I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Great Demon King ตอนที่ 4 หน้าอกที่แบนราบเหมือนแผ่นขนมปัง

| Great Demon King | 2538 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

** เพจใหม่ค่ะ !! เพราะคาดว่าในอนาคตจะมีแปลมากกว่า 1 เรื่อง จึงเปิดใหม่เป็นเพจกลางสำหรับอัพเดททุกเรื่องไปเลยทีเดียวนะคะ

** FB จะอัพเดทเร็วกว่าที่อื่นล่วงหน้า 1 ตอน **

Chapter 4 : หน้าอกที่แบนราบเหมือนแผ่นขนมปัง

เมื่อนักเรียนสาขาศาสตร์แห่งความตายตื่นขึ้นในตอนเช้าและรีบเตรียมตัวเพื่อไปยังอาคารเรียนเวทมนตร์สายธาตุมืด แจ็คเริ่มสติแตกและไม่เต็มใจอย่างยิ่งที่จะเข้าร่วมแผนการของหานซั่ว แต่ความกลัวของเขาก็ลดน้อยลงเมื่อหานซั่วเล่าแผนการให้ฟัง สุดท้ายแล้ว แจ็คก็เห็นด้วย เพราะนึกได้ว่าหานซั่วกำลังทำเพื่อเขาอยู่ นี่เขามีความเป็นลูกผู้ชายน้อยกว่าไบรอันรึไงนะ?

รูปปั้นของนักเรียนดีเด่นแห่งวิทยาลัยบาบิโลนมากมายเรียงรายตามทางเดินหิน ประติมากรรมที่สูงใหญ่ราวกับมีชีวิตเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเครื่องหมายของความภาคภูมิใจอันยิ่งใหญ่และเกียรติยศของวิทยาลัย

หนึ่งในหน้าที่ของไบรอันคือการปัดฝุ่นรูปปั้นเหล่านี้ทุกวัน ซึ่งเขาต้องทำมาตั้งแต่ตอนอายุ 10 ขวบ โดยใช้บันไดเล็ก ๆ ช่วยปีนขึ้นไปตอนที่ยังตัวเตี้ยกว่านี้ และหลังจากงานอันยากลำบากนี้เสร็จแล้วเท่านั้น ที่เขาถึงจะได้รับอนุญาตให้พักทานอาหารได้

เมื่อพวกเขากำลังทำความสะอาดรอยแตกร้าวของรูปปั้นจอมขมังเวทย์หนวดเฟิ้มคนหนึ่ง หานซั่วหันไปพูดกับแจ็ค

“ข้าว่านะ แจ็ค คงดีเนอะ ถ้าสักวันนึง รูปปั้นของเราถูกสร้างขึ้นตรงนี้บ้าง”

“ไบรอัน อย่าไร้สาระน่า พวกเราเป็นแค่เด็กรับใช้นะ ดีแค่ไหนแล้วที่ได้กินจนอิ่มทุกมื้อกับไม่โดนทุบตีทุกวัน อย่างพวกเราจะไปเป็นจอมเวทย์กับเขาได้ยังไง? โอ…ไบรอัน เจ้าเปลี่ยนไปจริง ๆ เมื่อก่อนเจ้าไม่มีวันมีความคิดบ้า ๆ แบบนี้ และไม่มีวันพูดความคิดนั่นออกมาด้วยซ้ำ!”

“แล้วทำไมจะคิดไม่ได้ล่ะ?”

“การเป็นจอมเวทย์น่ะ เราต้องมีคุณสมบัติพอ และต้องมีเหรียญทองมากพอที่จะเข้าเรียนในวิทยาลัยเวทมนตร์ แถมยังต้องผ่านบททดสอบกับการสอบอีกหลายระดับ ขนาดพวกเด็ก ๆ ที่ไม่ว่าจะมาจากตระกูลสูงศักดิ์แค่ไหนก็ต้องมีคุณสมบัติจริง ๆ เหมือนกัน สำหรับพวกเราที่เป็นคนธรรมดานี่เป็นไปไม่ได้เลย อ้อ… ลืมไป เจ้าเองก็เป็นทาสแท้ ๆ ไม่ใช่เสรีชน นั่นยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เรียกว่าไม่มีหวังเลยก็ว่าได้!

“เราก็อยู่ในวิทยาลัยเวทมนตร์อยู่แล้วนี่นา แถมไม่ต้องจ่ายค่าเล่าเรียนเลยด้วย หึหึหึ เรียกว่าโชคสองชั้นเลยดีกว่า ถ้าเราไม่เรียนเวทมนตร์ตอนนี้ อนาคตเราจะกล้าบอกใครว่ามาจากวิทยาลัยเวทมนตร์และศาสตร์แห่งพลังบาบิโลนได้ยังไงล่ะ?”

“ไบรอัน อย่ามั่นใจไปหน่อยเลย เราไม่ใช่นักเรียน แต่เป็นเด็กรับใช้ อย่างน้อยข้าก็ออกจากวิทยาลัยได้ในอนาคต แต่เจ้าน่ะ – เจ้าไม่มีวันออกไปจากที่นี่ได้นะ!

แจ็คใจลอยอยู่ครู่หนึ่งขณะเช็ดถูรูปปั้นของ แคลร์ จอมขมังเวทย์ โดยไม่ได้สนใจรายละเอียดเครื่องหน้าที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของรูปปั้นเลยแม้แต่น้อย แจ็คเพียงคิดว่าไบรอันแค่เพี้ยน ๆ ก็เลยพูดอะไรอย่างตรงไปตรงมาเท่านั้น

“ฮ่า เลิกพูดเรื่องนั้นเถอะ ดูสิ ยัยแม่มดลิซ่านั่นกำลังเดินมาทางนี้ รีบเตรียมทำตามแผนเถอะ!”

หานซั่วเหลือบเห็นลิซ่าจากไกล ๆ เธอกำลังเดินกะเผลกมาทางพวกเขา พลางคิดว่าอย่างน้อยความทรงจำหลังจากรับใช้วิทยาลัยมา 6 ปี ของไบรอันก็มีประโยชน์ เพราะเขาจำเส้นทางที่ใช้ประจำวันของคนบางคนที่นี่ได้

ลิซ่ามักจะนอนตื่นสาย และส่วนใหญ่จะเดินอย่างเชื่องช้าไปยังห้องเรียนด้วยตัวคนเดียว แม้แต่วันนี้ก็เช่นกัน วันนี้เธอสวมชุดคลุมแม่มดสีดำ ผมยาวสีทองนุ่มน่าสัมผัสปลิวตามแรงลม ดูเหมือนนอนหลับไม่เต็มอิ่มในคืนที่ผ่านมา เพราะเธอหาวไปตลอดทางที่เดิน

ลิซ่าเป็นเด็กน่ารัก แต่อาจเป็นเพราะเธอยังไม่โตเต็มวัยสาวอย่างสมบูรณ์นัก และอายุเพียง 16 ปี บริเวณหน้าอกของเธอจึงยังไม่กลมกลึงเท่าที่ควร ข่าวลือแว่วมาว่าลิซ่าไม่ค่อยพอใจกับหน้าอกแบนราบของตัวเองนัก และกำลังพยายามหาทางแก้ไขอยู่

หานซั่วและแจ็คแอบมองอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ …เมื่อลิซ่าเดินเข้ามาใกล้จึงพยายามขัดถูรูปปั้น แคลร์ จอมขมังเวทย์ อย่างจริงจัง พลางแอบพูดคุยกันขณะทำงาน โดยไม่สนใจการปรากฏตัวของเธอ

“ไม่มีทาง ไบรอัน เจ้าต้องฟังผิดมาแน่ ๆ บาคกล้าพูดแบบนั้นถึงลิซ่าได้ยังไง?”

ทั้งคู่ทำทีเป็นกระซิบคุยกันเบา ๆ แล้วจู่ ๆ แจ็คก็พูดเสียงดังขึ้นด้วยความประหลาดใจ

ลิซ่ากำลังเดินอย่างเหม่อลอยขณะที่ได้ยินใครบางคนเอ่ยชื่อเธอ ความสนใจของเธอพุ่งไปยังต้นเสียงของประโยคนั้น ขณะมองทางข้างหน้าอย่างระมัดระวัง

เด็กผู้หญิงทุกคนกระหายใคร่รู้ในสิ่งที่คนอื่นพูดถึงตัวเองลับหลัง และลิซ่าก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น เธอเดินไปไกลพอที่จะหลบอยู่หลังรูปปั้นอีกชิ้นหนึ่ง เพื่อไม่ให้สองคนนั้นเห็นเธอและไม่กล้าพูดออกมา เธอเงี่ยหูฟังขณะที่แอบมองพวกเขาอย่างลับ ๆ

เจ้าไบรอันกึ่งบ้ากึ่งปัญญาอ่อนนั่นเองนี่นา! ลิซ่ายังคงโกรธและอยากสั่งสอนเขาให้รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียจริง ๆ แต่ก่อนอื่น เธออยากได้ยินว่าบาคพูดถึงเธอว่าอะไร

หานซั่วยิ้มย่องและพูดว่า

“ไม่ ข้าไม่ได้หูฝาด ตอนพวกนั้นเดินไปที่ห้องเรียนน่ะ บาคพูดกับนักเรียนคนอื่นว่า หน้าอกของลิซ่าน่ะ แบนอย่างกับแผ่นขนมปังที่ถูกรีดให้แบนอีกที!”

เมื่อได้ยิน แจ็คถึงพยายามกลั้นหัวเราะด้วยกำลังทั้งหมดที่มี หน้าของเขาเริ่มแดง และเนื้อตัวสั่นเทิ้มไม่หยุด

อีกด้านหนึ่งของรูปปั้น ใบหน้าของลิซ่าเข้มขึ้นด้วยความโกรธ ดวงตาคู่งามของเธอฉายแววโมโหถึงขีดสุด ริมฝีปากน่ารักเริ่มสั่น พร้อมขบฟันขาวราวไข่มุกของเธอจนเกิดเสียง ตัวเธอสั่นไปด้วยความโกรธอยู่ครู่หนึ่ง และเดินย่ำเท้าออกไปอาคารเรียนอย่างอารมณ์เสีย จนลืมไปสนิทว่าเคยนึกอยากสั่งสอนไบรอันมากแค่ไหน

แจ็คกลั้นหัวเราะไม่ไหวอีกต่อไปเมื่อเห็นลิซ่ารีบร้อนเดินจากไปยังทิศทางตรงข้าม เธอเลือดขึ้นหน้าจนกลายเป็นสีม่วง

“ฮ่าฮ่าฮ่า…!”

เขาระเบิดหัวเราะออกมาหลังจากที่พยายามกลั้นมานาน และพูดพลางหัวเราะว่า

“ไบรอัน เจ้านี่ร้ายจริง ๆ ขนาดเด็กรับใช้อย่างเรายังรู้เลยว่าเจ้าบาคนั่นชอบลิซ่าอยู่ และลิซ่าก็ไม่ขอบให้ใครมาล้อเรื่องหน้าอกของเธอ เห็นหน้าเธอเมื่อกี้ไหม เจ้าบาคงานเข้าแน่ ๆ”

หานซั่วหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ และรีบเก็บแปรงออกไป

“เลิกทำความสะอาดแคลร์ก่อนเถอะ รีบไปดูอะไรเด็ด ๆ กันดีกว่า!

แจ็ครีบเก็บแปรงด้วยท่าทางสง่างาม ใส่ในถุงผ้ารอบเอวตามคำแนะนำของหานซั่ว พลางหัวเราะ

“ไปกันเถอะ ข้าอยากเห็นลิซ่าเล่นงานบาคจะแย่ สาสมแล้วกับที่มาต่อยข้าเมื่อเช้านี้”

เด็กรับใช้ศาสตร์แห่งความตายทั้งสองคนรีบตามลิซ่าไปด้วยความฮึกเหิม พวกเขาวิ่งอย่างรวดเร็วไปยังอาคารเรียน ผ่านเหล่านักเรียนที่ต่างฉงนในพฤติกรรมของพวกเขา ซึ่งนึกสงสัยว่าเมื่อเช้า เจ้าเด็กรับใช้ขี้ขลาดสองคนนี้ต้องลุกจากเตียงผิดด้าน** แน่ ๆ

** น่าจะเป็นสำนวนว่า ทำอะไรผิดเพี้ยนไปจากเดิม

ที่วิทยาลัยเวทมนตร์และศาสตร์แห่งพลังบาบิโลน ศาสตร์แห่งความตายเป็นสาขาแยกย่อยออกมาจากเวทมนตร์สายธาตุมืด นักเรียนศาสตร์แห่งความตายจึงต้องใช้ห้องเรียนร่วมกันกับนักเรียนเอกเวทมนตร์ธาตุมืดคนอื่น ๆ และอยู่ภายใต้การสอนของเหล่าอาจารย์

ด้วยความมุ่งมั่นอันน่าชื่นชมของลิซ่า เมื่อหานซั่วและแจ็คไปถึง ลิซ่าไปถึงก่อนหน้าพวกเขาและกำลังระบายความโกรธเคืองโดยการทุบตีบาครัว ๆ

“ลิซ่า ขนาดพวกเด็กรับใช้ยังรู้เลยว่าข้ารู้สึกยังไงกับเจ้า แล้วข้าจะพูดเกี่ยวกับเจ้าแบบนั้นได้ยังไง? เจ้าได้ยินมาจากใครกันน่ะ?”

บาคซึ่งตาซ้ายเขียวช้ำเรียบร้อยแล้ว กระโดดหลบการโจมตีของคำสาป “ศรกระดูก” เขาฉวยโอกาสช่วงที่หยุดชั่วครู่หนึ่ง รีบยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง ซึ่งดูหมดสภาพเต็มที

บาคทุบตีแจ็คอย่างแรงตอนที่เจอเขาครั้งล่าสุด แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไบรอันเจ็บปวดทรมานยิ่งกว่าเพราะฝีมือของบาค

บาคอายุ 17 ปี เป็นลูกชายของตระกูลสูงศักดิ์เล็ก ๆ ตระกูลหนึ่ง แต่กลับอยู่ในจอมเวทย์ฝึกหัดระดับล่างสุด ทว่ายังคงเหนือว่าจอมเวทย์เริ่มต้นระดับสูง ไม่รวมที่เขาพยายามยั้งมือเพราะชอบเธอ จึงไม่แปลกที่เขาถูกโจมตีอย่างรวดเร็วเมื่อเผชิญหน้ากับลิซ่าผู้กำลังเกรี้ยวกราด

“หึ ไม่ใช่เรื่องของเจ้า พวกนั้นไม่ได้ตั้งใจบอกให้ข้ารู้ แสดงว่ามันต้องเป็นเรื่องจริง ถ้าเจ้าจะใจร้ายกับข้าขนาดนี้ ก็รับความโมโหของข้าไปซะ!

หานซั่วกับแจ็คก็ไม่ได้ “ตั้งใจ” พูดให้ลิซ่าได้ยินจริง ๆ แถมหานซั่วยังกึ่งบ้ากึ่งปัญญาอ่อนอีก ไม่มีทางเลยที่คนแบบนั้นจะสร้างเรื่องโกหกแบบนี้ขึ้นมาได้ และทาสรับใช้ไม่กล้าโกหกแน่!

เมื่อเกี่ยวกับเรื่องต้องห้ามของลิซ่า เธอจะไม่พูดเรื่องนั้นออกมาให้ใครได้ยิน โดยเฉพาะเวลามีคนอยู่แถวนั้น เธอจึงทุ่มสุดตัวในการสั่งสอนบาคให้รู้สำนึกเพื่อไม่ให้ใครก็ตามกล้าล้อเลียนเธออีก

“วิญญาณแห่งทหารกล้าผู้ล่วงลับเอ๋ย จงสดับฟังคำเรียกแห่งสาส์นทมิฬ และปรากฏกายเบื้องหน้าข้า!

ลิซ่ายกแขนสีขาวผอมบางของเธอขึ้นฟ้าพร้อมกับร่ายเวทย์ เมื่อคาถาสมบูรณ์ นักรบโครงกระดูกสีขาวถือมีดกระดูก 2 ตัว โผล่ขึ้นมาตรงหน้าเธอ พวกมันเร่งความเร็วพุ่งเข้าใส่บาคพร้อมส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดของกระดูกที่เสียดสี และชูมีดในมือขึ้นสูงขณะที่เธอชี้มือไปทางเขา

หานซั่วตกตะลึงขณะยืนมองจากด้านข้าง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นความน่าพิศวงของเวทย์มนตร์ศาสตร์แห่งความตายของจริงด้วยตาตัวเอง ร่างกายของเขาแทบระเบิดออกด้วยความสงสัยใคร่รู้ พร้อมจับตามองอย่างจริงจังในทุกการเคลื่อนไหวเบื้องหน้า

“พลังสมาธิของลิซ่าไม่เลวเลยนี่ อัญเชิญนักรบโครงกระดูกมาได้ตั้ง 2 ตัว”

“หึ สาขาเอกศาสตร์แห่งความตายนี่อ่อนแอมากอยู่แล้ว พวกนักเรียนก็มาพาลไม่สามัคคีกันแบบนี้อีก ไม่สงสัยเลยว่าทำไมศาสตร์นี้ถึงได้อ่อนแอที่สุดในวิทยาลัย ช่างเป็นจุดด่างพร้อยของเวทมนตร์สายธาตุมืดจริง ๆ!”

นักเรียนเวทย์มนตร์สายธาตุมืดคนอื่น ๆ เริ่มจับกลุ่มคุยกันเมื่อลิซ่าอัญเชิญนักรบโครงกระดูกออกมา จากที่พวกเด็กนักเรียนคุยกัน หานซั่วก็ได้รู้ว่าในเวทมนตร์สายเดียวกัน แบ่งได้ออกเป็น 5 ระดับ ซึ่งขึ้นอยู่กับระดับพลังสมาธิด้วย หากจอมขมังเวทย์ผู้ใช้ความตายใช้พลังสมาธิระดับสูงในการอัญเชิญโครงกระดูก ก็จะสามารถอัญเชิญได้ในจำนวนที่เพิ่มมากขึ้น

บาครู้สึกหดหู่และสาปแช่งคนปล่อยข่าวลืออยู่ภายในใจนับร้อยครั้ง ถ้าบาคฝึกใช้คาถาเวทมนตร์สายธาตุมืดและมีพลังสมาธิมากพอ หานซั่วและแจ็คคงไม่มีทางได้มาสนุกสนานกับสิ่งที่ได้เห็นอยู่ตอนนี้แน่

นักรบโครงกระดูดไล่กวดเขาไปทั่วอย่างควบคุมไม่ได้ ในที่สุดบาคก็ต้องใช้เวทมนตร์เดียวกันอัญเชิญโครงกระดูกเล็ก ๆ ตัวหนึ่งขึ้นมา ปรากฏเป็นภาพของเด็กชายหนึ่งคนกับโครงกระดูกอีกหนึ่งตัว เริ่มต่อสู้กับนักรบโครงกระดูกที่เหลือ

นักเรียนเวทมนตร์สายธาตุมืดคนอื่น ๆ หัวเราะลั่นเมื่อเห็นสภาพน่าสมเพชของบาค คำเย้ยหยันทำให้เขาเสียสมาธิ ผลคือโดนนักรบโครงกระดูกตัวหนึ่งของลิซ่าเตะเข้าที่ท้องอย่างแรง หน้าเขากลายเป็นสีม่วงด้วยความเจ็บปวดและค่อย ๆ ร่วงลงไปกองกับพื้น

ลิซ่ารีบหยุดโครงกระดูกของเธอเมื่อเห็นบาคถูกโจมตี และโครงกระดูกเริ่มเงื้อมีดขึ้นเพื่อจบหน้าที่ของมัน เธอก็ส่งโครงกระดูกกลับสู่มิติอื่น

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่การต่อสู้ถึงตาย และวิทยาลัยก็ห้ามไม่ให้มีการต่อสู้ลักษณะนี้อยู่แล้ว ลิซ่าไม่กล้าทำร้ายบาคจริง ๆ อารมณ์โกรธของเธอสงบลงเมื่อเห็นว่าบาบาคบาดเจ็บ

บาคยืนขึ้นและส่งโครงกระดูกกลับไปยังมิติอื่นเช่นกัน เขากวาดตามองไปรอบ ๆ และเห็นหานซั่วกับแจ็คกำลังหัวเราะเยาะเขาด้วยเสียงอันดัง บาครู้สึกจมไปด้วยความโกรธพร้อมก่นด่าว่า

“ขี้ข้าชั้นต่ำอย่างแกสองคนกล้าหัวเราะข้างั้นเรอะ?”

บาคไม่กล้าระบายอารมณ์ใส่ลิซ่า และยิ่งไม่กล้าเมื่อพวกรุ่นพี่ในสาขาศาสตร์แห่งความตายยังคงอยู่รอบ ๆ เขาจึงทำได้เพียงหาที่ระบายใส่เด็กรับใช้สองคนที่อยู่แถวนั้นซึ่งกำลังหัวเราะเยาะเขา และนั่นก็ยิ่งทำให้เขาโกรธมากขึ้นไปอีก

ลิซ่าค่อนข้างพอใจกับการระบายความโกรธของเธอ แต่เมื่อเห็นบาคไม่สนใจเธอและหันไปสนใจอย่างอื่นแทน เธอก็ทวีความโกรธขึ้นอีกครั้งและร่ายคำสาปอย่างเยือกเย็น

“โอ ความมืดมิดนิรันดร์เอ๋ย จงมอบพลังแห่งความตายให้แก่ข้า สร้างความเจ็บปวดแก่วิญญาณในร่าง… คำสาปฉีกวิญญาณ!

กลุ่มก๊าซสีดำควบแน่นขึ้นตรงหน้าลิซ่า และพุ่งเข้าใส่บาคทันที กลุ่มก๊าซเคลื่อนตัวลอยไปในอากาศจนกระทั่งก่อตัวกลายเป็นเปลวไฟสีดำ

ท่าทีของบาคพลันเปลี่ยนไปเมื่อเห็นเปลวไฟเวทมนตร์จาก “คำสาปฉีกวิญญาณ” พุ่งตรงเข้ามาหาเขาหลังได้ยินลิซ่าร่ายเวทย์จบ ไม่ทันได้คิดอะไร เขาก็หันหลังกลับและรีบวิ่งไปทางหานซั่วและแจ็คทันที เมื่อ “คำสาปฉีกวิญญาณ” ใกล้ถึงตัว เขาก็ทิ้งตัวลงกลิ้งไปกับพื้น

แผนของบาคได้ผล แต่หานซั่วผู้ไร้ซึ่งการป้องกันใด ๆ และกำลังหัวเราะชอบใจอย่างถึงที่สุดเมื่อเห็นบาคล้มกลิ้งลงตรงหน้าเขา ขณะนั้นเองที่ “คำสาปฉีกวิญญาณ” พุ่งเข้าใส่ร่างกายของหานซั่วอย่างจัง

ตาของหานซั่วกลอกไปด้านหลังพร้อมกันกับที่หัวของเขารู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมากะทันหัน…

และเขาก็ล้มลงไปนอนแน่นิ่งบนพื้น

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments