ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 371 เซียวเยวี่ยเมามายเหมือนเดิม
แม้ว่าราชันปีศาจหั่วอวิ๋นจะปลอมแปลงร่างเป็นเย่เฟิง แต่ด้วยสภาพที่อ่อนแอเช่นนั้น แน่นอนว่าไม่สามารถหลอกซูเหมิงหานและหลงหวางเอ๋อได้ นอกจากนี้ ทั้งสองสาวยังเป็นผู้ฝึกเซียน วิชาพรางกายไม่ได้แปลกอะไรสำหรับพวกเธอ
แต่สิ่งที่เย่เฟิงเกรงกลัวคือถ้าหากเขากลับไปช้ากว่านี้ จนทำให้ราชันปีศาจหั่วอวิ๋นฟื้นฟูความแข็งแกร่งกลับมาจากการแพทย์ของเหล่าหน่วย NSA ซึ่งนั่นจะกลายเป็นเรื่องร้ายแรง แม้ว่าซูเหมิงหานและหลงหวางเอ๋อจะดูอีกฝ่ายออก แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นในด้านความแข็งแกร่งก็ยังห่างกันช่วงใหญ่ คงจะทำอะไรไม่ได้
“ตอนนี้ต้องรีบกลับทันทีทันใดเลย”
เย่เฟิงไม่ได้คิดอะไรอีกพลางบอกกล่าวต่อจ้าวอี้เปย ก่อนที่จะรีบเร่งวิ่งตรงไปยังทางออกโบราณสถาน
ภายใต้ทะเลทรายสีเหลืองอันกว้างใหญ่ในสายตาเย่เฟิง ลมหนาวยามเช้าพัดผ่าน ทำให้เขาเริ่มจะฟื้นสภาพอย่างมาก
เมื่อมองไปดูรอบๆ เห็นหน่วย NSA ได้ตั้งค่ายอยู่รอบๆ คงตัดสินใจที่จะตั้งสถานวิจัยที่นี้เป็นเวลานานเพื่อศึกษาอุปกรณ์วาร์ป แต่น่าเสียอุปกรณ์วาร์ปนั้นถูกเย่เฟิงเก็บไปแล้ว แต่หน่วย NSA ไม่มีทางรู้แน่ว่าเป็นฝีมือเย่เฟิง
เนื่องจากภายในสายตาหน่วย NSA “เย่เฟิง” ที่ว่านั้น ขณะนี้กลับไปเหยียนจิงแล้ว จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะขโมยเอาอุปกรณ์วาร์ปขนาดใหญ่ที่โบราณสถานในทะเลทราย
ด้วยการกระทำของราชันปีศาจหั่วอวิ๋นอย่างไม่ได้ตั้งใจนี้ ทำให้เย่เฟิงหลุดพ้นไปจากข้อสงสัยได้ แต่ทว่าเรื่องนี้ มันได้ยินไปถึงหูราชันปีศาจหั่วอวิ๋นที่เหยียนจิงแล้วล่ะก็ มันอาจจะกลายเป็นแหวกหญ้าให้งูตื่นก็เป็นได้….
เย่เฟิงไม่ได้ใส่ใจมากนัก ถึงแม้ว่าราชันปีศาจหั่วอวิ๋นจะรู้แล้วทำอะไรได้
ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ ยังมีจ้าวอี้เปย เสี่ยวเฉิน หลงหวางเอ๋อ และพวกที่เหลือช่วยเหลือ การจะสังหารราชันปีศาจหั่วอวิ๋นที่มีพลังเหลือในร่างไม่แม้กระทั่งถึงหนึ่งในสิบส่วน
เกรงกลัวอย่างเดียวว่ามันจะไปโกหกหน่วย NSA ให้ช่วยเหลือราชันปีศาจหั่วอวิ๋นเพื่อมาจัดการเขา ต่อให้หน่วย NSA มีเครื่องมือมองเห็นวิธีการพรางกายได้ แต่วิชาพรางกายของราชันปีศาจหั่วอวิ๋นเป็นระดับสุดยอด ในความจริงที่ว่าตอนนี้หน่วย NSA ถูกแทรกซึมเข้าไปแล้ว และยังพูดคุยอยู่กับจ้าวปา
“เสี่ยวเฉินไปคอยจับตาดูราชันปีศาจหั่วอวิ๋น ส่วนผมรอพี่อยู่ที่นี้ อาซ้อทั้งสองต่างพอรู้เรื่องนี้ ในระหว่างที่รอก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น….”
จ้าวอี้เปยบอกกล่าวสถานการณ์ต่อเย่เฟิงทันที ทำให้เขารู้เรื่องทุกอย่าง”
“การฟื้นฟูของราชันปีศาจหั่วอวิ๋นคงใช้เวลาอย่างมาก เพียงแค่สองวันมันคงไม่มีปัญหาอะไร”
เย่เฟิงคาดเดา ก่อนจะพยักหน้า “นายกลับไปเหยียนจิงคอยช่วยเหลือก่อน ฉันจะรีบเร่งกลับไปให้เร็วที่สุด” ความเร็วของผู้ฝึกวิญญาณเมื่อเทียบกับความเร็วในการวิ่งของเขามันมากกว่าหลายเท่า นอกจากนี้ เย่เฟิงยังเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้วิธีการที่ผิดธรรมดาได้ มิเช่นนั้นต้องตกเป็นเป้าสายตาหน่วย NSA เขาไม่ต้องการทำให้หน่วย NSA รู้ตัวตนของราชันปีศาจหั่วอวิ๋น ดังนั้นต้องการจัดการราชันปีศาจหั่วอวิ๋นอย่างลับๆ
จ้าวอี้เปยล่วงหน้าไปก่อนเย่เฟิง เริ่มเดินทางมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันออกไปยังเหยียนจิงด้วยความรวดเร็ว
สำหรับผู้ฝึกวิญญาณไม่จำเป็นต้องระมัดระวังอะไร ยกตัวอย่างเช่นหลิงเฉินที่ติดตามเฮลิคอปเตอร์ของหน่วย NSA กลับเหยียนจิง เวลานี้จ้าวอี้เปยกำลังบินไปด้วยความเร็วไปยังเหยียนจิง
แต่เย่เฟิงจะต้องเดินทางตามที่เปลี่ยวร้าง หรือตามถนนที่ซับซ้อนคดเคี้ยว
ด้วยวรยุทธของเขาตอนนี้สามารถที่จะวิ่งไปด้วยย่างก้าวไร้เงาตลอดเวลา นอกจากนี้มันยังเร็วไม่ต่างอะไรกับรถและบางเวลาก็อาจไม่ต้องวกไปวกมาด้วย และควบคู่กับการที่เขาระเบิดย่างก้าวไร้เงาขั้นสองเป็นบางครั้ง มันสามารถเพิ่มความเร็วมากกว่าหนึ่งเท่าเมื่อเทียบกับรถทีเดียว สามารถวิ่งได้ที่ความเร็ว 100 – 200 กม./ชม.
แน่นอนว่าด้วยวิธีนี้มันจะน่าทึ่งจนยากพบเห็น ถ้าหากไม่จำเป็น เย่เฟิงก็ไม่อยากที่จะใช้วิธีนี้ เพื่อไม่ให้ตรงเป็นเป้าหมายของหน่วย NSA จากสิ่งแปลกประหลาด แต่เขาทำได้แค่เพียงวิธีเท่านั้น
ข้ามครึ่งประเทศเพียงการวิ่งแค่วันเดียว
แน่นอนว่าต้องเป็นเขาที่ทำได้คนแรกในประวัติศาสตร์มนุษย์….
…. ….
เวลาที่รีบเร่งสิ้นสุดลง
ขณะที่เย่เฟิงมาถึงเขตเหยียนจิง ราตรีก็มาเยือนแล้ว
ณ เมืองเหยียนจิง
หั่วอวิ๋นเยาถูกรักษาตลอดทั้งวันภายในหน่วย NSA หลังจากที่ดูดซัมสมบัติสวรรค์บางอย่างที่หน่วย NSA ได้เตรียมไว้ให้ รู้สึกสภาพร่างกายเริ่มดีขึ้น เขายังคงต้องใช้รูปร่างเย่เฟิงต่อไป ในเมื่อมาถึงเมืองเหยียนจิงแล้ว จึงตัดสินใจที่จะหาความสุขเล็กน้อยภายในเมืองที่มีชีวิตชีวานี้
“ในความเร็วเท่านี้ ครึ่งเดือนหลังจากนี้คงสามารถฟื้นฟูความแข็งแกร่งได้ทั้งหมดอีกครั้ง และเมื่อถึงเวลานั้นแล้วล่ะก็…โฮะ โฮะ โฮะ โฮะ”
ภายในใจราชันปีศาจหั่วอวิ๋นร่ำร้องไปด้วยความยินดี เมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อวานบนใบหน้าก็เต็มไปด้วยความตลก
หน่วย NSA ช่างเป็นกลุ่มคนที่โง่เขลา ไม่รู้เลยว่าเขาสวมรอยเป็นเย่เฟิง และยังมีเรื่องอุปกรณ์วาร์ปที่เสียหายถึงขนาดยกย่องเขา ส่งเขากลับเหยียนจิง และยังใช้เวลาทั้งวันเพื่อมอบหญ้าใบทองให้เขาหลายใบ ทำให้เขาฟื้นฟูกำลังขึ้นมาได้
เขาสวมใส่เสื้อเชิ้ตสีดำซึ่งเหมือนกับเย่เฟิง ยืนยิ้มอย่างชั่วร้ายอยู่ตรงสี่แยก ทั่วทุกทีดูวุ่นวาย อาคารสูงใหญ่ และการหาความสำราญ ทำให้หัวใจอันเปล่าเปลี่ยวร้อนรุ่มกระชุ่มกระชวย
ผู้หญิง ผู้หญิง
ไม่มีวัวเลย ต่อให้เล่นกับผู้หญิงกี่คนก็เหมือนเดิม…. โอ้ ไม่นะ ไม่กี่คนมันจะไปพออะไร เขาไม่ใช่มนุษย์ที่ไร้ความสามารถเสียหน่อย เพียงแค่เที่ยงเขาก็กินอย่างน้อยเป็นโหลแล้ว
“น่าเสียดายจริงที่ตอนนี้บาดเจ็บหนักเกินไป มิเช่นนั้นเหล่าสาวสวยของเจ้าเด็กน้อยคนนี้่ก็คงจะ….”
เขาคิดถึงเหล่าผู้หญิงของเย่เฟิง ซูเหมิงหาน หลงหวางเอ๋อและจื่อเจี้ยนหลาน อดมิได้ที่จะเลียริมปาก น่าเสียดายถ้าหากเขาไปหา แน่นอนว่าทั้งสองจะต้องรู้ตัวแน่ ก่อนที่จะถูกตาเฒ่าเย่เหวินเทียนสังหาร
ข้าราชันปีศาจหั่วอวิ๋นไม่ใช่คนโง่เขลา
จะไม่รู้เชียวหรือว่ามีผู้ฝึกวิญญาณสองตนติดตามไปด้วย…
ราชันปีศาจหั่วอวิ๋นขบคิดพลางส่ายหัว ก่อนหน้านั้นเขาบาดเจ็บจากการปะทุของพันธนาการเจ็ดดารา บาดเจ็บจนไม่อาจค้นหาผู้ฝึกวิญญาณสองตนนั้นได้ แต่ตอนนี้มี่ฟื้นฟูมาหนึ่งวัน ดูดซับพลังวิญญาณของหญ้าใบทองไปหลายใบ หากเจ้าผู้ฝึกวิญญาณสองตนปรากฏตัวขึ้นมาใกล้เขาอีกล่ะก็ เขาสามารถพบตัวได้ในทันที
เขาได้พูดคุยกับจ้าวปาเมื่อตอนกลางวัน ได้ยินว่าพวกมนุษย์จะมีบาร์ผับเปิดบริการในตอนกลางคืน มีผู้หญิงมากมายให้เล่นที่นั้น ก่อนที่จะเงยหามองดูรอบๆ มองเห็นแห่งหนึ่งอย่างไม่ตั้งใจ ก่อนจะลากขาเดินเข้าไป
“เย่เฟิง…”
ขณะที่กำลังก้าวไปที่บาร์เหล้า เขาก็ได้ยินเสียงนุ่มดังมุมที่เขาผ่านมา จึงทำให้ระวังตัวทันที
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเหลือบไปมองที่มุมของบาร์เหล้า ยิ้มอย่างรู้ดีแก่ใจ แต่เมื่อเห็นว่าสาวสวยชุดแดง ภูเขาด้านหน้าของเธอที่อิ่มเอิบเต็มไม้เต็มมือคู่นั้นมันจะต้องเป็นจุดสนใจของผู้ชายในบาร์กว่า 99% เลยทีเดียว
สาวสวยสุดเซ็กซี่คนนี้ไม่ได้สังเกตเห็นว่าเย่เฟิงเดินผ่านมาแต่กลับเรียกชื่อเขา มือถือแก้วไวน์ แก้มแดงระเรื่อจากอาการเมา นัยน์ตาทั้งสองข้างเลื่อนลอย คงจะดื่มมากจนไม่รู้ตัวว่าเรียกชื่อเย่เฟิงออกมา
ภายในใจกลางราชันปีศาจหั่วอวิ๋นถึงกับพองโต
สาวสวยเซ็กซี่ขนาดนี้เหมือนกับส่งมาถึงหน้าประตู แต่ยังรู้จักเย่เฟิงอีกด้วย เป็นไปได้ว่าเมื่อจัดการผู้หญิงคนนี้ ไม่ใช่แค่เพียงร่างกายจะน่าอร่อย แต่วิญญาณก็คงจะหวานหอมอีกด้วย นอกจากนี้เย่เฟิงจะต้องมีอะไรบางอย่างเกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนี้แน่นอน
แน่นอนว่าก่อนที่จะเข้าหาผู้หญิง เขาจะต้องเข้าไปจัดการคนที่นั่งอยู่ข้างเธอก่อนเป็นอันดับแรกเป็นการดีที่สุด ให้เจ้าหนุ่มหน้ามนที่ใส่ชุดสูท ที่เดินบนถนนจนเหล่าสาวๆต้องกรีดร้องเหมือนเหล่าดาราเกาหลี ขณะที่เขากำลังจ้องมองไปยังสาวสวยเซ็กซี่ที่อยู่เบื้องหน้า
สำหรับราชันปีศาจหั่วอวิ๋น การจัดการเจ้าหนุ่มหน้ามนคนนี้มันง่ายกว่าผายลมเสียอีก
ถ้าหากเป็นเย่เฟิงตัวจริง จะจดจำได้ในทันที สาวสวยชุดแดงคนนั้นก็คือ เซียวเยวี่ย ที่เมามายเหมือนเดิม ส่วนคนที่นั่งข้างเธอก็คือแฟนหนุ่มในนาม จ้าวเหรินเจี๋ย
แน่นอนว่าราชันปีศาจหั่วอวิ๋นต้องไม่รู้จักสองคนนี้ แต่มันไม่ใช่เรื่องสำคัญ เขาเริ่มก้าวเดินออกไปที่พวกเขาทั้งสอง
……………………………..
แปลโดย คั่นหนังสือ