ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 325 หนึ่งกระบี่ หนึ่งสังหาร
ภายใต้คำสั่งของเฉินฮุย ทำให้ศิษย์วังไท่จี๋ล้อมรอบเข้ามาสังหารเย่เฟิง ก่อนที่หลี่เสวียนจะฟื้นสติจากอาการตกใจ
เขาไม่ได้ละเลยบางอย่างเหมือนคนอื่น แต่ตระหนักได้อย่างรวดเร็วกับเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ มันรู้สึกแปลกประหลาดเกินไป เรื่องที่ว่าคนที่เขาเพิ่งทำร้ายไป กลับมาช่วยเขารับกระบี่ แม้ว่าเขาจะต้องกลายเป็นเถ้าถ่านน่ะหรือ?
เขาไม่รู้อย่างแน่นอนว่าหลิงเฉินกลายเป็นผู้ฝึกวิญญาณแล้ว ต่อให้ร่างวิญญาณจะสลายหายไปแต่ก็ไม่ตาย แต่มันทำให้เขารู้สึกถึงบางอย่าง
สามารถที่จะทำเรื่องเช่นนั้น มันจะต้องเป็นหลิงเฉินอย่างไร้ข้อกังขา!
ร่างที่ปรากฏเมื่อครู่จะต้องเป็นศิษย์ของเขาหลิงเฉินอย่างแน่นอน เหตุใดหลิงเฉินจึงกลายเป็นเช่นนั้น? แท้จริงเป็นวิญญาณหรือเป็นคนกันแน่? ไหนจะเย่เฟิงที่เก่งกาจขนาดนี้กลับอายุเพียง 20 ปี มันจะเป็นเรื่องบังเอิญแค่นั้นหรือ?
เขาได้ทำอะไรกับหลิงเฉินกัน?
หลี่เสวียนในเวลานี้ค่อนข้างรู้สึกเสียใจ ในฐานะผู้อาวุโสของวังไท่จี๋ เขาขบคิดสิ่งต่างๆได้เหนือกว่าเฉินฮุย
บุคคลเช่นเย่เฟิงไม่ใช่ใครที่สามารถล่วงเกินได้อย่างง่ายดายนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทั้งสองฝ่ายไม่มีความแค้นกัน อย่างไรตาม มันคือหลิงเฉินจริงๆ และดูเหมือนว่าหลิงเฉินต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับเย่เฟิง
หลี่เสวียนรู้สึกเสียใจที่ไปเชื่อคำพูดของเฉินฮุย ก่อนที่จะลงมือโดยวู่วาม
หากไม่เช่นนั้นเรื่องราวก็คงไม่ออกมาเป็นเช่นนี้
หลี่เสวียนเงยหน้าขึ้น มองเห็นเหล่าศิษย์วังไท่จี๋ กระโจนเข้าไปหาเย่เฟิง ใช้ออกพลังไท่จี๋และกระบี่ไท่จี๋ทุกรูปแบบ ราวกับคลื่นทะเลมนุษย์ถลาโถมไปยังเขา
เมื่อหลี่เสวียนเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ท่าทางก็เปลี่ยนไป พลางขบฟันแน่น เจ้าพวกนี้มันปัญญาอ่อนไปแล้ว ไม่รู้เลยหรือว่าเย่เฟิงน่ากลัวเพียงใด ดันโหมโจมตีเป็นกลุ่มเช่นนี้
โดยไม่รอให้ผู้อาวุโสหลี่เสวียนทันตอบสนอง เย่เฟิงที่อยู่ด้านข้างก็ใช้ออกกระบวนท่าอีกครั้ง
เขาได้กลืนเม็ดยาฟื้นฟูเจิ้นชีลงท้อง ภายในนัยน์ตาเย่เฟิงสว่างด้วยความเย็นเยียบ เหล่าศิษย์วังไท่จี๋ที่ตีวงล้อมเข้ามา ด้วยทักษะสัมผัสวิญญาณ ตรวจพบว่าเหล่าสหายพวกนี้มีวรยุทธอยู่ที่ 30 ปี
เย่เฟิงมีวรยุทธ 20 ปีของเจิ้นชี่ มันเทียบเท่ากับพลังภายใน 40 ปี แม้ว่าเขายังออมแรงยังสามารถบดขยี้อีกฝ่ายได้ ไม่จำเป็นต้องพูดถึงที่ว่าเขาเป็นผู้ฝึกเซียน
กระบี่เริงระบำ!
เย่เฟิงกุมมือกระบี่ในมือแน่น อีกครั้งที่ใช้ออกกระบวนท่าหนึ่งก็สังหารหนึ่งคน
ชัวะ! ชัวะ! ชัวะ!
ยากที่จะมีความสามารถต้านทานได้ สามคนถูกสังหารอย่างโหดร้ายโดยกระบี่ของเย่เฟิงทีละคน แต่ร่างของเย่เฟิงที่กำลังถูกห้อมล้อมกลับสลายหายไป เข้าไปอยู่ภายในมิติ
รวดเร็วมาก
ไม่มีใครสามารถตรวจพบร่องรอยของกระบี่เย่เฟิง เพียงแค่กระบี่สว่างวาบ มันก็ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าเขาทันที ก่อนที่กระบี่จะสะบั้นคอ
เมื่อหลี่เสวียนเห็นทั้งสามคนถูกสังหารอย่างโหดร้าย ก็รีบเร่งออกกระบวนท่าทันที วาดมือทั้งสอง พลังไท่จี๋!
คลื่นพลังปราณสีขาวส่งออกมาจากภายในร่างของเขา ก่อตัวเป็นชั้นโล่ปราณสีขาว คอยปกป้องหลายคนที่มีความสำคัญอยู่ใจกลางพวกเขา
ชัวะ! ชัวะ! ชัวะ!
ส่วนศิษย์ที่มีความสำคัญน้อย ต่างพบกับหายนะ ถูกฟันสังหารโดยปราณกระบี่สีเขียวมรกต
ตึง ตึง ตึง
เหล่าศิษย์วังไท่จี๋ กระเด็นไปยังทิศทางภายในป่า ลำคอของเขาถูกฟันขาด ด้วยกระบี่ที่รุนแรง
“เย่เฟิง! หยุดซะ หากสังหารใครอีก แกกับวังไท่จี๋มิอาจจะอยู่ร่วมฟ้าเดียวกันได้!”
หลี่เสวียนทนทานไม่ได้ที่จะมองดูเหล่าศิษย์มากมายตกตายภายใต้กระบี่ของเย่เฟิง พลางตะโกนออกอย่างกระวนกระวายทันที
“เสียใจด้วย ฉันเพียงแค่ป้องกันเท่านั้น”
หนึ่งกระบี่ของเย่เฟิงสังหารหนึ่งคน เมื่อกระบวนท่ากระบี่เริงระบำสิ้นสุดลง ร่างทั้งหมด 13 คนต่างล้มลงไปบนพื้น ก่อนที่เขาจะปรากฏตัวขึ้นออกมาจากอากาศธาตุอีกครั้ง มองคล้ายกับว่าร่างเสื้อเชิ้ตสีดำนี้เป็นภูติผีปีศาจ
ภายในป่า เขายืนอย่างมั่นคง สายลมจากทะเลที่ห่างออกไปไม่ไกลพัดผ่าน ทำให้ผมสั้นๆของเขาปลิวไสวไปตามลม ภายในมือกุมไว้ด้วยกระบี่ที่สังหารคนไปมากมาย แม้กระทั่งเลือดสักหยดก็ไม่เหลือเปื้อนไว้
“ปัดโธ่ ผู้อาวุโส ท่านจัดการมันเลย ”
เฉินฮุยเป็นบุคคลสำคัญที่สุดที่หลี่เสวียนต้องปกป้อง เขาบอกกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
หลี่เสวียนไม่ได้พูดอะไร แต่จ้องไปยังนัยน์ตาทั้งสองของเย่เฟิง ร่างเล็กที่แทบจะลอยไปตามแรงลมแต่มันมั่นคงอย่างยิ่ง ชุดคลุมจอมยุทธโบกสะบัดตามแรงลม บนหัวไหล่มีตราลักษณ์หยินหยางของพลังไท่จี๋บ่งบอกถึงฐานะของผู้อาวุโสวังไท่จี๋
“วิชาเช่นนั้น เธอยังสามารถใช้ออกได้หลายครั้งอีกหรือ?”
ในที่สุดหลี่เสวียนก็เอ่ยปากขึ้น ภายในน้ำเสียงของเขาไม่มีอาการของความหนักแน่น มันเห็นได้ชัดอย่างยิ่งว่าเย่เฟิงในตอนนี้เป็นศัตรูที่สำคัญที่เขาพบเจอครั้งแรกในรอบหลายปีมานี้ แน่นอนว่าไม่สามารถเปรียบเทียบเย่เฟิงเป็นชายหนุ่มได้เลย!
หลี่เสวียนรู้ดีว่าหากประมาทศัตรูจะต้องพบจุดจบเป็นความตาย ดังนั้นเขาจะต้องไม่ทำผิดพลาดในเรื่องนี้
นอกจากนี้ เย่เฟิงสังหารศิษย์มากมายของวังไท่จี๋ สถานการณ์ของเขาตอนนี้ไม่สามารถปล่อยเย่เฟิงไปได้ หากเรื่องแผร่กระจายออกไป ชื่อเสียงวังไท่จี๋ของเขาไม่ต่างอะไรกับเอาหน้าไปกวาดพื้น* และยังมีชีวิตของศิษย์มากมายที่ทำให้วังไท่จี๋สูญเสียไปอย่างมาก
[คั่นหนังสือ : 颜面扫地/เอาหน้าไปกวาดพื้น = เสียหน้า]
ถ้าหากหลี่เสวียนไม่มีคำอธิบายในเรื่องนี้ เมื่อกลับไปแล้วเขาคงไม่มีหน้าที่จะเป็นตำแหน่งผู้อาวุโสอีกต่อไป
เขารู้ได้ว่าเวลานี้เขาเจอของแข็งเขาให้แล้ว หากรู้ว่าก่อนหน้านี้เจรจาดีๆกับเย่เฟิง สถานการณ์นี้มันก็คงไม่เกิดขึ้นเช่นนี้ แต่มันคงจะจบลงไปนานแล้ว
หลี่เสวี่ยนคิดว่าด้วยความแข็งแกร่งของเขา สามารถที่จะจัดการเย่เฟิงได้อย่างแน่นอน อย่างมากก็ไม่สามารถจับเป็นได้
“ยังใช้ได้อยู่อีกหลายครั้ง ว่ายังไง อยากลองดูอีกไหมเล่า?”
เย่เฟิงเอ่ยปากเบาๆ กระบี่สีเขียวภายในมือชี้เล็งไปยังหลี่เสวียนที่อยู่ห่างออกไป
ในโลกนี้ ผู้ที่กล้าชี้กระบี่ไปยังหลี่เสวียนมีเพียงน้อยนิด แต่เย่เฟิงเป็นผู้ที่โอหังและอายุน้อยที่สุด
เมื่อเห็นท่าทางสบายๆของเย่เฟิง เฉินฮุยมีความรู้สึกอยากจะบ้าตาย ทำไมมันถึงไม่ใช่เขากัน?
อ้า! เห็นได้ชัดว่าเขาคือจอมยุทธรุ่นเยาว์อันดับในโลกยุทธภพ ไม่ว่าจะเป็นใครจะมีชื่อเสียงเหนือเขาไปได้ ไม่แม้กระทั่งเย่เฟิงเบื้องหน้านี้ เขาไม่ต้องการที่จะมอบตำแหน่งนี้ให้!
ภายในใจเฉินฮุยรู้สึกอิจฉาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หวังเพียงว่าหลี่เสวียนจะรีบเร่งสังหารเย่เฟิงเสียที แม้ว่าเย่เฟิงจะน่ากลัว แต่คงไม่สามารถรับมือกับผู้อาวุโสวังไท่จี๋ของพวกเขาได้ไม่ใช่หรือ? ในเมื่อเขาโอหังนัก ก็ให้เขาได้ลิ้มรสถึงความโอหังว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร
แต่เฉินฮุยกลับไม่รู้เลยว่ายามเมื่อเขากำลังชื่นชมกับตำแหน่งฉายาจอมยุทธรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งนี้ แท้จริงแล้วเขาโอหังยิ่งกว่าเย่เฟิงเสียอีก
ส่วนเย่เฟิงตอนนี้ เพียงป้องกันตัวอย่างชอบธรรม ทั้งหมดเพียงใช้กำลังในการเจรจา นอกจากนี้ยังโชคร้ายอีก โชคร้ายที่เขาล้มเหลวในการสังหารหลี่เสวียน ไม่เช่นนั้นตอนนี้มันคงไม่เป็นปัญหานัก และคงสังหารพวกมันเสร็จสิ้นทั้งหมดแล้ว
เย่เฟิงจ้องเขม็งไปยังเบื้องหน้า มองดูหลี่เสวียนร่างเล็กในชุดจอมยุทธสีขาว ภายในครุ่นคิดอย่างเงียบๆ
ในความจริงเย่เฟิงไม่ได้ต้องการใช้วิชากระบี่เริงระบำ เม็ดยาที่ฟื้นฟูเจิ้นชี่ที่เขาใช้ แม้ว่ามันจะฟื้นฟูได้รวดเร็ว แต่ผลข้างเคียงมันก็มีมากเช่นกัน หลังจากที่กินไปหนึ่งเม็ดและเพียงชั่วครู่กินเม็ดที่สองอีกครั้ง มันจะส่งผลฟื้นฟูได้เพียงแค่ 1 ใน 10 เท่านั้น
หรือพูดอีกอย่างได้ว่า เม็ดยาฟื้นฟูเจิ้นชี่มันไม่สามารถกินอย่างต่อเนื่องได้ แต่เย่เฟิงตอนนี้เหลือเจิ้นชี่เพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
ด้วยเจิ้นชี่ขนาดนี้ มันเพียงพอให้เขาใช้ออกกระบี่เริงระบำอีกครั้งเท่านั้น ถ้าหากไม่สามารถสังหารหลี่เสวียนได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็คงต้องยอมแพ้แต่โดยดีแล้ว
อย่างไรก็ตาม ด้วยชื่อเสียงและความรุนแรงของวิชากระบี่เริงระบำ เย่เฟิงไม่สามารถขบคิดหาวิธีอื่นที่จะมาจัดการหลี่เสวียนได้อีกแล้ว โล่ปราณสีขาวอันนั้น เขาไม่มีวิธีใดที่จะทำลายมันลงได้
ไม่จำเป็นต้องพูดถึงหลี่เสวียนที่เตรียมพร้อม คอยรับมือการโจมตีอยู่ ขอแค่เขาอยู่ภายในมิติเท่านั้น ไม่เช่นนั้นจะต้องถูกอีกฝ่ายสังหารอย่างแน่นอน
ต้องลงมือแล้ว!
เย่เฟิงขบคิดภายในใจ แววตามีความหนักแน่น
ได้รับรู้ถึงข้อมูลใหม่ จากการที่ใช้กระบี่เริงระบำอย่างต่อเนื่องถึงสองครั้ง มันทำให้เขารู้ถึงรูปแบบของวิชานี้ ด้วยความสามารถนี้ เขาเข้าใจลึกซึ้งถึงความเร็วมากกว่าใครทั้งนั้น!
……………………………..
แปลโดย คั่นหนังสือ