นดีเช่นนี้ได้ยังไงกัน?
จากชุดที่เย่เฟิงสวมใส่ไม่ได้บ่งบอกถึงความร่ำรวยทำให้เสิ่นเทียนเจียวไม่มีความสนใจในฐานะของเขา
“งั้นหรือ?”
มุมปากของเย่เฟิงยกโค้งขึ้น เหตุใดบนโลกนี้จะต้องมีคนประเภทนี้อยู่เสมอที่เอาแต่พึ่งพาเพียงอำนาจของตระกูลและออกไปกระทำเรื่องชั่วร้ายข้างนอก? เหมือนเช่นเดียวกับโม่จิ่วเกอในโลกเทวะ ตอนนี้ก็ยังมาเจอกับเสิ่นเทียนเจียวคนนี้
สำหรับเย่เฟิงความเย่อหยิ่งเป็นสิ่งจำเป็น แต่ความเย่อหยิ่งของเสิ่นเทียนเจียวมันเกินไป มันช่างโง่งมอย่างยิ่ง
โม่จิ่วเกอภายในโลกเทวะไม่กล้าที่จะเย่อหยิ่งเหมือนกับเสิ่นเทียนเจียวคนนี้ นอกจากนี้ทุกคนต่างพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้ดีเสมอ ภายนอกเป็นดั่งเช่นมนุษย์ทั่วไป หลายคนที่เก่งกาจภายในโลกเทวะต่างปลีกตัวแยกออกมา แม้กระทั่งความเย่อหยิ่งของตระกูลโม่ก็ไม่เท่ากับเขา
“เย่เฟิงอย่าทำให้เขาผิดหวังเสียล่ะ”
หลงหวางเอ๋อยิ้มเมื่อเห็นเย่เฟิงปรากฏตัวมา เธอไม่คิดอะไรมากเพียงรีบเร่งให้เย่เฟิงจัดการเสิ่นเทียนเจียวคนนี้ที่ขัดลูกหูลูกตา
ขณะที่ผู้คนรอบๆต่างคาดคิดว่าจะต้องมีละครที่น่าดูชมแน่นอน มันคือเสิ่นเทียนเจียว อ้า! ทายาทสายตรงของตระกูลเสิ่น เพลย์บอยผู้มีชื่อเสียง เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องสาวสวย!
คนเหล่านี้ต่างมาดูไข่มุกราตรีในตำนานราคา 8 ล้าน แน่นอนว่าในสายตาของพวกเขาเข้าใจถึงอิทธิพลของเสิ่นเทียนเจียวคนนี้ว่าอยู่ในระดับไหน
ขณะที่ชายหนุ่มชุดดำเบื้องหน้านี้มีฐานะอะไร กล้าที่จะล่วงเกินเสิ่นเทียนเจียวยังมีจุดจบที่สวยอยู่อีกหรือ?
โชคร้ายยิ่ง สิ่งที่พวกเขาเห็นต่อมาทำให้ตาพวกเขาแทบถลนออกมา
เย่เฟิงคร้านที่จะพูดคุยกับเสิ่นเทียนเจียวก็พลันสะบัดมือตบหน้าเขาหันไปทันที
เพี๊ยะ!
เสิ่นเทียนเจียวตอบสนองไม่ทันก็ถูกตบหน้าหันแว่นกันแดดกระเด็นออกไป ครึ่งใบหน้าของเขาแดงก่ำ ภาพเบื้องหน้าหมุนวนจากนั้นร่างก็ลอยไปกระแทกหน้าต่างอย่างรุนแรงจากนั้นก็กระเด้งไปยังถังขยะ เศษขยะกระจัดกระจายไปทั่ว
โอ้!
ผู้คนรอบๆต่างตกตะลึง ชายหนุ่มชุดดำคนนี้กล้าที่ล่วงเกินเช่นนี้ เขาไม่รู้เลยหรือว่าตระกูลเสิ่นมีอิทธิพลภายในเมืองเหยียนจิง? การกระทำต่อมายิ่งแล้วใหญ่เขาถึงกับตบหน้าเสิ่นเทียนเจียว แน่นอนว่าชีวิตของเขาจบสิ้นแล้ว
ช่างโชคร้ายนักท่าทางของพวกเขาแตกต่างจากเย่เฟิงที่ตบหน้าเสิ่นเทียนเจียวราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาโบกมือทั้งสองข้าง “ขอโทษด้วย ผมคือหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของงานแสดงสินค้านี้ หากใครกล้าที่จะกระทำลวนลามกับสาวสวยของคนอื่นจะมีจุดจบเช่นนี้ เอาล่ะ แยกย้ายกันไปได้แล้ว”
เมื่อเย่เฟิงกล่าวจบ เสิ่นเทียนเจียวก็กลืนน้ำลายลงท้องทันที
เขากำลังต้องการที่จะร้องเรียกหน่วยรักษาความปลอดภัยให้มาช่วยเหลือเขาจากชายหนุ่มเบื้องหน้านี้ แต่ไม่คาดคิดว่าชายหนุ่มคนนี้จะกลายเป็นหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของที่นี่ ตบหน้าเขาอย่างชอบธรรมในข้อหาลวนลามคนอื่นภายในงานแสดงสินค้า
“บิดา*กระทำเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร ‘ลวนลาม’ ด้วยสองคำนี้ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่มีคนกล้าพูดกับบิดาเช่นนี้? ”
[คั่นหนังสือ : 老子/เล่าจื้อ = กู ขอใช้ บิดาแทนครับ พอดีผู้แปลไม่ค่อยนิยมเรื่องคำเรียกหาในนิยายเช่นนี้]
ในใจของเสิ่นเทียนเจียวเต็มไปด้วยความโกรธรู้สึกใบหน้ารุ่มร้อนขณะที่ผู้คนรอบๆต่างชี้มาที่เขาจนรู้สึกอับอาย
ในอดีตมีเพียงที่เขาตบหน้าคนอื่น ใครกันที่กล้าจะมาตบหน้าเขา?
สาวสวยเซ็กซี่ที่เขาเพิ่งเขี่ยทิ้งไปยกมือปิดปากในทันที เธอไม่กล้าคิดเลยว่าจะมีใครที่จะกล้ากระทำการเช่นนี้กับเสิ่นเทียนเจียว เขารนหาที่ตายงั้นหรือ?
ขณะที่ผู้คนรอบๆที่เหลือต่างตระหนักเข้าใจโดยพลันว่าแท้จริงแล้วชายหนุ่มชุดดำก็คือ เย่เฟิง
หน่วยรักษาความปลอดภัยนี้ที่หลินชื่อฉิงเป็นคนเชิญมา เย่เฟิงเป็นตัวแทนอย่างถูกต้องเรื่องนี้ผู้คนต่างรู้กันดี แต่เย่เฟิงก็ยังมีความสัมพันธ์เป็นคู่หมั้นของหลินชื่อฉิง เนื่องเพราะพึ่งพาหลินชื่อฉิง เย่งเฟิงจึงกล้าที่จะขัดแย้งกับเสิ่นเทียนเจียวงั้นหรือ?
หลายคนต่างคาดเดากันไปต่างๆนาๆ แต่ในความจริงแล้วไม่ใกล้เคียงเลยสักนิดเดียว อย่างไรก็ตามเรื่องที่พวกเขาต่างคาดเดาสำหรับเย่เฟิงมันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร
เขาพลันเห็นนัยน์ตาของเสิ่นเทียนเจียวเปล่งประกายไปด้วยความชั่วร้ายก็แค่นเสียงเล็กน้อยพลางก้าวเดินไปข้างหน้า และจากนั้นก็ดึงคอเสื้อด้านหลังของเขาขึ้นมาจ้องมองไปยังนัยน์ตาของอีกฝ่าย ใช้ทักษะสะกดจิตอย่างไม่ลังเล
“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เมื่อเห็นฉันจะต้องเดินหลบไปซะ!”
เขาถูกครอบงำอย่างสิ้นเชิง มันได้ฝังลึกลงไปภายในสมองของเสิ่นเทียนเจียวโดยการสะกดจิตของเย่เฟิง เกี่ยวกับคำสั่งนี้ทุกคนจะต้องมีแรงต่อต้าน เสิ่นเทียนเจียวก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น แต่ช่างน่าเสียดายเป็นไปได้หรือที่เขาจะต่อต้านการสะกดจิตของเย่เฟิงได้?
ยิ่งต่อต้านมากเท่าไหร่สมองก็จะได้รับบาดเจ็บมากเท่านั้น เพียงไม่นานต่อมาสติปัญญาของเสิ่นเทียนเจียวก็ลดลงถึงยี่สิบเปอร์เซ็นทันที เมื่อเปิดตามาก็เห็นเย่เฟิงก็รีบเร่งหนีลงบันไดไปในทันที
ในฐานะผู้ฝึกเซียนการสะกดจิตของเย่เฟิงบรรลุไปจนถึงขอบเขตระดับสูง สามารถควบคุมได้อย่างง่ายดาย ปกติแล้วทักษะสะกดจิตเป็นวิชาเซียน ภายในโลกนี้แน่นอนว่าไม่สามารถใช้ประโยชน์อะไรได้มากนอกจากทำให้เกิดความวุ่นวายให้กับหน่วย NSA ไม่สามารถตรวจสอบอะไรเขาได้
เกิดฉากอันน่าทึ่งที่เสิ่นเทียนเจียวได้หลบหนีออกจากฝูงชนโดยรอบ
ฐานะของเย่เฟิงเป็นอะไรกันแน่ ถึงทำให้เสิ่นเทียนเจียวที่ถูกตบและที่ควรจะต้องโวยวายกลับเดินหนีออกไปเงียบๆกัน? มันไม่สมเหตุสมผลแล้ว!
ไม่ว่าพวกเขาจะขบคิดเค้นสมองแค่ไหนกับสถานการณ์เสิ่นเทียนเจียวนี้ มันจะกลายเป็นเรื่องลึกลับภายในแวดวงอิทธิพลของเหยียนจิงทันที
“เจี้ยนหลานล่ะ?”
เย่เฟิงหันหน้าไปถามหญิงสาวทั้งสอง เขาไม่ได้สนใจเรื่องของเสิ่นเทียนเจียวเลยราวกับขับไล่มดปลวก
“เธอบอกว่ามันน่าเบื่อเกินไป จะออกไปสูดอากาศซักหน่อย”
ซูเหมิงหานอธิบายแต่ทันใดนั้นก็พบว่าสีหน้าของเย่เฟิงและหลงหวางเอ๋อเปลี่ยนไป สายตาจ้องมองไปทั่วชั้นสองของศูนย์การแสดงสินค้า
ผู้ฝึกวิญญาณหลิงเฉินรายงานว่านักฆ่าที่เผ่ยเขิงกรุ๊ปส่งมาในที่สุดก็เริ่มลงมือแล้ว!
……………………………..
แปลโดย คั่นหนังสือ