I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Great Demon King ตอนที่  50  ความจริงที่โหดร้าย

| Great Demon King | 2538 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

 

เสียงกรีดร้องแหลมสูงบาดแก้วหูดังขึ้น  ตามมาด้วยเสียงเอะอะโวยวาย  จากบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ทางซ้ายของตรอก  ไม่นานนัก  บีชเชอร์และนักเรียนคนอื่น  ๆ  ก็ออกมา  พร้อมกับลากคล็อดออกมาด้วย  เสื้อผ้าของเขาหลุดลุ่ยและดูเหมือนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

ใบหน้าของไอรีนเต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยว  เธอจ้องมองคล็อดอย่างน่ากลัว

“คล็อด  เจ้าช่างน่ารังเกียจจริง  ๆ  ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้าอีกแล้ว!  เคธี่  ไปกันเถอะ”

และเพราะเรื่องวุ่นวายนี้เอง  หานซั่วจึงคิดว่าความแค้นของเขาได้รับการชำระเป็นที่เรียบร้อย  จึงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะอยู่ต่อ  เมื่อเขาเห็นไอรีนและเคธี่กำลังเดินมาอย่างรวดเร็วตรงจุดที่เขาหลบอยู่  เขาก็รีบซ่อนตัว  ก่อนจะเดินกลับโรงแรมอย่างสบายใจ

เมื่อกลับถึงห้องพัก  หานซั่วก็อาบน้ำ  และมานั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงเพื่อฝึกฝนเวทมนตร์ต่อ  แก่นมนตราค่อย  ๆ  ขยายเส้นชีพจรของเขาอย่างช้า  ๆ  เรื่อยไปทีละนิ้ว  ๆ  หานซั่วกัดฟันกรอดขณะรู้สึกราวกับหัวใจกำลังถูกบีบรัดอย่างรุนแรง  แต่ก็ยังโคจรแก่นมนตราต่อไปตามหลักของ  “อาณาจักรพลังเบิกทาง”

ความเจ็บปวดทรมานยากที่จะทานทนนี้  จะเกิดขึ้นระหว่างการฝึกฝนเวทมนตร์เสมอ  และด้วยเหตุผลนี้เอง  ที่ยกระดับบุคลิกของหานซั่ว  จากที่เคยเป็นเพียงคนที่อยู่อย่างหมดอาลัยตายอยากไปวัน  ๆ  สู่ตัวตนที่กล้าหาญและเด็ดเดี่ยว  ไม่ว่าจะเป็นเพราะความปรารถนาอันแรงกล้าของตัวเขาเอง  หรือเพราะความสามารถ  ที่ทำให้เขาทนแบกรับความเจ็บปวดได้ถึงเพียงนี้  หานซั่วก็เพิ่มพูนสิ่งเหล่านั้นให้มากขึ้นทั้งคู่

ตั้งแต่เริ่มฝึกฝนเวทมนตร์  ทั้งบุคลิกและลักษณะนิสัยของหานซั่วเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่องโดยที่เขาไม่รู้ตัว  เมื่อความแข็งแกร่งค่อย  ๆ  เพิ่มมากขึ้น  หานซั่วที่เคยขลาดอายก็เปลี่ยนไป  รวมทั้งทัศนคติในการมองสิ่งต่าง  ๆ  ก็แตกต่างจากความคิดที่เคยมีในตัวตนเดิมอย่างสิ้นเชิง

ทันใดนั้นเอง  เสียงฝีเท้าหนัก  ๆ  ก็ดังขึ้นให้ได้ยิน  หานซั่วหยุดฝึกฝนเวทมนตร์ทันที  พร้อมกับกลั้นหายใจและเพ่งสมาธิ  ทุกส่วนในร่างกายล้วนหยุดนิ่งไม่ไหวติงราวกับโดนแช่แข็งอย่างเฉียบพลัน

เสียงฝีเท้านั้นดังมาจากทางแยกที่อยู่ตอนใต้ระหว่างเมืองดรอลและป่าทมิฬ  ดูจากความหนักแน่นและจังหวะของการย่ำเท้า  หานซั่วสรุปได้ทันทีว่าต้องเป็นเสียงของสัตว์วิเศษบางชนิดที่กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง  ต้องเป็นสัตว์วิเศษที่มาขนาดใหญ่มากแน่  ๆ  และจำนวนก็ไม่ใช่น้อย  ๆ  เลย

หานซั่วขมวดคิ้ว  พลางคิดอยู่ครู่หนึ่ง  ก่อนจะเดินออกจากโรงแรม  เขาค่อย  ๆ  มุ่งหน้าไปยังทิศทางเสียงของกลุ่มสัตว์วิเศษเพื่อดูเชิง

เมื่อหานซั่วเดินออกมาจากโรงแรม  และมาถึงยังถนนทางตอนใต้ของเมืองดรอล  เงาของร่างสองร่างปรากฏขึ้นขณะกำลังวิ่งมาด้วยความเร่งรีบ    เป็นร่างของพ่อมดชราผอมแห้งคนหนึ่ง  กับนักธนูเอลฟ์หญิงที่มีปลายหูสีเขียว  ทั้งคู่มีท่าทีตกใจเมื่อเห็นหานซั่ว  ราวกับไม่คาดคิดว่าจะมีใครอยู่ตรงนั้น

“พ่อหนุ่ม  เจ้ามาทำอะไรที่นี่รึ?”

พ่อมดชราผอมแห้งมองหานซั่วพร้อมกับถามด้วยรอยยิ้ม

จากท่าทีระแวดระวังของพวกเขา  หานซั่วก็รู้ทันทีว่าพวกเขาคงรับรู้ถึงความผิดปกติบางอย่างจากทางใต้ได้เช่นกัน  เขาจึงเบาใจ  และค่อย  ๆ  โค้งคำนับ

“ท่านพ่อมด  ข้าพลัดหลงกับเพื่อน  พวกเขาบอกว่าจะกลับมาในอีกไม่กี่วัน  ข้าจึงมารอที่นี่น่ะครับ”

พ่อมดพยักหน้าและขมวดคิ้วเชิงพิจารณา  ก่อนจะหันไปคุยกับนักธนูเอลฟ์หญิงที่ยืนอยู่ข้าง  ๆ

“บลันเช่  ไปสำรวจดูซิว่าใช่พวกหน่วยรบหมาป่าของพวกออร์คหรือเปล่า  พวกนั้นชอบส่งหน่วยรบหมาป่าออกมาช่วงก่อนถึงฤดูหนาวของทุกปี  ทั้งจู่โจมและปล้นสะดมตามหมู่บ้านในพื้นที่รอบนอกของจักรวรรดิ

แต่เมืองดรอลเต็มไปด้วยเหล่านักผจญภัยและทหารรับจ้างจำนวนมาก  พวกออร์คไม่เคยส่งหน่วยรบหมาป่าเข้าโจมตีเมืองดรอลมาก่อน  ทำไมพวกมันถึงทำตัวแปลก  ๆ  ในเวลาแบบนี้กันนะ?  อีกอย่าง  ยังเหลือเวลาอีกตั้งนานกว่าจะถึงฤดูหนาว!”

“ค่ะ  ท่านเฟลิกซ์”

ทันทีที่ได้ยินเฟลิกซ์  พ่อมดชราพูด  นักธนูเอลฟ์หญิงที่ชื่อ  บลันเช่  ก็รีบมุ่งหน้าไปทางใต้ทันที  เธอลอยฉิวผ่านหน้าหานซั่วไปราวกระแสลมแรงที่พัดผ่านวูบหนึ่ง

“พ่อหนุ่ม  เมืองดรอลไม่ใช่สถานที่ที่สงบนัก  นี่ก็ดึกมากแล้ว  เจ้ารีบกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ  แล้วเพื่อนของเจ้าจะตามหาเจ้าเองเมื่อพวกเขากลับมา  ไม่จำเป็นต้องรออยู่ตรงนี้หรอกนะ”

เฟลิกซ์มองหน้าหานซั่วด้วยรอยยิ้ม  พร้อมกับพยายามโน้มน้าว

“ตกลงครับ  งั้นข้ากลับก่อนล่ะ”

หานซั่วตอบอย่างราบเรียบ  และเริ่มออกเดินทันทีที่พูดจบ

เมื่อหานซั่วจากไป  เฟลิกซ์ก็คิดใคร่ครวญขณะมองร่างของหานซั่วที่ห่างออกไปเรื่อย  ๆ  ในที่สุดก็พึมพำกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง

“ข้าคงคิดมากไปเอง…  ไม่มีทางที่เด็กหนุ่มนั่นจะมีประสาทรับรู้ได้ดีกว่าข้า  จอมขมังเวทย์แห่งลมผู้นี้หรอก!”

ระหว่างทางกลับโรงแรม  หานซั่วสังเกตเห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินออกมาจากโรงแรมใกล้  ๆ  ด้วยท่าทีตระหนกตกใจ  และรีบตรงไปยังถนนทางตอนใต้ด้วยความรวดเร็ว  ดูเหมือนว่าเขาเหล่านั้นก็รับรู้ถึงความผิดปกติได้เช่นกัน

“ไบรอัน  ข้ามีเรื่องจะคุยด้วย  มาด้วยกันหน่อยสิ”

หานซั่วบังเอิญเจอเข้ากับคล็อดระหว่างทาง    สีหน้าเคร่งเครียดของคล็อดดูราวกับว่าเขากำลังอารมณ์เสียถึงขีดสุด

หานซั่วใจหายวูบ  รู้สึกเหมือนเรื่องไม่ดีบางอย่างกำลังใกล้เข้ามา  เขาสัมผัสได้ถึงรังสีกดดันและความกราดเกรี้ยวที่ถูกข่มเอาไว้แผ่ซ่านออกมาจากร่างของคล็อด  แม้ว่าคล็อดจะมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย  พร้อมฟันที่ขบแน่น  ก็ยังทำให้หานซั่วรู้สึกถึงอารมณ์อันแรงกล้านั้นได้อยู่ดี

หานซั่วจ้องมองคล็อดด้วยความงุนงง  ขณะที่ความคิดโลดแล่นอย่างบ้าคลั่ง  ในตอนนั้นเอง  หานซั่วก็รู้ว่าสิ่งที่เขาทำในโรงแรมค่อนข้างยากเกินรับไหวเพราะขาดความยั้งคิด  เมื่อคล็อดหยุดดื่ม  เขาจึงรับรู้สภาพร่างกายตัวเอง  และมั่นใจว่าสาเหตุทุกอย่างมาจากไวน์เพอร์เพิล  เลย์แลนที่เขาดื่มที่โรงแรม  คล็อดไม่ใช่คนโง่  ที่โต๊ะนั้นมีเพียงไอรีนและหานซั่วเท่านั้น  และไอรีนก็ไม่มีวันทำอะไรแบบนี้  เมื่อปะติดปะต่อเรื่องราวตอนที่อยู่ดี  ๆ  บริกรก็ล้มลง  ถึงได้เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด

“ได้ครับ”

หานซั่วคิดอย่างรอบคอบ  และเขารู้ดีว่าสถานการณ์กำลังแย่  จึงเตรียมพร้อมรับการเล่นงานอย่างโหดร้ายของคล็อด  เขาเดินตามหลังอัศวินไปช้า  ๆ  จนออกจากเมืองดรอล  ก่อนจะมาถึงทางเดินเปลี่ยวแห่งหนึ่งในป่าทางตอนใต้ของเมืองดรอล

แสงจันทร์ส่องแสงสีนวลสะท้อนไปทั่วผืนป่า  ในขณะที่เหล่าแมลงนานาชนิดส่งเสียงร้องระงมอยู่เบา  ๆ  ในพื้นที่ใกล้เคียง  หูที่ไวต่อเสียงของหานซั่วได้ยินเสียงหายใจที่อดกลั้นความเกรี้ยวกราดเอาไว้ของคล็อดอย่างชัดเจน

ดูเหมือนจะตั้งใจลากหานซั่วมาอัดให้น่วม  หานซั่วคิด  แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกกลัวเท่าใดนัก  เพราะที่ผ่านมาก็เคยชินกับการถูกทุบตีมาพอสมควร  และรู้สภาพร่างกายของตัวเองดี  การเตะต่อยธรรมดาทำอันตรายเขาไม่ได้  เขาจึงมีท่าทีค่อนข้างสงบ

เพียะ  !!!!

ระหว่างที่เขากำลังคิดอะไรเพลิน  ๆ  อยู่นั้นเอง  เสียงตบหน้าฉาดใหญ่ก็ดังขึ้น  จนหานซั่วเซไปทางซ้ายก่อนจะทันได้ป้องกันตัว  โชคดีที่ร่างกายของหานซั่วมีสมรรถภาพล้ำหน้ามนุษย์ธรรมดาไปไกล  เขาพยายามทรงตัวให้อยู่ด้วยท่าทีงุนงง  พลางนวดหน้าและส่งยิ้มที่บิดเบี้ยวให้คล็อด

“เจ้าทาสชั้นต่ำ  คิดว่าตัวเองเป็นใครรึ  ถึงได้กล้าคิดร้ายกับข้าแบบนี้!?”

แล้วความกราดเกรี้ยวที่คล็อดพยายามอดกลั้นเอาไว้ก็ระเบิดออกมา  ใบหน้าบูดบึ้งอย่างเดือดดาลจ้องมองหานซั่ว  ในขณะที่ท่าทียิ้มแย้มแจ่มใส  เป็นสุภาพบุรุษตามปกติที่เคยเป็น  หายไปในชั่วพริบตา

พลั่ก!    พลั่ก!    พลั่ก! 

เสียงกระหน่ำโจมตีถาโถมใส่ร่างของหานซั่วอย่างไม่หยุดยั้ง  มือทั้งสองของเขากุมหัวไว้โดยไม่ยกขึ้นมาป้องกันตัวเอง  ทำให้รับโทสะของคล็อดไปเต็ม  ๆ  ในที่สุด  เขาก็ขดตัวกลมและร่วงไปกองบนพื้น  ราวกับรับการโจมตีต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว

“ไงล่ะ  เจ็บมากใช่มั้ย?  ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าตายง่ายนักหรอก  เจ้ารู้รึเปล่าว่าข้าเป็นใคร?  ข้าคือ  คล็อด  แอชช์  บุตรแห่ง  บ๊อบ  แอชช์  ผู้บังคับบัญชากองพันกริฟฟอนแห่งจักรวรรดิ  ทาสโสมมอย่างเจ้าบังอาจมาคิดร้ายและทำลายความสัมพันธ์ของข้ากับไอรีน  ข้าจะทำให้เจ้าได้ลิ้มรสความเจ็บปวดแสนสาหัส  ก่อนจะปล่อยให้เจ้าค่อย  ๆ  ตายอย่างช้า  ๆ  ฮ่าฮ่าฮ่า”

คล็อดจ้องมองหานซั่วอย่างอาฆาตมาดร้าย  ในขณะที่ชักดาบยาวออกมาพร้อมกับยิ้มอย่างเย็นชา  และค่อย  ๆ  เดินเข้าไปหาหานซั่ว

ตอนนั้นเอง  ที่หานซั่วเข้าใจในที่สุดว่าตนเองมักทำพลาดอย่างใหญ่หลวงมาโดยตลอด  ไม่ว่าจะเป็นกรณีของฟิทช์หรือบาค  วิธีการของเขามักแฝงไปด้วยความสุ่มเสี่ยงอยู่เสมอ  และในสถานะทาสของเขาตอนนี้  ใครก็ตามที่ฆ่าเขาคงไม่รู้สึกผิดมากมายนัก  ต่อให้เป็นบาค  อย่างมาก  วิทยาลัยก็คงทำได้แค่ตักเตือนสองสามคำและเรียกร้องเงินค่าชดเชยอีกไม่กี่เหรียญทอง

หานซั่วเคยคิดว่าสำหรับคล็อดแล้ว  อย่างมากก็คงทุบตีหรืออัดจนน่วมข้อหาที่เล่นพิเรนทร์  แต่ผลปรากฏว่าคล็อดต้องการสั่งสอนด้วยวิธีที่สะดวกกว่านั้น  นอกจากจะไม่ต้องการให้เขาตายในทันทีแล้ว  ยังจะให้เขาได้รับความเจ็บปวดทรมานแสนสาหัสก่อนตายอีก  ช่างเป็นความเป็นจริงที่โหดร้ายเกินบรรยาย

ในตอนนั้นเอง  ในที่สุดหานซั่วก็เข้าใจ  ว่าโลกใบนี้เป็นยังไงกันแน่  ทั้งสถานภาพและยศฐาบรรดาศักดิ์ล้วนเป็นพื้นฐานสำคัญในการดำรงชีวิต  เมื่อสถานภาพของทั้งคู่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว  ก็ยิ่งทำให้คล็อดสามารถฆ่าหานซั่วได้ง่าย  ๆ  โดยแทบไม่ต้องคิด  และไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบใด  ๆ  คล็อดเรียกเขามาในป่าเปลี่ยวแบบนี้ก็เพราะไม่อยากให้สถานภาพอันสูงส่งของตนเองต้องแปดเปื้อน  แต่ต่อให้เขาฆ่าหานซั่วเสียกลางเมืองดรอล  ก็อาจไม่มีใครเก็บเรื่องที่เกิดขึ้นมาใส่ใจเลยก็ว่าได้

การเติบโตมีราคาแพงเสมอ  หานซั่วนอนขดตัวอยู่บนพื้น  พลางครวญครางเสียงดังพร้อมกับร้องขอความเมตตา  ทว่าในใจกำลังเต็มไปด้วยความคิดชั่วร้ายที่ค่อย  ๆ  ก่อตัวขึ้นอย่างเยือกเย็น

“ข้าจะฟันเจ้าให้ขาดเป็นชิ้น  ๆ  ดีไหม?  จะได้ปล่อยให้เจ้าร้องครวญครางจมกองเลือดตัวเองไปเรื่อย  ๆ  ตอนนั้นแหละ  ที่เจ้าจะได้ลิ้มรสความเจ็บปวดทรมานอย่างเต็มที่ก่อนตาย  ทาสชั้นต่ำสกปรกโสโครกอย่างเจ้าไม่ควรลองดีกับอารมณ์ผู้ที่เหนือกว่าตั้งแต่แรกแล้ว”

คล็อดพูดพลางหัวเราะอย่างชั่วร้ายและเย้ยหยัน  พลางยกดาบยาวในมือทิ่มเข้าที่กลางอกของหานซั่วที่ดูเหมือนสูญสิ้นเรี่ยวแรงในการป้องกันตัวเองไปแล้วโดยสิ้นเชิง

ทันใดนั้นเอง  เสียงร้องโหยหวนอย่างต่อเนื่องของหานซั่วก็เงียบลง  ร่างกายที่ม้วนงอพลันขยับเขยื้อน  และกลิ้งตัวไปที่เท้าของคล็อดด้วยความเร็วสูงจนทำให้คล็อดไม่ทันระวัง 

ในขณะที่คล็อดกำลังจะเบี่ยงตัวหลบ  เขาก็ร้องลั่นออกมาด้วยความเจ็บปวด  เข็มโลหะจำนวนหนึ่งเสียบทะลุเท้าทั้งสองข้าง  ตรึงเท้าของเขาไว้แน่นกับพื้น  แล้วจู่  ๆ  เขาก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่เสียดแทงไปถึงกระดูกที่ท้องน้อย  คล็อดก้มหน้าลงมองก็พบว่ามีมีดสั้นเล่มหนึ่งเสียบทะลุท้องของเขาออกมา  หานซั่วยืนมองเขาด้วยสายตาเย็นชาจากระยะไกล  ดวงตาคู่นั้นทำให้คล็อดเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่าง

“ข้าคือบุตรแห่งผู้บัญชาการกองพันกริฟฟอนเชียวนะ!  เจ้าทาสชาติชั่ว  กล้าดียังไงมาทำร้ายข้า?”

ร่างของคล็อดสั่นเทิ้มด้วยความเจ็บปวด  ขณะที่ตะโกนอย่างกราดเกรี้ยวด้วยเสียงที่อ่อนแรงเต็มที

“ขอบคุณนะ  ที่ทำให้ข้ารู้ว่าความเป็นจริงมันโหดร้ายแค่ไหน  ท่าทางอวดเบ่งของเจ้าคงไม่ทำให้ข้าทำร้ายเจ้าอย่างเดียวหรอก  แต่ข้าจะฆ่าเจ้าซะ!” 

ทันทีที่สิ้นเสียงของหานซั่วจากระยะไกล  เข็มโลหะอีกหนึ่งเล่มในมือขวาของหานซั่วก็พุ่งเข้าเสียบคอหอยของคล็อดทันที  ท่ามกลางเสียงกรีดร้องอย่างเสียขวัญของคล็อดที่ดังลั่นป่า

 

 

…………………………………………………………………………………….

 

ติดตามช่องทางการโดเนทได้  ที่หน้าเพจ    นะคะ

อัพเดทกลุ่มลับ 9 ก.ค. 60 จะลงถึงตอนที่ 80 ค่ะ  ?

 

(0 votes) 0/10
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments