I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Genius Sword Immortal ตอนที่ 349 พาสาวงามบุกฝ่าออกไป

| Genius Sword Immortal | 1016 | 2339 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

บทที่ 349 พาสาวงามบุกฝ่าออกไป

 

ยามเมื่อชายชราหนวดขาวนำกลุ่มคนมากมายมาปิดเส้นทางออก และยังมีปืนมากมายเล็งมาที่พวกเขา เย่เฟิงตระหนักได้ว่าผิดพลาดแล้ว

 

“ไปเร็ว”

 

ซูเฟยหยิ่งไม่มีความลังเลใดๆ ดึงเอาผ้าไหมหิมะที่ยืดขยายออกไปกลับมาชั่วพริบตา ซากศพต่างร่วงหล่นมาบนพื้น

 

นางคว้าแขนเย่เฟิงก่อนกระทืบเท้าเบาๆ จ้องมองไปยังซากศพของหานจืออู๋ที่ร่างโค้งงออยู่ ทันใดนั้นก็นำมาเพื่อต้านทานห่ากระสุน

 

ก่อนที่หานจืออู๋จะตาย ได้กระตุ้นรวบรวมกำลังภายในเอาไว้ ทำให้ร่างมันแข็งแกร่งดังเหล็กกล้าหลายเท่า แม้ว่าจะไม่สามารถต้านทานดาวตกจากฟากฟ้าของซูเฟยหยิ่งได้ แต่มันสามารถป้องกันเหล่าปืนลำแสงและปืนปิดกั้นชีพจรได้อย่างสบาย

 

“ต้องฝ่าออกไปแล้ว”

 

ซูเฟยหยิ่งเงยใบหน้าอันงดงามขึ้น มองไปยังเส้นทางที่ซูเสี่ยวอวี่อยู่

 

สำหรับนาง เวลารับมือสิ่งใดจะกระทำแบบตรงๆไม่ยอมถอยหลังกลับ นางมาที่โบราณสถานก็เพื่อที่จะทำลายแกนศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าสำนักหั่วอวิ๋นเยา และตอนนี้ก็ทำสำเร็จแล้ว อย่างไรก็ตามเจ้าสำนักหั่วอวิ๋นเยาอยู่อีกทางของโบราณสถาน

 

รวมถึงอุปกรณ์วาร์ป เส้นทางที่อยู่ตอนนี้มันไม่ใช่ที่จะต้องไป

 

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ซูเฟยหยิ่งได้แต่บุกฝ่าออกไป หรือไม่ก็ต้องหาวิธีการที่จะตามหาเจ้าสำนักหั่วอวิ๋นเยาและอุปกรณ์วาร์ปว่าอยู่ที่ไหนอีกไม่ใช่หรือ?

 

“รับไปครับ”

 

เย่เฟิงโยนเม็ดยารักษาอาการบาดเจ็บภายในไปให้อย่างรวดเร็ว

 

ซูเฟยหยิ่งมอบแหวนมิติมาให้เขา ที่ร่างจะต้องไม่มีสิ่งของอะไรอยู่แน่ แม้ว่าเม็ดยารักษาอาการบาดเจ็บภายในจะไร้ประโยชน์สำหรับพิษอัคคี แต่อย่างน้อยมันก็ยังช่วยรักษาอาการบาดเจ็บที่ได้รับจากหานจืออู๋ได้

 

เย่เฟิงปราศจากความลังเล คว้ากลับเอาแขนอันเนียนนุ่มของซูเฟยหยิ่ง

 

ช่วงเวลาต่อไปนี้เป็นเขาที่จะต้องออกโรงเอง!

 

แม้ว่าความสามารถซูเฟยหยิ่งจะฝ่าออกไปได้ง่ายๆ แต่ในสถานการณ์ที่บาดเจ็บถดถอย ซึ่งยิ่งทำให้บาดเจ็บรุนแรง สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เย่เฟิงไม่อยากเห็น ถ้าหากพบเจอเจ้าสำนักหั่วอวิ๋นเยาแล้ว ยังจะทำอะไรอีกฝ่ายได้หรือ?

 

ส่วนซูเฟยหยิ่งเข้าใจสถานการณ์ของตัวเองดีที่สุด แต่ไม่ว่าเย่เฟิงจะพานางออกไปจากที่นี่ได้หรือไม่มันเป็นข้อสงสัยเล็กน้อย ขบคิดว่าเมื่อถึงเวลานางอาจจำเป็นต้องลงมือเอง คอยช่วยเหลือเย่เฟิง

 

เย่เฟิงไม่ได้พูดอะไรอีก คว้าซูเฟยหยิ่งมาไว้ในอ้อมแขน กระทืบเท้าออก นำพานางไปด้วยย่างก้าวไร้เงา ระเบิดไปด้วยความเร็วพุ่งตรงไปยังทางเข้าโถงทางเดิน

 

เขาคว้าเอาร่างเหล็กไหลของหานจืออู๋มาด้วย ขบคิดว่าสหายคนนี้ช่างมีประโยชน์ ใช้เป็นโล่มนุษย์ได้อย่างดี แต่น่าเสียดายที่สหายคนนี้ตายไปแล้ว ร่างของเขาอ่อนลงเรื่อย บางทีเพียงไม่นานอาจจะใช้ป้องกันห่ากระสุนไม่ได้อีก

 

ปืนตาข่าย!

 

ตาข่ายไฟเบอร์พุ่งไปปกคลุมยังเย่เฟิง แต่ลำแสงกระบี่สีเขียวพลันสว่างวาบ ตาข่ายไฟเบอร์ถูกเย่เฟิงตัดฉับขาดในทันที แม้ว่าตาข่ายไฟเบอร์เหล่านี้จะมีความแข็งแรง แม้กระทั่งอาวุธที่แหลมคมก็ไม่อาจตัดขาด แต่กระบี่ที่กระตุ้นเจิ้นชี่มันทรงพลังกว่าเหล่าอาวุธพวกนั้น เป็นธรรมดาที่จะหยุดเย่เฟิงไม่ได้

 

“ตาเฒ่า ถ้าไม่อยากตายก็หลีกทางไปซะ!

 

เย่เฟิงโพล่งร้องบอกออกไป แท้จริงตาเฒ่าเจ้าเล่ห์คนนี้มันพูดด้วยยากจริง ถ้าสมองโง่เหมือนหานจืออู๋ไม่รู้ว่ามันจะดีแค่ไหน? มันก็คงไม่มีปัญหาอะไรมาก

 

“เย่เฟิง แกคิดจะฝ่าออกไปจากที่นี่ แต่มันไม่มีทางเกิดขึ้น!”

 

เวลานี้ซูเสี่ยวอวี่ไม่ได้ขยับแม้แต่ครึ่งหุน สีหน้าของตาเฒ่าจริงจังอย่างมาก หานจืออู๋ตายตกไปแล้ว หมัดเทพทวาราถือว่าสูญเสียเป็นอย่างยิ่ง แม้กระทั่งชื่อเสียงของหมัดเทพทวาราในยุทธภพก็คงถดถอยลง

 

ถ้าความสูญเสียนี้ไม่ได้ทวงคืน ความแข็งแกร่งของหมัดเทพทวาราก็ไม่อาจกู้คืนได้ คงจะตกต่ำลงเหมือนกับสำนักเซียนเร้นลับที่เย่เฟิงได้ทำลายไป

 

มีเพียงแค่การจับกุมเทพธิดาทะเลตงไห่เท่านั้น จากนั้นก็มีคำอธิบายได้ อาจชดเชยการตายของหานจื่ออู๋ ดังนั้นในเวลานี้ ซูเสี่ยวอวี่เป็นไปไม่ได้ที่จะถอย

 

ตอนที่ได้ยินเย่เฟิงและซูเฟยหยิ่งพูดคุยกัน ซูเสี่ยวอวี่พลันเข้าใจทุกอย่างทันที และไม่สามารถปล่อยซูเฟยหยิ่งไปได้

 

อาจารย์ของเย่เฟิงก็คือเทพธิดาทะเลตงไห่!

 

ไม่สงสัยเลยว่าเขาทำไมถึงมีชื่อเสียงโด่งดังได้อย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งรับมือหลงหลงโมหรัน ถังเยว่ ถังซิน ที่เป็นตัวตนอันน่ากลัว เนื่องจากเพราะเขามีเทพธิดาทะเลตงไห่สอนสั่งอยู่ข้างกาย

 

เรื่องนี้มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะทำให้ซูเสี่ยวอวี่ยอมแพ้จากการจับกุมซูเฟยหยิ่ง?

 

อย่างไรก็ตามความฝันก็คือความฝัน ความเป็นจริงมันโหดร้ายนัก

 

วูบ! วูบ!

 

หลังจากเสียงแปลกประหลาดดังให้ได้ยิน เงาสองร่างก็ปรากฏภายในกลุ่มซูเสี่ยวอวี่ หอกกระดูกพิษโลกาอันแล้วอันเล่าเคลื่อนไหวอย่างโกลาหล ในที่สุดจ้าวอี้เปยและหลิงเฉินที่ซ่อนเร้นอยู่ก็ลงมือ

 

“ใครกัน!”

 

การโจมตีนี้เกิดขึ้นกะทันหัน ทำให้กลุ่มของซูเสี่ยวอวี่ตกอยู่ในความยุ่งเหยิง อาวุธปืนภายในมือไม่สามารถใช้ได้ แต่ละคนต่างหลบหลีก แต่ยังคงมีใครบางคนถูกโจมตีโดยหอกกระดูกพิษโลกา

 

สองหมัดซูเสี่ยวอวี่ดัง พรึบ พรึบ พุ่งไปยังเงาร่างของจ้าวอี้เปยและหลิงเฉิน แต่เมื่อกลุ่มเงาทั้งสองถูกต่อยก็สลายเป็นทราย สลายเป็นหมอกควันหายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

สิ่งนี้ทำให้สีหน้าซูเสี่ยวอวี่หมองคล้ำ แปลกประหลาดเกินไปแล้ว นี่มันปาหี่อะไรกัน?

 

ในระหว่างจ้าวอี้เปยและหลิงเฉินสร้างความวุ่นวายท่ามกลางผู้คน เย่เฟิงก็อุ้มซูเฟยหยิ่งวิ่งไปอย่างรวดเร็ว

 

“วิชาเซียน โล่ดารา!”

 

เย่เฟ่งลอบร้องออกมา มือยื่นใช้ออกโล่เจิ้นชี่น้ำเงินในเวลาเดียวกัน ปกคลุมทั่วร่างของเขาและซูเฟยหยิ่ง

 

ก่อนที่เย่เฟิงจะเล็งและเหวี่ยงศพของหานจืออู๋ไปยังซูเสี่ยวอวี่ ซูเสี่ยวอวี่ตกใจลนลาน รับร่างหานจืออู๋อย่างเบามือ

 

“ฝากชีวิตแกเอาไว้ก่อน”

 

เย่เฟิงวิ่งผ่านด้านข้างซูเสี่ยวอวี่ไปทันที พูดพร้อมกับรอยยิ้ม ไม่ได้คิดจะทำอะไรอีก ก่อนที่จะวิ่งเข้าไปในเส้นทาง

 

สำหรับซูเสี่ยวอวี่ที่มีวรยุทธแปดสิบปี ในสายตาเย่เฟิงเขาไม่ได้ดูน่ากลัวอะไร แต่เป้าหมายหลักของเขาไม่ใช่จัดการกับซูเสี่ยวอวี่ในตอนนี้ แต่เป็นการพาซูเฟยหยิ่งออกไปจากสถานที่นี่

 

“หยุดนะ เจ้าเด็กน้อย!”

 

ซูเสี่ยวอวี่ไม่อาจอดกลั้นความโกรธเอาไว้ได้ ปล่อยหมัดต่อยไปด้านหลังเย่เฟิง แต่หมัดอันรุนแรงก็กระแทกเข้ากับโล่ดารา แม้ว่ามันจะทำลายโล่เจิ้นชี่ไปได้ แต่มันไม่สามารถทำให้เย่เฟิงบาดเจ็บ

 

ส่วนกลุ่มคนที่เขาพามาด้วย ไม่กล้าแม้แต่จะหยุดรั้งปีศาจเช่นเย่เฟิงเอาไว้ ทำให้เส้นทางผ่านไปได้อย่างสบาย

 

ถึงขั้นสังหารหานจืออู๋ได้ พวกเขาคนใดที่จะกล้าเผชิญหน้ากับเย่เฟิงตรงๆกัน?

 

“ยืนนิ่งๆกันนะเจ้าลูกสุนัข”

 

เย่เฟิงยกยิ้ม อุ้มซูเฟยหยิ่งไปท่ามกลางผู้คน วิ่งราวกับสายลม ไม่นานก็วิ่งหายไปไม่เห็นแม้แต่เงา

 

ซูเฟยหยิ่งรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นขณะที่เย่เฟิงอุ้มนางวิ่งเอาไว้อยู่ จู่ๆก็รู้สึกประลาดใจเล็กน้อย นางจึงใช้ทักษะสัมผัสวิญญาณทันที ค้นพบว่าเบื้องหลังเย่เฟิงมีผู้ฝึกวิญญาณสองคน พลันรู้สึกตกใจ นางไม่คาดคิดว่าเย่เฟิงจะฝึกผู้ฝึกวิญญาณออกมาบนโลกใบนี้

 

ตอนที่เย่เฟิงไปหานางที่ทะเลตงไห่ในคราวแรกนั้น เคยได้พูดถึงจ้าวอี้เปยและหลิงเฉินอยู่ ดังนั้นซูเฟยหยิ่งไม่คาดคิดว่าตั้งแต่ตอนนั้นพวกเขาจะกลายมาเป็นผู้ฝึกวิญยาณ และยังสามารถมีวรยุทธสิบปีได้อย่างรวดเร็ว

 

ถึงแม้ว่าจะมีสมบัติสวรรค์มากมายเพียงพอ พวกเขาจำเป็นต้องฝึกฝนอยู่ตลอดเวลาทั้งวันทั้งคืน ไม่เช่นนั้นมันจะเป็นไปได้ยังไงกันที่เพียงเวลาแค่สองเดือนก็มีวรยุทธถึงสิบปี?

 

เมื่อคิดเช่นนี้ ซูเฟยหยิ่งก็รู้สึกโล่งอก เมื่อมีผู้ฝึกวิญญาณสองคนนี้ ยามเมื่อจัดการอะไรบนโลกใบนี้มันก็จะมีประโยชน์มากมาย

 

พลังของนางตอนนี้ มันจะต้องสงวนเอาไว้ใช้จัดการเจ้าสำนักหั่วอวิ๋นเยา! ไม่รู้เลยว่าอุปกรณ์วาร์ปจะอยู่ภายในโบราณสถานแห่งนี้หรือไม่ หรือว่ามันจะพังไปแล้วเหมือนกัน?

 

……………………………..

 

แปลโดย คั่นหนังสือ

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments