ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 375 เจ้าคิดว่าข้าโง่นักหรือ?
ในช่วงสถานการณ์ร้ายแรง เย่เฟิงได้รับการสื่อสารจากจ้าวอี้เปย รีบเร่งก่อนที่เซียวเยวี่ยจะเป็นอะไรไป
กระบี่เริงระบำ!
ลำแสงกระบี่สีเขียวสว่างวาบด้านข้างราชันปีศาจหั่วอวิ๋นเล่มแล้วเล่มเล่า ลำแสงกระบี่อันแหลมฟาดฟันไปบนร่างเขาหลายครั้ง โลหิตพุ่งสาดกระจายทันที
“เจ้าหัวขโมย!”
ราชันปีศาจหั่วอวิ๋นเดือดดาลทันที เขากำลังจะได้มีความสุขกับสาวงามอันยั่วยวนอยู่แล้ว ไม่คิดเลยว่าจะมีการโจมตีที่รวดเร็วรุนแรงมาที่ร่างเขาอย่างกะทันหันได้อย่างไร?
แทบจะในทันทีเขารู้เลยว่าคนที่โจมตีเขาเป็นเย่เฟิง เจ้าหนุ่มน้อยน่ารังเกียจนั้นมันควรจะถูกส่งไปโลกอื่นแล้วสิ
เย่เฟิงจะมาปรากฏตัวได้อย่างไร?
หากเย่เฟิงปรากฏตัวที่นี้ แล้วซูเฟยหยิ่งเล่า
ภายในใจราชันปีศาจหั่วอวิ๋นตกใจ ถ้าหากซูเฟยหยิ่งมาด้วย เขาคงหมดหนทางหลบหนี
ตอนนี้เขาไม่ใส่ใจกับการโจมตีของเย่เฟิงเลย เขาเคยประสบกับกระบี่เริงระบำของเย่เฟิงมาแล้ว แม้ว่าความแข็งแกร่งตอนนี้ของเขาจะลดลง แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะพ่ายแพ้กับกระบวนท่านี้ของเย่เฟิง นอกจากนี้เขายังมีประสบการณ์มากมาย จะต้องหาวิธีทางที่ดีสุดได้แน่
แต่ทว่าไม่นานเขาก็ตระหนักได้ว่าคาดการณ์ผิดพลาด
กระบวนท่านี้ของเย่เฟิงมันรุนแรงกว่าครั้งก่อนที่ใช้มากกว่าเดิมอย่างยิ่ง
สิบกระบี่!
ยี่สิบกระบี่!
เนื่องจากที่เย่เฟิงได้รับก้าวข้ามม่านหมอกของซูเฟยหยิ่ง และใช้กระบี่รวมศูนย์ที่ไม่สมบูรณ์ ดังนั้นมันทำให้เขาบรรลุความเข้าใจกระบวนท่านี้ รู้วิธีการสร้างปราณกระบี่หลายอันโดยที่ใช้เจิ้นชี่น้อยลง ด้วยการลดลงของเจิ้นชี่ที่ต้องสูญเสียไปพลังของมันเพิ่มมากขึ้น
เมื่อปราณกระบี่ที่ยี่สิบฟันลงไปที่ราชันปีศาจหั่วอวิ๋น โล่เจิ้นชี่ของราชันปีศาจหั่วอวิ๋นที่สร้างขึ้นมีสัญญาณบ่งบอกว่าไม่สามารถป้องกันได้
หากเป็นยามที่ราชันหั่วอวิ๋นฟื้นฟูเป็นปกติ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีเพียงใช้แค่โล่ปราณธรรมดาเช่นนี้ก็สามารถป้องกันได้เป็นร้อยปราณกระบี่ ทว่าตอนนี้ความเข้มข้นโล่เจิ้นชี่ลดลง เพียงแค่รับปราณกระบี่ยี่สิบครั้งมันก็แทบจะพังทลายลง
และที่น่ากลัวที่สุดคือราชันปีศาจหั่วอวิ๋นไม่สามารถทำอะไรได้เลย ทำได้เพียงแค่ต้านรับการโจมตีเท่านั้น
ถ้าหากกระบี่เช่นนี้มันยังมีมาอีกหลายกระบี่ ราชันปีศาจหั่วอวิ๋นคงจะต้านทานไม่ไหวและจบสิ้นแน่นอน!
“เดี๋ยวก่อน! เย่เฟิง พวกเราจำเป็นต้องหารือกัน…”
ภายในราชันปีศาจหั่วอวิ๋นหวาดกลัว ก่อนจะรีบส่งเสียงร้องขอความเมตตา “ข้าราชันปีศาจหั่วอวิ๋นมีข้อเสนอ ถ้าหากข้ายอมจำนนต่อเจ้า คิดว่ามันจะมีประโยชน์ต่อเจ้าอย่างยิ่ง!”
เรื่องที่พูดมาก็ถือว่าเป็นความขริง ถ้าหากราชันปีศาจหั่วอวิ๋นยอมจำนนต่อเย่เฟิงอย่างบริสุทธิ์ใจ แน่นอนว่าจะเย่เฟิงจะได้ลูกน้องที่แข็งแกร่งอย่างมาก น่าเสียนัก เย่เฟิงไม่รู้ว่าเจ้าผายลมราชันปีศาจหั่วอวิ๋นเป็นไปได้ที่้จะยอมจำนนอย่างบริสุทธิ์ใจหรือไม่?
“เจ้าคิดว่าข้าโง่นักหรือ?”
เสียงเย้ยยันดังจากด้านข้างมิติใกล้ๆ เย่เฟิงกำลังมีชัยเหนือกว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะละเว้น และทำให้อีกฝ่ายหาโอกาสมาล้างแค้น
กระบี่ที่ยี่สิบเอ็ด!
กระบี่เริงระบำเย่เฟิงยังไม่หมด เพียงแค่ครึ่งวินาทีก็กวัดแกว่งถึงยี่สิบเอ็ดกระบี่
เมื่อโล่เจิ้นชี่ของราชันปีศาจหั่วอวิ๋นถูกฟันโดยกระบี่นี้ก็พลันแตกสลาย!
แต่เย่เฟิงยังมีสมาธิ เนื่องจากเขารู้ว่าวรยุทธของปีศาจกับผู้ฝึกเซียนมันมีความแตกต่างกันอยู่ช่วงใหญ่ วรยุทธในร่างของปีศาจแต่ละคนแข็งแกร่งอย่างมาก เทียบเท่าได้กับเหล่าศิษย์อัจฉริยะสำนักต่างๆเสียอีก
แม้ว่าจะไม่มีโล่เจิ้นชี่อยู่ หากต้องการจะสังหารพวกเขาก็ยังเป็นเรื่องยาก
หนึ่ง สอง สาม สี่….แปด และกระบี่ที่เก้า!
เย่เฟิงกวัดแกว่งอีกเก้ากระบี่ สามสิบกระบี่ของกระบี่เริงระบำตอนนี้เป็นขีดจำกัดของเขา
แต่อย่างไรก็ตามมันเพียงพอแล้ว
ภายใต้เก้ากระบี่สุดท้ายนี้ ราชันปีศาจหั่วอวิ๋นไม่หลงเหลือพลังที่จะคงรูปร่างเย่เฟิงอีกต่อไปแล้ว ก่อนจะคืนร่างกลับกลายเป็นราชันกระทิงอัคคีสูงเกือบสี่เมตรในทันที ชั้นเปลวเพลิงขยายออกเป็นดังชุดกราะที่สวมทับบนร่างเขา
ก่อนที่ชุดเกราะนี้จะถูกฟันแยกออกโดยกระบี่เย่เฟิง ลำแสงกระบี่กรีดลงไปหนังอันหนาของเขา กรีดเป็นแผลลึกจนโลหิตอัคคีพุ่งสาดกระจายออกไป
“โฮก!”
ราชั่นหั่วอวิ๋นเยาร้องโหยหวน อย่างไรก็ตามหลังจากกระบี่นั้นของเย่เฟิง มันก็ยังมีลำแสงกระบี่อันน่ากลัวฟาดฟันลงบนร่างเขาอีกหลายครั้ง
เปรี้ยง!
ท้ายที่สุดร่างยักษ์ก็ล้มลงไปบนพื้น แถมจะเต็มพื้นที่ตรอกซอยเล็กที่่ปราศจากผู้คนนี้ ร่างที่ลุกไปด้วยเปลวเพลิงค่อยๆมอดดับลงอย่างช้าๆ
ร่างเย่เฟิงที่สวมใส่เสื้อเชิ้ตสีดำค่อยๆปรากฏตัวขึ้นมาในซอยเล็กๆแห่งนี้ ภายในมือกุมกระบี่เจิ้นชี่สีเขียวมรกต ก่อนเหินเบาๆมาหยุดซากศพขนาดใหน่ของราชันหวั่อวิ๋นเยา
เซียวเยวี่้ยตกตะลึงอยู่ด้านข้าง
นี่เธอพบเห็นปีศาจกระทิงอัคคีที่สูงเกือบสี่เมตรจริงๆหรือ? ชุดเกราะเปลวเพลิง หัวปีศาจที่ลุกเป็นไฟ ร่างกายที่บึกบึน แผ่ความร้อนสูงไปภายในอากาศ ทุกสิ่งอย่างทั้งหมดนี้ทำให้เซียวเยวี่ยตกตะลึง
เย่เฟิงกลับมาแล้ว
นอกจากนี้พอกลับมาก็เอาชนะตัวที่คล้ายคลึงเหมือนกับปีศาจกระทิงอัคคี หัวใจเซียวเยวี่ยถึงกับเต้นตูมตาม
มองไปยังคนที่ยืนอยู่ข้างซากศพขนาดใหญ่ ชายหนุ่มที่สวมใส่เสื้อเชิ้ตสีดำ เซียวเยวี่ยรู้สึกว่าเธอไม่เคยตื่นเต้นแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต เรื่องราวเบื้องหน้านี้ ทำให้ชีวิตเธอได้เปิดโลกกว้างพบเห็นกับฉากสิ่งมหัศจรรย์ลึกลับพันธุ์นี้
มันราวกับเทพนิยาย…
มือหนึ่งปกปิดภูเขาหิมะทั้งสองลูกด้านหน้าของเธอเอาไว้ อีกหนึ่งพลันกำหมัด เงยหน้ามองไปยังเย่เฟิง เขาคือเจ้าชายขี่ม้าขาวของฉันสินะ?
เย่เฟิงที่ยืนอยู่ภายในซอย ภายใต้สายลมหนาวยามค่ำคืน จ้องมองอย่างเฉยชาไปยังร่างใหญ่ของราชั่นหั่วอวิ๋นเยาเบื้องหน้านี้
สามารถสังหารราชันปีศาจหั่วอวิ๋นได้สำหรับเขาถือเป็นเรื่องธรรมดา ก่อนหน้านี้ซูเฟยหยิ่งได้บอกกล่าวเอาไว้แล้วว่า ตอนนี้ราชันปีศาจหั่วอวิ๋นบาดเจ็บสาหัส ต่อให้เป็นเย่เฟิงก็สังหารได้เลย
ถูกสังหารตายตกเสียแล้ว ช่างง่ายดายเหลือเกิน
แสงแหวนกระบี่มังกรโบราณบนนิ้วเย่เฟิงเปล่งประกายขึ้น ก่อนที่จะหยิบเอาไหดักวิญญาณออกมา
วิชาเซียน ดูดวิญญาณ!
วิญญาณของราชันปีศาจหั่วอวิ๋นปรากฏขึ้น ก่อนที่จะถูกดูดเข้าไปในไหดักวิญญาณทันที ดิ้นรนอย่างดุร้ายแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“เจ้าเด็กน้อย ข้าต้องกลับมาล้างแค้น….”
เสียงของราชันปีศาจหั่วอวิ๋นค่อยๆเบาลง เย่เฟิงไม่แม้แต่ขยับก่อนจะแค่นเสียง เจ้าปีศาจวัวตัวนี้กลายเป็นวิญญาณไปแล้ว จะมาล้างแค้นเช่นไรกัน?
นอกจากนี้ด้วยวรยุทธของราชันปีศาจหั่วอวิ๋นมันเป็นไปไม่ได้เลยว่าที่จะกลายเป็นผู้ฝึกวิญญาณ เพียงไม่นานวิญญาณก็คงดับสลายไปเอง
เย่เฟิงคร้านที่จะมาใส่ใจวิญญาณราชันปีศาจหั่วอวิ๋นในตอนนี้ จากนั้นก็เปิดมิติแหวนกระบี่มังกรโบราณอย่างรวดเร็ว เก็บซากศพขนาดใหญ่ของราชันปีศาจหั่วอวิ๋นเข้าไป ซากของปีศาจวัวตัวนี้มีประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสามารถนำไปสกัดเป็นวัตถุดิบได้
ตอนนี้เย่เฟิงมีวัตถุพอเพียงแล้ว รอจนมีเวลาว่าง จากนั้นจะใช้มันสร้างอาวุธวิเศษที่มีประโยชน์
วิชาเซียน ดูดวิญญาณ!
เย่เฟิงรวบรวมเจิ้นชี่ไปที่มืออีกครั้ง วิญญาณรอบๆของจ้าวอี้เปยและหลิงเฉินที่ถูกเผาผลาญจนกระจัดกระจายในซอยพลันรวมตัวขึ้น ก่อนจะถูกปิดผนึกไว้ภายในแหวนกระบี่มังกรโบราณ
ครั้งนี้พวกเขาบาดเจ็บอย่างรุนแรง แม้ว่าจะไม่สลายหายไป แต่จะฟื้นคืนกลับมาไม่ใช่เรื่องง่าย
เย่เฟิงตัดสินใจที่จะหาสมุนไพรที่มีชื่อเรียกว่า “หญ้าจันทรา” อย่างจริงจัง เพื่อใช้มันทำเม็ดยา ซึ่งสามารถใช้รักษาจ้าวอี้เปยและหลิงเฉินจากอาการบาดเจ็บได้
หลังจากที่จัดการเคลียพื้นที่การต่อสู้เรียบร้อย เย่เฟิงก็หันหน้าไป ส่งยิ้มไปให้สาวสวยเซียวเยวี่ยผู้น่าสงสาร “พี่สาวเซียว พี่ไม่เป็นอะไรนะครับ?”
ด้วยคำพูดนี้ เซียวเยวี่ยไม่แม้แต่จะคิดอะไรอีก ก้าวออกไปสองสามก้าว ก่อนที่จะวิ่งโผเข้าไปในอ้อมอกเย่เฟิง
……………………………..
แปลโดย คั่นหนังสือ