ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป** เพจใหม่ค่ะ !! เพราะคาดว่าในอนาคตจะมีแปลมากกว่า 1 เรื่อง จึงเปิดใหม่เป็นเพจกลางสำหรับอัพเดททุกเรื่องไปเลยทีเดียวนะคะ
** FB จะอัพเดทเร็วกว่าที่อื่นล่วงหน้า 1 ตอน **
Chapter 6 : สักวันเธอต้องเสร็จข้าแน่
หานซั่วตื่นขึ้นมาตอนเที่ยงคืนพอดี แก่นมนตรากลับไปโคจรอย่างไร้ระเบียบเช่นเดิมแล้ว แต่ดูเหมือนภายในสมองของเขามีบางอย่างแปลกไป เทียบกับก่อนหน้านี้ เมื่อเขามองไปรอบ ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างดูกระจ่างชัดมากขึ้น
ความคิดวูบหนึ่งทำให้หานซั่วชะงัก เขาเริ่มฝึกพลังสมาธิเข้าฌานทันที ครั้งนี้ค่อย ๆ ขยายสัมผัสให้กว้างขึ้นอย่างระมัดระวังตามคำแนะนำใน “ตำราศาสตร์แห่งความตายขั้นพื้นฐาน” และพบว่า เพราะแก่นมนตราที่โคจรไปยังสมองขณะที่คำสาปฉีกวิญญาณแสดงผลในครั้งนั้นเอง ที่ทำให้เขาสามารถฝึกฝนจนพลังจิตปรากฏขึ้นมาได้แบบงง ๆ
“ฮ่าฮ่าฮ่า… ข้านี่มันอัจฉริยะจริง ๆ ฝึกเข้าฌานจนได้พลังจิตในเวลาสั้น ๆ ฮี่ฮี่ ลองเวทมนตร์ขั้นต่ำสุดของศาสตร์แห่งความตายสักหน่อยดีกว่า ดูซิว่าข้าจะอัญเชิญนักรบโครงกระดูกมาได้รึเปล่า!”
เขารีบเปิด “ตำราศาสตร์แห่งความตายขั้นพื้นฐาน” และพลิกอ่านอยู่หลายหน้า ก็ยังไม่เจอวิธีร่ายเวทย์อัญเชิญนักรบโครงกระดูกเลย จนหานซั่วเพิ่งมาตระหนักได้ว่าตำราเล่มนี้เป็นเพียงข้อมูลอ้างอิงพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับศาสตร์แห่งความตายเท่านั้น แต่ไม่มีเนื้อหาเกี่ยวกับวิธีการร่ายเวทย์หรือคาถาใด ๆ อยู่เลย
หานซั่วขมวดคิ้วขณะพยายามนึกคาถาที่ลิซ่าเคยร่ายให้ออก เขายกมือขึ้นสูง เพิ่งสมาธิไปที่พลังจิตอย่างแน่วแน่ และเริ่มร่ายคาถา“วิญญาณแห่งทหารกล้าผู้ล่วงลับเอ๋ย จงสดับฟังคำเรียกแห่งสาส์นทมิฬ และปรากฏกายเบื้องหน้าข้า!”
เมื่อร่ายเวทย์เสร็จ เขารู้สึกว่าพลังจิตปริมาณน้อยนิดในใจเขาได้จางหายไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่างในชั่วขณะนั้น แต่ก็ต้องทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงทันทีเมื่ออยู่ดี ๆ หัวของเขาก็รู้สึกปวดขึ้นมา เขาหายใจหอบอย่างแรง และอ่อนกำลังอย่างสิ้นเชิง
ขณะที่หานซั่วล้มตัวลงนอน เงาดำเงาหนึ่งก็ปรากฏวาบขึ้นในโรงเก็บของเล็ก ๆ ของเขา โครงกระดูกสีขาว ที่สูงเพียงครึ่งหนึ่งของตัวที่ลิซ่าเคยอัญเชิญ ปรากฏตัวขึ้นมาแทนเงานั้น
หานซั่วตื่นเต้นดีใจเป็นที่สุด เมื่อเขาเห็นโครงกระดูกสีขาวราวหิมะถือกริชกระดูก จ้องมองมาที่เขาด้วยดวงตากลวงโบ๋ แม้ขนาดจะแตกต่างกัน แต่ก็ยังเป็นโครงกระดูกที่พิสูจน์ได้ว่าการร่ายเวทมนตร์ศาสตร์แห่งความตายของเขาเป็นผลสำเร็จ
แต่หานซั่วยังคงหมดแรงและหน้ามืดไปหมด ถ้าอิงตาม “ตำราศาสตร์แห่งความตายขั้นพื้นฐาน” แล้ว หานซั่วสันนิษฐานว่าพลังจิตของเขากำลังอ่อนแอ เพราะใช้พลังจิตไปจนหมดสิ้นเพราะอัญเชิญโครงกระดูกตัวเล็กตัวนี้มา
หานซั่วรู้สึกถึงความสัมพันธ์แปลกประหลาดระหว่างเขากับโครงกระดูกตัวเล็กที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา และในเมื่อพลังจิตของเขาอ่อนแอเกินไป เขาจึงไม่สามารถออกคำสั่ง หรือแม้แต่ส่งมันกลับไปยังมิติอื่นได้
มนุษย์และโครงกระดูกจ้องกันไปกันมาอยู่ครู่หนึ่ง ไม่มีใครเข้ามาในโรงเก็บของของหานซั่วอยู่แล้ว ถ้าปล่อยให้โครงกระดูกอยู่ในนี้ก็คงไม่ต่างกัน เพราะมันจะไม่ทำอะไรหากไม่ได้รับคำสั่งเวลาล่วงเลยเที่ยงคืนไปพอสมควรเมื่อหานซั่วจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย แม้จะเหลือเชื่อแต่เขากลับเหนื่อยยิ่งกว่า เมื่อความประหลาดใจเริ่มจางหาย หานซั่วก็ผล็อยหลับไปพร้อมกับความสับสน
วันต่อมา ขณะฟ้ายังไม่ทันสางหานซั่วตื่นแล้ว เขาวางแผนจัดการกับขยะก่อนที่คนอื่น ๆ จะตื่นอย่างที่เคยทำเป็นประจำ และกำลังจะเริ่มทำงานตามกิจวัตรประจำวันอยู่แล้วตอนที่เหลือบไปเห็นโครงกระดูกตัวเล็กยืนแน่นิ่งอยู่ข้างกองขยะ
พลังจิตของเขาดูเหมือนจะฟื้นฟูขึ้นหน่อยแล้วหลังจากนอนหลับไปเมื่อคืน แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะส่งมันกลับไปยังมิติอื่นอยู่ดี อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนจะพอใช้ออกคำสั่งง่าย ๆ ได้
“เอาขยะไปทิ้ง”
โครงกระดูกตัวเล็กก้าวขาออกเดินทันทีที่เขาออกคำสั่ง นิ้วกระดูกทั้ง 5 นิ้วของมันค่อย ๆ เหยียดออกและหยิบขยะที่อยู่ข้างตัวมันขึ้นมา พร้อมกับเปิดประตู และเดินออกไปข้างนอก
“หึหึหึ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทุกคนถึงอยากเรียนเวทมนตร์กันนัก ทุกอย่างมันง่ายขึ้นมาก ๆ เมื่อใช้เวทมนตร์นี่เอง คราวนี้จะได้ใช้โครงกระดูกช่วยเอาขยะไปทิ้งให้ข้าทุกเช้า!”
หานซั่วสังเกตว่ายังเช้าอยู่ จึงทิ้งตัวลงบนเตียงเล็ก ๆ ของเขา และหลับต่ออีกครั้ง หลายวันที่ผ่านมา นี่เป็นเช้าวันแรกที่เขามีเวลานอนเพิ่มมากขึ้น
เมื่อหานซั่วลืมตาอีกครั้ง เขาพบว่าโครงกระดูกกลับมาแล้ว และเอาขยะไปทิ้งตามสั่งเป็นที่เรียบร้อย
ขณะหานซั่วล้างหน้าล้างตาหลังลุกจากเตียง เขาสังเกตเห็นว่ารอยฟกช้ำดำเขียวตามตัวหายไปอย่างน่ามหัศจรรย์ แม้แต่รอยแผลเป็นบนแขนก็เริ่มจางไปเช่นกัน แถมยังรู้สึกสมองปลอดโปร่งมากขึ้นหลังจากการแผ่ขยายพลังจิตให้กว้างขึ้นเมื่อวาน รูปร่างของเขาเองก็เหมือนจะดูดีขึ้นอาณาจักรพลังรูปธรรมของเวทย์ปีศาจ เป็นกระบวนการปฏิรูปปรับปรุงร่างกายของผู้ใช้เวทย์ การพัฒนาที่เห็นได้ชัดของอาณาจักรพลังรูปธรรมคือการลบรอยแผลเป็นบนร่างกาย เพิ่มความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่นของร่างกายผู้ใช้เวทย์อย่างมาก แม้แต่บาคหรือลิซ่าก็ต้องเสียใจ ถ้าพยายามใช้นักรบโครงกระดูกเล่นงานหานซั่วอีก
หานซั่วยังคงครุ่นคิดอย่างจริงจังขณะกำลังซักผ้าและเฝ้ามองเหล่านักเรียนศาสตร์แห่งความตายที่กำลังเร่งรีบไปเข้าเรียน และเขาก็คว้าเครื่องมือก่อนที่จะวิ่งไปทำความสะอาดอนุสาวรีย์บุคคลดีเด่นแห่งวิทยาลัยบาบิโลนต่อ
“อาธีน่า ตอนข้าลุกมาเข้าห้องน้ำก่อนพระอาทิตย์ขึ้นเมื่อเช้านี้น่ะ ข้าเห็นโครงกระดูกตัวเล็กตัวหนึ่งถือถุงขยะสองใบ ค่อย ๆ เดินไปตรงที่ทิ้งขยะ แปลกมากเลยล่ะ!”
เอมี่ จอมเวทย์ฝึกหัด กำลังคุยกับอาธีน่าขณะเดินไปยังอาคารเรียนเวทมนตร์สายธาตุมืด
“พิลึกจัง ใครกันนะที่เบื่อถึงขนาดอัญเชิญโครงกระดูกมาช่วยทิ้งขยะให้ ใช่เจ้าไบรอันกึ่งบ้ากึ่งปัญญาอ่อนนั่นรึเปล่า?”
“นั่นสิ แต่ข้าเห็นโครงกระดูกตัวเล็กถือถุงขยะสองใบจริง ๆ นะ แล้วข้าก็สงสารไบรอันจริง ๆ แค่นี้ก็แย่สำหรับเขามากพอแล้ว ยังต้องมาทรมานจากคำสาปของลิซ่า และถูกบาคทุบตีทุกวันอีก!”
“เจ้าคงตาฝาดไปเพราะยังกึ่งหลับกึ่งตื่นน่ะ ไบรอันเป็นแค่เด็กรับใช้ และยังเป็นทาสอีก ดีแค่ไหนแล้วที่ยังมีชีวิตรอดอยู่ เจ้าน่ะ จะใจดีเกินไปแล้ว มาห่วงไบรอันแบบนี้น่ะ!”
เด็กสาวสองคนเดินห่างออกไปจนหานซั่วไม่ได้ยินที่พวกเธอคุยกันอีก ไม่นาน แจ็คก็หันมาทำความสะอาดรูปปั้นชิ้นเดียวกัน หลังจากง่วนอยู่กับการปัดฝุ่นได้สักพัก เขาก็มองหานซั่วอย่างสงสัย
“ไบรอัน ข้าว่าเจ้าน้ำหนักขึ้นมาหน่อยนะ แล้วบาคไม่ได้เล่นงานเจ้าอีกเหรอ? เมื่อวานหน้าเจ้ายังมีรอยช้ำอยู่เลย ทำไมวันนี้หายแล้วล่ะ?”
“เดี๋ยวนี้ เจ้าบาคคงออกกำลังหนักเกินไปแน่เลย นายน่าจะเห็นนะ ตางี้คล้ำเชียว แถมยังดูอ่อนแออีก เหมือนไร้เรี่ยวแรงไปเลย ถ้าเป็นแบบนี้ เจ้านั่นคงเล่นงานข้าไม่ไหวอีกแล้วล่ะ”
หานซั่วรู้สึกท้องว่างเป็นพิเศษหลังจากพูดจบ และหันไปพูดกับแจ็คว่า
“เดี๋ยวนี้กินยังไงก็ไม่อิ่ม ขออาหารที่เจ้าซ่อนไว้ให้ข้าหน่อยสิ”
“เอ๋? เจ้ารู้ได้ไงว่าข้าซ่อนขนมปังไว้?”
“เด็กรับใช้ของสาขานี้ทุกคนรู้กันหมดว่าเจ้าชอบซ่อนอาหารไว้กับตัว มีเจ้าคนเดียวนี่แหละที่คิดว่าไม่มีใครรู้ อย่าเสียเวลาเลย เอาขนมปังมาให้ข้าเถอะ วันข้างหน้าข้าจะตอบแทนเจ้า!”
แจ็คหยิบขนมปังออกมาอย่างไม่เต็มใจ หลังจากคอยมองอย่างระมัดระวัง เขาก็บิขนมปังแบ่งให้หานซั่ว
หานซั่วพักจากงานและนั่งลงกินขนมปังอย่างหิวโหย อยู่ ๆ แจ็คก็พูดขึ้นว่า
“ชู่วว… บาคกำลังมาทางนี้ เอ๋?! ลิซ่าก็มากับเจ้านั่นด้วย!”
บาคถือกล่องสีขาวสวยงามสองใบในมือ และกำลังเดินตามหลังลิซ่าด้วยรอยยิ้มประจบประแจง เขายังคงไม่ละความพยายามในการเอาชนะใจเธอ
“ลิซ่า นี่ขนมสูตรพิเศษของตระกูลข้าเอง อร่อยมากเลยนะ เจ้ายังไม่ได้ทานข้าวเช้าใช่มั้ย? ลองทานดูหน่อยสิ”
ตอนที่บาคเล่นงานหานซั่วเมื่อวาน บาคบังเอิญโดนหมัดของหานซั่วต่อยเอา แก้มขวาของเขาจึงยังมีรอยช้ำเล็กน้อย ซึ่งจะรู้สึกเจ็บแปลบทุกครั้ง เมื่อเขาพยายามยิ้มก็จะเปลี่ยนเป็นหน้าบูดบึ้งขึ้นมาทันที
“ฮึ ข้าไม่หิว ไม่ต้องมาพยายามเอาใจข้า ข้าเกลียดคนอย่างเจ้า – มาทำเป็นประจบสอพลอต่อหน้า แต่ลับหลังกลับพูดถึงข้าเสีย ๆ หาย ๆ”
ลิซ่าเดินย่ำเท้าจากไปโดยไม่หันมามองบาคอีกเลย ขณะที่เธอเดินผ่านไบรอันและแจ็ค เธอส่งสายตาเย็นชามาที่ไบรอันและพูดว่า
“ไบรอัน อีกเดือนนึง ถ้าคำสาปฉีกวิญญาณหมดฤทธิ์เมื่อไหร่ ข้าจะมาใช้เจ้าเป็นเป้าฝึกซ้อมอีกแน่!”
เพราะลิซ่าพูดเรื่องนี้ขึ้นมา หานซั่วถึงเพิ่งนึกได้ว่าตั้งแต่เมื่อเช้า เขาไม่ได้ทรมานเพราะคำสาปฉีกวิญญาณอีกเลย จึงเดาว่าฤทธิ์ของคำสาปฉีกวิญญาณน่าจะถูกยกเลิกไปหลังจากบ่มเพาะพลังจิตสำเร็จเมื่อคืน เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว ป่านนี้เขาน่าจะกำลังทรมานจากผลของมันอยู่
ลิซ่ากำลังจะเดินจากไปอยู่แล้ว ตอนที่บาคโพล่งขึ้นมาด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นไบรอัน
“เอ๋ เป็นไปได้ยังไง? ข้าจำได้ว่าเมื่อวานเล่นงานจนหน้าเจ้ามีแต่รอยช้ำเต็มไปหมดเลยนี่นา ทำไมวันนี้รอยหายไปหมดเลยล่ะ?”
บ้าจริง ความจำดีขนาดนั้นเชียว หานซั่วทำเป็นมองบาคด้วยหน้าตาบ้า ๆ บอ ๆ และหัวเราะคิกคักอย่างคนไร้สติ
“ฮี่ฮี่ฮี่ ก็ข้ามีเรื่องให้ต้องดูแลผิวดี ๆ เป็นประจำนี่นา!”
ลิซ่าหัวเราะพรืดออกมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินหานซั่วพูดจบ และหยุดก้าวเดินทันที ไม่รีบเร่งเดินจากไปอีกแล้ว ดวงตาคู่งามของเธอหรี่เล็กลงเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวพร้อมกับยิ้ม ดูน่ารักทีเดียว เจ้าไบรอันปัญญาอ่อนนั่นมีอะไรน่าสนใจขึ้นเยอะหลังจากที่เสียสติไป ลิซ่าคิด เจ้านั่นไม่ได้เอาแต่ยืนนิ่งเงียบเหมือนก่อนอีกแล้ว
แจ็คซึ่งรู้ว่าหานซั่วไม่ได้บ้า แต่ที่พูดไปอย่างนั้นเพราะต้องการล้อเลียนบาคต่างหาก เขาพยายามกลั้นหัวเราะเต็มที่ แต่ก็ไม่วายหลุดหัวเราะออกมา
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
แต่กว่าจะรู้ตัวว่าทำอะไรผิดไปก็สายไปเสียแล้ว
บาคหัวเสีย คิดว่าขนาดรอยช้ำที่แก้มขวาของเขายังไม่ทันหายดี แต่ของเจ้าหน้าโง่ปัญญาอ่อนนั่นกลับหายไปหมด เขาไม่กล้าพูดอะไรเมื่อลิซ่าหัวเราะเขา แต่เสียงหัวเราะของแจ็คกลับยั่วโมโหบาคเข้าจริง ๆ เขาเดินปรี่ตรงเข้าไปหาแจ็คพร้อมกับตวาดเสียงดัง
“เจ้าขี้ข้าน่าสมเพช กล้าดียังไงมาหัวเราะข้า ข้าจะเล่นงานเจ้าให้ถึงตายเลย!”
แจ็คเห็นท่าจะไม่ดี แต่ก็ไม่กล้าวิ่งหนีออกไป ได้แต่ยืนอย่างอ่อนแรงรอรับการทุบตีขณะบาคตรงรี่เข้าหา ตอนนั้นเองที่หานซั่วรีบกุมหัวและตะโกนขึ้นว่า
“โอ๊ยย เจ็บ!”
เขาล้มลงไปกองตรงหน้าแจ็ค เมื่อบาคเห็นว่าเป้าหมายตรงหน้าเขาเปลี่ยนเป็นหานซั่ว เขาก็ไม่สนใจ เพราะจะเล่นงานใครก็ไม่ต่างกัน จึงเหวี่ยงหมัดใส่หน้าของหานซั่วอย่างเต็มแรง
“พลั่ก!”
เสียงหมัดปะทะหน้าหานซั่วดังขึ้น แต่หมัดของบาคไม่ได้ทำให้เจ็บเหมือนที่โดนเมื่อวาน และสามารถประคองร่างกายอันบอบบางของเขาไม่ให้โอนเอนเพราะแรงหมัดไว้ได้
เขาแสร้งร้องด้วยความเจ็บปวด
“เจ็บนะ!”
และเริ่มสาวแขนไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่งอย่างคนเสียสติ บาครัวหมัดใส่หานซั่วอีกสามครั้ง จนตาซ้ายของหานซั่วเป็นรอยช้ำดำคล้ำ ทั้งสองมือกุมท้องขณะโดดไปมา
“เจ้าทาสไร้ค่า กล้าดียังไงมาต่อยข้า วันนี้ล่ะ ข้าจะใช้เวทมนตร์ศาสตร์แห่งความตายฆ่าเจ้า ต่อให้เป็นสิ่งสุดท้ายที่ข้าจะทำก็เถอะ!”
“บาค รังแกไบรอันอีกแล้ว นี่มันเวลาเรียนนะ รีบกลับไปเข้าห้องเรียนเดี๋ยวนี้”
ในตอนนั้นเอง เสียงหวานอ่อนโยนดังตักเตือนมาจากไกล ๆ เมื่อสาวสวยร่างสูง ผมยาวเป็นลอนสีม่วงอ่อน เดินกรีดกรายมาทางพวกเขา
เธออายุราว ๆ 24 หรือ 25 ปี จมูกเป็นสัน ใบหน้ารูปไข่ และปากสีแดงดูเย้ายวน ผิวที่ดูเข้มเล็กน้อยของเธอดูสวยสุขภาพดี เธอสวมเสื้อคลุมบางเบาของอาจารย์ ซึ่งมีสีดำขลิบทอง
เสื้อคลุมอาจารย์นั้นรัดรูป เผยให้เห็นทรวดทรงหน้าอกกลมกลึงและท่อนขาเรียวยาว เธอพูดกับไบรอันขณะที่มือซ้ายถือตำราเวทมนตร์อยู่หลายเล่ม และถือคทาเวทมนตร์ประดับมรกตสวยงามในมือขวา
“เอ่อ… อาจารย์แฟนนี่คะ อาจารย์ลืมแว่นตาอีกแล้ว นั่นอาจารย์กำลังพูดกับไบรอันค่ะ!”
ลิซ่าเบ้ปากขณะพูดด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ
“แว่นตาคือจุมพิตแห่งความตายสำหรับสาวงาม ข้าไม่ใส่ของแบบนั้นทุกวันหรอก”
แฟนนี่ยิ้มและในที่สุดก็หันไปหาบาคได้ถูกคน ใช้คทาในมือขวาของเธอยื่นออกไปราวกับตั้งใจจะเคาะหัวของเขา และพูดอย่างเข้มงวด
“กลับไปเข้าเรียนเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่งั้นเจอดีแน่!”
เมื่อแฟนนี่พูดกับบาคอย่างอารมณ์ขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มหวานฉ่ำก็ปรากฏบนหน้าเธออีกครั้ง และหันมายิ้มให้ลิซ่า
“ลิซ่า เจ้าเองก็ต้องรีบเข้าเรียนนะ การเข้าเรียนสายบ่อย ๆ ไม่ใช่วิสัยของนักเรียนที่ดี ข้าต้องรีบไปเตรียมการสอนสำหรับวันนี้แล้วล่ะ แล้วเจอกันนะจ๊ะ!”
แฟนนี่หันไปจ้องเขม็งใส่บาคอีกครั้ง และเดินล่องลอยจากไปพร้อมกับขาเรียวงาม ช่างดูสง่างามจนหญิงนับพันมิอาจเทียบได้ ก้นงามงอนของเธอส่ายไปมาขณะก้าวเดินจนทอดเป็นเงาที่ดูมีสเน่ห์ยิ่งนัก
“เอ๋… อาจารย์แฟนนี่คะ ทางนั้นไม่ใช่อาคารเรียนค่ะ เดินไปผิดทางแล้ว เหลือเชื่อเลย ช่วยใส่แว่นหน่อยเถอะค่ะ!”
ลิซ่าตะโกน และหยุดชะงักเล็กน้อยเมื่อกำลังจะเดินจากไป เธอหันกลับมาส่งสายตาเย็นชาให้บาค พร้อมพ่นลมทางจมูกอย่างดูถูก
“เป็นผู้ชายที่ไร้ค่าจริง ๆ ขนาดเล่นงานเด็กรับใช้แค่คนเดียวยังทำไม่ได้”
ลิซ่าหันมามองหานซั่วอีกครั้งและรีบตามแฟนนี่ไป
บาคเดือดพล่านด้วยความโกรธ และชี้ไปที่หานซั่วและแจ็คอย่างมุ่งร้าย
“รอก่อนเถอะ เจ้าพวกชั้นต่ำ เราจะได้เห็นดีกันแน่!”
ดูเหมือนว่าคำสั่งของแฟนนี่จะมีผลกับเขาอย่างมาก เพราะเขารีบวิ่งไปเข้าเรียนอย่างสุดฝีเท้า
หานซั่วจ้องมองตามแฟนนี่อย่างลุ่มหลงจนเธอเดินไปลับตา โดยไม่สนใจบาคเลยแม้แต่น้อย เขาพึมพำกับตัวเอง
“อาจารย์แฟนนี่คนเมื่อกี้นี่เด็ดจริง ๆ ไม่สงสัยเลยว่าทำไมเจ้าเด็กบ้าไบรอันนี่ถึงแอบหลงเธอ รสนิยมของไบรอันกับข้านี่เหมือนกันได้อีกแฮะ”
“ไบรอัน เลิกจ้องได้แล้ว ข้ารู้ว่าเจ้าชอบอาจารย์แฟนนี่มานาน และเธอยังห้ามไม่ให้นักเรียนหลายคนรังแกเจ้าด้วย แต่เจ้าเป็นแค่เด็กรับใช้นะ และเธอก็เป็นจอมเวทย์ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของวิทยาลัยเลยด้วย เจ้ารู้มั้ยว่าจอมเวทย์ผู้เชี่ยวชาญมีอำนาจมากแค่ไหน? และเท่าที่รู้ ในวิทยาลัยนี่มีคนแอบชอบเธอมากมายไม่รู้ตั้งกี่คน ตื่นซะทีสิ!”
แจ็คโบกมืออวบอูมของเขาตรงหน้าหานซั่ว ขณะพูดให้เค้าคิดได้และยอมรับฟังความจริง
“ข้าเมาแล้ว ข้าตื่นไม่ไหวหรอก!”
หานซั่วพูดขณะยังคงชายตามอง
“สักวันเธอต้องเสร็จข้าแน่!”