ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป** เพจใหม่ค่ะ !! เพราะคาดว่าในอนาคตจะมีแปลมากกว่า 1 เรื่อง จึงเปิดใหม่เป็นเพจกลางสำหรับอัพเดททุกเรื่องไปเลยทีเดียวนะคะ
** FB จะอัพเดทเร็วกว่าที่อื่นล่วงหน้า 1 ตอน **
Chapter 3 : จากความปัญญาอ่อน สู่บ้าคลั่ง
ความคิดของหานซั่วแล่นอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่แม่มดน้อยลิซ่ากระหน่ำทุบตีเขาอย่างคนเสียสติ เพิ่มความเจ็บปวดที่เขาได้รับอยู่จากเดิมให้มากขึ้นไปอีก จนอ่อนปวกเปียกไปทั่วทั้งร่าง อาการเจ็บบริเวณจมูกเมื่อครู่ที่แล้วทำเอาเขาน้ำตาไหล พร้อมกับอาการมึนหัวที่พลัดตกจากต้นไม้เขาทำได้เพียงนอนขดตัวกลมอยู่บนพื้นเป็นเป้าหมายแสนอ่อนแอให้ลิซ่า – เตะก้นเขา
หานซั่วรู้สึกถึงความแปลกประหลาดบางอย่าง เมื่อแก่นมนตราเบาบางค่อยๆโคจรไปที่ก้นของเขาและช่วยบรรเทาอาการเจ็บลง ขณะที่ลิซ่าพยายามกระหน่ำเตะก้นเขา เขาจึงไม่รู้สึกเจ็บมากเท่าไหร่
ที่จริงแล้ว ที่ใดก็ตามที่รู้สึกปวดร้าวก่อนหน้านี้ ต่างค่อยๆบรรเทาลงอย่างมาก เมื่อแก่นมนตราโคจรผ่าน พร้อมทำให้รู้สึก… ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
หานซั่วตกตะลึงและครุ่นคิดอยู่ภายในใจ อาณาจักรพลังรูปธรรมของเวทย์ปีศาจนี่ช่างเป็นมาโซคิสม์** ขนานแท้! แก่นมนตราโคจรไปยังแก้มก้นขวาของเขาในตำแหน่งที่เท้าของลิซ่ากระหน่ำเตะเข้าไปพอดิบพอดี
** กามวิตถารที่ได้รับความสุขเมื่อตัวเองเจ็บปวด
“อ๊า!” … “โอ๊ยย!”
เสียงตะโกนแหลมสูงของลิซ่าและเสียงคำรามต่ำของหานซั่วดังสลับกันไปมา ทันใดนั้นเองที่ลิซ่ารู้สึกว่าแก้มก้นขวาของหานซั่วแข็งขึ้นราวกับเหล็ก เท้าของเธอเจ็บขึ้นมาทันทีจนกระโดดร้องเสียงหลง
กลับกัน หานซั่วไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกเจ็บเมื่อลิซ่าเตะเขา แต่กลับรู้สึกผ่อนคลายอย่างประหลาด เป็นความต่างอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับความเจ็บปวดที่เขารู้สึกมาโดยตลอด จนต้องร้องออกมาอย่างไม่ตั้งใจ แต่เอาเข้าจริง เสียงร้องของเขากลับดูเหมือนเสียงกระเส่า – ราวกับว่ากำลัง…
“ไบรอัน นี่แกเอาหินยัดใส่ไว้ในกางเกงรึไง ไอ้ปัญญาอ่อน!”
ลิซ่าบ่นเสียงดังขณะนวดเท้าอันบอบบางของเธอ นักเรียนหญิงสาขาศาสตร์แห่งความตายคนอื่น ๆ ปรากฏตัวรอบหานซั่วและลิซ่า แต่ละคนจ้องเขาด้วยสายตางัวเงีย ทว่าเยือกเย็น
จมูกของเขาหายเจ็บ และในที่สุดก็ควบคุมน้ำตาได้แล้ว หานซั่วสลัดตัวเองให้หายมึนงงและลุกนั่งขึ้นบนหญ้า เมื่อเขามองไปรอบ ๆ ก็พบสายตาโกรธเคืองของเอมี่และอาธีน่า จอมเวทย์ฝึกหัด พร้อมกับ เบลล่า จอมเวทย์ระดับเริ่มต้น และแน่นอน – ลิซ่า
ราวกับเสียงดนตรีแห่งภยันตรายล่องลอยอยู่ในอากาศ…
เอมี่ อาธีน่า และเบลล่าดูหมองไปทันทีเมื่อยืนเทียบเคียงกับลิซ่า พวกเธอทั้งหมดอายุราว ๆ 16 – 17 ปี หน้าตาไม่ได้สะสวยมากนัก แต่ทุกคนอยู่ในอารมณ์เสียขั้นสุดเมื่อการนอนเพื่อความงามของพวกเธอถูกขัดจังหวะ
“ไอ้ปัญญาอ่อน! มองอะไรของแกน่ะ? ทำไมต้องเอาหินยัดใส่กางเกงด้วย เท้าสวย ๆ ของข้าช้ำไปหมดแล้ว อ…โอ๊ย… เจ็บ!”
ขณะที่ลิซ่าเอามือเท้าสะเอวพูดอย่างเย่อหยิ่ง และส่งสายตาเย็นชาจ้องไปยังหานซั่ว อาการเจ็บก็ส่งผลจนต้องเดินกะเผลกไปทั่วด้วยเท้าซ้ายของเธอ
“ปัญญาอ่อนงั้นเรอะ…”
หานซั่วหัวเราะในคอ และแสดงท่าทีแบบไม่รู้สึกรู้สาอะไร
“หึหึหึ”
เขาหัวเราะขณะพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก และพูดว่า
“เปล่าซะหน่อย ข้าไม่ได้เอาหินใส่ในกางเกงสักก้อน”
เขาหันหลังให้นักเรียนหญิงสาขาศาสตร์แห่งความตายทั้งสี่คน และกำลังจะถอดกางเกงลงเมื่อพูดจบ แต่เสียงกรีดร้องอย่างตระหนกตกใจดังลั่นขึ้นก่อนที่เขาจะได้ดึงกางเกงลงเสียอีก และตามมาด้วยเสียงฝีเท้าเผ่นหนีอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
“ไบรอัน แก ไอ้ปัญญาอ่อน! ดึงกางเกงขึ้นเดี๋ยวนี้เลยนะไม่งั้นข้าฆ่าแกแน่!”
ลิซ่าตะโกนอย่างรวดเร็ว ด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยอารามตกใจ
“โอ้”
หานซั่วตอบกลับไปอย่างโง่ ๆ แต่ก็แอบหัวเราะอย่างมุ่งร้ายในใจ แม่ดอกเดซี่ที่แสนไร้เดียงสาเอ๋ย มาดูกันว่า ชั้นจะทำอะไรพวกเธอได้บ้าง
เมื่อเขาดึงกางเกงขึ้นเรียบร้อย ลิซ่าจับตามองเขาใกล้ ๆ เด็กผู้หญิงทั้ง 4 คนกลับมายืนอยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้งและพูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า
“ข้าจะลืมเรื่องที่แกซ่อนหินไว้ในกางเกงก็ได้ แต่แกต้องบอกมา ว่าวางแผนจะทำอะไรตรงต้นไม้นอกหน้าต่างห้องข้ากลางดึกแบบนี้กันแน่?”
“หึหึหึ”
หานซั่วหัวเราะโง่ ๆ แทนคำตอบ เขาชี้ไปที่ถุงผ้าเก่า ๆ ที่แขวนอยู่บนกิ่งไม้
“จะไปเอาไอ้นั่นลงมาน่ะสิ”
“ทำไมต้องมาตามหาถุงขยะอะไรของแก กลาง-ดึก-ขนาด-นี้-ด้วย!”
ลิซ่าตวาดกลับด้วยความโกรธ
ในตอนนั้นเอง เบลล่า จอมเวทย์ระดับเริ่มต้นก็ถอนหายใจเบา ๆ และพูดกับลิซ่าว่า
“นี่ ลิซ่า ไม่เห็นเหรอว่าไบรอันน่ะบ้าไปแล้ว จากตอนแรกที่นึกว่าฆ่าเขาตายไป กลายเป็นว่าเธอคงทำให้เขาเสียสติแทนซะแล้ว จะไปเอาอะไรกับคนบ้าแบบนี้ล่ะ จริงมั้ย?”
อาธีน่าซึ่งดูง่วงมากจนต้องป้องปากหาว
“โอ… พรุ่งนี้มีเรียน ข้ากลับไปนอนต่อดีกว่า รุ่นพี่ลิซ่าน่าจะจัดการเรื่องนี้ได้แหละ”
เอมี่ดูจะสงสารหานซั่วเมื่อเธอมองเขาพร้อมส่ายหัวและถอนหายใจเบา ๆ เธอไม่ได้พูดอะไรมาก และเดินจากไปพร้อมเบลล่า
ถ้าหานซั่วไม่ได้แสร้งทำตัวเป็นคนบ้าปัญญาอ่อน เขาต้องเจอกับความกราดเกรี้ยวของเด็กผู้หญิงทั้งสามคนเป็นแน่ โดยเฉพาะกับลิซ่า แต่ในเมื่อเขาถูกตัดสินว่า “เสียสติ” ทั้งสามคนซึ่งไม่คิดยุ่งอะไรกับคนบ้าอยู่แล้ว จึงทิ้งเขาไว้และแยกย้ายกลับไปนอนบนเตียงอุ่น ๆ ของตัวเอง
เมื่อนักเรียนหญิงทั้งสามคนจากไป ก็เหลือเพียงลิซ่าและหานซั่วอีกครั้ง ลิซ่าจ้องมองหานซั่วอย่างดุร้าย และพูดว่า
“จะไปไหนก็ไป อีกสองวันข้าค่อยจัดการกับแกใหม่ วันนี้ข้าเหนื่อยแล้ว ถ้าแกกล้ารบกวนการนอนของข้าอีกครั้งล่ะก็ ข้าจะใช้เวทมนตร์ทำให้แกกลายเป็นบ้ารอบที่สองเลยคอยดู ไม่ใช่แค่เตะแกจนฟกช้ำดำเขียวแค่นี้หรอก!”
ลิซ่าส่งสายตาขุ่นเคืองให้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนเดินจากด้วยท่าเดินที่ไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ พร้อมบ่นอุบ
“โอ๊ย เจ็บจัง! ไม่อยากเชื่อเลยว่าไอ้บ้านั้นใส่หินไว้ในกางเกง ที่เจ้านั่นกลายเป็นบ้าไปเพราะผีกูลของข้าแน่ ๆ”
และเธอก็เดินเข้าประตูไป
ความเงียบมาเยือนอีกครั้งเมื่อลิซ่าจากไป หานซั่วตัวสั่นด้วยความสับสนขณะมองเธอเดินห่างออกไป โชคดีที่ลิซ่าไม่ได้ใช้เวทย์ศาสตร์แห่งความตาย ไม่อย่างงั้นแล้ว จอมเวทย์ระดับเริ่มต้นอย่างเธอ คงเรียกผีกูลมาทำให้เขาได้เป็นบ้าไปจริง ๆ แน่นอน
เมื่องานเลี้ยงเลิกรา หานซั่วเองก็กลับออกไปเช่นกัน เขาสาปแช่งตัวเองขณะพาร่างกายอันอ่อนแอและบอบช้ำกลับไปยังโรงเก็บของ
เมื่อมาถึงโรงเก็บของ เขาปัดขยะออกจากเตียงอย่างไม่ใส่ใจ และผล็อยหลับสนิทไปในทันที
วันรุ่งขึ้น…
หานซั่วหลับเต็มอิ่ม เมื่อประตูโรงเก็บของเปิดขึ้นพร้อมเสียงร้องอันดัง
“หวา…”
หานซั่วลืมตาปรือและพลิกตัวหันมาเจอเด็กชายอ้วนเตี้ยในชุดทาส เขามีผมสั้นสีทอง และตาซ้ายบวมช้ำจนเป็นสีเขียวเข้ม ชี้นิ้วมาที่หานซั่วด้วยอาการตกตะลึง
“เจ้า… เจ้า…”
เขาพูดตะกุกตะกักไม่เป็นประโยค
“โอ้ แจ็คเองรึ เจ้าเข้ามาทำอะไรในห้องข้าล่ะ?”
แจ็คอ้วนตัวน้อยอายุเท่ากันกับไบรอัน และเป็นหนึ่งในทาสไม่กี่คนของสาขาศาสตร์แห่งความตายที่ทำดีกับเขา อาจเป็นเพราะเข้าใจถึงความทุกข์ยากที่มีเหมือนกันก็ได้ แจ็คมาจากครอบครัวที่แร้นแค้น ซึ่งพ่อของเขาส่งให้มาอยู่ที่วิทยาลัยเวทมนตร์และศาสตร์แห่งพลังบาบิโลนเมื่อสองปีก่อน เพื่อแลกกับเหรียญเงินเล็กน้อยทุกเดือน ๆ
แม้แจ็คจะเป็นทาสรับใช้เหมือนไบรอัน แต่ก็ไม่ได้ถูกขายให้กับวิทยาลัย เขาจึงถือเป็นเสรีชน ซึ่งต่างกับไบรอันที่ถูกขายให้กับวิทยาลัยโดยพ่อค้าทาส
แจ็คเป็นทั้งทาสรับใช้และเหยื่อในการถูกกลั่นแกล้ง แต่พวกนักเรียนศาสตร์แห่งความตายไม่ได้ทำกับเขาเหมือนที่ทำกับไบรอัน เพราะแจ็คไม่ใช่ทาส พวกเขาอาจจะทุบตีหรือตวาดใส่ หรือแม้แต่ทำการทดลองเล็ก ๆ น้อย ๆ กับเขาบ้าง แต่ก็ไม่เคยทรมานเขาจนตายเหมือนที่ทำกับทาสคนอื่น
ไบรอันรู้สึกอิจฉาแจ็คมาตลอด เพราะแจ็คได้กินอาหารทุกมื้ออย่างอิ่มท้อง และไม่ตกเป็นเป้าในการกลั่นแกล้งอย่างไร้มนุษยธรรม และสำหรับแจ็คเอง ก็มีเพียงไบรอันคนเดียวที่อยู่ด้วยแล้วรู้สึกมีความมั่นใจในตัวเองขึ้นบ้าง ทั้งคู่จึงเป็นสหายที่เข้ากันได้ดี
“โหย… ทำเอาตกใจแทบตาย ไบรอัน เจ้ายังไม่ตาย เยี่ยมไปเลย!”
“เยี่ยมตรงไหน นี่ข้าหิวจะแย่แล้ว แจ็ค มีของกินอะไรติดตัวมาบ้างรึเปล่า ขอหน่อยสิ แล้วข้าจะชดเชยให้วันหลัง”
หานซั่วรู้สึกว่าแจ็คไม่ได้ตอบเขาในทันทีที่เขาพูดจบ แต่กลับจ้องมองเขาอย่างตกตะลึง ดวงตาสีเหลืองเล็กเหมือนเมล็ดถั่วบนใบหน้าอวบอูมจ้องมองเขาอย่างสงสัย หานซั่วขมวดคิ้วพร้อมถามกลับอย่างหงุดหงิด
“อะไร ข้าหล่อขนาดนั้นเลยเหรอ?”
แจ็คมองหานซั่วอย่างแปลกใจยิ่งกว่าเดิม
“หลายปีมานี่ เจ้าไม่เคยขออาหารจากข้า เจ้าจะกินเฉพาะตอนข้าเอาอาหารมาให้ และเจ้าก็ไม่เคยพูดกับข้าแบบนั้น ไบรอัน เจ้าเปลี่ยนไปนะ!”
หานซั่วสะดุ้งเล็กน้อย แม้ลิซ่ากับเพื่อน ๆ ของเธอจะแยกแยะความแตกต่างไม่ได้ แต่กับแจ็ค… เจ้าแจ็คโง่นั่น… มองหานซั่วออกตั้งแต่พูดประโยคแรก
หานซั่วค้นความทรงจำของไบรอันอยู่ครู่หนึ่ง และพบว่าตามปกติแล้วไบรอันไม่เคยพูดกับนักเรียนศาสตร์แห่งความตายเลย เขาจะทำทุกอย่างตามที่คนอื่นสั่งให้ทำโดยไม่แสดงอาการหรือท่าทีใด ๆ แต่ไบรอันก็มีพูดคุยกับแจ็คบ้าง แม้ว่าส่วนใหญ่แจ็คจะเป็นฝ่ายพูด และไบรอันเป็นผู้ฟังก็ตาม ทั้งสองคนคุ้นเคยกันมานาน จึงไม่แปลกที่แจ็คจะรู้สึกถึงความแตกต่างได้อย่างรวดเร็ว
หานซั่วยิ้มและแก้ตัวว่า
“ก็ข้าถูกผีกูลของลิซ่าเล่นงานจนเกือบตาย หลังจากเหตุการณ์นั้น ข้าคิดได้ว่าข้าไม่ควรใช้ชีวิตผิด ๆ แบบที่ผ่านมา เลยอยากเปลี่ยนแปลงดูเท่านั้นเอง”
เมื่อฟังหานซั่วอธิบาย แจ็คถอนหายใจอย่างโล่งอกและพยักหน้ารับ
“เข้าใจล่ะ นึกว่าผีกูลจะเล่นงานเจ้าจนปัญญาอ่อนไปแล้วซะอีก”
“…..”
หานซั่วนิ่งเงียบ
“เอ้านี่ ขนมปังดำที่ข้าแอบเก็บไว้ กินซะ ดีจริงที่เจ้ายังไม่ตาย พอทุกคนคิดว่าเจ้าตายไปแล้ว พวกนั้นก็โยนงานของเจ้ามาให้ข้าหมดเพราะยังหาทาสรับใช้คนใหม่ไม่ได้ ข้าถึงต้องรีบมาแต่ไก่โห่ขนาดนี้ไง แถมตอนรีบมาก็ไปเจอเจ้าบาค** แล้วก็โดนต่อยมาอีก ตาซ้ายข้าเขียวเลยเนี่ย”
** Bach อ่านว่า บ๊าก
แจ็คพูดอย่างมีความสุขขณะส่งขนมปังก้อนสีเทายื่นให้หานซั่ว และดูดีใจอย่างเห็นได้ชัดที่ไม่ต้องทำงานแทนไบรอันแล้ว
หานซั่วงับขนมปังอย่างแรง พลางมองไปที่รอยเขียวช้ำเป็นดวงที่ตาซ้ายของแจ็ค และพูดอย่างโกรธจัด
“บาคเล่นงานเจ้าอีกแล้วหรอ เจ้านั่นทำเกินไปแล้วล่ะ มาเถอะ ไปแก้แค้นกัน!”
แจ็คถึงกับกระโดดลุกขึ้นยืนด้วยอารามตกใจ พยายามรั้งหานซั่วไว้ด้วยน้ำหนักตัวทั้งหมดที่มี และอุทานว่า
“ไบรอัน เจ้าบ้าไปแล้วรึไง พวกเราชินกับเรื่องแบบนี้มานานแล้วนี่ บาคน่ะ เป็นจอมเวทย์ฝึกหัดของศาสตร์แห่งความตายเลยนะ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราโดนกลั่นแกล้งซะหน่อย ดีแค่ไหนแล้วที่พวกนั้นไม่ค่อยมายุ่งกับเรา แก้แค้นไปจะได้อะไรขึ้นมา!”
หานซั่วหัวเราะอย่างเยือกเย็น
“อย่าห่วงเลย ใช่ ข้าบ้า และตอนนี้นักเรียนศาสตร์แห่งความตายทุกคนก็รู้ว่าข้าเป็นบ้าไปแล้ว บ้าขั้นสุดเลยด้วย ข้าไม่กลัวใครทั้งนั้น!”
หานซั่วแผดเสียงและลากแจ็คออกจากโรงเก็บของไปอย่างภาคภูมิใจ พร้อมกันที่แก่นมนตราในร่างกายเขาเริ่มโคจรอย่างรวดเร็ว