I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Genius Sword Immortal ตอนที่ 361 ริอาจหาญกล้ามาท้าประลอง

| Genius Sword Immortal | 1048 | 2338 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

บทที่ 361 ริอาจหาญกล้ามาท้าประลอง

 

เย่เฟิงในตอนนี้ไม่รู้เลยว่าราชันปีศาจหั่วอวิ๋นที่อยู่บนโลกได้ปลอมแปลงเป็นตัวเขา ถึงแม้ว่าจะรู้ก็ไม่สามารถออกจากวิหารเก่าแก่แห่งนี้ไปหยุดยั้งเขาได้

 

ขณะนี้เขาและซูเฟยหยิ่งนั่งพิงอยู่ที่กำแพง แหวนกระบี่มังกรโบราณที่นิ้วส่งสัญญาณอีกครั้ง

 

หลังจากที่เคลื่อนย้ายมาโลกอื่นนี้ มิว่ามันจะใช่โลกเทวะหรือไม่ แต่สัมผัสรับรู้แหวนมังกรโบราณพลันสูงขึ้น ตอนที่อยู่บนโลก สัมผัสรับรู้ของแหวนกระบี่มังกรโบราณดูอ่อนแออย่างมาก แม้กระทั่งทักษะสัมผัสวิญญาณของเย่เฟิงยังมีระยะที่ไกลกว่า

 

**โลก/Earth – โลกเทวะ/โลกผู้ฝึกเซียน โลกอื่น/โลกมิติอื่น

 

แต่ตอนนี้ รู้สึกได้ว่าแหวนกระบี่มังกรโบราณสัมผัสถึงสมบัติที่ปลดปล่อยพลังวิญญาณออกมาอย่างรุนแรงห่างออกไปหนึ่งลี้ (0.5 กม.)

 

“ด้วยพลังของสมบัติชิ้นนั้น จะต้องมีพลังเพียงพอที่จะเปิดอุปกรณ์วาร์ปกลับไปบนโลกอย่างแน่นอน”

 

ภายในใจเย่เฟิงขบคิด ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้น พบเห็นเฉินเจี้ยนสงที่สีหน้าหมองคล้ำเดินนำกลุ่มคนมาทางเขาและซูเฟยหยิ่ง เฮอะ สหายคนนี้มันช่าง… ไม่ว่าจะเป็นเพราะสาเหตุการตายของเฉินฮุยหรือกระจกหยางบริสุทธิ์ก็ต้องมาหาเรื่องเขา คงไม่สามารถหารือเรื่องผลประโยชน์ในที่นี้ได้เลย

 

“อาจารย์ ท่านพักไปก่อนนะ สหายเหล่านี้ให้ข้าจัดการเอง”

 

เย่เฟิงพูดกล่าวกับซูเฟยหยิ่งที่ซบอยู่บนหัวไหล่เขาด้วยเสียงนุ่มนวล ก่อนที่จะหยิบเอาหมอนหนุนออกมาจากแหวนมิติ เพื่อให้ซูเฟยหยิ่งได้หนุนนอน และหยิบเอาเม็ดยาฟื้นฟูมอบให้ซูเฟยหยิ่ง

 

ภายในพื้นที่แหวนมิติและห้องในคฤหาสน์ของเขาแทบจะใหญ่ไม่ต่างกัน แน่นอนว่าเย่เฟิงเตรียมพร้อมสิ่งมีประโยชน์ทุกอย่าง ทั้งหมดล้วนอยู่ภายในเผื่อใช้ในยามฉุกเฉิน และตอนนี้มันถึงเวลาหมอนหนุน มิเช่นนั้นจะทำให้ซูเฟยหยิ่งต้องนอนอยู่กับพื้นแข็งๆที่เย็นเยียบมันคงจะไม่ดีเท่าไหร่

 

จากนั้นเย่เฟิงก็ลุกขึ้น ก้าวไปข้างเพื่อพบกับกลุ่มคนที่เฉินเจี้ยนสงนำมา

 

เย่เฟิงปัจจุบันตอนนี้เต็มไปด้วยกำลังวังชา แต่แน่นอนว่าซูเฟยหยิ่งไม่สามารถใช้วิชาก้าวข้ามม่านหมอกอย่างต่อเนื่องได้ ด้วยความแข็งแกร่งของเขาเพียงลำพัง เมื่อเย่เฟิงต้องเผชิญหน้ากับเฉินเจี้ยนสงมันมีความเสี่ยงอย่างไม่ต้องสงสัย อย่างไรก็ตาม ซูเฟยหยิ่งอยู่เบื้องหลัง มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะยอมให้อีกฝ่ายเข้าใกล้ซูเฟยหยิ่ง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามเขาต้องมั่นใจว่าซูเฟยหยิ่งจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเพิ่มขึ้นอีก

 

ต้องการจะจัดการเขา…เย่เฟิงคนนี้ มันไม่ง่ายดายนัก!

 

ตอนนี้เขาต้องการถ่วงเวลาเพียงชั่วครู่ ก่อนที่จะรอให้อาการบาดเจ็บซูเฟยหยิ่งดีขึ้น จากนั้นก็สามารถออกจากสถานที่แห่งนี้ด้วยกัน มุ่งเบื้องหน้าหนึ่งลี้เพื่อตามหาสมบัติที่ปลดปล่อยพลังวิญญาณมากมาย เพื่อที่จะได้นำกลับมากระตุ้นการทำงานอุปกรณ์วาร์ป

 

เย่เฟิงใช้ทักษะสัมผัสวิญญาณออกไปข้างหน้า รับรู้ตำแหน่งของเฉินเจี้ยนสงและอีกฝ่ายที่เหลือได้แม้แต่ในความมืดมิด

 

ในทางกลับกับพรรคพวกของเฉินเจี้ยนสง พวกเขาไม่มีอุปกรณ์ที่ให้แสงสว่าง ไม่ว่าจะเป็นไฟฉายหรือสิ่งอื่นที่ควรเตรียมพร้อมเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก แต่อาศัยเพียงแสงสว่างจากผิวสีดำที่เปล่งประกายของกองซากศพแมงมุมที่ส่งออกมา มองเห็นเลือนรางถึงตำแหน่งของเย่เฟิงและซูเฟยหยิ่ง

 

ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ มันมีประโยชน์ต่อเย่เฟิงอย่างไม่ต้องสงสัย

 

“หยุดก่อน เฉินเจี้ยนสง!”

 

เย่เฟิงก้าวไปข้างหน้าสองก้าวก่อนที่จะตะโกนเสียงดัง

 

“เฮอะ เด็กน้อยแซ่เย่ แกขโมยกระจกหยางบริสุทธิ์ของวังไท่จี๋ฉันไป ไม่ใช่ว่าถึงเวลาส่งมอบคืนแล้วหรือ?”

 

เฉินเจี้ยนสงไม่ได้หยุดลง ก้าวต่อไปอีกก้าว พลางแค่นเสียงเย็นชา

 

“ที่แห่งนี้ไม่ใช่โลกที่คุณรู้จัก คุณไม่ต้องการรู้หน่อยหรือว่ามันเป็นสถานที่ใด?”

 

เย่เฟิงเอ่ยปากเบาๆ “หยุดเดี๋ยวนี้ บางทีฉันอาจจะเมตตาบอกกับคุณก็เป็นได้”

 

เมื่อสิ้นเสียงประโยคนี้ เหล่าผู้คนทั้งหมดของวังไท่จี๋รวมถึงเฉินเจี้ยนสงต่างตกใจ หยุดฝีเท้าในทันที แม้กระทั่งวังดาบสวรรค์และตระกูลถังที่ถูกเคลื่อนย้ายมาด้วยกันที่อยู่ห่างออกไปด้านหลังถึงกลับเบิกตากว้างเช่นกัน

 

ที่นี้ไม่ใช่โลก?

 

มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน?

 

“ที่นี้คือที่ไหนกัน?”

 

สีหน้าของเฉินเจี้ยนสงหมองคล้ำ มองไปรอบด้านอย่างไม่รู้ตัว เพียงรู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้ดูมืดมน มีแต่ความมืดมิด สามารถเพียงใช้ประโยชน์จากซากศพแมงมุม เพื่อให้ได้แสงอันเลือนราง เห็นได้ชัดว่าห้องโถงนี้สูงกว่า 50 เมตร

 

ที่สำคัญคือสถานที่แห่งนี้ที่พวกเขาถูกส่งมา มันมีทางเข้าออกเพียงทางเดียว มันเป็นประตูหินที่ปิดสนิท บนประตูมีตัวอักษรลึกลับน่าอัศจรรย์สลักเอาไว้ และสถานที่อันใดอยู่เบื้องหลังประตูก็ไม่รู้เช่นกัน

 

เมื่อประตูหินปิดลงอย่างแน่นหนา ห้องโถงพิธีกรรมนี้ถูกปิดตาย พบเห็นแมงมุมดำโขยงนึงที่อยู่ภายในห้องนี้ นี่เป็นสิ่งของบ้าบอคอแตกอะไรกัน โชคดีที่ซูเฟยหยิ่งและเย่เฟิงสังหารพวกมันไปหมด

 

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่นี้ที่ไหน”

 

น้ำเสียงเย่เฟิงดูหดหู่ “ถ้าหากต้องการกลับไป พวกเราต้องร่วมมือกันก่อน บุญคุณความแค้นไว้สะสางกันทีหลัง”

 

“พูดได้ดี”

 

เฉินเจี้ยนสงไม่ได้เป็นคนพูด แต่เป็นชายชราน่ากลัวที่ยืนอยู่ด้านข้างเขาเป็นคนพูดออกมา ขณะที่ส่งเสียง “จุ๊จุ๊” สองครั้ง

 

เมื่อพูดเสร็จเขาก็เหลือบมองไปเบื้องหลังเย่เฟิงตำแหน่งของซูเฟยหยิ่งที่พักผ่อนอยู่ริมกำแพง ขบคิดว่าผู้หญิงคนนี้ช่างงดงามราวกับเทพธิดา ถ้าหากสามารถได้อยู่กับเธอสักคืน ชาตินี้ไม่เสียชาติเกิดแล้ว

 

นัยน์ตาของชายชราน่ากลัวเปิดเผยถึงตัณหา เย่เฟิงรู้สึกได้จากทักษะสัมผัสวิญญาณ

 

ไอ้เศษสวะคนนี้มันเป็นใครกัน?

 

เย่เฟิงหรี่ตามอง พบว่าวรยุทธของชายชราคนนี้มีหกสิบห้าปี ไม่รู้ตัวเองว่าแก่ชราแล้ว ถึงขนาดยังสนใจผู้หญิงอยู่อีกหรือ?

 

เขาไม่ได้เอ่ยปากถามว่าชายชราคนนี้เป็นใคร เนื่องจากตำแหน่งอุปกรณ์วาร์ป ตระกูลถังและวังดาบสวรรค์ต่างกระซิบกระซาบกัน เขาจึงรู้ฐานะของชายชราผู้นี้ทันที

 

มันคือเปี๋ยวตี้*ของเฉินเจี้ยนสง เฉินเหยาหรง ปีนี้เพิ่งจะอายุสี่สิบปี เนื่องจากหลงใหลกับสิ่งของมึนเมาเกินไป บวกกับตอนหนุ่มฝึกฝนวิชา “กายา” เพื่อเสริมสร้าง “ร่างกาย” แต่ฝึกฝนผิดพลาดผลที่ได้กลับเลวร้าย ดังนั้นตอนนี้จึงดูเหมือนกับชายชราคนหนึ่ง

 

[คั่นหนังสือ : 表弟/เปี๋ยวตี้ = ลูกพี่ลูกน้องที่อายุน้อยกว่าและเป็นผู้ชาย เชื้อสายจากทางฝั่งแม่]

 

เย่เฟิงใช้ทักษะสัมผัสวิญญาณอีกครั้งและพบว่าเฉินเหยาหรงผิวซีดเหลือง ดูน่าเกลียดอย่างมาก ส่วนเฉินเจี้ยนสงที่ยืนอยู่ด้านข้างเหมือนเทพบุตรคนนึง แม้ว่าเฉินเจี้ยนสงจะเป็นศัตรู แต่เย่เฟิงต้องขอชมเชยว่าความหล่อเหลาของเฉินเจี้ยนสงมันมากกว่าชายชราน่าเกลียดผู้นี้เป็นร้อยเท่า

 

“สนใจแต่เพียงตัวแกเองเถอะ”

 

เย่เฟิงเหลือบมองไปยังชายชราน่าเกลียด “ไม่ว่าใครก็ตามกล้ามีความคิดชั่วร้ายกับอาจารย์ฉัน ฉันจะทำให้มันได้เสียใจที่ได้เกิดมาจากท้องแม่”

 

คำเตือนนี้ ทำให้ในใจชายชราน่าเกลียดเฉินเหยาหรงรู้สึกเศร้าสลด มารดามันเถอะ เจ้าเด็กขนเพิ่งขึ้นกล้าที่จะตำหนิฉันงั้นหรือ? ช่างไม่รู้จักฟ้าสูงดินต่ำเสียเลย หากไม่สั่งสอนคงไม่รู้แน่ว่าปู่คนนี้เป็นใคร!

 

“ฮิฮิ มีความคิดชั่วร้ายกับอาจารย์แกแล้วจะเป็นเช่นไร”

 

เฉินเหยาหรงแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากอย่างชั่วร้าย ยังคงดื้อด้านมองสำรวจซูเฟยหยิ่ง “เจ้าเด็กน้อย กล้าประลองกันหรือไม่? ถ้าหากฉันแพ้ สิ่งเหลวไหลที่ฉันพูดออกไปแกสามารถจัดการได้ตามต้องการเลย แต่หากแกแพ้ ต้องมอบกระจกหยางบริสุทธิ์และผู้หญิงคนสวยคนนั้นมาให้ฉัน ว่าไงล่ะ?”

 

จากนั้นเฉินเหยาหรงและเฉินเจี้ยนสงก็ต่างมองหน้ากัน ภายในนัยน์ตาของทั้งคนสว่างวาบฉายให้เห็นถึงความชั่วร้าย

 

ทักษะสัมผัสวิญญาณเย่เฟิงตระหนักได้ว่าที่พวกเขามองกัน ได้ลอบส่งสัญญาณกัน อุบายของเศษสวะคือการส่งทหารไร้ค่าออกมาหยั่งเชิง หลังจากนั้นเฉินเจี้ยนสงที่รออยู่ด้านข้างก็หาโอกาสลงมือ

 

แผนการนี้ดูเหมือนจะดี แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเฉินเหยาหรง เย่เฟิงสามารถสังหารอีกฝ่ายได้เพียงพริบตา มันมีอะไรต้องหวาดกลัวอีก?

 

“ริอาจหาญกล้ามาท้าประลอง ฉันเกรงว่าแกจะมีความสามารถเพียงพอแล้วหรือ? เมื่อถึงเวลาตายอย่าได้อ้อนวอนต่อหน้าพญายมก็แล้วกัน”

 

เย่เฟิงตอบอย่างสงบนิ่ง

 

……………………………..

 

แปลโดย คั่นหนังสือ

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments