ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 326 การต่อสู้อันรุนแรง
ยามเมื่อเย่เฟิงเผชิญหน้ากับหลี่เสวียน เหล่าศิษย์วังไท่จี๋ต่างหลั่งเหงื่อเย็นเยียบอยู่ภายใต้การปกป้องของหลี่เสวียน สายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและตกใจกับท่าทางของเย่เฟิง พวกเขาไม่คิดว่าเย่เฟิงจะน่ากลัวถึงเพียงนี้
ถึงแม้จะอยู่ภายใต้การคุ้มครองของหลี่เสวียน พวกเขาก็อาจจะตกตายภายใต้กระบี่ปีศาจของเย่เฟิง และไม่สามารถต่อต้านได้อยู่ดี
พวกเขาไม่สามารถขบคิดออกได้เลยว่า วิชากระบี่นั่นมันเป็นวิชาอะไรกันแน่ เย่เฟิงสามารถบรรลุมาถึงขั้นนี้ และเขาเพียงอายุ 20 ปีแต่กลับรับมือหลี่เสวียนที่มีวรยุทธ 95 ปีได้
ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงเฉินฮุยวังไท่จี๋ของพวกเขา เขาเกิดมาเพื่อเป็นจอมยุทธ ถึงแม้เขาจะเก่งกาจ แต่ไม่สามารถเทียบได้กับเย่เฟิงเลย เพียงแต่ความแข็งแกร่งของเย่เฟิงเก่งกาจด้วยความสามารถของเขาเอง ปราศจากข้อกังขา เย่เฟิงแทบจะเป็นจอมยุทธที่มีวรยุทธเกือบร้อยปี มันเรียกได้ว่าพลิกฟ้าสะเทือนดินทีเดียว
“แกไม่มีโอกาสที่จะได้ใช้กระบี่นั่นอีกแน่”
ร่างเล็กของหลี่เสวียนตวาดขึ้นขณะที่ยืนอย่างมั่นคง สายตาคู่นั้นที่ดุร้ายจ้องมองอย่างรวดเร็วไปยังเย่เฟิงที่อยู่ห่างออกไปมากกว่า 20 เมตร มือเล็กๆออกกระบวนท่าที่ผิดแปลก กำลังภายในก่อตัวแผ่พุ่งขึ้นรอบๆในทันที ดูอ่อนหยุ่นยากที่จะฟันขาดขวางกั้นเย่เฟิง ทำให้เขารู้สึกเชื่องช้าลงในทันที
รั้งหางนกกระจอก!*
[คั่นหนังสือ : สำหรับบางท่านที่คิดว่าชื่อแปลกไปหรือเปล่ามันคือหนึ่งในกระบวนท่าของมวยไทจี๋ ‘คว้าจับหางนกกระจอก’ ]
เป็นรูปแบบกระบวนท่าที่ประณีตของไท่จี๋ หลี่เสวียนใช้ออกอย่างสบายๆ ภายใต้กำลังภายในที่อ่อนหยุ่นมันมีแรงดึงดูดที่มากมาย เพียงพริบตาก็ทำให้ร่างเย่เฟิงเสียสมดุล
“พลังรุนแรงอย่างยิ่ง!”
ภายในใจเย่เฟิงสั่นสะท้าน เงยหน้ามองหลี่เสวียนในชุดจอมยุทธสีขาว ต่อต้านสุดกำลังกับแรงดึงดูดที่อีกฝ่ายส่งออกมาอย่างเต็มที่ กระบวนท่าไท่จี๋นี้ประณีตอย่างยิ่งโดยไม่เสียเปล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่สองข้างของเย่เฟิงมีแรงดึงอย่างมาก เย่เฟิงแทบจะไม่สามารถต้านทานไหว
หรือจะต้องใช้กระบี่เริงระบำ?
อากาศรอบๆเย่เฟิงถูกก่อกวนโดยหลี่เสวียน ในขณะนั้นมันไม่มีโอกาสที่จะใช้ได้สะดวก
มันเพียงแค่ครึ่งวินาที รั้งหางนกกระจอกอันน่ากลัวมันแทบที่จะดึงร่างเย่เฟิงติดอยู่กับพื้น ในระหว่างที่เขากำลังพุ่งไปยังตำแหน่งของหลี่เสวียน ใบไม้รอบๆต่างปลิวกระจัดกระจาย สายลมอันรุนแรงระเบิดพัดมาจากทุกทิศทาง และท้ายสุดไปรวมอยู่ที่รอบร่างของหลี่เสวียน
มันขัดขวางเส้นทางอย่างหนักหน่วง!
ท่าทางหลี่เสวียนดูเคร่งขรึมปราศจากความเมตตา ขณะที่เย่เฟิงที่เหินอยู่ในอากาศถูกดูดไปยังเขา ก่อนที่จะมีหมัดที่รวดเร็วพุ่งออกมา หมัดนี้ตั้งแต่ที่เย่เฟิงมายังโลกนี้ มันแทบเป็นหมัดที่รวดเร็วที่สุด
แม้ว่าพลังไท่จี๋จะมีรูปแบบที่อ่อนหยุ่นพิชิตแข็งกร้าว แต่มันก็มีวิชารุกเช่นกัน
หมัดสายลมอันรุนแรง ปรากฏเบื้องหน้าเย่เฟิงอย่างน่าตกใจ
วิชาเซียน โล่ดารา!
เย่เฟิงขบฟันแน่น กระตุ้นเจิ้นชี่ภายในร่าง แสงสีน้ำเงินของเจิ้นชี่ปรากฏขึ้นเป็นโล่ป้องกันในทันที มันปรากฏเป็นแสงดวงดาราสีน้ำเงินเลือนราง เครื่องรางคุ้มกันกำไลวิญญาณม่วงมันระเบิดพังไปตั้งแต่บนเกาะที่ปะทะกับเจ้าสำนักหั่วอวิ๋นเยาแล้ว ตอนนี้เขามีเพียงแค่โล่ดาราที่ใช้ป้องกันเท่านั้น
[คั่นหนังสือ : คือสีปราณแท้จริง(เจิ้นชี่)ของเย่เฟิง ผมอาจจะแปลผิดช่วงตอนที่สู้กับเจ้าสำนักหั่วอวิ๋นเยาที่บอกว่าสีเขียวนะครับมันอาจจะเป็นสีน้ำเงินรางๆ ไม่เข้มข้นเหมือนของหลงหวางเอ๋อ ไอ้สีเขียวจริงๆคงจะเป็นสีปราณกระบี่ของแหวนกระบี่มังกรโบราณ]
ความสามารถป้องกันของกำไลวิญญาณม่วง มันเทียบเท่ากับโล่ดาราที่มีวรยุทธ 50 ปี แต่ตอนนี้เย่เฟิงมีวรยุทธเพียงแค่ 20 ปีเท่านั้น พลังป้องกันของโล่ดาราที่ใช้ออกมามันเปราะบางอย่างมาก
เปรี้ยง!
ภาพหมัดหลี่เสวียนปะทะโล่ดาราอย่างรุนแรง แรงลมระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงในทันที ระเบิดพื้นหญ้ารอบๆทั้งหมด
“เกิดอะไรขึ้นกัน?”
ท่าทางของหลี่เสวียนเปลี่ยนไป รู้สึกว่ามีบางอย่างกั้นขวางเย่เองเอาไว้ ยามที่มองเห็นลำแสงสีน้ำเงินเลือนรางเมื่อครู่ พลันตื่นตกใจ เขารู้สึกว่า เย่เฟิงตอนนี้มันเกินกว่าแปลกประหลาด ถ้าหากไม่จัดการอย่างรอบคอบ มันจะเป็นตัวเขาเองที่จะต้องถูกฝังอยู่ที่นี่
อย่างไรก็ตามเย่เฟิงไม่ยอมให้เขามีเวลาตอบสนองทัน
แทบจะในเวลาเดียวกับที่หมัดสายลมปะทะเข้ากับโล่ดารา เย่เฟิงใช้ช่วงเวลาที่อีกฝ่ายตกใจ เคลื่อนไหวในทันที!
อากาศรอบๆยังคงโกลาหล การใช้วิชากระบี่เริงระบำไม่ค่อยปลอดภัยนัก หากมีเรื่องผิดพลาดเข้าไปภายในมิติมันจะกลายเป็นเรื่องร้ายแรง ดังนั้นเขาจึงต้องใช้ผลลัพธ์จากการศึกษาตลอดสองเดือนที่ผ่านมาคือวิชากระบี่หยางลี้ลับ!
แน่นอนว่า ด้วยวรยุทธ 20 ปีของเขาสำหรับวิชากระบี่หยางลี้ลับ หากต้องการจัดการหลี่เสวียนมันยังไม่เพียงพอ เขาก็ไม่ลังเลที่จะใช้กระบี่พร่ำเพ้อเพิ่มอีก
ปราณเพลิงจากกระบี่หยางลี้ลับ พร้อมกับปราณน้ำแข็งของกระบี่พร่ำเพ้อ ด้วยปราณกระบี่ทั้งสองรวมกันโจมตีไปยังตำแหน่งหลี่เสวียนทันที ยามเมื่อหลี่เสวียนตั้งสติได้ ปราณกระบี่ทั้งสองก็อยู่ห่างไม่ไกลพร้อมที่ปะทะเขาแล้ว
ปราณเพลิงและน้ำแข็งตัดผ่านกัน ทำให้เกิดระเบิดของปราณกระบี่ทั้งสองอย่างฉับพลัน เปลวเพลิง หิมะและน้ำแข็งกระจายไปสี่ทิศทางปกคลุมร่างของหลี่เสวียน
ต้นไม้ใหญ่รอบด้านหลายต้นต่างพังทลาย ทั่วพื้นที่ต่างพังราบ
“วิชากระบี่หยางลี้ลับ! วิชากระบี่พร้ำเพ้อ”
หลี่เสวียนโพล่งร้องขึ้น จากเพลิงและน้ำแข็งที่ระเบิดขึ้นมา เหล่าสองวิชานี้ที่เย่เฟิงได้ใช้ออกมามันเห็นได้ชัดเจนทำให้เขาจดจำมันได้ในทันที
วิชากระบี่ทั้งสองชุดนี้ มันเป็นวิชาลับของตระกูลเย่และตระกูลหลง ภายในโลกยุทธภพนี้มันเป็นสุดยอดวิชากระบี่ทั้งสองชุด เพียงแค่ร่ำเรียนหนึ่งในนั้นก็แทบบรรลุเป้าหมายของมือกระบี่แล้ว เนื่องจากในอดีตตระกูลเย่และตระกูลหลงใช้พวกมันจัดการมือกระบี่มามากมายแล้ว จนไต่เต้าจนเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลในเวลานี้
แต่ตอนนี้ กระบี่ทั้งสองชุดกลับตกอยู่ภายในมือเย่เฟิง แถมมันยังคงผสมผสานกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ!
เย่เฟิงเป็นคนตระกูลเย่ สามารถฝึกวิชากระบี่หยางลี้ลับมันไม่ถือว่าแปลกประหลาด เช่นเดียวกับเป็นฐานะแฟนหนุ่มของหลงหวางเอ๋อ การร่ำเรียนวิชากระบี่พร่ำเพ้อก็ไม่ประหลาดเช่นกัน แต่กลับสามารถใช้ออกกระบี่ทั้งสองชุดนี้ได้ขนาดนี้ และยังปลดปล่อยกำลังภายในออกมาภายนอก มันไม่หวาดกลัวที่จะทำให้กำลังภายในจะทำให้เส้นชีพจรภายในร่างบาดเจ็บเลยหรือ มันจะเหลือเชื่อเกินไปหรือไม่?
ท่าทางของหลี่เสวียนยิ่งแตกตื่นขึ้นเรื่อยๆ พรสวรรค์ของเย่เฟิงมันน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว ถ้ายังปล่อยเขาไปเช่นนี้ มิใช่ว่าสามารถร่ำเรียนวิทยายุทธได้ทั้งหมดเลยหรือ?
เปลวเพลิงและน้ำแข็งที่กระจายไปทั่วท่ามกลางตัวเขามากมายภายในอากาศ มองเห็นจื่อเจี้ยนหลานนอนอยู่ไม่ไกลออกไป จดจำเธอได้ว่าเป็นลูกสาวบุญธรรมของเจ้าสำนักเซียนเร้นลับฉีหลินจื่อ หรือว่าเย่เฟิงก็สามารถร่ำเรียนวิชาอาวุธลับด้วยเช่นกัน?
หลี่เสวียนมีลางสังหรณ์เลือนราง หากยังปล่อยเย่เฟิงไปเช่นนี้ยุทธภพจะต้องตกเป็นของเขาแน่ คนอื่นๆ เฉินฮุยวังไท่จี๋และจื่อเจิ้นเจี้ยนสหายที่มีชื่อเสียงเท่าเฉินฮุย คงจะไม่ใช่คู่มือของเย่เฟิง
เขาไม่รู้เลยว่าเย่เฟิงไม่ใช่คนบนโลกนี้ ต่อให้ครอบครองโลกยุทธภพแล้วจะเป็นเช่นไร? ภายในโลกเทวะต่างห้ำหั่นกันเอง สิ่งสำคัญที่สุดคือพึ่งพากำลังของตนเองเท่านั้น!
กระบี่หยางลี้ลับและกระบี่พร่ำเพ้อไม่สามารถทำอะไรหลี่เสวียนได้ ในช่วงเวลาวิกฤต หลี่เสวียนได้ใช้พลังไท่จี๋ป้องกันอย่างทันท่วงที ปัดป้องกระบี่ทั้งสองของเย่เฟิงอย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม เย่เฟิงรู้อย่างแน่นอนว่า กระบี่ทั้งสองไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้ เพียงแค่ใช้มันปิดหูปิดตาเขาเท่านั้น
ในช่วงเวลานี้เอง เย่เฟิงก็ถอยออกมา อากาศรอบๆต่างคงที่ นัยน์ตาส่องประกายเย็นเยียบ พลางกำกระบี่สีเขียวมรกตภายในมือแน่น
วิชากระบี่เริงระบำ!
นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะใช้ออกได้ ตั้งแต่ที่เขามาบนโลกใบนี้ มันเป็นครั้งแรกที่เขาทุ่มสุดกำลัง
และเมื่อถึงกระบี่ที่ 13 ทุกครั้งที่ใช้กระบี่ออกมา มันสามารถทำให้ความรุนแรงเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า!
ขณะที่ร่างเย่เฟิงหายไป เปลวเพลิงและน้ำแข็งที่ท่วมหลี่เสวียนท้ายที่สุดก็เบาบางลง
กลุ่มคนของวังไท่จี๋จ้องเขม็งไปยังจุดที่เย่เฟิงหายไป แอบอุทานภายในใจ : เขาหายไปไหนอีกแล้ว!
พวกเขากลั้นหายใจจ้องมอง ทั้งหมดต่างรู้ว่านี่เป็นการต่อสู้อันรุนแรงที่ยากจะพบเห็น ถ้าหากหลี่เสวียนถูกกำจัดด้วยน้ำมือของอีกฝ่าย จากนั้นประวัติศาสตร์ในโลกยุทธภพมันจะต้องถูกเขียนขึ้นมาใหม่อย่างแน่นอน
……………………………..
แปลโดย คั่นหนังสือ