ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป** เพจใหม่ค่ะ เพราะคาดว่าในอนาคตจะมีแปลมากกว่า 1 เรื่อง จึงเปิดใหม่เป็นเพจกลางสำหรับอัพเดททุกเรื่องไปเลยทีเดียวนะคะ
** FB จะอัพเดทเร็วกว่าที่อื่นล่วงหน้า 1 ตอน **
Chapter 9 : คราวนี้เจ้านั่นไม่รอดแน่ ๆ
เสื้อของไอรีนฉีกขาดออก เผยให้เห็นผิวขาวราวหิมะบริเวณเนินอกด้านขวา เธอที่ทั้งอายและตกใจ กรีดร้องด้วยความหวาดกลัว ยิ่งผิวสีขาวนั่นเผยให้เห็นมากขึ้น ก็ยิ่งดึงดูดสายตาปลาบปลื้มของนักเรียนชายสาขาเวทย์ธาตุแสงที่ยืนอยู่รอบ ๆ
เพราะไอรีนเป็นเด็กสาวรูปร่างหน้าตาสวยสดงดงาม ดูบอบบางน่าทะนุถนอม ทว่าฐานันดรศักดิ์ชนชั้นสูงของเธอเปล่งประกายน่าเกรงขามจนมิอาจแตะต้อง เหล่านักเรียนชายสาขาเวทย์ธาตุแสงที่ได้ใกล้ชิดเธอล้วนตกอยู่ในภวังค์ความฉงนสนเท่ห์ในทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับเด็กสาวอย่างไม่รู้จักพอ จนลืมแม้กระทั่งสั่งตัวเองให้เข้าไปช่วยเหลือเธอ
เมื่อทุกคนเพิ่งรู้สึกตัวได้ว่าโครงกระดูกเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง ก็สายไปแล้วที่จะเข้าไปปกป้อง โครงกระดูกตัวเล็กนั่นเงื้อกริชกระดูกสีดำเป็นมันวาวขึ้น และแทงไปที่ไอรีน ไม่มีใครกล้าทำอะไรเพราะเกรงว่าเวทย์ธาตุแสงของพวกเขาจะเป็นอันตรายต่อเธอ
ไอรีนรู้สึกสิ้นหวังไร้ทางสู้ เมื่อมองเข้าไปในดวงตากลวงโบ๋ของโครงกระดูก เธอราวกับถูกแช่แข็งเพราะความกลัวขณะนั่งไม่ไหวติงอยู่ตรงนั้น
ไอรีนจ้องมองโครงกระดูกเคลื่อนตัวใกล้เข้ามาพร้อมกับกริชกระดูกมันวาวในมือด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ใครจะไปคิดว่าชีวิตของเธอจะจบลงด้วยน้ำมือของอสูรมิติมืดที่อ่อนแอที่สุดแบบนี้กัน? น่าสมเพชเหลือเกิน
ส่วบ…!!
ไอรีนรู้สึกถึงลมเย็นบริเวณเอวด้านขวา และนึกว่าถูกแทงซะแล้ว แต่เมื่อก้มลงมอง เธอถึงรู้ว่าเธอไม่ได้บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย ทว่าชุดคลุมเวทมนตร์ของเธอกลับถูกฟันขาดจากเอวลงมาถึงน่อง เผยให้เห็นผิวมากขึ้นอีก
เอวบางกระชับและผิวดูนุ่มลื่น ตามลงมาด้วยเรียวขาที่ผิวส่องประกายแวววาวถูกเผยออก แม้แต่กางเกงชั้นในผ้าไหมสีเขียวอ่อนตัวจิ๋วก็โผล่มาให้เห็นใต้รอยผ้าที่ขาด ไอรีนได้ยินเสียงพวกนักเรียนชายที่อยู่รอบ ๆ กลืนน้ำลายเสียงดัง พร้อมกับเสียงพูดคุยของพวกนักเรียนหญิง
“อ๊า…”
ถ้าการถูกโครงกระดูกนั่นแทงตายในครั้งเดียวก็แย่พออยู่แล้ว แต่ที่แย่ยิ่งกว่าความตายก็คือการถูกเปลื้องเสื้อผ้าต่อหน้าสายตาหื่นกระหายของเหล่าเพื่อนนักเรียนมากกว่า เสียงกรีดร้องบาดหูดังขึ้นจากปากไอรีนขณะเธอตะเกียกตะกายหนีอย่างไร้ทิศทาง และพยายามเอามือปิดบังเรือนร่างอย่างสิ้นหวัง
“ก…เกิดบ้าอะไรขึ้นกับเจ้าโครงกระดูกนั่นน่ะ ทำไมมันถึงตั้งใจทำลายแต่เสื้อผ้าของไอรีนแบบนั้น?”
“เลิกจ้องกันได้แล้ว! รีบ ๆ ทำลายมันเร็วเข้าสิ!”
ในที่สุดนักเรียนเวทย์ธาตุแสงก็ตั้งสมาธิได้อีกครั้งท่ามกลางเสียงคุยจอแจของกลุ่มคน แล้วยกแขนขึ้นพร้อมกัน เตรียมร่ายเวทย์โจมตีโครงกระดูกตัวเล็กนั้น
โครงกระดูกยืนทื่ออีกครั้งหลังโจมตีเสร็จ ราวกับว่ารอคำสั่งจากหานซั่วว่าจะให้มันทำอะไร แต่หานซั่วกำลังตึงเครียดเมื่อเห็นโครงกระดูกยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เขาไม่รู้ว่าต้องทำอะไรต่อไป
ลิซ่าซึ่งยืนอยู่ด้านข้าง ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรออกมา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะลังเลเมื่อได้เห็นว่าเสื้อผ้าของไอรีนถูกฟันขาดเป็นทาง
“เจ้าอสูรสารเลว กล้าดียังไงมาทำร้ายท่านไอรีนผู้งดงาม! รับการลงทัณฑ์จากข้า อัศวินคล็อด** ผู้นี้ไปซะ!”
** ชื่อเฉพาะ = ชายจะเป็น Claude (คล็อด) หญิงจะเป็น Claudia (คลอเดีย) หรือ Claudine (คลอดีน)
ในตอนนั้นเองที่ร่างหนึ่งวิ่งพุ่งมาจากระยะไกล ด้วยความเร็วสูงของคล็อด ชั่วพริบตาเขาก็ปรากฏกายข้างเจ้าโครงกระดูกทันทีที่พูดจบ
คล็อดโจมตีโครงกระดูกตัวเล็กอย่างว่องไวทันทีที่เขาเข้าถึงตัวมัน ลำแสงสีเขียวอ่อนพุ่งออกมาจากหมัดขวาของเขาและปะทะเข้าใส่โครงกระดูกที่ไม่เฉลียวใจเลยสักนิดเข้าเต็มแรง โครงกระดูกลอยกระเด็นไปไกล และร่วงลงกระทบพื้นด้วยเสียงอันดัง
“ท่านไอรีนผู้งดงาม ท่านต้องทนทุกข์ทรมานเพราะข้ามาถึงช้าเกินไป!”
คล็อดพูดอย่างเจียมตนและโค้งคำนับไอรีนอย่างสุภาพ หลังส่งโครงกระดูกกระเด็นไปไกล
คล็อด ชายหนุ่มอายุ 18 ปี ผมสีเงินยวงมัดหางม้าปลิวสยายอย่างอิสระไว้ด้านหลัง หน้าตาหล่อเหลาเอาการในชุดคลุมฝึกซ้อมสีขาวทั้งชุด นักเรียนหญิงเวทย์ธาตุแสงต่างแก้มแดงระเรื่อเมื่อเห็นเขาปรากฏตัว และเริ่มจับกลุ่มกระซิบกระซาบคุยกัน
“ว๊าว นั่นคล็อดนี่! อายุแค่ 18 แต่ได้เป็นอัศวินยศนายสิบแล้ว! แถมยังเป็นลูกชายคนเล็กของหัวหน้าหน่วยกริฟฟ่อนแห่งจักรวรรดิด้วยนะ เท่ชะมัด!”
“เจ้าจะคลั่งผู้ชายเกินไปแล้ว คล็อดน่ะ ชอบไอรีน แต่เจ้ามาจากตระกูลเล็ก ๆ แถมไม่ได้สวยเท่าไอรีนอีก เขาไม่สนใจเจ้าหรอก”
นักเรียนหญิงเวทย์ธาตุแสงหยุดกระซิบกระซาบและแอบส่งสายตาอย่างมีนัยให้คล็อด เพราะเขาเป็นเหมือนเจ้าชายรูปงามขี่ม้าขาวที่เด็กสาวทุกคนต่างฝันถึง แต่ในทางกลับกัน เหล่านักเรียนชายกลับมองเขาด้วยสายตาที่ผสมผสานระหว่างความเกลียดชังและความเกรงกลัว
ขณะที่กลุ่มคนที่รายล้อมต่างพูดคุยด้วยเสียงพึมพำ โครงกระดูกที่กระเด็นไปไกลก็ลุกขึ้นยืนอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ซี่โครงของมันสั่นเทาไปตลอดทั่วทั้งตัว
ไอรีนพยายามปกปิดทั้งท่อนบนและท่อนล่างของเรือนร่างของเธออย่างเต็มที่ ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อด้วยความอับอาย อย่างไรก็ตาม เธอถอนหายใจอย่างโล่งอกที่คล็อดปรากฏตัว เธอกำลังจะตอบรับเขาอยู่แล้วตอนที่มองผ่านไหล่ของคล็อดไปและเห็นว่าโครงกระดูกตัวนั้นลุกกลับขึ้นมา สีหน้าหยิ่งทรนงของเธอเปลี่ยนเป็นตื่นตกใจและขยะแขยงในทันที ไอรีนชี้นิ้วไปที่ด้านหลังของคล็อดและพูดอย่างรีบเร่งว่า
“คล๊อด ถ้าเจ้ากำจัดอสูรมิติมืดน่าเกลียดน่ากลัวนั่นได้ ข้าจะยอมไปทานอาหารกับเจ้า!”
คล็อดหันหัวกลับไปมองหลังจากไอรีนพูดจบ และอุทานเบา ๆ อย่างประหลาดใจ
“เอ๋?”
ดูเหมือนเขาจะไม่คาดคิดมาก่อนว่าโครงกระดูกจะยังไม่ตาย เขาหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ และคำนับ
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับใช้ท่าน”
ท่าทางของคล็อดเปลี่ยนไปในทันที ความอ่อนน้อมถ่อมตนจางหายไป แทนที่ด้วยสายตาคมกริบ เขาปล่อยหมัดขวาออกไปอีกครั้ง ลำแสงสีเขียวอ่อนพุ่งเข้าใส่โครงกระดูกตัวเล็กอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นเอง ร่างกายผอมบางร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาจากทางซ้ายด้วยความรวดเร็ว และหยุดอยู่ตรงหน้าโครงกระดูกนั่นพอดิบพอดี ลำแสงสีเขียวอ่อนปะทะเข้าใส่ร่างกายผอมบางนั่นอย่างเต็มแรง
เปรี้ยง!
ร่างผอมบางนั้นเซถอยหลังไปสองสามก้าว และหงายหลังล้มลงไปกับพื้น
“เอ๋? เจ้าเด็กรับใช้นั่นเป็นใครกัน? ทำไมอยู่ดี ๆ ก็พุ่งออกไปแบบนั้นล่ะ?”
เสียงร้องอย่างประหลาดใจดังขึ้นจากทุกทิศทาง
“ให้ตายเถอะ ไบรอัน เจ้าบ้าไปแล้วรึไง?”
แจ็คผู้กำลังสับสนมึนงงร้องขึ้นด้วยสีหน้าเจ็บปวดสุดขีด
ลิซ่ามองอย่างตกตะลึงไปที่หานซั่วซึ่งพุ่งตัวออกมารับการโจมตีแทนโครงกระดูก
สิ่งที่ตามมายิ่งก่อให้เกิดความประหลาดใจยิ่งกว่า เมื่อลำแสงสีเขียวที่พุ่งเข้าใส่ตัวหานซั่วเต็ม ๆ ไม่ได้ทำให้เขากระอักเลือดหรือตายในทันที ทว่าเขากลับยืนขึ้นด้วยเนื้อตัวสั่นเทา พร้อมด้วยท่าทางซื้อบื้อไร้เดียงสา
โครงกระดูกตัวเล็กนั่นยืนนิ่ง แต่อยู่ดี ๆ ก็โยกตัวไปมา และหันหลังวิ่งกลับไปยังสาขาศาสตร์แห่งความตายอย่างรวดเร็วก่อนที่ใคร ๆ จะทันสังเกต
สำหรับคล็อด ผู้โจมตี อยู่ดี ๆ ก็สะดุดล้มลงไปนั่งกับพื้นอย่างไม่รู้เหตุผล เขาหายใจหอบหนักสองสามครั้งก่อนลุกขึ้นยืน ราวกับว่าก่อนหน้านี้ใช้แรงเกินกำลัง และเมื่อลุกขึ้นแล้ว ท่าทีของเขาก็เต็มไปด้วยความตระหนกและยากที่จะเชื่อ เขามองหานซั่วผู้ที่เขาคาดไม่ถึงอย่างเคลือบแคลงใจ
แต่หานซั่วไม่ได้มีสีหน้างุนงงเท่า ตอนที่ลำแสงสีเขียวอ่อนของคล็อดเสียบเข้ามาในร่างตรงกลางอก เกิดความเจ็บปวดราวกับมีอะไรกรีดแทงหัวใจ จนนึกว่าเขาจะตายแล้วเสียอีก
เป็นไปได้ว่า ในเวลานั้นพลังจิตของหานซั่วเกิดปฏิกิริยาขึ้นโดยบังเอิญ และออกคำสั่ง “ถอยอย่างไว” แก่โครงกระดูกตัวเล็กได้สำเร็จ และเพื่อกันไว้ก่อน เขาสั่งให้มันไปกบดานในที่ทิ้งขยะของวิทยาลัย
แต่เรื่องเหลือเชื่อที่สุดของหานซั่ว คือเมื่อเขารู้สึกว่าแก่นมนตราได้โคจรมาห่อหุ้มลำแสงสีเขียวเอาไว้ตอนที่พุ่งเข้ามาในร่างกาย และตรึงลำแสงนั่นไว้ป้องกันไม่ให้ทำลายเขาจากภายใน
“ไบรอัน เจ้ามาทำอะไรที่นี่น่ะ?”
ในที่สุดลิซ่าก็รู้สึกตัวและตะโกนใส่หานซั่ว
หานซั่วไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายเขาในตอนนั้น เขารู้สึกเพียงความหนักอึ้งในอกขณะแก่นมนตราห่อหุ้มลำแสงสีเขียวเอาไว้ ถ้าไม่นับความเจ็บปวดที่เคยได้รับมาก่อนหน้านี้แล้วล่ะก็ ร่างกายเขาก็ไม่ได้รับความเสียหายเท่าไรนัก
ในสายตาของคนอื่น ๆ หานซั่วเป็นเพียงคนที่เสียสติอย่างเต็มขั้น เขาไม่ได้ยินคำถามของคนอื่นด้วยซ้ำ มีเพียงท่าทีและสีหน้าว่างเปล่ากับรอยยิ้มโง่ ๆ ในฐานะคนสติไม่ดีคนนึง
“ออ ทาสรับใช้สติไม่ดีจากสาขาศาสตร์แห่งความตายนี่เอง ไม่สงสัยแล้วว่าทำไมปัญญาอ่อนได้ขนาดนี้!”
“นั่นสิ ต้องเป็นคนบ้าเท่านั้นแหละที่วิ่งไปรับการโจมตีของคล็อดแบบนั้น!”
แจ็คอ้วนตัวน้อยขาสั่นอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ยังพาตัวเองเดินเข้าไปหาหานซั่วและพยายามดึงแขนเขาลากออกมา พร้อมพูดว่า
“ไบรอัน มัวทำอะไรอยู่ ไม่ตลกเลยนะ มานี่เถอะ กลับกันได้แล้ว”
“รอเดี๋ยว!”
คล็อดพูดขึ้นในที่สุด สายตาจับจ้องไปที่หานซั่ว โดยไม่สนใจว่าโครงกระดูกตัวเล็กนั่นวิ่งหนีไปแล้ว เขาสงสัยว่าทำไมถึงสัมผัสได้ว่าอยู่ดี ๆ พลังต่อสู้** ของเขาหายไปจนหมด เกิดอะไรขึ้นกันนะ? เขาทำอะไรผิดพลาดไปอย่างนั้นรึ?
** พื้นฐานการใช้พลัง = Mental Strength พลังจิต สำหรับเหล่าจอมเวทย์ / Fighting Aura พลังต่อสู้ สำหรับเหล่าอัศวิน
เขาใช้พลังต่อสู้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว ไม่มีทางที่จะทำให้เขาต้องเหนื่อยหอบ จนถึงกับล้มลงได้ขนาดนั้น มันแปลกเกินไป เจ้าทาสรับใช้นี่มีเวทย์ปีศาจอยู่รึเปล่านะ? เป็นไปไม่ได้ มันเป็นแค่ทาส ต้องมีเหตุผลบ้าบออะไรสักอย่างอยู่แน่ หรือเขาอาจจะเข้าใจผิดไปเอง
“คล็อด อัศวินผู้แข็งแกร่งและสูงศักดิ์อย่างท่าน ไม่คิดลดตัวลงมามีเรื่องกับทาสรับใช้ต่ำต้อยหรอกใช่มั้ย? ยังไม่รวมที่ว่าทาสคนนี้เป็นคนเสียสติ จะไม่ส่งผลกับชื่อเสียงของท่านงั้นรึ?”
น่าสงสัยที่เป็นลิซ่าเองที่ช่วยพูดแทนหานซั่ว
คล็อดโค้งคำนับให้ลิซ่าจากระยะไกลเมื่อเธอพูดจบ เขาจ้องเขม็งมาทางหานซั่ว และพยักหน้า
“เจ้าไปได้!”
“เจ้าเด็กรับใช้สองคนนั่นออกไปได้ แต่ลิซ่า เจ้าอัญเชิญนักรบโครงกระดูกโสโครกนั่นมาทำลายเสื้อผ้าขาดไปหมด อธิบายมาเดี๋ยวนี้”
ไอรีนพบเสื้อคลุมสีขาวเป็นริ้วคลื่นวางอยู่อย่างไรไม่ทราบได้ และหยิบมาแผ่คลุมตัวเธอเอง เธอฟื้นจากการการตระหนกตกใจได้แล้ว และส่งสายตาเย็นยามองไปที่ลิซ่า
“มันเกี่ยวอะไรกับข้าไม่ทราบ? ข้าไม่ได้อัญเชิญเจ้าโครงกระดูกดำประหลาดนั่นมาสักหน่อย ไม่อย่างนั้น ทำไมข้าถึงควบคุมมันไม่ได้ล่ะ? มันโผล่เข้ามาที่ห้องของข้ากลางดึก และเตะข้าเข้าตั้งสองที ข้าเองก็เป็นเหยื่อเหมือนกันนะ”
ลิซ่าพ่นลมเชิงดูถูกเบา ๆ และตอบกลับไปอย่างเยือกเย็น
“เป็นไปได้ยังไง? ถ้าไม่ใช่เจ้า แล้วใครกันล่ะ?” ต้องเป็นใครสักคนจากสาขาศาสตร์แห่งความตายของเจ้านั่นแหละ และไม่ว่าจะเป็นใคร ข้าจะหาให้เจอและทำให้มันต้องชดใช้!”
ไอรีนพูดอย่างโกรธเกรี้ยว
…..
“หือ… อ่า… บาค ตอน…ตอนทิ้งขยะ เห็นมันวิ่ง… วิ่งออกมาจากห้องของบาค”
หานซั่วยิ้มอย่างเลื่อนลอยและดูจะสื่อสารลำบากเพราะพูดตะกุกตะกักออกมาได้ไม่กี่คำ แต่เพียงพอให้คนฟังเข้าใจความหมายได้
“หืม? แสดงว่าเป็นเจ้านั่นเองสินะ เขาต้องพยายามแก้แค้นข้า เพราะโดนข้าเล่นงานเมื่อตอนนั้นแน่!”
สีหน้าของลิซ่าเข้มขึ้นขณะพูดออกมา
ขณะเดียวกัน สีหน้าของไอรีนพลันฉุนเฉียวขึ้นจนเสียงกัดฟันเล็ดลอดออกมา เสียงกระดิ่งเข้าเรียนดังขึ้น มีเพียงสองคนนั้นที่ตรงไปลากคอบาคออกมาเพื่อชดใช้ ส่วนนักเรียนที่ยืนมุงกันอยู่ก็เริ่มขยับเมื่อได้ยินเสียงกระดิ่ง ทั้งสาขาเวทย์ธาตุแสงและศาสตร์แห่งความตายต่างแยกย้ายไปยังพื้นที่ของตัวเอง
เหลือเพียงหานซั่วและแจ็คที่ยังยืนบื้ออยู่ตรงนั้น หานซั่วยิ้มอย่าง “ซื้อบื้อ” และพูดกับแจ็คว่า
“บาคไม่รอดแน่”
แจ็คพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วยสุดชีวิต
“ช่าย… คราวนี้เจ้านั่นไม่รอดแน่ ๆ!”
(0 votes) 0/10