ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 308 ขนาดอันน่าตื่นตะลึง
เย่เฟิงไม่คิดมากเกี่ยวกับผลที่จะตามมา
สำหรับเขา ถ้าหากเสี่ยวเยวี่ยต้องการที่จะกลิ้งผ้าปูเตียงกับเขาจริงๆ อย่างมากก็แค่รับผิดชอบเพิ่มขึ้น แต่เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องทั้งหมดให้กับพวกเธอหลงหวางเอ๋อและซูเหมิงหานอย่างไรดี
[คั่นหนังสือ : กลิ้งผ้าปูเตียง = มีอะไรกัน หรือที่ว่ามีเซ็กส์นั้นแหละครับ]
เรื่องนี้ เย่เฟิงจะไม่ปกปิกต่อหญิงสาวแน่ แน่นอนว่าหญิงสาวทั้งสองรอบคอบมาก ต่อให้เขาปกปิดความจริงเอาไว้ หลงหวางเอ๋อและซูเหมิงหานก็จะสามารถรู้ได้อย่างรวดเร็วในทันที
นอกจากนี้ เย่เฟิงไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะต้องเก็บเสี่ยวเยวี่ยเอาไว้เป็นความลับ
ร่างพวกเขารุ่มร้อนขึ้น สัมผัสอันร้อนแรง เย่เฟิงล่วงเข้าไปภายใต้ชุดของเสี่ยวเยวี่ยอย่างรวดเร็ว ปีนไต่ไปยังหน้าอกอันเต็มไม้เต็มมือที่กลมกลึงอย่างยิ่งของเธอ ความรู้สึกเสียวซ่านแผ่กระจายไปทั่วร่างของเสี่ยวเยวี่ยทันที
สาวชุดแดงถูกเย่เฟิงจัดการอย่างง่ายดายและถูกโยนไปด้านข้าง
เสื้อในลูกไม้สีแดงอันเซ็กซี่ถูกปลดออกด้วยมือข้างเดียวของเย่เฟิงอย่างชำนาญ เปิดเผยกระต่ายหยกคู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็ตื่นตะลึงกับขนาดของมัน ซึ่งมันดูใหญ่โตกว่าที่เห็นภายนอกเสียอีก
เย่เฟิงแอบได้ยินซูเหมิงหานกับหลงหวางเอ๋อคุยกันและรู้ว่าหญิงสาวทั้งสองขนาดคัพซี ถ้าหากต้องเปรียบเทียบขนาดแล้วล่ะก็ หลินชื่อฉิงและน้าชูชูก็คงจะเป็นคัพดี แต่เสี่ยวเยวี่ยแน่นอนว่าต้องเป็นขนาดคัพอี หรืออาจจะใหญ่ยิ่งกว่านั้น!
สิ่งนี้มันทำให้เย่เฟิงแอบชื่นชมอยู่ข้างในใจ เสี่ยวเยวี่ยคนนี้ช่างสุดยอดเกินไป เป็นผู้หญิงที่มีขนาดใหญ่ที่เขาเพิ่งเคยพบเห็น และมันยังมีร่างที่เซ็กซี่ยั่วยวน อย่างเช่นเธอที่เป็นอยู่ในตอนนี้
มือหยกของเสี่ยวเยวี่ยสัมผัสอย่างนุ่มนวลไปบนเสื้อเชิ้ตสีดำของเย่เฟิงกำลังจะที่ถอดออก
ขณะที่เธอกำลังกระทำเช่นนั้น จู่ๆก็พลันคิดอะไรออกถึงบางอย่าง สีหน้าอันงดงามพลันเปลี่ยนแปลงทันที
“เย่เฟิง ทำไม่ได้นะ”
น้ำเสียงใสๆของเธอฟังดูเหมือนสั่นเล็กน้อย มันราวกับว่ารู้สึกกลัวเจือปนเอาไว้อยู่
“มีอะไรหรือ?”
เย่เฟิงเห็นสีหน้าที่หวาดกลัวและเปลี่ยนกลับอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ก้มลงถามออกไป
“ฉันลืมไปว่าฉันมีประจำเดือนอยู่”
เมื่อเสี่ยวเยวี่ยพูดออกไปใบหน้างดงามของเธอก็พลันแดงก่ำ
“…”
เย่เฟิงตกใจในทันที มารดามันเถอะ! นี่บิดาโดนหลอกใช่ไหม?
หลังจากนั้นก็ออกมาจากโรงแรม สายลมเย็นปะทะกับเย่เฟิงทันใดนั้นเขาก็มีสติมากขึ้น
เมื่อคิดถึงเรื่องในห้องเมื่อครู่ เสี่ยวเยวี่ยกับมือหยกขาวหิมะเล็กๆคู่นั้นและยังมีริมฝีปากที่อวบอิ่ม มันทำให้เขารุ่มร้อนไปด้วยไฟราคะ ด้วยฉากนี้เขาอดไม่ได้เลยที่จะคอแห้งผาก
จะต้องบอกเลยว่าการแสดงของเสี่ยวเยวี่ยยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง พรสวรรค์การพูดจาของเธอดีเยี่ยม แต่ก็เป็นครั้งแรกของเย่เฟิงที่เป็นปลื้มกับการกระทำของสาวสวยเช่นนี้ แน่นอนว่ามันทำให้เขาประทับใจอย่างลึกๆ
อย่างไรก็ตามหลังจากความหลงใหล พวกเขาทั้งสองก็ต้องเผชิญหน้ากับความจริง ซึ่งก็คือพวกเขาไม่ได้มีอะไรกัน มันทำให้เสี่ยวเยวี่ยค่อนข้างเสียใจเล็กน้อย
เธอหวังอย่างมากที่จะมอบกายให้กับเย่เฟิง แต่วันนี้มันช่างโชคร้ายนัก เธอไม่ได้ตั้งใจเลย เธอต้องการให้เย่เฟิงรู้สึกสบายใจ แต่เย่เฟิงไม่ได้อยากทำให้เป็นเรื่องยาก ดังนั้นถ้าหากมันทำให้เธอเป็นอะไรไป มันจะไม่คุ้มค่ากับการสูญเสีย
ปล่อยเสี่ยวเยวี่ยให้พักอยู่ที่โรงแรม ส่วนเย่เฟิงก็ออกจากโรมแรมมาคนเดียว
แรกเริ่มเย่เฟิงรู้สึกกังวลว่าเธอจะมีอันตรายเช่นกัน ต้องการที่จะอยู่กับเธอจนเช้า แต่เสี่ยวเยวี่ยก็ออกปากไล่เขาไปทันที เธอผ่านมันมาได้ตั้งหลายปี อยู่คนเดียวในชางไห่หลายปี เธอดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว
เธอไม่ต้องการเป็นภาระอะไรให้เย่เฟิง
เย่เฟิงกลับมาที่หมู่บ้านชิงเฟิง แต่ตอนนี้มันเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว
บ้านยังคงเปิดไฟสว่างอยู่ ดูเหมือนว่าสาวๆยังไม่ได้นอนกัน ส่วนบ้านหลังที่เย่เหวินเทียนและหนานฟางอยู่ปิดไฟกันไปหมดแล้ว พวกเขาทั้งสองมักจะนอนเร็วเสมอ
แต่หน้าบากและลูกน้องทั้งแปดคน พวกเขายังคงดูแลอยู่ที่งานแสดงสินค้า ถ้าหากว่าตอนกลางคืนมีเหตุร้ายอะไร เพียงแค่มีจ้าวอี้เปยและหลิงเฉินผู้ฝึกวิญญาณทั้งสอง ด้วยสองกองกำลังนี้มันเพียงพอแล้วที่จะรับประกันความปลอดภัยของงานแสดงสินค้า
หลังจากที่จัดการกลุ่มคนของเผ่ยเขิงกรุ๊ปที่มีเจตนาร้าย มันจะต้องไม่มีอิทธิพลใดที่กล้าจะก่อการภายในประเทศนี้อีก
ในวันนี้ หนานฟาง หน้าบาก จ้าวอี้เปยและหลิงเฉิน อยู่ภายในสายตาของเย่เฟิง ซึ่งพวกเขามีเหตุผลที่ความพยายามที่จะพัฒนาตัวเอง
หนางฟางไม่มีครอบครัวเหลืออยู่ในโลกนี้แล้ว เย่เฟิงได้ช่วยเขาล้างแค้น สอนเขาฝึกวิทยายุทธและมันจะมีโอกาสที่ได้สังหารพี่ใหญ่ที่โหดเหี้ยมเย็นชาของหนานฟางเป็นการส่วนตัว เย่เฟิงสำหรับตัวเขาคือพี่ใหญ่ที่เหลืออยู่คนเดียวในโลก
ไม่ว่าอย่างไร เขาก็มีเหตุผลที่จะยืนอยู่เคียงข้างเย่เฟิง ไม่ว่าเย่เฟิงต้องการจะทำอะไร เขาจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แต่ภายใต้การสั่งสอนของเย่เหวินเทียน มีดบินปีศาจคำรามของหนางฟางพัฒนาขึ้นเล็กน้อย แม้ว่าไม่สามารถกระตุ้นกำลังภายในลงไปในวิชามีดบินปีศาจคำรามได้ แต่ด้วยพรสวรรค์ของเขา ไม่นานมันก็จะมีความเปลี่ยนแปลงและจะเข้าใจการโคจรกำลังภายในได้เอง
แต่สำหรับหน้าบากและจ้าวอี้เปย มันมีความแค้นและศัตรูคนเดียวกัน ซึ่งก็คือวังดาบสวรรค์ ซือถูจางเตา!
เมื่อสิบปีก่อน ซือถูจางเตา ได้สังหารเมียหน้าบากไป ซึ่งก็คือพี่สาวของจ้าวอี้เปย แน่นอนว่าความแค้นนี้ไม่จำเป็นต้องพูดถึง ถ้าหากพวกเขาไม่มีความพยายาม จากนั้นพวกเขาจะไปล้างแค้นซือถูจางเตาได้เช่นไร?
ความแค้นนี้ พวกเขาหวังที่จะจัดการด้วยตัวเอง!
หลิงเฉินพบเจอเย่เฟิงที่ทะเลจีนตะวันออก โชคชะตาได้มอบชีวิตที่สองให้เขา ในตอนนี้เขาเป็นผู้ฝึกวิญญาณ แต่มันก็ทำให้ผู้อาวุโสหลี่เสวียนของวังไท่จี๋เป็นศัตรูกับเย่เฟิง
เขาจะต้องรีบก่อเกิดร่างจริงให้ได้อย่างเร็วที่สุด เพื่อที่เขาจะได้บอกเรื่องช่วยชีวิตกับผู้อาวุโสหลี่เสวียนและบอกกล่าวหลี่เสวียนว่าเย่เฟิงเป็นสุภาพบุรุษที่สง่างามและสูงส่ง!
แม้ว่าเย่เฟิงจะคิดว่าเขาไม่ได้เป็นสุภาพบุรุษที่ดีอะไร แต่ภายในใจหลิงเฉินกลับคิดเช่นนั้น
เย่เฟิงยืนอยู่หน้าบ้าน เปิดเผยรอยยิ้มเลือนราง เขาเฝ้ารอที่พวกเขาทั้งสามฝ่ายเติบโตขึ้น แม้ว่าเขาจะต้องกลับไปยังโลกเทวะ พวกเขาก็จะเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งจนน่ากลัว
ใครกันที่ว่าวิชายุทธมันด้อยกว่าวิชาเซียนกัน?
อย่างน้อยกรงเล็บมังกรมันมีรูปแบบเดียวกับภายในโลกเทวะซึ่งมันจำเป็นต้องมีวรยุทธถึงร้อยปีถึงจะสามารถใช้พลังเซียนก่อเกิดใช้ออกภายนอกได้ ถ้าหากผสมผสานวิทยายุทธและวิชาเซียน มันจะต้องกลายเป็นวิชาใหม่แน่ เย่เฟิงจะต้องเหนือว่าผู้คนระดับเดียวกันในโลกเทวะและการต่อสู้มันจะมีประสิทธิภาพอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามมันจำเป็นต้องใช้เวลานาน
เมื่อเขาก้าวเข้ามาในบ้าน ค้นพบว่าที่โถงบ้านไม่มีใครอยู่ แท้จริงแล้วทั้งสองกำลังยุ่งอยู่ภายในห้องครัวซึ่งก็คือน้าชูชูและจื้อเจี้ยนหลาน แต่หลงหวางเอ๋อและซูเหมิงหานอยู่ในห้องนอนกำลังอาบน้ำอยู่
“ทำอะไรกันครับ?” เย่เฟิงค่อนข้างสงสัยมองไปภายในครัว
“กำลังทำแกงให้นายอยู่”
เสียงจื้อเจี้ยนหลานใสๆดังออกมาจากห้องครัว น้ำเสียงเจือปนไปด้วยความสุข มันเห็นได้ชัดเจนว่าเพิ่งจะเรียนทำอาหารกับน้าชูชู ซึ่งมันทำให้เธอมีความสุขมาก
เย่เฟิงได้ยินก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย จื้อเจี้ยนหลานของพวกเราช่างเป็นน้องสาวอ่อนโยนและใจกว้างมาก ดึกถึงขนาดนี้ยังคงมาทำแกงให้เขาดื่มอยู่อีก
ไม่นานจากนั้นเธอก็ถือชามแกงไก่ดำที่ร้อนระอุออกมาจากห้องครัว ซึ่งขณะที่เดินออกมาก็จีบปากเป่าลมออกมาด้วย เหมือนกับว่าจะเกรงกลัวมันร้อนจนลวกปากเย่เฟิง
เมื่อเห็นเธอในชุดสีม่วง ที่เท้าเล็กๆของเธอสวมใส่รองเท้า ท่าทางที่สดใสมันทำให้ผู้คนอดไม่ได้เลยที่จะกุมมืออย่างซึ้งใจ
เย่เฟิงเพิ่งกลับมาจากเรื่องตื่นเต้นที่โรงแรมกับเสี่ยวเยวี่ย กลับบ้านมาบ้านยังพบเจอจื้อเจี้ยนหลานที่มีท่าทางสวยใสเช่นนี้ ภายในใจค่อนข้างรู้สึกรุ่มร้อนขึ้นมาในทันที
……………………………..
แปลโดย คั่นหนังสือ