ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป** เพจใหม่ค่ะ !! เพราะคาดว่าในอนาคตจะมีแปลมากกว่า 1 เรื่อง จึงเปิดใหม่เป็นเพจกลางสำหรับอัพเดททุกเรื่องไปเลยทีเดียวนะคะ
** FB จะอัพเดทเร็วกว่าที่อื่นล่วงหน้า 1 ตอน **
Chapter 7 : สร้างขุมพลังปีศาจจากโครงกระดูก
“ไบรอัน ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยเชื่อเลยนะ ที่ใคร ๆ เอาแต่หาว่าเจ้าบ้า แต่ตอนนี้น่ะ แม้แต่ข้าก็เชื่อด้วยคนแล้ว และเจ้าน่ะ โคตร-บ้า-เลย-ด้วย”
แจ็คหมุนคออ้วน ๆ ของเขา ส่ายหัวและถอนหายใจเมื่อเห็นหานซั่วแสดงท่าทีเกี่ยวกับความปรารถนาในตัวแฟนนี่อย่างออกนอกหน้า
“เอ๋ นั่นขนมที่บาคเอามาง้อลิซ่านี่นา ฮ่าฮ่า โชคดีชะมัด! ข้ายังไม่เคยกินขนมแพง ๆ ที่พวกตระกูลสูงศักดิ์ชอบกินกันเลยสักที!”
หานซั่วตรวจสอบขนมที่บาคลืมทิ้งไว้เพราะรีบวิ่งกลับไปเข้าเรียน เขาหยิบกล่องขนมที่ออกแบบอย่างประณีตขึ้นมา และเริ่มกินขนมในกล่องอย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่ลังเล
เค้าประหลาดใจขณะกำลังเคี้ยวหยับ ๆ
“อื้อหือ… อร่อยมากเลย เจ็บตัวไปก็ไม่เสียเปล่าแฮะ …นี่ ข้าขอแบ่งขนมปังเจ้ามาครึ่งนึงเมื่อกี้ ข้าคืนขนมอร่อย ๆ ให้กล่องนึงเลยแล้วกัน คุ้มขนาดนี้ ขโมยกันเลยดีกว่า”
“แต่นี่ของบาคไม่ใช่เหรอ?”
“ข้าเล่นงานเจ้าคนถ่อยนั่นได้ ขนมนี่ก็เป็นของข้าแล้วไง!”
“…..”
แจ็คนิ่งเงียบ
แม้แต่หานซั่วเองก็รู้สึกแปลก ๆ กับการพัฒนาของตัวเองเช่นกัน เขารู้สึกว่า ตั้งแต่มาถึงยังอาณาจักรแห่งความลึกล้ำแห่งนี้ และเริ่มบ่มเพาะความแข็งแกร่งของเวทมนตร์ ความหิวกระหายอาหารของเขาเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งบุคลิกเองก็ห้าวหาญขึ้นเช่นกัน เขาได้ทำอะไรหลาย ๆ อย่างที่ชีวิตก่อนหน้านี้ไม่มีวันกล้าทำ และความปรารถนาในจิตใจก็แรงกล้ามากขึ้น
“ไบรอัน! แจ็ค! ป่านนี้พวกเจ้าควรจะไปทำความสะอาดห้องทดลองได้แล้วไม่ใช่รึ? นี่ยังทำความสะอาดรูปปั้นไม่เสร็จเลย ถ้าทำให้พวกเราเดือดร้อนล่ะก็ พวกเจ้าก็ต้องโดนด้วยนะ!”
ขณะที่หานซั่วและแจ็คกำลังเอร็ดอร่อยอยู่กับขนมรสชาติละเอียดอ่อนอยู่นั้น เด็กรับใช้สองคนที่อายุมากกว่าเดินมาหาพวกเขาจากด้านหลัง ทั้งสองคนถือไม้ถูพื้นในมือ เร่งเร้าให้หานซั่วและแจ็ครีบไปทำความสะอาดห้องทดลอง
เด็กรับใช้สองคนนี้ เป็นเด็กหนุ่มอายุราว 20 ปี สูงประมาณ 170 เซนติเมตร ชื่อ บอร์ก และ แครี่ ทั้งคู่มีนิสัยชอบรังแกไบรอันและแจ็คเป็นประจำตลอดหลายปี เพราะทั้งอายุมากว่าและแข็งแรงกว่า จึงชอบโยนงานของตัวเองให้ไบรอันและแจ็คทำ ซึ่งในที่นี้ ก็คืองานทำความสะอาดห้องทดลอง ที่จริง ๆ แล้วเป็นงานของพวกเขาเองต่างหาก
“ไม่ไป!”
หานซั่วไม่สนใจพวกเขาแม้แต่น้อย เพราะใจจริงแล้วอยากเลิกทำแบบนี้มานานเต็มที เขารู้สึกว่าตัวเองแข็งแกร่ง และมีความมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิม เพราะขนาดกับบาคเองเขายังไม่เคยแพ้จริง ๆ สักที เมื่อเริ่มอิ่ม การมีเรื่องอีกครั้งอาจเป็นตัวช่วยย่อยที่ดีหากสองคนนี้ยังไม่หยุด
“หา? ไม่ไปงั้นรึ? ไบรอัน เจ้านี้บ้าไปแล้วจริง ๆ กล้าพูดแบบนี้กับข้า บอร์ก ผู้แข็งแกร่งคนนี้ อยากให้ข้าช่วยเล่นงานจนกว่าจะสำนึกได้รึไง?”
บอร์กกำหมัดแน่น เขาหัวเราะอย่างเย็นชาขณะจ้องมองหานซั่วตาเขม็ง
“อ๊า ปวดหัวเหลือเกิน!”
ร่างกายของหานซั่วสั่นลงไปนอนกับพื้นพร้อมเอามือกุมหัว แจ็คกำลังจะรีบวิ่งตรงไปทำความสะอาดห้องทดลองอยู่แล้ว แต่ก็หยุดชะงักและยืนนิ่งไม่ไหวติงเมื่อเห็นหานซั่วเล่นมุกเดิมอีกครั้ง เขามองหานซั่วอย่างมีความหวัง
“ข้าไม่สนหรอกนะว่าเจ้าจะบ้าจริง ๆ หรือแกล้งบ้ากันแน่ ข้าจะสั่งสอนเจ้าจนกว่าจะยอมเชื่อฟังอยู่ดี!”
แครี่ซึ่งดูอารมณ์เสียมากกว่า ย่างสามขุมตรงเข้ามาและยกเท้าเตะไปทางหานซั่ว
ตอนนั้นเองที่หานซั่วทำเป็นร้องด้วยความตกใจ กระโดดเอาหน้าอกไปทาบเข้ากับฝ่าเท้าของแครี่พอดี แสร้งร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดก่อนที่จะใช้ทั้งสองมือจับเท้าของแคร์รี่ไว้แน่นพร้อมยกลอยขึ้น กลายเป็นแครี่เสียเองที่เป็นฝ่ายร้องด้วยความเจ็บปวดจริง ๆ เพราะเสียหลักล้มลงไป และเสียงร้องของเขาก็ขาดหายไปทันทีที่ริมฝีปากฟาดเข้ากับรูปปั้นหิน
บอร์กที่ยิ้มเยาะน้อย ๆ ขณะเห็นแครี่พุ่งตรงไปหาหานซั่ว และคิดว่าหานซั่วโดนเล่นงานแน่ ๆ ใครจะไปนึกว่าหานซั่วจะใช้อกรับฝ่าเท้าแบบนั้น และแครี่กลับเป็นฝ่ายถูกเล่นงานเสียเอง
“อ๋อ? กล้าสู้กลับงั้นรึไบรอัน บอร์ก จัดการเจ้านี่ด้วยกันเถอะ วันนี้เราคงต้องช่วยกันสั่งสอนมันสักหน่อยแล้ว!”
แครี่ประคองตัวเองกลับขึ้นมาด้วยอาการเจ็บพอสมควร เขาพุ่งตรงเข้าหาหานซั่วอีกครั้ง พร้อมกับเรียกบอร์กให้เข้ามาช่วย
หานซั่วยังคงเอามือกุมหัวและแสร้งร้องด้วยความเจ็บปวดต่อไป พลางคิดว่า ขนาดบาคเขายังกล้าหือ แล้วนับประสาอะไรกับไอ้ปัญญาอ่อนสองตัวนี้กัน เขาดิ้นและสะบัดแขนขาไปมาอย่างบ้าคลั่ง แม้โดนทุบตีไปหลายครั้งแล้ว แต่แครี่และบอร์กยังไม่หยุด
หานซั่วซึ่งเคยชินกับการโดนทุบตีอยู่แล้ว ก็ฟื้นฟูร่างกายไปด้วยโดยการโคจรแก่นมนตราตามหลักของอาณาจักรพลังรูปธรรม จึงไม่มีปัญหาในการรับหมัดของทั้งสองคนเลยแม้แต่น้อย กลับกัน ใบหน้าของแครี่และบอร์กกลับมีรอยฟกช้ำ และสภาพดูย่ำแย่กว่า ในขณะที่หานซั่วเป็นฝ่ายที่แข็งแกร่งขึ้น
เด็กรับใช้สามคนต่อยตีกันอย่างรุนแรงและบ้าคลั่งอยู่บริเวณริมถนน ร่างกายของแครี่และบอร์กเริ่มบาดเจ็บมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อการต่อสู้ดำเนินต่อไป พวกเขาเริ่มอ่อนแรงลง แต่หานซั่วกลับเจ็บตัวเพียงเล็กน้อย และรู้สึกผ่อนคลายเสียด้วยซ้ำ ดูเหมือนเขาสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด และเริ่มสู้อย่างลื่นไหลมากขึ้น สุดท้ายแล้ว หานซั่วก็เป็นฝ่ายวิ่งไล่แครี่และบอร์กจนกระทั่งทั้งสองคนวิ่งหนีหางจุกตูด
“ไงล่ะ เป็นการสู้ที่สนุกจริง ๆ แจ็ค ต่อไปนี้เราก็ไม่ต้องทำงานของแครี่กับบอร์กอีกแล้วล่ะ บอกข้านะถ้าพวกนั้นมารังแกเจ้าอีก ข้าจะอัดพวกนั้นให้เหมือนกระสอบทรายเลย!”
แจ็คอ้วนตัวน้อยมองดูหานซั่วอย่างชื่นชมขณะโดนแขนของหานซั่วโอบเอาไว้ แจ็คหัวเราะลั่นและพูดว่า
“ไบรอัน เจ้านี่เยี่ยมไปเลย เจ้าอัดแครี่กับบอร์กได้ด้วยตัวคนเดียว ทำได้ยังไงกันน่ะ?”
หานซั่วชี้ไปที่ตัวเองและพูดอย่างลำพอง
“เพราะข้ามีใจที่กล้าหาญน่ะสิ!”
หลายวันผ่านไป หานซั่วไม่มีอาการปวดหัวเลย แม้แต่บาคเองก็ไม่คิดตามหาหานซั่วเพื่อแก้แค้นอีกเลยเช่นกัน หานซั่วและแจ็คไม่ต้องทำงานของแครี่และบอร์กอีกแล้ว และพวกนั้นก็ทำอะไรไม่ได้เพราะต่อสู้ไม่ชนะเองทั้ง ๆ ที่เป็นฝ่ายได้เปรียบเรื่องจำนวน จึงได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปในแบบที่ควรจะเป็น
เมื่อมีทั้งโครงกระดูกตัวเล็กช่วยเอาขยะไปทิ้งในตอนเช้า และไม่จำเป็นต้องทำงานของแครี่และบอร์กอีก หานซั่วจึงมีเวลาว่างเพิ่มมากขึ้น ระหว่างนี้ เขาก็ไม่ได้ขอให้แจ็ค “ยืม” ตำราเล่มไหนมาจากห้องสมุดอีก แต่หันมาสนใจศึกษา “ตำราศาสตร์แห่งความตายขั้นพื้นฐาน” อย่างจริงจัง เพื่อเสริมความรู้พื้นฐานให้แน่นขึ้น
หลังจากศึกษาตำรา หานซั่วพบว่าพลังจิตของเขาค่อนข้างอ่อนแอ เขาจึงเริ่มฝึกพลังสมาธิเข้าฌานทุกคืน ๆ หลังจากกลับมาที่โรงเก็บของ โครงกระดูกตัวเล็กตัวนี้ เป็นอมนุษย์ระดับล่างสุด และอ่อนแอที่สุดในมิติมืด อีกทั้งยังมีระดับสติปัญญาต่ำมาก จนสามารถทำงานได้เฉพาะสิ่งที่ผู้อัญเชิญออกคำสั่งเท่านั้น หานซั่วจึงสั่งให้มันอยู่แต่ในโรงเก็บของในช่วงกลางวัน และออกไปทิ้งขยะในเวลากลางคืน
ขณะที่หานซั่วกำลังเริ่มเข้าฌานตอนกลางคืนเหมือนทุกที เขาก็นึกถึงความทรงจำที่ตาเฒ่าชูชางหลานทิ้งไว้ในหัวขึ้นมาได้ ว่ามีอะไรบางอย่างที่เกี่ยวกับบันทึกลึกลับที่พูดถึงการเสริมสร้างเวทย์ปีศาจ หานซั่วคิดว่าเวทย์ปีศาจที่เขากำลังบ่มเพาะมาจากโลกที่ต่างออกไปจากเวทมนตร์ศาสตร์แห่งความตายที่เขากำลังศึกษาอยู่ในโลกนี้ แต่ทั้งคู่เป็นเวทมนตร์สายธาตุมืด และดูเหมือนจะมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่คล้ายคลึงกัน ถ้าเอาทั้งสองเวทย์ผสานรวมเข้าด้วยกันจะเป็นไปได้มั้ยนะ?
หานซั่วย่นหน้าผากขณะพยายามค้นความทรงจำอย่างจริงจังและพบว่า แม้ชูชางหลานจะถ่ายทอดความทรงจำส่งผ่านมาให้มากมาย แต่ก็ยังมีบางส่วนที่มืดมัวและเลือนรางเต็มที ราวกับการพยายามมองผ่านกระดาษลายหินอ่อนแผ่นบางจนมองเห็นภาพที่ไม่ชัดเจน
หลังพยายามค้นความทรงจำไปได้สักพัก เขาก็นึกวิธีสร้าง “ขุมพลังปีศาจ” ขึ้นมาได้ หานซั่วซึ่งสามารถอัญเชิญโครงกระดูกแสนอ่อนแอมาได้ตัวเดียวโดยใช้เวลาฝึกแค่ช่วงสั้น ๆ เขาจึงตัดสินใจทำการทดลองกับโครงกระดูกตัวนั้น
ในการสร้าง “ขุมพลังปีศาจ” สิ่งแรกที่จำเป็นคือวัตถุดิบ และในเมื่อหานซั่วตั้งใจจะทำการทดลองเล่น ๆ อยู่แล้ว เขาจึงคิดใช้โครงกระดูกตัวเล็กเป็นวัตถุดิบหลัก ในโรงเก็บของยังพอมีเลือดสด ๆ ของสัตว์วิเศษเกรดต่ำอยู่บ้าง รวมทั้งขยะเหลือทิ้งอื่น ๆ เช่น ผงกระดูก และหางตัวซาลาแมนเดอร์ ซึ่งหานซั่วนำมาใช้เป็นวัตถุดิบรองสำหรับการสร้างขุมพลังปีศาจ
ขุมพลังปีศาจที่มีลักษณะจำเพาะนั้น จำเป็นต้องใช้วัตถุดิบที่ซับซ้อน และเป็นการทดลองที่ยากลำบากเพราะกว่าจะได้มาซึ่งวัตถุดิบเหล่านั้น ของบางอย่างไม่มีอะไรยืนยันได้ด้วยซ้ำว่ามีอยู่บนโลกนี้จริง แต่หานซั่วก็ไม่สนใจ และคว้าเอาของมั่ว ๆ ที่เจอในโรงเก็บของมาเติมเต็มความต้องการฉับพลันของเขา เขากลับไปที่ห้องทดลองและหยิบถังใบใหญ่ที่ไม่มีใครใช้ออกมา รวมทั้งส่วนประกอบที่นักเรียนศาสตร์แห่งความตายเหลือทิ้งไว้ ซึ่งเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกมันคืออะไรบ้าง
หานซั่วค่อย ๆ ย่องกลับมาที่โรงเก็บของใต้เงามืดยามราตรี เขาปิดประตูอย่างระมัดระวัง และเริ่มเอาโครงกระดูกใส่ถัง ตามด้วยการโยนวัตถุดิบอื่น ๆ ลงไปอย่างมั่ว ๆ ทั้งเลือดสัตว์ประหลาด ผงกระดูก หางตัวซาลามันเดอร์ และวัตถุดิบอื่น ๆ ตามด้วยน้ำอีกถังหนึ่ง ในถังใบใหญ่นั้น เกิดเป็นสีหลายสีที่ดูเละเทะน่ารังเกียจจากการผสมกันมั่ว ๆ ของ…สารพัดสิ่งที่เขาโยนใส่ลงไป มีเพียงหัวกะโหลกเท่านั้นที่โผล่ขึ้นมาเหนือระดับน้ำ ซึ่งเจ้าโครงกระดูกนั่นไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
หานซั่วหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหลับตาลงและค่อย ๆ สร้าง “ขุมพลังปีศาจ” ตามความทรงจำของชูชางหลานอย่างช้า ๆ นอกเหนือจากวัตถุดิบที่หลากหลายแล้ว การสร้าง “ขุมพลังปีศาจ”ยังอาศัยการสร้างห้วงมิติพิเศษขึ้นมาอีกด้วย เดิมที ผู้ใช้เวทย์จำเป็นต้องบ่มเพาะแก่นมนตรารูปแบบพิเศษนี้โดยใช้เวลาหลายวันหรือหลายเดือน และขุมพลังปีศาจที่แข็งแกร่งจริง ๆ นั้นมักใช้เวลาหลายปี
แน่นอนว่าหานซั่วในตอนนี้นั้นยังทำอะไรที่ว่านี่ไม่ได้สักอย่าง เขาจึงเลือกวิธีการสร้างที่ง่ายที่สุด และหยิบเอาเดือยกระดูกสีขาวโพลนของสัตว์วิเศษตัว-อะไร-ก็-ไม่-รู้ขึ้นมา และใช้มันตามวิถี “ห้วงมิติพินิจมนตราหยิน”
“ห้วงมิติพินิจมนตราหยิน”เป็นห้วงมิติปีศาจประเภทหนึ่งที่อยู่ในความทรงจำของชูชางหลาน และเป็นวิธีการก่อกำเนิด “ปีศาจหยิน” ทั้งเจ็ด
ซึ่งจะต้องใช้พวกมันในการสร้างห้วงมิติดังกล่าว โดยผู้ใช้เวทย์จะใช้แก่นมนตราผนวกรวมกับปีศาจหยินทั้งเจ็ดในห้วงมิติ ซึ่งวัตถุดิบต่าง ๆ ที่ใช้ในการสร้างก็จะค่อย ๆ เจือจางและผสานเข้ากับวัตถุดิบหลักในที่สุด
และ “ขุมพลังปีศาจ” จะสมบูรณ์เมื่อใช้แก่นมนตราเสริมสร้างอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 36 วัน
การสร้างปีศาจหยินหนึ่งตัว จำเป็นต้องใช้ผีกูลหนึ่งตัว ซึ่งผีกูลก็คือศพของผู้บริสุทธิ์ที่ตายอย่างผิดธรรมชาติและถูกฝังในดินแดนร้าง หากวิญญาณของผู้นั้นยังคงยึดติดและไม่ยอมไปสู่สุขติก็จะกลายเป็นผีกูลแต่การทำให้ผีกูลกลายเป็นปีศาจหยินนั้นต้องใช้กระบวนการพิเศษ ที่หานซั่วในตอนนี้ยังไม่สามารถทำได้
เขาใช้เดือยกระดูก 7 ชิ้น เป็นตัวแทนปีศาจหยินทั้ง 7 ในถังใหญ่ และนั่งลงข้าง ๆ ถังเพื่อโคจรแก่นมนตรามาที่ปลายนิ้วกลางมือขวา และปักนิ้วนั้นลงตรงกลางวงเดือยกระดูกทั้ง 7
แม้เดือยกระดูกจะเป็นตัวแทนคุณภาพเลว แต่เนื่องจากได้รับการจัดเตรียมอย่างถูกต้อง จึงสามารถซึมซับแก่นมนตราหยวนได้เล็กน้อย
ไม่มีใครรู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าใด กระแสน้ำวนเล็ก ๆ 7 แห่งปรากฏขึ้นบนผิวน้ำ โดยมีเดือยกระดูกแต่ละอันเป็นศูนย์กลาง
หานซั่วรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นกระแสน้ำวนทั้ง 7 ก่อตัวขึ้น เขารู้ว่าแม้จะทำอะไรดูเละเทะไปหมด แต่ก็พบว่าประสบความสำเร็จอยู่บ้าง
อย่างไรก็ตาม เขายังไม่รู้ว่าท้ายที่สุดแล้ว โครงกระดูกตัวเล็กนั้นจะกลายเป็นอะไร หลังจากเข้าฌานไปได้ไม่นาน ก็ผล็อยหลับไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย
(0 votes) 0/10