ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
“ไบรอัน นั่นไบรอันนี่นา!”
พวกนักเรียนต่างอุทานด้วยความตกตะลึง แม้แต่แฟนนี่เองก็ประหลาดใจไม่แพ้กันกัน เธอจ้องมองหานซั่วอย่างไม่คุ้นตา เธอไม่เคยคิดว่า เด็กหนุ่มที่สูงเพียง 170 เซนติเมตร จะมีแรงเหวี่ยงกระบองใหญ่มาฟาดป้องกันการโจมตีที่รุนแรงขนาดนั้นได้
ในขณะที่ทุกคนกำลังช็อก หานซั่วจ้องเขม็งไปยังอสูรกินคน มือขวาของเขายื่นออกไปแตะแฟนนี่ที่อยู่ข้างหลังให้เธอรู้สึกตัว ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจว่า
“รีบหนีไปก่อนครับ”
ทว่า แฟนนี่กลับกรีดร้องด้วยความตกใจ และหานซั่วเองก็รู้สึกว่ามือขวาของเขากดลงไปบนลูกบอลสองลูกที่นุ่มนิ่มราวกับปุยขนมสายไหมก้อนโต เขาถึงได้เข้าใจทันทีว่าตัวเองยื่นมือไปแตะผิดที่เข้าเสียแล้ว
พวกนักเรียนอุทานเบา ๆ ในขณะที่จีนก่นด่าสาปแช่งเสียงดัง ประณามความหื่นกามของหานซั่ว
หัวใจของเขาโลดเต้นด้วยความดีใจ หานซั่วหันกลับไปมองแฟนนี่และพูดอย่างกระอักกระอ่วน
“ขอโทษครับ อาจารย์แฟนนี่ ข้าแค่บังเอิญแตะผิดที่ ไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะครับ!”
แฟนนี่โกรธเป็นไฟและกำลังจะอ้าปากดุด่าเขาอยู่แล้วตอนที่สังเกตเห็นอสูรกินคนด้านหลังเธอ กระบองใหญ่ของมันใกล้จะฟาดลงมาที่หานซั่วแล้ว เธอรีบร้องเตือนอย่างรวดเร็ว
“ไบรอัน ระวัง!”
หานซั่วยังคงสีหน้าซื่อบริสุทธิ์ และอยู่ ๆ ก็กลับหลังหันและเหวี่ยงกระบองที่ใหญ่กว่าตัวเขาเองขึ้นด้านบน เกิดเสียงวัตถุแทรกผ่านอากาศดังลั่นก่อนที่จะปะทะเข้ากับกระบองของอสูรกินคนเข้าอย่างจัง
แคร๊ง…
เกิดประกายไฟกระจัดกระจายอีกครั้ง ร่างกายของหานซั่วไม่เขยื้อนเลยแม้เพียงนิ้วเดียว เขายืนหยัดอย่างมั่นคงราวหินผา ชายหนุ่มร่างผอมบางที่กำกระบองใหญ่ในมือไว้แน่นกลายเป็นภาพที่ทุกคนจำได้ติดตา และทำให้ทุกคนยิ่งมองเขาด้วยความประหลาดใจมากขึ้นอีก
“อาจารย์แฟนนี่ รีบออกมาจากตรงนั้นก่อนเถอะครับ!”
จีนตะโกนเสียงดัง แฟนนี่ซึ่งกำลังจ้องมองหานซั่วด้วยความตกตะลึงก็พลันรู้สึกตัว เธอรีบวิ่งออกมาเพื่อไปสมทบกับจีนและคนอื่น ๆ ในขณะที่สายตายังคงจับจ้องไปที่หานซั่ว
หลังจากรับการโจมตีตัวต่อตัวกับอสูรกินคนมาแล้วถึงสองครั้ง ความรู้สึกลึก ๆ ภายในที่ยากเกินต้านทานของเขาก็กำลังต่อสู้เพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการ เขาต้องการปลดปล่อยพลังทั้งหมดที่มีในร่าง พร้อมกับความปรารถนาที่จะฆ่าผุดขึ้นมาในหัวใจ ซึ่งล้วนกระตุ้นให้หานซั่วยิ่งรู้สึกอยากบดขยี้อสูรกินคนตนนี้ให้เละคามือ
ทันใดนั้นเอง หานซั่วก็หัวเราะอย่างเยือกเย็นทันทีที่แฟนนี่หนีไปได้แล้ว ท่าทีใสซื่อบนใบหน้าหายไปโดยสิ้นเชิง เขาแสยะยิ้มอย่างน่ากลัว ยกกระบองใหญ่ขึ้นสูงพร้อมกับวิ่งเข้าใส่อสูรกินคนที่กำลังสับสน
อสูรกินคนที่แข็งแกร่งที่สุดตนนี้ดูเหมือนจะไม่เข้าใจอย่างรุนแรงว่าทำไมหานซั่วถึงสามารถต้านทานแรงโจมตีอันหนักหน่วงของมันได้ถึงสองครั้งทั้ง ๆ ที่ตัวเล็กบอบบางถึงขนาดนั้น มันจึงได้แต่ยืนงงงวยอยู่ตรงนั้น ราวกับว่ากำลังครุ่นคิดถึงอะไรบางอย่าง
“โอ ตายแล้ว ไบรอันต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ เขากำลังวิ่งเข้าไปหาอสูรกินคน!”
เบลล่าอุทานด้วยเสียงแผ่วเบาพร้อมสีหน้ายากที่จะเชื่อ
ทุกคนต่างพยักหน้าเชิงเห็นด้วยกับเบลล่าทันที คิดว่าหานซั่วเสียสติไปแล้วจริง ๆ แม้แต่ลิซ่าที่รู้ว่าหานซั่วแค่เพียงแกล้งทำตัวเป็นคนปัญญาอ่อน ก็ยังมีสีหน้างุนงงเป็นที่สุด และช็อกในสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ในขณะนั้น
“ตั้งแต่ที่เริ่มเสียสติไป ไบรอันก็แข็งแรงขึ้นมากเลย เหลือเชื่อไปเลยนะ ลิซ่า เจ้านี่มหัศจรรย์จริง ๆ คำสาปกรีดวิญญาณเปลี่ยนไบรอันขี้ขลาดตาขาวคนเดิมให้กลายเป็นคนป่าเถื่อนขนาดนี้”
“เงียบเถอะน่า!”
ลิซ่าตอบกลับไป ในขณะที่สายตาจ้องหานซั่วตาไม่กะพริบ
ในตอนนั้นเอง หานซั่วที่ถือกระบองใหญ่หนาอยู่ กำลังวิ่งตรงเข้าไปหาอสูรกินคนด้วยความเร็วราวสายฟ้า กระบองใหญ่เหวี่ยงจนเกิดเสียงลมหวีดหวิวในอากาศ ขณะที่หานซั่วจับมันไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง กระบองใหญ่วาดเป็นแนวโค้งก่อนจะฟาดเข้าที่ช่วงเอวของอสูรอย่างรุนแรง
แล้วอสูรก็เปลี่ยนสีหน้าจากงุนงงเป็นเกรี้ยวกราดขึ้นทันที ก่อนที่มันจะโจมตีท่าเดิมซ้ำอีกครั้ง อสูรฟาดกระบองลงไปที่หานซั่วอย่างสุดแรง หมายว่าจะจัดการหานซั่วได้ในการทุบครั้งเดียว
เสียงกระบองสองอันปะทะกันดังลั่นอย่างต่อเนื่อง ทั้งกระบองถึกหนาและกระบองแหลมคมเริ่มบุบบี้เมื่อปะทะกันหลายครั้งเข้า การต่อสู้ระหว่างหานซั่วผู้บอบบางและอสูรกินคนร่างยักษ์เริ่มระอุขึ้นพร้อมกับเสียง แคร๊ง ที่ดังขึ้นไม่หยุด
ทั้งแฟนนี่และคนอื่น ๆ ที่เคยอยากหนีไปให้ไกลจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด กลับยืนนิ่งอยู่ที่เดิมด้วยอาการตกตะลึงสุดขีดเมื่อได้เห็นแล้วว่าเห็นความแข็งแกร่งของหานซั่วผู้เสียสติน่ากลัวเพียงใด หานซั่วต่อสู้กับอสูรกินคนเพียงลำพัง ในขณะที่คนอื่น ๆ ได้แต่ยืนมอง
หานซั่วเคลื่อนไหวไปมาพร้อมกระบองใหญ่ในมือที่ดูไม่สมส่วนกับเขาเสียเลย แม้เผชิญหน้ากับอสูรขนาดมหึมา เขาก็ไม่มีทีท่าหวาดวิตกเลยแม้แต่น้อย มีเพียงกล้ามเนื้อแน่นกระชับและเส้นเลือดที่กระตุกเป็นจังหวะที่มองเห็นได้บนแขนและคอ
ในตอนนั้น แก่นมนตราภายในร่างกายของหานซั่วหมุนวนอย่างรวดเร็ว เขากำลังรู้สึกปิติยินดีอย่างที่สุดเมื่อได้ปลดปล่อยพลังออกมาเต็มที่ ท่าทางการเคลื่อนไหวพร้อมกระบองใหญ่ในมือจนเริ่มชำนาญ ไม่เพียงแต่เขาไม่รู้สึกถึงความเหนื่อยเลยแม้จะรับการโจมตีซ้ำ ๆ เข้าไปหลายครั้ง แต่กลับรู้สึกกระชุ่มกระชวยมากกว่าเดิม
“หึหึหึ…”
เสียงหัวเราะแปลกประหลาดดังขึ้นจากใบหน้าแสยะยิ้มของหานซั่ว อสูรกินคนเริ่มเซถอยหลังไปหลังจากรับกระบองหนักหน่วงของเขาครั้งล่าสุดไปเมื่อครู่ การโจมตีอย่างบ้าคลั่งและพละกำลังมหาศาลของมันเริ่มถดถอยลงหลังจากต่อสู้ไปได้ไม่นาน
“โอ… ให้ตายเถอะ นั่นใช่ไบรอันที่อ่อนแอและขี้ขลาดคนเดิมจริงเหรอ?”
เบลล่าอุทาน พร้อมกับส่ายหัวอย่างไม่เชื่อสายตา
“ข้าสาบานว่าจะไม่ทดลองเวทมนตร์กับไบรอันอีกเป็นอันขาด เขาน่ากลัวเกินไปเวลาที่เสียสติไปแบบนี้!”
อาธีน่ามีท่าทีหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด และพึมพำอยู่กับตัวเอง
แต่ลิซ่ากลับมีท่าทีตื่นเต้น มือเล็ก ๆ ของเธอกำหมัดแน่น ราวกับจะกรีดร้องออกไปว่า “จัดการมันเลย!”
บาคและคนอื่น ๆ ที่เคยคิดแค้นหานซั่วต่างหวาดกลัวและมองหน้ากันไปมา พวกเขาตาสว่างแล้วเมื่อเห็นว่าหานซั่วน่ากลัวแค่ไหน
“หึหึหึ แกหนีไม่พ้นหรอก!”
หลังจากเสียงหัวเราะพิลึกพิลั่นดังขึ้นอีกครั้ง หานซั่วก็รีบตามติดอสูรที่วิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว เขาเหวี่ยงกระบองหนาฟาดไปข้างหน้า และขาของอสูรทั้งสองข้างก็หักพร้อมกับเสียง กร๊อบ ดังลั่น หานซั่วที่ยังคงหัวเราะไม่หยุดพุ่งตัวเข้าไป และใช้กระบองหนาฟาดลงไปที่ตัวอสูรซ้ำแล้วซ้ำอีก จนเสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นจากอสูรกินคนที่แสนดุร้ายเมื่อครู่
ร่างกายถึกหนาของอสูรเริ่มเละจนชิ้นเนื้อกระเด็นไปทั่ว และร่างกายสีเทาที่เคยแข็งแรงกำยำนอนจมกองเลือดในขณะที่หานซั่วยังคงใช้กระบองกระหน่ำฟาดลงไปอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด จนตอนนี้ยากที่จะบอกแล้วว่าสิ่งที่อยู่ในกองเลือดนั้นเคยมีรูปร่างหน้าตาเป็นยังไงมาก่อน
การกระหน่ำทุบตีอย่างต่อเนื่องและบ้าคลั่งราวกับห่าฝนยาวนานอยู่เป็นนาที เมื่อหานซั่วคืนสติหลังจากแปรสภาพอสูรกินคนให้เหลือเพียงกองเลือดและเศษชิ้นเนื้อ แม้แต่เขาเองก็สะดุ้งตกใจ เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะมีด้านที่โหดร้ายป่าเถื่อนขนาดนี้
นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขาฆ่าคนตาย แต่กลับไม่มีร่องรอยความหวาดกลัวปรากฏขึ้นในใจของหานซั่วเลย เมื่อสีหน้าของเขาสงบลง หานซั่วหันไปมองแฟนนี่และพวกนักเรียน ก่อนจะยิ้มอย่างจริงใจ และพูดว่า
“อ้าว เจ้านี่ตายแล้วเหรอ?”
และโดยนอกเหนือความคาดหมาย พวกนักเรียน รวมทั้งแฟนนี่และจีน ต่างกรีดร้องตกใจและสะดุ้งถอยหลังไปสองก้าวทันทีที่หานซั่วหันหน้ามา ลิซ่าร้องออกมาด้วยความกลัวและถามว่า
“บ…ไบรอัน เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า?”
หานซั่วทำท่าทีพยายามนึกให้ออก เขาเกาหัวพร้อมรอยยิ้มซื่อ ๆ โง่ ๆ
“เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นกับข้าเหรอ? ข้าไม่รู้ว่าทำอะไรไปบ้าง แล้วทำไมอยู่ ๆ เจ้าอสูรตัวนี้ถึงตายได้ล่ะ?
“เจ้า… เจ้าลืมสิ่งที่ตัวเองเพิ่งทำลงไปหมดเลยงั้นรึ?”
แฟนนี่ตกตะลึงเช่นกัน เธอนิ่วหน้าก่อนจะจ้องมองหานซั่วและถามออกไป
หานซั่วพยักหน้ารับด้วยความสัตย์จริง พร้อมอธิบายว่า
“ใช่ครับ อยู่ดี ๆ ข้าก็ปวดหัวมากเลย แล้วหลังจากนั้นก็นึกอะไรไม่ออกอีก รู้ตัวอีกทีก็มีอสูรกินคนนี่ตายอยู่ตรงหน้าแล้ว เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ? เอ๋? พวกมันมีอีก 2 ตัวไม่ใช่เหรอ? หายไปไหนแล้วล่ะ?”
“ก็เจ้านั่นแหละที่ทำให้พวกมันกลัวจนหนีไป!”
เบลล่าตอบพร้อมจ้องมองหานซั่วด้วยสายตาแปลก ๆ
“อ๋า ไม่มีทาง จะเป็นไปได้ยังไง? ทำไมพวกมันต้องกลัวข้าด้วยล่ะ?”
หานซั่วถามอย่างสับสนด้วยสีหน้าซื่อบริสุทธิ์
“ไบรอัน เจ้าเสียสติไป และเจ้าก็น่ากลัวมาก ราวกับกลายเป็นอีกคนไปเลย ขนาดพวกเรายังรู้สึกกลัว ไม่เว้นแม้แต่พวกอสูรกินคนหรอก แต่ก็ดีแล้วล่ะที่เจ้าไม่เป็นอะไรแล้ว”
จีนพูดอย่างโล่งใจราวกับพูดออกมาแทนความคิดของทุกคน
“อย่ามัวยืนแต่ยืนเฉยสิจ๊ะ รีบเก็บของเร็วเข้า เราอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้แล้วล่ะ อสูรสองตนหนีไปได้ พวกมันอาจจะกลับมาสร้างปัญหาให้เรามากกว่าเดิมอีก”
แฟนนี่พยายามใจเย็นและสั่งให้ทุกคนเก็บข้าวของหลังจากเห็นว่าวิกฤติการณ์คลี่คลายลงแล้วชั่วคราว
ทุกคนรีบกลับไปยังเต็นท์ของตัวเองทันทีที่ได้ยินแฟนนี่สั่ง และรีบเก็บของที่กระจัดกระจายเกลื่อนอยู่ตามพื้น พวกนักเรียนเริ่มมีวุฒิภาวะมากขึ้นหลังผ่านประสบการณ์ความเป็นความตายมาเมื่อครู่ ไม่มีใครเสียเวลาพูดคุยกันอีกต่อไป และมุ่งมั่นเก็บของทุกอย่างด้วยความเร่งรีบ
“ข้าว่าถึงเวลาที่เราต้องกลับและจบการทัศนศึกษาครั้งนี้แล้วล่ะ!”
จีนพูดด้วยน้ำเสียงเอาจริงเอาจังเมื่อเห็นว่าทุกคนเก็บของเสร็จแล้ว
หลังการเผชิญหน้ากับอสูรกินคน ทุกคนก็ตระหนักได้ว่าพลังของตนเองไม่ได้แข็งแกร่งมากอย่างที่ตนคิด และหากมุ่งหน้าลงใต้ต่อไปเรื่อย ๆ รังแต่จะเจอกับอันตรายมากยิ่งขึ้นไปอีก แม้จะอับอายแต่ทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วยกับข้อเสนอของจีน
ไม่มีใครพูดอะไรไปชั่วขณะ ทุกคนต่างกำลังง่วนอยู่กับการจัดการของ ๆ ตัวเอง เพราะตั้งใจว่าจะมุ่งหน้ากลับวิทยาลัยทันทีโดยไม่มุ่งหน้าลงใต้ต่อไปอีก
แต่ทว่า ในตอนนั้นเอง เสียงร้องอย่างทุกข์ทรมานเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากทางทิศใต้ ในขณะที่ทุกคนเก็บของเรียบร้อยแล้วและกำลังจะออกเดินทาง พวกเขานิ่งอึ้งไปทันทีหลังจากได้ยินเสียง พร้อมกับแววแห่งความโลภฉาบขึ้นในดวงตา
…………………………………
ติดตามอัพเดทและอ่านตอนต่อไปทันที ที่นี่ >>>
(0 votes) 0/10