I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Genius Sword Immortal ตอนที่ 311 ความจริงใจ?

| Genius Sword Immortal | 2538 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

บทที่ 311 ความจริงใจ?

 

ขณะที่หลินเหรินเทียนเป็นกังวลจนไม่ยอมกินข้าวกินปลา เย่เฟิงที่อยู่บ้านกลับกินอาหารมันอย่างเอร็ดอร่อยเต็มที่พร้อมกับสาวสวย

 

อาหารที่น้าชูชูเป็นคนทำ แต่ละครั้งที่เย่เฟิงกินมันรู้สึกราวกับขึ้นสวรรค์ ถ้าหากเป็นที่โลกเทวะ เย่เฟิงยอมออกไปนอนกลางแจ้งยังมีความสุขกว่าการกินอาหารซูเฟยหยิ่งเสียอีก

 

แม้ว่าซูเฟยหยิ่งจะแข็งแกร่ง แต่ทางด้านการทำอาหารเธอห่างไกลอย่างมากจนเทียบน้าซูซูไม่ติดเลยทีเดียว

 

“เย่เฟิง ฉันทำโล่ดาราได้แล้วนะ”

 

ขณะที่กำลังกินอาหารอยู่ หลงหวางก็แอบพูดกระซิบออกมาเบาๆ

 

โล่ดาราไม่ได้เป็นวิชาเซียนทั่วไป สำหรับสำนักสุสานดารามันเป็นวิชาเซียนพิเศษ ความซับซ้อนของมันเหนือกว่าศรดาราอย่างมาก หลงหวางเอ๋อใช้เวลาอยู่หลายวันเพื่อที่จะร่ำเรียนมัน แต่ถือว่ารวดเร็วแล้ว

 

“ดีมาก เดี๋ยวคืนนี้จะให้รางวัลมากหน่อยแล้วกันนะ”

 

เย่เฟิงยกยิ้มขึ้น

 

ใบหน้าที่ขาวงดงามพลันแดงก่ำ เหลือบตามองไปที่เขา “นายรีบฝึกวรยุทธเพิ่มขึ้นเถอะ ไม่เช่นนั้นอย่าโทษว่าสาวน้อยคนนี้รังแกนายแล้วกัน”

 

“สบายใจเถอะ ฉันจะฝึกอย่างหนักกับเหมิงหาน”

 

เย่เฟิงมองไปที่ซูเหมิงหานที่กินอาหารเงียบๆอยู่อีกด้านและยกยิ้มขึ้น

 

ซูเหมิงหานก็เหมือนเขาที่เพิ่งฝึกฝนได้ไม่นาน เส้นชีพจรมันไม่ใหญ่พอ แม้ว่าภายในแหวนมิติจะมีสมบัติสวรรค์ให้บ่มเพาะมากมายแต่มันก็ไม่มีความหมายถ้าดูดซับเอาไว้ไม่ได้ ซึ่งทำให้ได้แต่เพียงค่อยๆบ่มเพาะ

 

ระหว่างที่พูดคุยกัน ทุกคนต่างไม่มีใครที่สนใจเรื่องของหลินเหรินเทียนเลย

 

ถ้าหากผู้คนภายในเหยียนจิงรู้ว่าตอนนี้เย่เฟิงกำลังร่าเริงสบายใจเฉิบ ผู้คนคงเกรงว่าจะริษยาจนน่าตาย ล่วงเกินหลินเหรินเทียนแห่งตระกูลหลิน แต่กับมีสาวสวยมากมายอยู่ด้วย ความเจ้าชู้ของเขาคงมีเขาคนเดียวในประเทศที่ทำได้

 

จนกระทั่งพระจันทร์เหนือหัว พวกเย่เฟิงก็กินอาหารเย็นกันเสร็จ เก็บถ้วยเก็บชามบนโต๊ะ จากนั้นสัมผัสได้ถึงอาคันตุกะที่ขับรถเข้ามาภายในหมู่บ้านชิงเฟิง ใช้ทักษะสัมผัสวิญญาณออกไปตรวจสอบก็ค้นพบว่าเป็นคนของตระกูลหลิน

 

ในที่สุดก็นั่งไม่ติดแล้วสินะ?

 

มุมปากเย่เฟิงยกขึ้น โอบกอดหลงหวางเอ๋อเดินไปดูทีวีกัน เขาคร้านที่จะออกไปพบกับอีกฝ่าย การจัดการคนที่ประเภทหลินเหรินเทียน จะต้องวางมาดเอาไว้ ไม่เช่นนั้นมันจะทำให้อีกฝ่ายเชื่อถือได้หรือ?

 

ไม่นานหลังจากนั้นหลงหวางเอ๋อและเย่เฟิงก็สัมผัสได้ว่ารถได้มาจอดอยู่หน้าบ้านแล้ว จากนั้นก็มีกลุ่มคนลงมา มีทั้งผู้หญิงและผู้ชายส่วนคนที่เดินนำหน้ามาคือผู้นำตระกูลหลิน หลินเต๋อเทียน

 

ในฐานะผู้นำตระกูลหลิน การมาพบในสถานการณ์นี้มันเป็นสิ่งที่สมควร มันอาจจะเป็นเพราะอาการหลินเหรินเทียนที่ถูกพิษมันเลวร้ายลง ไม่อาจจะที่จะมาด้วยตัวเอง จึงไม่ได้ปรากฏขึ้นในกลุ่มคนพวกนี้

 

ท่าทางของหลินเต๋อเทียนดูจริงจัง ที่ด้านข้างมีหลินชื่อฉิงยืนกุมมือเอาไว้ที่หน้าอก คิ้วขมวดมุ่น รู้สึกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของเย่เฟิง

 

หลินชื่อฉิงคือคนที่สะดุดตาที่สุดภายในกลุ่ม ไม่ใช่เพียงเพราะเธอรูปร่างเซ็กซี่น่าดึงดูด แต่มันเป็นเพราะฐานะของเธอ จำเป็นต้องรู้ว่าเธอและเย่เฟิงมีสัญญาหมั้นหมายกัน! แต่เย่เฟิงในเวลานี้กลับยืนเป็นศัตรูกับตระกูลหลิน

 

แต่ไม่มีใครออกมาต้อนรับพวกเขา

 

เรื่องนี้มันทำให้คนของตระกูลหลินรู้สึกไม่ดีนัก ขบคิดว่าเย่เฟิงทำไมถึงโอหังเช่นนี้ เผชิญหน้ากับตระกูลอันดับหนึ่งของเหยียนจิงถึงกลับโอหังอย่างมืดบอด ผู้คนมาหาแต่กลับไม่ยอมออกมาต้อนรับ

 

ชายหนุ่มเช่นนี้มันยากที่จะเอาตัวรอดภายในสังคมตอนนี้ ถ้าหลินชื่อฉิงแต่งงานกับอีกฝ่าย คงต้องเป็นกังวลกับอนาคตแล้ว

 

แม้ว่ามันจะเป็นคนของตระกูลหลิน แต่ก็รู้ถึงเรื่องจริงของเย่เฟิงที่แถบทะเลจีนตะวันออก รู้ว่าเขาเป็นคนน่ากลัวแค่ไหนแต่ก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ ในตอนนี้เมื่อพวกเขามาแล้ว หลินเต๋อเทียนและหลินชื่อฉิงถึงได้รู้ว่าเย่เฟิงน่ากลัวค่อนข้างมาก

 

ปกติหลินเต๋อเทียนจะไม่ยอมปล่อยอีกฝ่ายไปแน่ แต่ไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้เนื่องจากเหตุผลมากมายหลายอย่าง เรื่องที่หลินเหรินเทียนถูกพิษ มันเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวพันกับพวกเขา มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะยอมนั่งอยู่เฉยๆอีกต่อไป

 

หลินเต๋อเทียนส่ายหัว ตอนนี้เขารู้อย่างชัดเจนแล้วว่า เย่เฟิง ต่อให้เผชิญหน้ากับตระกูลหลินก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้เลย

 

ตอนนี้น้องชายของเขาถูกพิษ พูดได้ว่าตกอยู่ภายในกำมือของเย่เฟิง ทำได้เพียงแค่พูดคุยดีๆกับเย่เฟิงก่อนเท่านั้น หากเย่เฟิงใจแข็งดั่งเหล็กกล้า หลินเหรินเทียนคงต้องไปพบเหยียนหวังเย่แล้ว

 

หลินเต๋อเทียนเข้าใจคนประเภทเย่เฟิงอย่างดี คนประเภทเย่เฟิงเป็นพวกดีมาดีตอบร้ายมาก็ร้ายตอบ หากเขาตอบโต้อย่างรุนแรงมันคงมีผลกระทบร้ายแรงเท่านั้น

 

“หลินชื่อฉิง มากับฉัน ส่วนคนที่เหลืออยู่ข้างนอกนี้ ห้ามขยับแม้แต่นิดเดียว”

 

หลินเต๋อเทียนหวาดกลัวพวกเขาจะทำอะไรเสียเรื่องจึงสั่งเอาไว้

 

ใครจะรู้ว่าพวกคนตระกูลหลินที่เหลือจะคัดคร้านกันอย่างหนัก เมื่อได้ฟัง ก็ต้องการจะตามเข้าไปในบ้านพร้อมกับหลินเต๋อเทียน พลางต่อว่าเย่เฟิงเป็นเจ้าเด็ก “ไม่รู้จักฟ้าสูงดินต่ำ”

 

“แกหุบปากไปซะ”

 

หลินเต๋อเทียนที่สงบนิ่งและสุขุมพลันเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ท่าทางที่น่ากลัวทำลายบรรยากาศในทันที

เขาไม่น่าพาพวกนี้มาด้วยตั้งแต่แรกเลย มันจะเสียเรื่องเอาได้ถ้าหากกระทำเรื่องราวผิดพลาด แต่ตอนนี้จะไล่พวกเขาไปก็คงไม่เหมาะสม ได้แต่สั่งให้พวกเขาอยู่ข้างนอกเป็นการดีที่สุด

 

หลังจากที่หลินเต๋อเทียนตวาดขึ้น ทุกคนที่เหลือไม่แม้แต่จะกล้าพูดคำอะไรทันที

 

หลินชื่อฉิงติดตามหลินเต๋อเทียนเดินเข้าไปภายในสนามหน้าบ้าน รู้สึกรังเกียจอย่างมากกับพวกคนตระกูลหลินที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง ชอบคิดว่าตระกูลหลินเป็นอันดับหนึ่งภายในสวรรค์ คิดว่าเกิดในตระกูลหลินแล้วจะทำอะไรที่ต้องการก็ได้หรือ?

 

หลินชื่อฉิงเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับคนประเภทเย่เฟิงผู้ที่มีความแข็งแกร่งอย่างมาก ต่อให้เป็นคนตระกูลหลินหรือคนธรรมดามันก็ไม่มีความแตกต่างอะไรหากทำให้เย่เฟิงโมโห แม้ว่ามันจะเป็นหน่วย NSA ก็คงไม่ง่ายที่จะจัดการได้

 

พวกเขามาถึงที่ประตูห้องโถงหน้าบ้านแล้ว เมื่อเห็นสาวน้อยที่สดใสในชุดสีม่วงมาเปิดประตูให้ก็ตกใจ แล้วยังมีรอยยิ้มที่งดงาม “ยินดีต้อนรับ เข้ามาสิ”

 

มองไปที่รูปโฉมจื้อเจี้ยนหลานที่สวยสดใส หลินเต๋อเทียนถึงกับตกตะลึง ก่อนหน้านี้ได้ยินเย่เฟิงพาสาวสวยใสกลับมาบ้าน แต่ไม่คิดว่าเธอจะสวยสดงดงามถึงขนาดนี้!

 

ไม่มีการแต่งแต้มเครื่องสำอางสักนิด รูปโฉมของจื้อเจี้ยนหลานเหนือกว่าผู้หญิงในโลกนี้ถึง 99.9% เมื่อเทียบกับผู้ที่แต่งหน้าเพียงเล็กน้อยมันยังเทียบไม่ติด มันช่างเหนือกว่ามากมายอย่างยิ่ง

 

“เย่เฟิง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”

 

หลินเต๋อเทียนเงยหน้ามองไปยังเย่เฟิงที่นั่งยิ้มอยู่บนโซฟา สายตาของเขาไม่ได้จับจ้องมองจื้อเจี้ยนหลานนานเกินไป เขาไม่ใช่คนประเภทเฒ่าหัวงูที่ชมชอบสาวน้อย

 

“อืม เชิญนั่งครับ”

 

มุมปากเย่เฟิงพลันยกโค้งขึ้น “ก่อนที่จะนั่ง บอกได้หรือไม่ว่าที่มาหาผมเพราะต้องการให้ผมช่วย?”

 

“นายเป็นคนฉลาด น่าจะคาดเดาได้อยู่แล้วไม่ใช่หรือ?”

 

หลินเต๋อเทียนยกยิ้มเช่นกัน ยิ้มอย่างพึงพอใจ

 

“มอบยาแก้พิษให้หลินเหรินเทียนได้ไหม?”

 

เย่เฟิงยิ้ม “นั่นต้องดูความจริงใจของคุณก่อน ตอนนี้เขาคงถูกพิษและเขากลับตั้งใจไม่มาด้วยตัวเอง มันดูไม่มีความจริงใจเลยไม่ใช่หรือ? ลุงหลิน ปัญหาของลุงตอนนี้คือบอกให้เขามาเอามันด้วยตัวเองและคุกเข่าขอโทษด้วยความจริงใจ หากไม่เป็นเช่นนั้นมันก็เสียเวลาเปล่า”

 

ช่างกดขี่กันเกินไปแล้ว!

 

แม้ว่าเย่เฟิงจะพูดออกมาอย่างง่ายดาย แต่ต่อให้คนอื่นภายในเหยียนจิงเป็นคนฟัง แน่นอนว่าต้องคิดว่าเย่เฟิงเป็นบ้าไปแล้ว แต่กล้าพูดต่อหน้าแม้กระทั่งผู้นำของตระกูลหลิน ไม่ใช่ว่าจะประเมินตัวเองสูงเกินไปหน่อยเหรอ?

 

……………………………..

 

แปลโดย คั่นหนังสือ

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments