I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Great Demon King ตอนที่  51  ความสงบหลังฆ่าคน

| Great Demon King | 794 | 2390 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

GDK  ตอนที่  51  ความสงบหลังฆ่าคน

 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หานซั่วฆ่าคน  แต่เมื่อเทียบกับตอนฆ่าโทรลล์ป่าแล้ว  ผลกระทบด้านจิตใจที่หานซั่วได้รับหลังจากสังหารคล็อดแล้วช่างหนักหนากว่ามาก

อย่างไรก็ตาม  โทรลล์ป่าก็เป็นคนละเผ่าพันธุ์  อีกทั้งยังเป็นหัวขโมยจอมป่าเถื่อน  การที่หานซั่วฆ่าพวกมันก็ไม่ต่างอะไรกับตอนล่าพวกสัตว์วิเศษ  แต่กับคล็อดซึ่งแตกต่างจากพวกนั้นโดยสิ้นเชิง  หานซั่วถูกกดดันให้ต้องฆ่าเขา  เพราะในใจรู้ดีว่าถ้าคล็อดไม่ตาย  หานซั่วก็ต้องเอาความคิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในอนาคตข้างหน้าอย่างสงบสุขโยนทิ้งไปได้เลย

ขณะมองร่างปวกเปียกของคล็อดจมอยู่ในกองเลือด  หานซั่วก็รู้สึกชาไประยะหนึ่ง  ในหัวใจไร้ซึ่งความรู้สึกใด  ๆ  เขาไม่ได้ลังเลเลยแม้แต่นิดเดียวตอนที่ลงมือ  มีเพียงชั่ววินาทีที่เห็นคล็อดตายไปต่อหน้าต่อตาเท่านั้น  ที่ในใจของหานซั่วรู้สึกประหม่าขึ้นมา

คล็อดเป็นถึงบุตรชายคนเล็กของผู้บังคับบัญชากองพันกริฟฟอนแห่งจักรวรรดิผู้ทรงเกียรติ  ถ้าข่าวนี้แพร่สะพัดออกไปล่ะก็  หานซั่วคงต้องตายสถานเดียว

หานซั่วจ้องมองศพของคล็อดและเคว้งไปพักหนึ่ง  แล้วความตระหนกตกใจเล็กน้อยในทีแรก  ก็เริ่มกลับกลายเป็นความโหดร้ายเยือกเย็นมากขึ้นเรื่อย  ๆ

ในที่สุด  หานซั่วก็จัดระเบียบเสื้อผ้าตัวเองและลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินเข้าไปหาร่างของคล็อดด้วยสีหน้าสงบ  และเริ่มรื้อค้นเสื้อผ้าของเขา  หานซั่วเทเหรียญทองจำนวนหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเงิน  ตราสารคริสตัล  และยาต่าง  ๆ

หลังจากใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง  หานซั่วก็เก็บไปแต่เหรียญทอง  ในขณะที่วางตราสารคริสตัลกับข้าวของอื่น  ๆ  ของหานซั่วไว้ด้านข้าง

เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กพร้อมกริชกระดูกปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าหานซั่วทันทีที่เขาร่ายเวทย์เสร็จ  หานซั่วค้นหาพื้นที่โล่งเตียนเปล่าเปลี่ยวจนเจอ  แล้วมนุษย์กับโครงกระดูกก็ช่วยกันใช้มีดสั้นและกริชกระดูกขุดหลุมลึกโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที  หลังจากฝังร่างของคล็อดลงในหลุมเรียบร้อยแล้ว  หานซั่วก็ค่อย  ๆ  ทำความสะอาดคราบเลือดที่คล็อดทิ้งไว้  แม้กระทั่งพยายามกลบร่องรอยตอนที่เขาร่วงลงไปกองกับพื้นและตอนกลิ้งตัวไปมา

หานซั่วเดินวนเวียนไปทั่วป่าอยู่ครู่หนึ่งเพื่อให้มั่นใจว่าไม่หลงเหลือหลักฐานใด  ๆ  ไว้อีก  เขาก็ยังไม่ได้กลับเข้าเมืองดรอลในทันที  แต่กลับอ้อมไปยังทางตอนเหนือของเมือง  เพื่อขุดหลุมลึกฝังข้าวของของคล็อดไว้อีกแห่งและในที่สุด  เขาก็กลับเข้าเมืองดรอลโดยใช้ถนนอีกเส้นหนึ่ง

เขาทำทุกอย่างด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง  ก่อนหน้านี้  พวกเขาไม่ได้เป็นที่สนใจของผู้ใดเลยระหว่างทางที่กำลังเดินเข้าป่าไปพร้อมคล็อดเพราะคล็อดเองก็ตั้งใจไว้อย่างนั้นอยู่แล้ว

เมื่อหานซั่วฆ่าเขาและฝังร่างของเขาไว้อย่างดี  ถ้าว่ากันตามหลักแล้ว  ก็ไม่น่าจะมีใครมาพบเข้า  หรือต่อให้มีใครบังเอิญพบศพของคล็อดอย่างไม่ตั้งใจหานซั่วก็เอาของมีค่าออกไปจากศพของเขาหมดแล้ว  โดยจัดฉากให้ดูเหมือนเป็นการฆาตกรรมเพื่อชิงทรัพย์  ซึ่งคดีแบบนี้มักเกิดขึ้นอยู่บ่อย  ๆ  ในเมืองดรอลที่อาจบดบังสาเหตุการตายที่แท้จริงไปได้บ้าง

และเพื่อป้องกันปมใด  ๆ  ไม่ให้เกิดขึ้นอีก  หานซั่วก็ปลีกตัวเองให้พ้นจากพื้นที่แวดล้อมของโรงแรมที่ไอรีนและคนอื่น  ๆ  พักอยู่ไปอีก  2  วัน  ทว่ายังคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของเหล่านักเรียนสาขาเวทมนตร์ธาตุแสงอยู่เงียบ  ๆ  และพบว่าทั้งไอรีนและบีชเชอร์  ไม่มีใครตามหาคล็อดเลยสักคน  ราวกับว่าเพราะคล็อดทำผิดกับพวกเขาก่อน  จึงไม่มีใครอยากยุ่งด้วยอีกต่อไป

คล็อดเป็นเพียงผู้เดียวที่เข้าใจร่างกายของตัวเองดีที่สุด  แต่ไม่ว่าจะพยายามอธิบายภายใต้สถานการณ์กระอักกระอ่วนนั่นมากแค่ไหน  ก็ยิ่งทำให้น้อยคนนักที่จะเชื่อคำพูดของเขา  และเมื่อดูจากระยะเวลาที่คล็อดมาตามหาเขาเพราะรู้เรื่องยากระตุ้นกำหนัดแล้วจึงสันนิษฐานว่าคล็อต้องรีบออกมาแก้แค้นทันทีที่ฟื้นตัว  โดยไม่มีเวลาอธิบายเหตุผลนั้นกับทั้งไอรีนหรือบีชเชอร์

ภายหลังเฝ้าสังเกตการณ์มาได้  2  วัน  หานซั่วก็เริ่มรู้สึกผ่อนคลายและระวังตัวน้อยลงเมื่อเห็นว่าทั้งไอรีนและบีชเชอร์ไม่สนใจจะตามหาคล็อดจริง  ๆ  ขณะมัวแต่สนใจจะใช้เงินขณะแวะไปตามร้านขายอาวุธ  ร้านขายเครื่องป้องกัน  ตลอดจนร้านขายยาต่าง  ๆ

เมื่อพลบค่ำ  หานซั่วก็ไม่ออกไปจับตามองไอรีนและบีชเชอร์อีก  เขาเก็บตัวอยู่ในห้องพักและฝึกฝนเวทมนตร์อยู่เงียบ  ๆ  เพื่อขยายเส้นชีพจรและเพิ่มความยืดหยุ่นของมัน

หานซั่วนั่งอยู่ปลายเตียงด้วยร่างกายเปลือยเปล่า  เหงื่อจำนวนมากไหลโซมกายตั้งแต่หน้าผากลงมา  เส้นเอ็นตามส่วนต่าง  ๆ  กระตุกเป็นจังหวะราวกับมีหนอนจำนวนนับไม่ถ้วนเคลื่อนตัวอยู่ใต้ผิวหนัง  ดูน่าสยดสยองยิ่งกว่ารอยสักที่ชั่วร้ายที่สุด

ระหว่างกระบวนการนี้เองหัวของหานซั่วก็สั่นเทาอย่างเฉียบพลัน  ในขณะที่เขาจมดิ่งสู่ภวังค์ที่ไร้ซึ่งความรู้สึก  ชั่วขณะนั้นเองที่เขาหลงลืมทั้งตัวเองและเวลา  ราวกับเป็นเพียงรูปปั้นไร้ชีวิต  มีเพียงรัศมีสีดำจาง  ๆ  ที่โคจรวนเวียนอยู่ภายใต้ผิวหนัง

ก๊อก  ก๊อก  ก๊อก

ทันใดนั้นเอง  เสียงเคาะประตูอย่างบ้าคลั่งก็ดังระรัวขึ้นและปลุกหานซั่วให้ตื่นจากภวังค์  เมื่อรวบรวมสติได้  เขาก็รู้ตัวว่าตัวเองเข้าสู่ห้วงจิตปีศาจโดยไม่รู้ตัวอีกแล้ว

ก๊อก  ก๊อก  ก๊อก

เสียงเคาะประตูรัว  ๆ  ดังไม่หยุด  หานซั่วนึกรำคาญที่การฝึกของเขาถูกขัดจังหวะเขาหยิบเอาผ้าเช็ดตัวผืนหนึ่งขึ้นมาห่อตัวไว้  และตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงระอา

“มาแล้ว  มาแล้ว!”

เมื่อประตูเปิดออก  หานซั่วก็แทบตกตะลึงสุดชีวิต  สีหน้ารำคาญเมื่อครู่จางหายไปทันทีแทนที่ด้วยรอยยิ้มกว้าง  พร้อมกับพูดอย่างดีอกดีใจ

“เอ๋  พวกท่านน่ะเอง  ข้ารอตั้งนานแน่ะ  ในที่สุดพวกท่านก็กลับมา”

เบื้องหน้าประตู  แฟนนี่และลิซ่าดูโทรมเล็กน้อยในสภาพที่ผมค่อนข้างยุ่งเหยิง  พวกเธอถือของหลายอย่างในมือ  และแบกกระเป๋าสัมภาระไว้บนหลัง  ท่าทางเหนื่อยล้าจากการเดินทาง  ซึ่งแปลว่าพวกเธอเพิ่งกลับออกมาจากป่าทมิฬ

“ไบรอัน  เจ้ากลับมาถึงเมืองดรอลตั้งนานแล้วนี่  พวกเราเป็นห่วงแทบตาย  อ้อ  แล้วเอาเงินมาจากไหนเยอะแยะถึงได้มาพักห้องหรูหราได้แบบนี้  ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าของโรงแรมยืนยันเองล่ะก็  ให้ตายข้าก็ไม่เชื่อหรอก  ว่าคนที่พักอยู่ห้องนี้คือเจ้า”

แฟนนี่กวาดตามองไปทั่วร่างของหานซั่วพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงจิกกัด

“ไบรอัน  วันที่เจ้าหายตัวไป  เกิดอะไรขึ้นกันแน่น่ะ?  เจ้าไม่กลับมาเลยหลังจากผ่านไปตั้ง  2  วัน  ข้านึกว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้าซะแล้ว”

ลิซ่าพูด

“ข้าหลงทางน่ะ  กว่าข้าจะกลับมาเจอจุดตั้งแคมป์เดิม  พวกเจ้าก็ออกไปกันนานแล้ว  แล้วข้าก็หาพวกเจ้าไม่พบ  ก็เลยตรงกลับมาที่เมืองดรอลเพื่อรอพบพวกท่านนี่แหละ  ดีจังที่ทุกคนปลอดภัย  วิเศษไปเลย”

หานซั่วยิ้มเล็กน้อยขณะอธิบายด้วยเสียงแผ่วเบา

แฟนนี่มองสำรวจทั่วร่างของหานซั่วพลางใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง  ก่อนจะหันไปพูดกับลิซ่าที่ยืนอยู่ข้าง  ๆ

“ลิซ่า  รีบไปจัดการเรื่องจองห้องพักกับอาจารย์จีนและเพื่อน  ๆ  คนอื่นเถอะ  ข้ามีเรื่องต้องคุยกับไบรอันนิดหน่อย”

ลิซ่ามองแฟนนี่ด้วยความสงสัย

“อาจารย์แฟนนี่คะ  เรื่องนั้นก็ผ่านไปได้สักพักแล้ว  ไบรอันช่วยชีวิตพวกเราไว้ด้วย…  ท่านยังแค้นเขาอยู่อีกเหรอคะ?”

หน้าของเธอแดงเรื่อขึ้นทันทีที่ได้ยินลิซ่าพูดถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นขึ้นมาอีก  พร้อมกับตอบไปอย่างเคือง  ๆ

“เปล่า  ข้ามีเรื่องอื่นต้องคุยกับเขาต่างหากล่ะ  ลงไปเลือกห้องให้ข้าเถอะ  ข้าคุยไม่นานหรอก”

ลิซ่าไม่สบายใจนักเมื่อได้ยินแฟนนี่อธิบาย  แต่ก็ไม่พูดอะไรต่อ  ก่อนจะหันหลังเดินจากไปพร้อมเสียงบ่นอุบอิบ

ทันทีที่ลิซ่าออกไปแล้ว  แฟนนี่ก็จ้องมองหานซั่วอีกครั้ง  พร้อมกับจ้องเข้าไปในห้องที่เธอเคยพัก  ดูเหมือนจะยังจำได้ดีถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องนั้นเมื่อแก้มของเธอแดงเรื่อขึ้นกว่าเดิม  ก่อนจะพูดด้วยความไม่พอใจ

“ไม่คิดจะเชิญข้าเข้าไปหน่อยรึ?”

“โอ้  อาจารย์แฟนนี่  เชิญเลยครับ”

หานซั่วรีบถอยหลังและหมุนตัวหลบไปยืนด้านข้างทันที  เมื่อแฟนนี่ก้าวเข้ามาในห้อง  เขายื่นหัวออกไปสำรวจโถงทางเดินอยู่ครู่หนึ่ง  และรีบปิดประตูด้วยความเร่งรีบ  ราวกับกำลังรู้สึกผิด

“ทำไมต้องทำอะไรลับ  ๆ  ล่อ  ๆ  ขนาดนั้นด้วยล่ะ  ถามหน่อยเถอะ  เกิดอะไรขึ้นในวันที่เจ้าหายตัวไปกันแน่?  แล้วเจ้ามีเงินเหรียญทองมาเช่าห้องพักนี่อยู่ได้ยังไงกัน”

แฟนนี่ยิงคำถามใส่หานซั่วทันทีที่เธอนั่งลงบนเตียง  พลางกวาดตามองไปรอบห้อง

หลังจากสังหารคล็อดแล้ว  ความรู้สึกของหานซั่วก็ยังเยียวยาได้ไม่เต็มที่  เมื่อได้ยินแฟนนี่ถามจึงประหลาดใจเล็กน้อย  เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง  ก่อนจะอธิบายพร้อมกับหัวเราะเจื่อน  ๆ

“วันที่ข้าออกไป  ข้าแอบไปฝึกเวทมนตร์ศาสตร์แห่งความตายอยู่น่ะครับ  แล้วบังเอิญไปเจอเข้ากับหมาป่าคมวายุที่บาดเจ็บมาตัวหนึ่ง  ข้าพยายามไล่ตามมันไป  จนในที่สุดก็ฆ่ามันได้ตอนที่มันไม่ทันระวังตัว  แต่พอกลับมาถึงจุดตั้งแคมป์ที่เดิม  ข้าก็รีบมุ่งหน้ากลับมาที่เมืองนี้ทันทีที่เห็นว่าพวกท่านออกเดินทางไปก่อนแล้ว

พอกลับมาถึงเมืองดรอล  ข้าก็ขายผลึกมนตรากับหนังของหมาป่าคมวายุตัวนั้นไป  ถึงได้เงินเหรียญทองนี่มา  และข้าก็คิดว่าพวกท่านน่าจะเลือกพักที่โรงแรมนี้อีกหลังจากกลับมา  ข้าก็เลยจองห้องนี้ไว้รอพวกท่านนี่แหละ  เรื่องมันก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ”

แฟนนี่ไม่ได้ตอบทันทีที่หานซั่วพูดจบ  ในขณะที่เอาแต่ครุ่นคิดและจับจ้องหานซั่วอย่างไม่วางตา  ก่อนจะถอนหายใจเบา  ๆ

“ไบรอัน  เจ้าเปลี่ยนไปจากเดิมมาก  ๆ  เลยนะเนี่ย!”

เขาสะดุ้งและพยายามเค้นรอยยิ้มที่ดูจริงใจที่สุด  พลางเกาหัว

“จริงเหรอครับ?  ข้าเปลี่ยนไปตรงไหนเหรอ?”

“เยอะมากเลย  ทั้งรูปลักษณ์ของเจ้า  ร่างกาย  ความสูง  หรือแม้แต่บุคลิกและท่าทางการพูดแตกต่างไปจากเจ้าคนเดิมที่ข้าเคยรู้จัก  ดูเหมือนเจ้าจะเป็นคนเดียวที่เปลี่ยนไปมากที่สุดหลังเผชิญบททดสอบในป่าทมิฬนะ  นักเรียนทุกคนเริ่มเปลี่ยนไปบ้างก็แค่ตอนเจอเข้ากับสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย  ใครจะไปคิดว่าเจ้ากลับกลายเป็นคนที่เปลี่ยนไปมากที่สุดแบบนี้ล่ะ?  น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!”

แฟนนี่จ้องมองหานซั่วอย่างงุนงงเกินจะเอ่ย  พร้อมกับพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

หานซั่วรู้ดีว่าช่วงเวลาระหว่างการเดินทางท่องไปในป่าทมิฬ  ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัวของเขาส่งผลต่อทัศนคติที่เขามีต่อสิ่งต่าง  ๆ  และความเปลี่ยนแปลงนี้เองที่มาพร้อมกับความแข็งแกร่งและอันตรายต่าง  ๆ  นานาที่เขาได้ประสบพบเจอ  …แม้แต่หลังจากการฆ่าคล็อดด้วยมือตัวเองในวันก่อน  ซึ่งภาพนั้นยังคงสะท้อนตามหลอกหลอนอยู่ในหัว  หานซั่วก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงความเป็นจริงอันโหดร้ายของโลกใบนี้  และเพราะสาเหตุนั้นเอง  ที่ทำให้เขาทั้งเย็นชาและโหดร้ายมากขึ้น

“อาจารย์แฟนนี่  ท่านทิ้งโน้ตไว้ให้ข้า  บอกว่าเจอเข้ากับอสูรกินคน  2  ตนนั่น  สุดท้ายแล้วท่านได้จัดการพวกมันรึเปล่าครับ?”

หานซั่วหัวเราะเบา  ๆ  แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไรต่อ  และเริ่มถามแฟนนี่กลับถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขาหลังจากนั้น

“แน่ล่ะ  เจ้าอสูรกินคนสองตนนั้นไล่ตามเราไม่เลิก  พวกมันถึงขั้นสมรู้ร่วมคิดกับพวกโทรลล์ป่าเพื่อโจมตีพวกเราด้วยนะ  ซึ่งในที่สุดก็หนีพวกมันพ้นอยู่หรอก  แต่ก็ต้องเบี่ยงจากเส้นทางเดิมไปมากพอดูเพื่อเลี่ยงอสูรกินคนกับโทรลล์ป่าพวกนั้น  เพราะแบบนี้แหละ  พวกเราถึงกลับมาถึงเมืองดรอลช้าขนาดนี้”

แฟนนี่ตอบ

หานซั่วพยักหน้าและกำลังจะอ้าปากพูด  แต่อยู่  ๆ  เขาก็นิ่วหน้าทันทีและผุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว  พลางพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ดูเหมือนพวกเราจะมีปัญหาแล้วล่ะ”

“ทุกคน  ฟังให้ดี!  มีหน่วยรบหมาป่าของพวกออร์คโผล่มาที่ทางใต้ของเมืองดรอล  และกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้  ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมรบ!”

เสียงตะโกนดังลั่นขึ้นทันทีจากถนนข้างโรงแรม  เพื่อเตรียมรับมือกับการรุกรานอย่างเฉียบพลันของหน่วยรบหมาป่าของพวกออร์ค

 

……………………………………………………………………………….

 

 

(0 votes) 0/10
ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments