ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 292 เขาคิดว่าเขาเป็นเซียนอมตะหรือยังไงกัน?
เย่เฟิงและหลินชื่อฉิงก็เข้าไปภายในหมู่บ้านตระกูลเสี่ยว ยามหน้าทางเข้าจดจำหลินชื่อฉิงได้และไม่ได้ขวางเอาไว้และรีบเร่งให้พวกเขาเข้าไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานพวกเขาก็มาถึงคฤหาสน์หลังหนึ่งที่มีกลิ่นอายร่วมสมัย
เดิมทีคฤหาสน์เสี่ยวหยวนเป็นที่ที่เงียบสงบ และต้นไม้ที่ค่อนข้างมากมาย เมื่อพวกเขาได้เข้ามาก็รู้สึกเหมือนได้กลับไปสู่ธรรมชาติ อย่างไรก็ตามคฤหาสน์เสี่ยวหยวนตอนนี้กลับรวมตัวเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังเผชิญหน้ากันด้วยบรรยากาศที่ตึงเครียด
ผู้นำของกลุ่มคนคือหลินเหรินเทียนหยุดยั้งการข่มขู่ภายในลานกว้างคฤหาสน์ ซึ่งมองดูแล้วสถานการณ์คงเลวร้าย หลินเหรินเทียนใส่แว่นสายตาเพื่อให้แสดงรูปลักษณ์ที่ดูเมตตาซึ่งเขาต้องการที่จะแสดงให้ดูสอดคล้องกันเพื่อลดความเป็นปรปักษ์ของตระกูลเสี่ยวเท่าที่จะเป็นไปได้
อย่างไรก็ตามเนื่องจากเป้าหมายของเขา เขาจะทำให้ตระกูลเสี่ยวเป็นปริปักษ์กับเขาได้อย่างไร
รถตู้จอดอยู่สนามด้านนอกคฤหาสน์ เย่เฟิงได้ใช้ทักษะสัมผัสวิญญาณไปก็ค้นพบว่ามันเป็นหลินซิวเหวินที่ปัญญาอ่อนอยู่ภายในซึ่งกำลังถูกดูแลโดยคนรับใช้ ภายในดวงตาปรากฏความเลือนลอย ที่มุมปากมีน้ำลายไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้คนรับใช้ต้องคอยเช็ดมันออกไปอย่างไม่หยุด สารรูปของเขาค่อนข้างน่าเกลียด
เชื่อได้เลยว่าต่อให้เป็นแค่ผู้หญิงธรมดา พวกเธอก็คงไม่เอาผู้ชายแบบนี้
แน่นอนว่าเว้นเสียแต่ผู้หญิงที่ชื่นชอบอำนาจและชอบใช้อำนาจกดขึ่ผู้คน ถ้าเจอผู้หญิงประเภทนี้แน่นอนว่าเธอจะต้องไม่ปล่อยไปแน่ ในเมื่อจะได้เปลี่ยนจากไก่เป็นหงส์และเป็นภรรยาของตระกูลหลินแห่งเหยียนจิง พวกเธอจะไม่ยอมแต่งงานกับปัญญาอ่อนนี้หรือ?
ทุกคนเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าตระกูลหลินในเหยียนจิงมีอำนาจมากและเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลภายในประเทศจีน ซึ่งหากต้องแต่งงานกับตระกูลที่ร่ำรวยและมีอำนาจเช่นนี้ เชื่อได้เลยว่าผู้คนที่ได้มีโอกาสนี้จะต้องยอมโขกศีรษะจนกระโหลกแตกแน่ๆ
อย่างไรก็ตามเสี่ยวฉีไม่ใช่ผู้หญิงประเภทนั้น
ทั้งตระกูลเสี่ยวไม่จำเป็นต้องใช้ตระกูลหลินเพื่อปีนป่ายขึ้นไป ด้วยวิธีดังกล่าวมันเป็นเรื่องน่าอับอาย
“หลินเหรินเทียน เรื่องนี้ฉันต้องขอปฏิเสธ”
ผู้ชายวัยกลางคนสวมชุดจงซานจวง*มีท่าทางที่เคร่งขรึมสูงประมาณร้อยแปดสิบ แต่ภายในนัยน์ตาเปล่งประกายไปด้วยความมั่นคงและหนักแน่น ผู้ชายคนนี้ก็คือพ่อของเสี่ยวฉี เสี่ยวเต๋อเฉิง เป็นผู้นำของตระกูลเสี่ยวในปัจจุบัน
[คั่นหนังสือ : *ชุดจงซานจวง หรือก็คือ ชุดจงซัน]
เสี่ยวเต๋อเฉิง เป็นคนที่ซื่อสัตย์และฉลาดอย่างยิ่ง ซึ่งมีชื่อเสียงมากในแวดวงธุรกิจของประเทศจีนในปัจจุบันนี้
ความสามารถของเขาไร้ข้อกังขา เพียงแค่กำลังของเขาก็สามารถทำให้ตระกูลเสี่ยวกลายเป็นตระกูลชั้นสูงภายในเหยียนจิงและกลายเป็นตระกูลชั้นสองของเหยียนจิง ความสามารถเช่นนี้มันมีไม่มากนักภายในประเทศจีน
พฤติกรรมของเขาก็ไร้ข้อกังขาเช่นกัน เขามักจะรับการสนับสนุนจากนักธุรกิจเพราะเขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์ แม้กระทั่งกลุ่มนักธุรกิจของประเทศจีนก็ช่วยเจรจาเรื่องข้อพิพาททางการค้าอย่างจริงจัง และได้ทำผลงานมากมายนับไม่ถ้วนเพื่อเศรษฐกิจของประเทศจีน
“ฉันไม่ได้บีบบังคับคุณ”
หลินเหรินเทียนที่ยืนอยู่หน้าทางเข้าคฤหาสน์ดันแว่นขึ้นไปบนจมูกพลางพูดเบาๆ “ปัจจุบันนี้มันมีกฏหมายบ้านเมือง คำพูดที่บอกไม่ต้องการ แต่ฉันยอมรับมันไม่ได้”
ขณะที่เขากำลังพูดก็เหลือบมองไปยังเสี่ยวฉีที่ยืนอยู่เบื้องหลังเสี่ยวเต๋อเฉิงเล็กน้อย
สาวน้อยคนนี้ มีใบหน้าเล็กๆน่ารักที่กำลังระงับความโกรธจนแดงก่ำอยู่ในเวลานี้ และจ้องมองหน้าหลินเหรินเทียนอย่างขมขื่น คิดแล้วคิดอีกว่าผู้ชายคนนี้ช่างไร้ยางอายนัก หลินซิวเหวินกลายเป็นปัญญาอ่อนแม้ว่ามันจะเกี่ยวข้องกับเธอ แต่เธอไม่ได้เป็นสาเหตุเสียหน่อย แต่แล้วอีกฝ่ายกลับต้องการให้เธอแต่งงานอย่างไม่คาดคิด จะต้องกลายเป็นภรรยาคนปัญญาอ่อน เรื่องนี้มันจะให้เธอทนไหวได้อย่างไร?
โชคร้ายยิ่งนัก อำนาจของหลินเหรินเทียนแข็งแกร่งมาก และไม่ใช่แค่เพียงฐานะของเขาเท่านั้น ตระกูลหลินในเหยียนจิงเช่นกัน
เสี่ยวฉีที่จ้องมองหลินเหรินเทียนและเห็นหลินเหรินเทียนเหลือบมองมาก็พลันตกใจ
ถึงหลินเหรินเทียนจะพูดเพียงผิวเผินแต่ความจริงได้ปิดทางหนีพวกเขาเอาไว้ ด้วยความจริงที่ว่าถ้าหากตระกูลเสี่ยวปฏิเสธ ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าตระกูลเสี่ยวจะต้องเผชิญหน้ากับอะไร
ตระกูลหลินแห่งเหยียนจิงมีความสามารถพอที่จะโจมตีทุกช่องทางของตระกูลเสี่ยว เมื่อถึงเวลาถึงแม้ว่าจะยังเหลือทรัพย์ของตระกูลอยู่ พวกเขาอาจจะต้องบีบบังคับให้ผู้คนฆ่าตัวตายเป็นแน่ ภายในประเทศจีน หากตระกูลใดที่กล้าแข็งข้อกับตระกูลที่แข็งแกร่งจะต้องถูกทำลาย มันเป็นการจัดการให้เป็นตัวอย่างกับพวกตระกูลเล็กๆ
เสี่ยวฉีกลืนน้ำลาย เมื่อนึกถึงว่าสถานการณ์เช่นนี้มันกลืนไม่ได้คายไม่ออก ช่างโชคร้ายนักที่เธอไม่มีอำนาจพอที่จะต่อต้านได้จึงทำได้เพียงแค่ให้พ่อของเธอออกหน้าแทน
เสี่ยวเยวี่ยก็กลับเหยียนจิงมาด้วยกันและในขณะนี้ก็ยังคงสวมใส่กระโปรงสีแดงอยู่ รูปร่างที่เซ็กซี่ของเธอมันสะดุดตาในกลุ่มผู้คนมาก ในเวลานี้เธอกอดแน่นน้องสาวของเธอเสี่ยวฉีและปลอบใจเบาๆข้างหูเธอเพื่อทำให้เธอไม่กังวล
ขณะที่สมาชิกคนอื่นของตระกูลเสี่ยว พวกเขาต่างมีสีหน้าที่หมองคล้ำอย่างชัดเจน
ตระกูลเสี่ยวที่สามารถมีอำนาจในจนทุกวันนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันมาจากความพยายามของเสี่ยวเต๋อเฉิง แต่มันก็ต้องนึกถึงความพยายามของคนอื่นในตระกูลด้วยเช่นกัน และในตอนนี้เนื่องจากเรื่องราวกับเสี่ยวฉี มันได้ทำให้ทั้งตระกูลเสี่ยวถูกเพ่งเล็งจากตระกูลหลินแห่งเหยียนจิง คนพวกนี้เห็นได้ชัดว่าไม่เต็มใจที่จะช่วย
“เต๋อเฉิง ฉันเห็นว่าเรื่องนี้มันเกินการควบคุมไปแล้ว”
ชายวัยกลางคนที่มีท่าทางขมวดคิ้วมุ่นอยู่ด้านข้างเสี่ยวเต๋อเฉิงก็พูดเบาๆ
เขาคือเสี่ยวเต๋อเจิงซึ่งเป็นพี่รองของเสี่ยวเต๋อเฉิง
“อย่าได้พูดเรื่องนี้อีก”
เสี่ยวเต๋อเฉิงไม่ต้องการที่จะคิดพลางปฏิเสธไปอย่างนุ่มนวล ภายในสายตายังเต็มไปด้วยความหนักแน่นมองไปที่พี่ชายของเขา “พี่รอง เป็นเพราะเสี่ยวฉีไม่ใช่ลูกสาวของพี่ ดังนั้นมันก็ไม่เป็นเรื่องอะไรใช่ไหม? ถ้าหากว่าเปลี่ยนเป็นลูกของพี่ พี่จะยังคงตัดสินใจทำแบบนี้หรือ”
ขณะที่พี่รองคนนี้ได้ยินที่พูดก็รู้สึกขายหน้าจนผงะถอยหลังไปสองก้าว เขาไม่กล้าที่จะคิดถึงคำพูดนี้เลย ถ้าหากว่าเสี่ยวเต๋อเฉิงออกไปบอกจนทำให้เขาส่งตัวลูกสาวออกไปเพื่อแต่งงานให้กับคนปัญญาอ่อน มันไม่กลายเป็นเรื่องเศร้าหรือ?
“ถ้าเช่นนั้น จะจัดการยังไงกับตระกลเสี่ยวของเรา แม้ว่ามันจะเป็นไปได้ดี และฉันเสี่ยวเต๋อเฉิงก็ซื่อสัตย์มาตลอด ไม่จำเป็นที่จะต้องกลัว!”
เสี่ยวเต๋อเฉิงมองลงไปที่หลินเหรินเทียน ภายในสายตาปรากฏความเย้ยหยัน คล้ายกับดูแคลนหลินเหรินเทียนอย่างมาก
ตอนนี้ทุกคนต่างรู้ว่าหลินเหรินเทียนกำลังต่อสู้กับเย่เฟิงและอยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบ จำเป็นต้องรู้ว่าเย่เฟิงเป็นเพียงนักเรียนมัธยม แต่หลินเหรินเทียนเป็นกระดูกสันหลังของตระกูลหลิน มีประสบการณ์มากมายในสังคม!
ดังนั้นการเผชิญหน้ากันของทั้งสองฝ่ายจะต้องมีผลกระทบที่น่าทึ่ง แต่ถ้าไม่ใช่เย่เฟิงที่เก่งกาจเกินไป ก็ต้องเป็นหลินเหรินเทียนที่โง่
โดยไม่ต้องสงสัย เสี่ยวเต๋อเฉิงจะต้องชอบอย่างหลังมากกว่า
หลินเหรินเทียนอดกลั้นที่ถูกเย้ยหยันจากสายตาของเขาจนอยากจะโมโห แต่หางตาก็เหลือบไปเห็นด้านนอกประตูปรากฏคนเดินเคียงคู่กันมาซึ่งก็คือเย่เฟิงและหลินชื่อฉิง
ภาพที่เห็นนี้ทำให้หลินเหรินเทียนขนตั้งชันขึ้นมาในทันทีและตื่นตัวคอยระวังอย่างดี
ในตอนนี้เขาไม่กล้าที่จะประมาทเย่เฟิงอีกครั้งแม้แต่เล็กน้อย!
“ไม่ต้องรีบตัดสินใจก็ได้”
เย่เฟิงเดินเคียงข้างอยู่กับพี่สาวชนชั้นสูงมีท่าทางค่อนข้างลึกลับ ขณะที่กำลังเดินเข้ามาภายในลานกว้างของคฤหาสน์และยิ้มพลางกล่าว “ให้ผมลองรักษาหลินซิวเหวินดูก่อนเถอะ”
ด้วยประโยคนี้ มันทำให้เกิดมรสุมท่ามกลางผู้คนในทันที
อะไรกัน หรือว่าเย่เฟิงต้องการที่จะรักษาหลินซิวเหวินที่ปัญญาอ่อน? มันเป็นไปได้ด้วยเหรอ!
“เขาคิดว่าเขาเป็นเซียนอมตะหรือยังไงกัน?”
บางคนอดไม่ได้จนต้องเอ่ยปากออกมาในทันที น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย เขาคือคนของตระกูลเสี่ยวซึ่งรู้จักเพียงหลินชื่อฉิงและไม่รู้ว่านั่นคือเย่เฟิง เพียงแค่คิดว่าเป็นเด็กหนุ่มที่ไม่รู้จักฟ้าสูงดินต่ำคนหนึ่ง
เย่เฟิงเหลือบมองไปที่อีกฝ่ายเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดตอบออกไป
เขาไม่ได้สนใจหลินเหรินเทียน ที่เขารักษาหลินซิวเหวินก็ไม่ใช่เพราะหลินเหรินเทียน แต่มันเป็นเพราะต้องการประจบเอาใจหลินหงชวน ส่วนเรื่องหลินเหรินเทียน หลังจากที่เขารักษาหลินซิวเหวินเรียบร้อยค่อยมาคิดบัญชีกับเขาอีกรอบ!
……………………………..
แปลโดย คั่นหนังสือ