ตอนที่แล้วบทที่ 381 สาวสวยที่ประตูมหาลัย
เย่เฟิงโยนเรื่องงานชุมนุมยุทธภพที่จะมาถึงทิ้งไป เขาไม่ได้มีเวลาว่างที่จะไปเข้าร่วมงานนี้
ถึงแม้ว่าจะได้เป็นจอมยุทธรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งแล้วยังไง?
สำหรับโลกเทวะมันก็ยังคงเป็นเพียงขยะเท่านั้น แม้ว่าจอมยุทธในโลกยุทธภพจะมีที่น่าพอใจ แต่ตอนนี้เหล่าจอมยุทธต่างอ่อนแอเกินไป ถ้าเย่เฟิงอยู่มานานมากกว่านี้ สามารถจัดพวกเขาได้หมดทุกคน
งานชุมนุมยุทธภพครั้งนี้ ถ้าหากตระกูลหลงไม่เข้าร่วมจะต้องทำให้ผู้คนสงสัยเกินไป….
ภายในใจเย่เฟิงครุ่นคิด หนึ่งเดือนข้างหน้าซูเฟยหยิ่งแน่นอนว่าไม่มีวิธีควบคุมแก่นศักดิ์สิทธิ์ปลอมแปลง เมื่อถึงเวลานั้นมันก็จะกลายเป็นสิ่งที่คนสงสัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตามมันไม่มีวิธีการที่ดีที่จะจัดการปัญหาในสถานการณ์นี้ของเย่เฟิง ทำได้เพียงแค่ตัดสินใจทำอย่างใดอย่างหนึ่ง
เมื่อออกมาจากห้องหลงหวางเอ๋อ เย่เฟิงก็มองเห็นเซียวเยวี่ยและน้าชูชูอยู่ห่างไปไม่ไกล เห็นทั้งสองสาวพูดคุยกันอย่างมีความสุขก็รู้สึกโล่งอก
“เสี่ยวเยวี่ย เธอมากับฉันหน่อยสิ เธอต้องไปเก็บของที่บ้านนะ ฉันจะส่งคนไปช่วยด้วย”
เย่เฟิงกุมหัวไหล่ขาวหยกของเซียวเยวี่ยพลางพูดพร้อมรอยยิ้ม
“ตกลง”
เซียวเยวี่ยตอบรับอย่างหนักแน่น บอกลาน้าชูชู และจากไปพร้อมกับเย่เฟิง
พวกเขาเดินเคียงบ่าเคียงไหลกันไปที่ทางเข้าหมู่บ้านชิงเฟิง เป็นเสี่ยวหลิวที่ใช้ให้ไปหาหน้าบากเมื่อครู่นี้ ขับรถ BMW สีเงินมาจอดอยู่ด้านข้างถนน เมื่อเห็นเย่เฟิงและเซียวเยวี่ย ตาถึงกลับเป็นประกาย
พี่เย่ช่างสรรหาอาซ้อจริงๆ! แต่ผู้หญิงมากมาย ปกติธรรมดาแล้วจะไม่ทะเลาะกันเลยหรือ?
หน้าบากมองสำรวจดูอย่างเป็นกังวล แต่มันเป็นเรื่องของเย่เฟิง เขาก็ลำบากที่จะพูด
“ที่แรกไปมหาลัยเยียนจิงก่อน จากนั้นก็ไปส่งเซียวเยวี่ยกลับไปหมู่บ้านตระกูลเซียวเพื่อเก็บของย้ายบ้าน ต่อไปนี้เธอจะอยู่ที่บ้านฉัน”
เย่เฟิงบอกกล่าวตารางการเดินทางก่อนที่จะจ้องมองไปที่นัยน์ตาทั้งสองของหน้าบาก “ฉันจำได้ว่านายเคยบอกว่าอยากจะคุยกับซือถูจางเตาใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินชื่อนี้ หน้าบากกระวนกระวายทันที “พี่เย่เฟิงได้ข่าวมันงั้นหรือครับ?”
“ไม่ใช่แค่ข่าว แต่มันก็ตายไปแล้ว”
เย่เฟิงยิ้ม “นอกจากนี้ยังเป็นเป่ยจื่อที่สังหารด้วยตัวเอง น่าเสียดายตอนนี้เป่ยจือกำลังบาดเจ็บหนักตอนนี้ ไม่สามารถออกมาพบนายเป็นด้วยตัวเองได้ นายเชื่อใจได้เลย ถ้าไม่เชื่อก็แล้วไป…”
เย่เฟิงเคยบอกหน้าบากอยู่ว่าจ้าวอี้เปยเป็นผู้ฝึกวิญญาณ แต่ไม่เคยได้ให้พวกเขาพบกัน เนื่องจากมันยังไม่ถึงเวลา ตอนนี้เมื่อถึงเวลาแล้วแต่จ้าวอี้เปยเพื่อปกป้องเซียวเยวี่ยจึงต้องโดดรับเปลวเพลิงของราชันปีศาจหั่วอวิ๋นจนได้รับบาดเจ็บ
“คำพูดของพี่เย่ แน่นอนว่าผมเชื่อ”
ภายในใจหน้าบากเย็นวูบ รีบยืดตัวตรง
เขาเชื่อเย่เฟิงจากก้นลึกของหัวใจ หน้าบากตั้งแต่ติดตามเย่เฟิง รู้ดีถึงวิธีการของเย่เฟิงทั้งหมด บุคคลเช่นนี้จะต้องเอาเรื่องจ้าวอี้เปยมาหลอกลวงเขาทำไม?
เขารู้อย่างชัดเจนว่า ตัวเขาหน้าบากไม่มีความจำเป็นที่เย่เฟิงจะหลอกลวงเพื่อควบคุมเขา เย่เฟิงไม่ได้มีวิธีการที่น่าเบื่อเช่นนั้น
“ก็ดี งั้นไปกันเถอะ”
เย่เฟิงพยักหน้า ขบคิดว่าเดือนหน้าจะต้องพบคนทำพิธีขนศพในเซียงซีให้ได้ หาวิธีเพื่อให้ได้หญ้าจันทรา นอกจากนี้กระบี่ระดับยอดเยี่ยมของเฉินเหยาหรงที่ได้มาก่อนหน้านี้ ถ้าหากสามารถขายได้ราคาที่งานแสดงสินค้า หรือแลกเปลี่ยนกับหญ้าจันทรานี้ คนทำพิธีขนศพในเซียงซีจะต้องยอมรับอย่างแน่นอน
BMW สีเงินมุ่งตรงไปยังมหาลัยเยียนจิง
…. ….
วันนี้เป็นวันลงทะเบียนวันแรกของมหาลัยเยียนจิง ซูเหมิงหานและจื่อหลานทั้งสองสาวจึงมามหาลัยตั้งแต่เนิ่นๆ พวกเธอมาพร้อมกับการคุ้มกันของเย่เหวินเทียนและหนานฟาง
สำหรับเหล่าหลานสะใภ้ผู้เลอโฉม เย่เหวินเทียนเฝ้าอย่างแข็งขัน ไม่ยอมให้ใครก็ตามได้มีโอกาสของพวกเขา
ถึงกับยอมพาปู่มาด้วย มันทำให้ผู้คนแทบน้ำตาไหลบนใบหน้า
ตอนที่เย่เฟิงอยู่บ้าน ซูเหมิงหานและจื่อเจี้ยนหลานเพิ่งถึงประตูมหาลัยเยียนจิง ก้าวลงมาจากรถแลมโบกีนีสีแดง หลินชื่อฉิงเป็นคนส่งทั้งสองสาวมามหาลัย
ส่วนเย่เหวินเทียนและหนางฟาง พวกเขาต่างวิ่งติดตามอยู่เบื้องหลัง เมื่อไม่กี่วันมานี้หนางฟางได้เย่เหวินเทียนคอยซ้อมมือ คุณภาพทุกด้านต่างพัฒนาขึ้น วรยุทธเพิ่มขึ้่นมาเป็นห้าปี
สมบัติสวรรค์ที่ซูเฟยหยิ่งเก็บไว้มีอย่างจำกัด แม้ว่าเย่เฟิงจะเลื่อนวรยุทธมาถึงยี่สิบปี แต่ก็เพิ่มวรยุทธจ้าวอี้เปยและหลิงเฉินถึงสิบปี แต่หน้าบาก หนานฟาง และที่เหลือไม่มีโชค
วรยุทธห้าปีของหนานฟาง แต่ความสามารถการต่อสู้ตรงๆกลับอ่อนด้อยไม่ต่างอะไรกับขยะ ด้วยวรยุทธเพียงห้าปีนี้ มันเพียงพอที่จะให้เขาซ่อนตัวอยู่ในสถานที่ลับและใช้ออกพื้นฐานวิชาอาวุธลับได้ เพียงแค่ใช้เทพธิดาโปรยบุปผา สามารถสังหารกลุ่มผู้คนธรรมดาตามท้องถนนได้ทั้งหมดในทันที
ด้วยพลังของวิชามีดบินปีศาจคำราม มันรุนแรงอย่างมาก แต่น่าเสียดายเย่เหวินเทียนไม่ยอมให้เขาใช้อย่างง่ายดายนัก
ยามเมื่อซูเหมิงหานและจื่อเจี้ยนหลานทั้งสองสาวลงจากแลมโบกีนีสีแดง ควบคู่กับพี่สาวสุดสวยผู้สูงศักดิ์ ทันใดนั้นพลันดึงดูดสายตาเหล่าผู้ชายที่ประตูมหาลัยเยียนจิงทันที
ซูเหมิงหานใส่เสื้อทีเชิ้ตสีชมพู ส่วนล่างเป็นกระโปรงสั้นลายดอกไม้ เปิดเผยขาขาวอันเรียวยาวทั้งสอง เมื่อเธออออกมาจากรถก็หันไปเล็กน้อย ยิ้มให้จื่อเจี้ยนหลานที่อยู่ด้านหลัง แอบพูดอะไรบางอย่าง เหล่าแสงแดดอันอบอุ่นสาดส่องไปยังอากัปกิริยาอันมีความสุขของสาวสวย ทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนจ้องมองเธอโดยไม่ละสายตา ช่างบริสุทธิ์สดใส และสวยงามอย่างยิ่ง!
ส่วนเบื้องหลังเธอเป็นจื่อเจี้ยนหลาน และยังคงสวมใส่กระโปรงสีม่วงลาเวนเดอร์เช่นเดิม แก้มอ่อนเยาว์พร้อมกับรอยยิ้มที่นิ่งสุขุม ราวกับเป็นภูติที่ไม่แปดเปื้อนสิ่งสกปรก ราวกับเทพธิดาที่บริสุทธิ์ ทำให้หัวใจผู้คนไม่อาจกล้าจะดูหมิ่นแม้แต่น้อย
ตัวตนของซูเหมิงหานเป็นไปตามความคาดหวังของใครบางคน นอกจากนี้ก่อนหน้าเธอเป็นดาวประจำโรงเรียนมัธยมเยียนต้า หลายคนเคยได้ยินเรื่องเธอมาก่อน แต่ตัวตนของจื่อเจี้ยนหลาน ทำให้เหล่าผู้คนที่อยู่ตรงประตูแทบหยุดหายใจ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย
เธอเป็นใครกัน?
ภายในใจผู้คนนับไม่ถ้วนเต้นตูมตามอย่างบ้าคลั่ง แต่ละคนราวกับเห็นเทพธิดาผู้เลอโฉมถึงกับตาเบิกกว้าง
ส่วนหลินชื่อฉิงออกมาคนสุดท้าย ส่วนวันนี้เธอใส่เสื้อแขนสั้นคอวีสีขาว ส่วนล่างเป็นกางเกงคาวบอยขาสั้นสีน้ำเงินเข้ม เป็นสไตล์ที่ลงตัวจนทำให้ดูเซ็กซี่ ส่วนบนและล่างแสดงให้เห็นถึงความมีชีวิตชีวา นัยน์ตาที่เปล่งประกายราวกับดวงดาวเป็นประกายแต่เย็นเยียบ เช่นเดียวกับโฉมหน้าที่สวยสง่างาม สมกับชื่อสาวงามดาวมหาลัยอย่างที่สุด!
แม้ว่าเธอจะปรากฏตัวที่เยียนจิงอยู่หลายครั้ง ทว่าแต่ละครั้ง ก็ยังทำให้ผู้คนอุทานและยกย่อง จากเหล่าสายตาที่จ้องมองมา เมื่อเทียบกับซูเหมิงหานและจื่อเจี้ยนหลานไม่ได้ดีหรือน้อยไปกว่ากัน
แน่นอนว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ชื่อสาวงามดาวมหาลัยเยียนจิงอาจจะต้องเปลี่ยนไปก็ได้ เนื่องจากซูเหมิงหานและจื่อเจี้ยนหลานเมื่อเทียบกับความสวยของพวกเธอแล้วดูเท่าเทียมกัน หญิงสาวทั้งสามต่างสวยงาม เพียงแต่มีสไตล์ที่คนละแบบกันเท่านั้น
สำหรับพวกผู้ชาย หลินชื่อฉิงเป็นเหมือนพี่สาวผู้สูงศักดิ์ที่น่าหลงใหล ทำให้ผู้ชายอดมิได้ที่จะอยากจะเอาชนะ ส่วนซูเหมิงหานและจื่อเจี้ยนหลานทั้งสองสาว ดูน่ารักนุ่มนวล ทำให้เหล่าผู้ชายตัดสินใจอยากจะปกป้อง
ขณะที่ประตูทางเข้าเต็มไปด้วยเหล่าสายตาที่จับจ้องมอง ชาตินี้ไม่เสียดายแล้ว จู่่ๆก็เกิดเสียงอุทานและยกย่องดังขึ้นมาจากอีกด้านหนึ่ง
ทำให้หลินชื่อฉิงทั้งสามสาวมองตามไปยังทางของเสียง กลับพบเห็นอีกสาวสวยคนหนึ่งที่เทียบได้กับพวกเธอ ค่อยๆเดินเข้ามาภายในประตูมหาลัยเยียนจิง
……………………………..
แปลโดย คั่นหนังสือ