I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Genius Sword Immortal ตอนที่ 342 ทางเข้าโบราณสถาน

| Genius Sword Immortal | 1068 | 2360 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

บทที่ 342 ทางเข้าโบราณสถาน

 

ยามเมื่อเย่เฟิงเดินออกมาจากโรงแรม ชายวัยกลางคนหัวล้านผู้เป็นเจ้าของโรงแรมไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองกับเรื่องราวเบื้องหน้านี้ เขาขยี้ตาตัวเองหลายครั้งหลายครา เพื่อที่จะดูว่าไม่ใช่ตาฝาดไป

 

ชายหนุ่มเสื้อดำยังคงมีชีวิตอยู่จริงๆ

 

เจ้าของโรงแรมแรกเริ่มคิดว่าชายหนุ่มคนนี้จะต้องกลายเป็นศพอย่างแน่นอน แต่เมื่อมาเห็นตอนนี้ อ้า…เรื่องราวที่เขาคาดคิดเอาไว้กลับตาลปัตร

 

จากเสียงที่ได้ยิน แน่นอนว่าเหนือหัวเขาจะต้องมีการต่อสู้กัน ชายวัยกลางคนหัวล้านเจ้าของโรงแรมขึ้นบันไดไปอย่างระมัดระวัง พบกลุ่มคนกำลังล้อมวงอยู่หน้าห้องที่เกิดเหตุ แต่ละคนมองดูอย่างตกใจพลางกระซิบกระซาบกัน

 

ชายวัยกลางคนหัวล้านรีบเบียดเสียดผู้คนเพื่อจะไปที่ห้องนั้น ขณะที่ฟังเสียงพูดคุย ครุ่นคิดภายในใจถึงความโชคร้ายของตัวเอง

 

บนโถงทางเดินเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ไม่นานเขาก็มาถึงทางเข้า มองเข้าไปในห้องอย่างเหลือชื่อ ภายในห้องมันเกิดแผ่นดินไหวหรือไงกันห๊ะ?

 

เตียง โซฟา และเฟอร์นีเจอร์ตู้เสื้อผ้าทั้งหมดภายในห้องต่างเละเทะ แม้กระทั่งกำแพงห้องยังโบ๋เป็นรู รอยแตกกระจายไปทั่วกำแพง ทั้งหมดแทบจะถล่มลงมาได้ทุกเมื่อ

 

เขาจะต้องเสียค่าซ่อมแซมเท่าไหร่กันเนี้ย?

 

เจ้าของโรงแรมวัยกลางคนหัวล้านรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าว แต่ก็รู้สึกประหลาดเช่นกัน ภายในห้องกลับปราศจากผู้คน มีเพียงแค่เถ้าถ่านจากเปลวเพลิงที่เผาไหม้ แต่กลับไม่เหลืออะไรสักอย่าง

 

แล้วสหายสี่คนที่ดูชั่วร้ายเล่า?

 

เจ้าของโรงแรมคิดไม่ถึงว่า พวกเขาทั้งหมดจะโดนหนุ่มเสื้อดำสังหาร และกลบเกลื่อนร่องรอยไปอย่างไร้ร่องรอย

 

ขณะที่เย่เฟิงออกมาจากโรงแรม จ้าวอี้เปยก็ตามติดอยู่เบื้องหลังเขา ลอยอยู่ภายในอากาศ

 

พูดได้ว่าเมื่อครู่ที่ซือถูจางเตาถูกสังหาร ก่อนที่จะถูกทำลายซากศพปราศจากร่องรอย มีเพียงแค่ความสามารถเย่เฟิงเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะตามมา ยามที่เย่เฟิงสังหารใครแน่นอนว่าจะต้องทำลายหลักฐานให้ไม่เหลือซาก

 

จ้าวอี้เปยในขณะนี้ยังคงรู้สึกตื่นเต้นอยู่ สามารถสังหารศัตรูคู่อาฆาตได้สำเร็จ มันเป็นเรื่องที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของเขา

 

เขาแทบจะอดไม่ได้ที่จะไปหาหน้าบากที่เหยียนจริงและบอกข่าวนี้ น่าเสียดายที่เรื่องภายในทะเลทรายของเย่เฟิงยังไม่จบ เขาไม่สามารถหยุดไปกลางคันได้

 

ไม่นานจากนั้น หลิงเฉินก็ลอยมาจากทิศทางหนึ่ง จากนั้นก็ปรากฏร่างขึ้นอย่างผลุบๆโผล่ๆ ล่องลอยไปมาอย่างต่อเนื่อง วกไปวนมาอย่างรวดเร็ว และลอยออกห่างไกลไปเรื่อยๆ

 

ไม่นานจากนั้น กลุ่มคนที่ใส่เสื้อจอมยุทธสีเทาสิบคนก็ไล่ตามไปยังทิศทางที่หลิงเฉินหายไป

 

“หยุดเดี๋ยวนี้!”

 

“ตามมันไปเร็วเข้า!”

 

“มันเป็นใครและใช้เล่ห์กลอะไรกันแน่?”

 

กลุ่มคนเหล่านั้นเปิดเผยถึงความสนใจหลิงเฉินที่ล่องหนไปมา แต่น่าเศร้าเหลือเกินที่พวกเขาไม่มีทางไล่จับหลิงเฉินได้ เพียงรอให้นำทางพวกเขาจากไปก่อน หลิงเฉินก็คงกลับมาติดตามอยู่ข้างกายเย่เฟิง

 

สหายกลุ่มคนที่สวมใส่เสื้อจอมยุทธสีเทา ดูเหมือนว่าจะเป็นคนของวังดาบสวรร์ ชายชราสองคนมีวรยุทธถึง 80 ปี มันสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงภายในโรงแรม ดังนั้นจึงรีบเร่งกลับมา

 

ระหว่างทางก็พบปะกับหลิงเฉินเข้า หลิงเฉินจึงจัดการหลอกล่อออกไปยังเส้นทางอื่น

 

เย่เฟิงหยิบเอาหมวกฟางออกมาจากแหวนมิติ สวมเอาไว้เหนือหัว ก่อนที่จะฟังข่าวจากจ้าวอี้เปย เดินทางไปยังทิศใต้ของเมือง

 

ก่อนหน้านั้นจ้าวอี้เปยยังไม่ได้ออกไปเจอซือถูจางเตาในทันที แต่กำลังลอบฟังพวกเขากำลังคุยกันก่อน รับรู้มาว่าวังไท่จี๋ได้ค้นพบซากโบราณสถานอยู่ในทะเลทรายที่ทิศใต้เมืองเล็กๆแห่งนี้ ระยะทางมากกว่า 20 กิโลเมตร

 

ได้รับข้อมูลที่มีค่าเช่นนี้ ทำให้เย่เฟิงพบเป้าหมายที่ชัดเจน

 

บางทีมันอาจจะมีบางอย่างภายในซากโบราณสถานปิดบังการค้นหาอยู่ เข็มทิศดาราของเย่เฟิงจึงไม่สามารถค้นพบตำแหน่งอุปกรณ์ได้อย่างชัดเจน เพียงแค่รู้ตำแหน่งเป็นวงกว้างอย่างเช่นทะเลทรายแห่งนี้เท่านั้น

 

หลิงเฉินได้นำคนของวังดาบสวรรค์ไปอีกทางแล้ว เขาก็ลอยอยู่ด้านข้างเย่เฟิงอย่างสบายใจ

 

มองจากที่ห่างไกล เหมือนเย่เฟิงเพียงลำพังเท่านั้นที่เดินออกมาจากเมือง แต่ความจริงแล้ว มันมีวิญญาณลอยติดตามอยู่เบื้องหลังของเขาสองคน คอยระวังอยู่ตลอดเวลา

 

ทักษะสัมผัสวิญญาณของเย่เฟิงเพียงมีระยะ 200 เมตร คอยระวังรอบๆอยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งภายใต้ทะเลทราย เมื่อเกิดอะไรผิดปกติเขาจะตรวจพบในทันที

 

จากบทสนทนาระหว่างพรรคพวกของซือถูจางเตา เย่เฟิงรับรู้ได้ว่ามีวังไท่จี๋ หมัดเทพทวารา วังดาบสวรรค์และตระกูลถังทั้งสี่สำนัก ได้กระจายกำลังคนมายังในทะเลทรายเวลานี้ ทั้งหมดล้วนเป็นอุปสรรคต่อเย่เฟิง

 

“เจ้าสำนักหั่วอวิ๋นเยาซ่อนตัวอยู่ภายในโบราณสถานนั้น สหายเหล่านั้นไม่รู้เลยว่าความตายย่างก้าวมาถึงแล้ว ถ้าหากปะทะกับเจ้าสำนักหั่วอวิ๋นเยา ชะตาของพวกเขาคงจบสิ้น”

 

ภายในใจเย่เฟิงกำลังครุ่นคิด พลางส่ายหัวอย่างรวดเร็ว แม้ว่าสหายเหล่านั้นจะตายตก แต่มันก็เป็นเรื่องของพวกเขา มันจะมีเรื่องเกี่ยวข้องอะไรกับเย่เฟิงกัน?

 

วังไท่จี๋ หมัดเทพทวาราและวังดาบสวรรค์ เหล่าสามสำนักนี้แน่นอนว่าไม่ใช่มิตรของเย่เฟิง

 

เป็นการดีที่จะตายไปให้หมด บนโลกนี้จะได้เงียบสงบขึ้น เย่เฟิงอดมิได้ที่จะมีความคิดชั่วร้าย

 

ระยะมากกว่า 20 กิโลเมตร ถ้าหากมันเป็นพื้นที่ธรรมดา เย่เฟิงสามารถใช้ออกย่างก้าวไร้เงามากว่าสิบนาทีเท่านั้น แต่ตอนนี้มันเป็นทะเลทรายที่มองเห็นได้ไกล ถ้าเขาใช้ออกย่างก้าวไร้เงา มันจะถูกคนอื่นพบเห็นได้อย่างง่ายดาย

 

ดังนั้นเขาสามารถทำได้เพียงแอบลอบเดินทางเท่านั้น!

 

เพียงแค่ครึ่งชั่วโมง หนึ่งคนสองวิญญาณก็แอบลอบมาถึงจุดหมายในที่สุด บนทรายสีเหลืองสุดลูกหูลูกตา ปรากฏเต็นท์อันแล้วอันเหล่าเรียงรายกันอยู่ เหล่าจอมยุทธมากมายเดินกันขวักไขว่ รวมถึงผู้คนของสำนักใหญ่ทั้งสามด้วย

 

วังไท่จี๋ หมัดเทพทวาราและตระกูลถัง ทั้งสามตั้งค่ายอยู่ภายในทะเลทราย อยู่หน้าทางเข้าโบราณสถาน หวังเพียงจะได้รับผลประโยชน์เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้สำนักตนเอง

 

ส่วนวังดาบสวรรค์ เนื่องจากมาช้า กลุ่มคนจึงกำลังตั้งค่ายเพียงขนาดเล็ก เปรียบดั่งเช่นตั๊กแตนจับจักจั่น นกขมิ้นเฝ้ารออยู่เบื้องหลัง

 

น่าเสียดายที่มาปะทะเข้ากับเย่เฟิงก่อนที่จะมาทะเลทรายจึงทำให้สูญเสียศิษย์มือดีถึงสี่คน พูดได้ว่ามีชัยเกินกว่าครึ่ง

 

“ด้านหน้านั่นคือทางเข้าโบราณสถาน”

 

เย่เฟิงค่อยแอบย่องไปตามค่ายใหญ่ของสามสำนัก คอยระวังอย่างดี สถานที่แห่งนี้แรกเริ่มเป็นเพียงแค่ทะเลทรายและว่างเปล่าไร้สิ่งมีชีวิต แต่ตอนนี้มันเต็มไปด้วยจอมยุทธรวมตัวกันของทั้งสามสำนักใหญ่ ภายในค่ายมีคนมากกว่าร้อยชีวิต

 

สามารถมองเห็นได้ว่าหน้าฉากทั้งสามสำนักต่างดูกลมกลืนกัน แต่เบื้องหลังของค่ายเหล่านี้ทั้งหมด ทั้งสามสำนักต่างเป็นคู่แข่งกัน

 

ไม่นานเย่เฟิงก็ย่องมาที่เต็นท์หลังหนึ่ง ได้ยินชายชราสองคนกำลังพูดคุยด้วยเสียงเบา

 

“เมื่อวันก่อนมีเปลวเพลิงพุ่งขึ้นฟ้า ก่อนที่จะพุ่งเข้าไปภายในทางเข้าโบราณสถาน แต่วันนี้กลับไม่พบเห็นอะไรเลยงั้นหรือ?”

 

“มันไม่มีข่าวคราวอะไรเลย มันจะเป็นของมีค่าเท่าไหร่กันนะ?”

 

“ฉันได้ข่าวมาว่า คนของวังไท่จี๋เจาะเข้าไปด้านซ้ายของโบราณ และได้พบเข้ากับบางอย่าง”

 

“มันเป็นสิ่งของวิเศษอะไรกัน?”

 

“มันเป็นกำแพงเปลวเพลิง!”

 

เย่เฟิงที่ซ่อนตัวอยู่เมื่อได้ยินที่พูดกันอยู่ ภายในใจรู้สึกตื่นเต้น กำแพงเพลิงภายในโบราณสถานงั้นเหรอ?

 

เบื้องหลังกำแพงเพลิงอันนั้น แน่นอนว่ามันจะต้องเป็นสถานที่ที่เจ้าสำนักหั่วอวิ๋นเยาซ่อนตัวอยู่ ไม่รู้เลยว่าเหล่าคนในโลกยุทธภพพบเส้นทางผ่านเข้าไปภายในกำแพงเพลิงอันนั้นแล้วหรือไม่? ถ้าหากเป็นเช่นนั้น มันก็มีเพียงแต่หายนะที่เฝ้ารอพวกเขาอยู่!

 

……………………………..

 

แปลโดย คั่นหนังสือ

 

เปิดกลุ่มลับแล้วนะครับ ดูรายละเอียดได้ที่ปักมุดในเพจ GSI ครับ

 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments