ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 307 น่าหลงใหล
ตำรวจด้านนอกไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเย่เฟิง
รอจนกว่าที่ตำรวจจะพบว่า กระสุนระเบิดมันเป็นของปืนลำแสง จากนั้นพวกเขาจะต้องรายงานไปที่หน่วย NSA และหน่วย NSA ก็จะต้องตรวจสอบ ซึ่งต้องใช้เวลานาน ไม่ต้องกล่าวถึงว่าเย่เฟิงจะต้องจัดการกับหน่วย NSA อีกครั้ง ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร เย่เฟิงก็สามารถจัดการได้อย่างอิสระ
ขณะนี้เย่เฟิงได้โอบเสี่ยวเยวี่ยเข้าไปภายในโรมแรมเพื่อเปิดห้อง
ความคิดของเย่เฟิงคือพาเธอมาพัก จากนั้นเขาก็กลับบ้านก่อน แต่สายตาของพนักงานต้อนรับภายในโรงแรมและเสี่ยวเยวี่ยเหมือนจะบอกใบ้บางอย่าง
หลังจากที่เข้ามาภายในห้อง เสี่ยวเยวี่ยไม่แม้แต่จะคิดล๊อคประตู จากนั้นก็เงยหน้าอันงดงามของเธอขึ้นจูบเย่เฟิงทันที
การกระทำนี้ทำให้เย่เฟิงถึงกับร่างแข็งค้าง สาวน้อยคนนี้ คิดจะทำอะไรกัน?
คิดไม่ออกเลยว่าทำเช่นนี้เพราะอะไร?
บอกตามตรงเลยว่าหากเป็นคนอื่นที่จะต้องอดกลั้น เย่เฟิงรับประกันได้ว่าพวกเขาจะต้องอดกลั้นไม่ไหว! นอกจากนี้เขายังคงรู้สึกเลือดสูบฉีด มันต้องกล่าวโทษที่หน้าตาและรูปร่างของเสี่ยวเยวี่ย โดยเฉพาะอย่างยิ่งยอดเขาหิมะทั้งสองลูกนั้น ทำให้ผู้คนแทบที่จะคอแห้งผาก
“นี่เธอ?”
เย่เฟิงพยายามที่จะร้องเรียกอีกฝ่าย
“หื้ม?”
เสี่ยวเยวี่ยกอดรั้งคอของเขาใกล้เขามา นัยน์ตาดูพร่าเลือน ร่างชุดแดงดูวุ่นวายและกลุ่มก้อนอันนุ่มนิ่มก็เบียดเข้ามากดอยู่ที่ตัวเย่เฟิง
การกระทำนี้ทำให้เย่เฟิงดึงแขนอีกฝ่ายและเหวี่ยงเธอลงไปยังเตียงนอนที่นุ่มนิ่มอย่างไม่รู้ตัว
“มีสติหน่อยสิ”
เย่เฟิงที่ยืนอยู่ข้างเตียงร้องตะโกนบอก
เสี่ยวเยวี่ยที่ถูกโยนลงบนเตียงได้ยินคำพูดของเย่เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มหัวเราะ ‘คิกคัก’ จนร่างสั่น ทำให้กลุ่มก้อนด้านหน้าเธอกระเพื่อมขึ้นลงจากแรงสั่น
ในความจริงเธอไม่ได้เมาเลย แม้ว่าตอนแรกจะรู้สึกเมาเล็กน้อย แต่หลังจากเหตุการณ์ที่รอยัลพาเลซแล้วเธอก็สร่างเมาเรียบร้อย
มันเป็นเหตุการณ์หลังจากที่เย่เฟิงใช้ปืนลำแสง!
คำพูดที่ว่าไม่มีสติ สำหรับเสี่ยวเยวี่ยที่ใช้ชีวิตอยู่ในชางไห่ไม่ได้ทำตัวเหลวไหลนัก ไม่งั้นมันจะเป็นไปได้ยังไงที่เธอยังบริสุทธิ์อยู่เช่นนี้?
“ฉันไม่มีเสน่ห์พอเหรอ?”
เสี่ยวเยวี่ยเงยหน้าขึ้นยิ้ม นัยน์ตาเบิกกว้างมองไปที่เย่เฟิง ภายในสายตาเต็มไปด้วยความอยากรู้และร้อนแรง แต่มันมีแววตาของความกังวลอยู่ภายในลึกๆ
“มันจะเป็นเช่นนั้นได้ยังไงเล่า?”
เย่เฟิงส่ายหัว ถ้าหากใครกล้าพูดว่าเสี่ยวเยวี่ยมีเสน่ห์ไม่พอ มันจะต้องเป็นสุนัขตาบอดแน่ๆ “ฉันเพียงคิดว่าเธอเมามากไปแล้ว ฉันไม่อยากเอาเปรียบใคร”
“เป็นอย่างงี้นี่เอง ฉันไม่คิดเลยว่านายจะเป็นสุภาพบุรุษเช่นนี้”
เสี่ยวเยวี่ยกระพริบตาคู่งามของเธอ ลึกขึ้นมานั่งดึงแขนเย่เฟิงเข้ามาภายในเตียงให้นอนอยู่ด้านข้างเธอ
เย่เฟิงต้องการที่จะอดกลั้น แต่คิดว่าอดกลั้นตอนนี้ก็ไร้ประโยชน์แล้ว จากนั้นก็ตามน้ำไปกับเธอยอมนอนลงบนเตียง สำรวจใบหน้าของเสี่ยวเยวี่ยที่เนียนใส ขาวราวกับแผ่นหยก มันเหมือนกับวุ้นใสๆ
ด้วยใบหน้าที่งดงามของเสี่ยวเยวี่ยไร้การแต่งแต้ม สาวน้อยคนนี้มันเทียบได้กับผู้หญิงที่แต่งหน้าให้ดึงดูดใจเสียอีก เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเสี่ยวเยวี่ยดูแลผิวหน้าของเธออย่างดีมากแค่ไหน
ความสวยงามมันเป็นธรรมชาติของผู้หญิง ไม่ยกเว้นแม้กระทั่งเสี่ยวเยวี่ยจิตรกรคนนี้
“ฉันชอบนาย”
เสี่ยวเยวี่ยยื่นหน้าเข้ามาและจ้องไปในนัยน์ตาเย่เฟิง หน้าของพวกเขาทั้งสองมันห่างกันเพียงแค่สองคืบนิ้วเท่านั้น เสี่ยวเยวี่ยรู้สึกได้ถึงลมหายใจของเย่เฟิง มันราวกับสายลมอ่อนๆปะทะบนใบหน้าเธอ มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกรุ่มร้อนมากยิ่งขึ้น
คำสารภาพของเธอมันตรงไปตรงมาอย่างมาก แม้กระทั่งเย่เฟิงก็ทำอะไรไม่ถูก
“เพราะอะไร?”
เย่เฟิงรู้สึกประหลาดใจ
เขาคิดไม่ออกเลยว่า สาวน้อยเสี่ยวเยวี่ยคนนี้จะชอบเขา มันไม่เร็วเกินไปหน่อยหรือ?
เกี่ยวกับสาเหตุที่เสี่ยวฉีชอบเขา เย่เฟิงพอจะรู้อยู่ แต่เขาไม่รู้เลยว่าพี่สาวของเธอ เสี่ยวเยวี่ยก็ยังชอบเขาเช่นกัน เขาไม่เคยได้ทำอะไรดีๆให้กับเสี่ยวเยวี่ยเลย เหตุใดอีกฝ่ายถึงมาชอบเขากัน?
“นายไม่รู้เลยเหรอว่า นายน่าหลงใหลอย่างมาก”
เสี่ยวเยวี่ยยิ้มและไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มอีก
ในความคิดของเธอ มันราวกับความชอบที่ไม่มีสาเหตุ ตั้งแต่ที่ได้รู้จักกับเย่ฟิง เธอรู้สึกเย่เฟิงเป็นคนที่พิเศษไม่เหมือนคนอื่น
ขณะที่อยู่บนถนนออกไปชางไห่ บีเอ็มดับเบื้ลยูสีเงินและออดี้สีแดงชนกัน นั่นคือการพบกันครั้งแรกของพวกเขา ในตอนนั้นเธอรู้สึกอย่างเลือนรางว่าเย่เฟิงมันแตกต่างจากผู้ชายในโลกนี้
มันรู้สึกอย่างชัดเจนว่ามีความแตกต่าง แต่แตกต่างเช่นไรไม่สามารถอธิบายได้
จากนั้นก็เป็นตอนที่อยู่ในโรงแรมเขตเซียงซาน เธอเดินทางไปเพื่อพบเย่เฟิง กำลังถูกหวังเฉาตงตามตื้อ จากนั้นเขาก็ถูกเย่เฟิงต่อยกระเด็น ตอนนั้นเธอรู้สึกว่าเย่เฟิงเป็นคนแปลกประหลาด
มันไม่ใช่ว่าทุกคนที่จะกล้าหาญ ซึ่งหวังเฉาตงมันเป็นเพียงคนรวยรุ่นที่สอง เป็นประเภทที่ไม่เข้าใจสถานการณ์อะไรอย่างชัดเจน ส่วนประเภทที่ไม่โง่เขลาและเก่งกาจ เย่เฟิงเป็นประเภทหลังอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากนั้นต่อมา มันทำให้เสี่ยวเยวี่ยรู้สึกประหลาดใจ
จากปากของเสี่ยวฉี เธอได้ยินมาว่าวีรกรรมของเย่เฟิงภายในเหยียนจิงทั้งหมด และได้ไปเจอเหตุการณ์การต่อสู้ระหว่างเย่เฟิงและหลงโมหรัน จากนั้นเธอจึงมั่นใจว่าเย่เฟิงไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
หลังจากที่กลับมาที่เหยียนจิง เธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอมันมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่เมื่อได้รู้ว่าเย่เฟิงกับหลินชื่อฉิงเป็นคู่หมั้นกัน ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่เย่เฟิงยังมีแฟนสาวสองคนอีก เรื่องนี้มันทำให้เธอรู้สึกลังเลใจ
แต่หลังจากวันนี้ เธอจะโยนเรื่องราวทั้งหมดทิ้งไป
เธอชอบเย่เฟิง จะต้องทำเช่นไรกับผู้หญิงที่เหลือ?
มันเกิดขึ้นน้อยมาก ที่เธอจะเป็นคนแรกที่มีความรู้สึกชอบต่อผู้ชายก่อน เมื่อครั้งที่เธอกำลังประสบปัญหาเพราะจ้าวเหรินเจี๋ย จากนั้นไม่นาน เย่เฟิงก็เตะจ้าวเหรินเจี๋ยกระเด็น ในที่สุดเธอก็พ้นออกมาจากเรื่องฉาวโฉ่
“ฉัน…”
เสี่ยวเยวี่ยจ้องมองตาเย่เฟิง มองไปภายในนัยน์ตาของเขาอย่างมีความสุข มันมีความรู้สึกหวาดกลัวอยู่เล็กน้อย ผู้ชายคนนี้คิดอะไรอยู่ในใจกันแน่?
เธอสารภาพบอกไปอย่างไม่คิดอะไรมาก แต่หลังจากที่สารภาพออกไปแล้ว ภายในใจเธอตอนนี้รู้สึกค่อนข้างหวาดกลัว
“ฉันต้องไปแล้ว”
เย่เฟิงยิ้ม เงยหน้ามองนาฬิกาบนกำแพง ค้นพบว่าเวลามันเริ่มจะดึกมากแล้ว
“ไปกันเถอะสาวน้อย”
คำพูดนี้มันทำให้เสี่ยวเยวี่ยโมโหในใจทันที อารมณ์ที่เดือดพลันระเบิดออก “มารดานายเพิ่งจะบอกรักไปแต่นายกลับสะบัดก้นจะกลับงั้นหรือ?”
เมื่อพูดจบก็ดันมือทั้งสองไปบนอกเย่เฟิง จากนั้นร่างชุดแดงก็ขึ้นคร่อมบนร่างของเย่เฟิงบนเตียงทันที ริมฝีปากอันร้อนแรงก็ระดมจูบประทับลงบนใบหน้าของเย่เฟิง
จะขืนใจกันเลยหรือ?
[คั่นหนังสือ : 卧勒个槽? คือประโยคนี้แปลไม่ถูกครับ แต่มันมีคำว่า ฝืนบังคับอยู่ ผมเลยดำน้ำแปลเป็น ขืนใจแทนนะครับ ส่วนท่านรู้ความหมายที่แท้จริง แจ้งให้ทราบได้เลยครับจะทำการแก้ไขทันที]
เย่เฟิงตกใจกับการกระทำของเสี่ยวเยวี่ย สาวน้อยคนนี้ช่างกล้าอย่างไม่คาดคิด มันดุดันยิ่งกว่าหลงหวางเอ๋อเสียอีก!
ความคิดของเธอตอนก่อนในแถบทะเลจีนตะวันออกมองออกได้อย่างชัดเจน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะประเมินเธอต่ำไปแล้ว
แต่ว่า…
เย่เฟิงรู้สึกว่าสาวน้อยคนนี้ไม่เข้าใจสถานการณ์อะไรเลย การที่ขึ้นคร่อมมาแบบนี้ มันเหมาะสมแล้วหรือ?
ครุ่นคิดยังไม่ทันเสร็จ
ขณะที่หน้าอกของเขารู้สึกได้ถึงกลุ่มก้อนสองลูกที่นุ่มนิ่ม มันก็ทำให้เขาเลือดสูบฉีดเดือดพล่านไปหมด เป็นเช่นนี้เขาจะคิดอะไรออกอีก?
……………………………..
แปลโดย คั่นหนังสือ