ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
หน่วยรบหมาป่าอีกตัว เมื่อเห็นว่าหานซั่วกำลังพุ่งเข้ามาพร้อมดาบยาว ดวงตาภายใต้หน้าผากที่มีขนดกหนาของมันก็เบิกกว้างขึ้น มันคำรามอย่างกราดเกรี้ยว และพยายามพูดเป็นภาษามนุษย์ในสำเนียงแปร่ง ๆ
“จ้าว… จ้าวมานุด… จอมหลอกลวง… แก… ตายยย!!”
หมาป่าตัวใหญ่ที่มันขี่อยู่ก็เห่าหอนขึ้นทันที ออร์คตนนั้นหยิบหน้าไม้ออกมาจากด้านหลัง ก่อนจะยิงลูกธนูออกไปพร้อมกับเสียงหวีดหวิวบาดหู โดยเล็งเป้าไปที่คอของหานซั่ว
แก่นมนตราในร่างของเขาหมุนวนอย่างรวดเร็ว หานซั่วตั้งสมาธิแน่วแน่ และชั่ววินาทีนั้นเอง ลูกธนูในสายตาของเขาก็ช้าลงทันที ราวกับช็อทสโลโมชั่นที่เขาเคยเห็นบ่อย ๆ ในหนัง ประสาทรับรู้ของหานซั่วนั้น ทั้งแข็งแกร่งและว่องไวกว่าความเร็วของลูกธนูที่พุ่งมาอย่างเทียบกันไม่ติด
เมื่อลูกธนูอยู่ห่างจากหานซั่วเพียง 1 เมตร ดาบยาวในมือของเขาก็ยื่นออกไปอย่างรวดเร็ว คมปลายดาบปะทะเข้ากับปลายลูกธนูอย่างแม่นยำ เกิดเป็นเสียงโลหะกระทบกันดังขึ้นทันทีที่ลูกธนูแตกออกเป็นเสี่ยง
หลังจากทำลายลูกธนูที่พุ่งเข้ามาได้แล้ว แม้อยู่บนหลังม้าที่กำลังควบอย่างเร็วก็ไม่ได้กระทบต่อความเร็วของหานซั่วเลยแม้แต่น้อย ก่อนที่หน่วยรบหมาป่าจะทันยิงลูกธนูดอกที่สองออกไป หานซั่วก็ใกล้ถึงตัวมันพร้อมกับยกดาบยาวขึ้นสูง
คมดาบโค้งสะท้อนแสงเป็นประกายในมือขวาของหานซั่ว แม้ดาบยาวนั้นจะทั้งหนาและหนัก แต่สำหรับเขาแล้ว มันเบาหวิวราวขนนก
ออร์คตนนั้นเงื้อดาบขึ้นเช่นกัน แต่ชั่วขณะที่ดาบทั้งสองกำลังจะปะทะกัน จู่ ๆ ลูกดอกสีน้ำตาลลูกหนึ่งก็พุ่งออกมาจากแขนเสื้อด้านขวาของหานซั่ว ก่อนจะลอดผ่านดาบยาวของออร์คและเสียบเข้าที่คอหอย จนเกิดเสียงขณะลูกดอกปักเข้าเนื้อ
“เจ้า… พวกไร้… สัจ—จะ!”
ขณะที่ปากกำลังกระอักเลือก หน่วยรบหมาป่าตนนั้นจึงเค้นคำพูดออกมาอย่างยากลำบาก ในที่สุด มือที่พยายามกำดาบยาวไว้ให้มั่นก็สิ้นเรี่ยวแรง ทั้งดาบและร่างกายใหญ่เทอะทะของมันร่วงหล่นจากหลังหมาป่ายักษ์ทันที สิ้นฤทธิ์ลงทันใด
“เหอะ เป็นเผ่าพันธุ์ที่สติปัญญาต่ำต้อยชะมัด!”
ท่าทีสงบนิ่งและเย็นชาของหานซั่วเมื่อครู่จางหายไปทันทีเมื่อเขาลงมายืนที่ด้านข้างหมาป่ายักษ์พร้อมรอยยิ้มชั่วร้าย เขาสะบัดดาบยาวเพียงครั้งเดียว กระเป๋าใหญ่บนหลังหมาป่ายักษ์ก็ลอยไปอยู่บนหลังม้าของหานซั่วแทนและตอนนั้นเองที่เขาเอาดาบแทงหมาป่ายักษ์ตัวนั้นจนนอนจมกองเลือด
“ฆ่ามัน… ฆ่า… ฆ่า!”
ทันใดนั้น มีเงาหลายร่างปรากฏขึ้นตรงหัวมุมหนึ่งของถนนทางตอนเหนือ หน่วยรบหมาป่ากว่า 10 ตนกำลังมุ่งหน้าเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมเสียงเห่าหอนดังลั่น ขณะที่แยกกันไล่ตามกลุ่มนักเวทย์และนักรบที่พยายามหนีเอาตัวรอด หนึ่งในผู้ลี้ภัยกลุ่มนั้นคือบีชเชอร์และนักเรียนสาขาเวทมนตร์ธาตุแสงที่กำลังขี่ม้าด้อยคุณภาพที่เคยเป็นของพวกหานซั่ว
“รีบไปกันเถอะ!”
หลังจากหยุดมองอยู่ครู่หนึ่ง หานซั่วก็รีบดึงบังเหียนในมือ สั่งให้ม้าควบไปอย่างรวดเร็ว และเปลี่ยนทิศทางไปทางเหนืออีกครั้ง
เมื่อแฟนนี่และคนอื่น ๆ มองเห็นการห้ำหั่นของหานซั่วเมื่อครู่ ต่างตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออกเมื่อสังเกตว่าอยู่ดี ๆ หานซั่วก็ควบม้าพุ่งออกไป จึงรู้ทันทีว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดีแล้ว จึงรีบควบม้าตามหลังหานซั่วไปทันทีตามเส้นทางสู่ทิศเหนือ
หลังจากเดินทางบนหลังม้าด้วยความหวาดกลัวมานานกว่าครึ่งวัน กลุ่มของหานซั่วก็เดินทางมาจนถึงหุบเขาขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง หน้าผาทั้งสองด้านสูงชัน และที่ปลายหุบเขามีแม่น้ำสายใหญ่ไหลผ่าน และที่นั่นเอง หานซั่วและคนอื่น ๆ ดึงบังเหียนเพื่อหยุดม้าของตน พวกเขาเพ่งมองไปยังผืนน้ำสีน้ำเงินนั้นอย่างลังเลใจ
“ที่นี่น่าจะเป็นแม่น้ำนีโรแลน ถ้าข้ามแม่น้ำสายนี้ไปก็จะไปถึงเมืองบัลธาซาร์ ที่อยู่ทางตอนใต้ของจักรวรรดิได้ เมืองบัลธาซาร์อยู่ไม่ไกลจากเมืองซาโจสกี้มากนัก ถึงแม้จะไม่ได้มีปราการที่แข็งแกร่งเท่า แต่ก็มั่นใจได้ว่ามีทหารรักษาการณ์อยู่แน่นหนาทีเดียว ข้าคิดว่าถ้าไปถึงที่นั่นได้ พวกเราก็คงปลอดภัยแล้วล่ะ”
จีนนิ่วหน้าครุ่นคิดขณะมองแม่น้ำนีโรแลนอันกว้างใหญ่อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดออกมา
“ถ้าจะไปให้ถึงเมืองบัลธาซาร์ ก็ต้องข้ามแม่น้ำนีโรแลนให้ได้ก่อน แต่แม่น้ำนี้ก็กว้างมาก ถ้าไม่มีเรือ ข้าว่าพวกเราคงข้ามไปไม่ได้หรอก”
แฟนนี่ที่มีสีหน้าวิตกกังวลพูดขึ้นพลางถอนใจ ขณะมองผืนน้ำสีน้ำเงินนั้นอยู่ไกล ๆ
หานซั่วไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่มาถึงที่นี่ เขาเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับตัวเองพลางรื้อค้นกระเป๋าใบใหญ่สองใบที่แขวนอยู่บนหลังม้า ร้านรวงในเมืองดรอลล้วนมีกลุ่มเป้าหมายสำคัญคือพวกนักผจญภัยและทหารรับจ้าง แปลได้ว่า อย่างน้อยหลายร้านก็ต้องมีสินค้าที่จำเป็นต่อการต่อสู้
หานซั่วหยิบของทั้งหมดออกมาและพบว่า กระเป๋าใบใหญ่จากหน่วยรบหมาป่าทั้งสองตนนั้นประกอบด้วย หน้าไม้ 4 คัน พร้อมด้วยลูกดอกคุณภาพดีที่สุดกว่า 10 ดอก มีดสั้นระดับสูง 3 เล่ม ดาบยาวและคทาเวทมนตร์ระดับธรรมดาอย่างละ 2 ชิ้น และชุดเกราะหนังแบบแนบติดกับผิว 3 ชุด นอกเหนือจากนี้ ก็มีน้ำยารักษาและขวดยาพิษอีกจำนวนหนึ่ง
อาวุธชิ้นแรกที่หานซั่วหยิบขึ้นมา คือมีดสั้นคมกริบประดับไพลินสีน้ำเงินสวยงามเล่มหนึ่ง เขาเอามาเหน็บไว้ข้างกาย และค่อย ๆ เก็บขวดยาพิษต่าง ๆ ด้วยความระมัดระวัง ก่อนจะเททั้งอาวุธและชุดเกราะทั้งกระเป๋าลงมากองบนพื้น เขาเงยขึ้นมามองหน้าทุกคน และพูดด้วยท่าทีสงบ
“มาหยิบไปของพวกนี้ไปซะ จะได้พร้อมสำหรับการต่อสู้”
ทั้งนักเรียนและอาจารย์สาขาศาสตร์แห่งความตายที่กำลังถอนใจและคิดหาทางออกที่เป็นไปได้ ต่างตกใจกับคำพูดของหานซั่ว จีนนิ่งอึ้งไปชั่วครู่แล้วก็นึกถึงเรื่องของหานซั่วก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้ เขาร้องอุทานขึ้นมาอย่างประหลาดใจและจ้องมองหานซั่วอย่างไม่วางตา
“ไบรอัน เมื่อตอนนั้น เจ้าใช้เวทย์ศรกระดูกใช่มั้ย?”
คำถามของจีนทำให้ทุกคนยกเว้นแฟนนี่หันมามองหานซั่วเป็นตาเดียวด้วยความช็อคสุดขีด ส่วนลิซ่าถึงกับตกใจจนร้องเสียงแหลม ขณะชี้นิ้วไปที่หานซั่วด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังขา
“จริงด้วย… ไบรอัน เจ้าใช้เวทมนตร์ได้ยังไงกัน?”
“นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งถกกันเรื่องนี้หรอกนะ หน่วยรบหมาป่าของพวกออร์คกำลังยกโขยงกันมาทางนี้ และข้าก็คิดว่าอีกไม่นานพวกมันคงใกล้มาถึงที่นี่เต็มที ข้างหน้าเรามีหน้าผา ส่วนข้างหลังก็มีแม่น้ำนีโรแลนอีก ที่เราควรทำตอนนี้คือคิดหาทางว่าจะรับมือยังไงกับพวกออร์คนั่นต่างหาก”
หานซั่วอธิบายด้วยน้ำเสียงราบเรียบขณะกำลังจัดแจงอาวุธที่อยู่ในกระเป๋า
“ก็ที่ต้องมาลำบากกันขนาดนี้ เพราะเจ้านำพวกเรามาที่นี่เองไม่ใช่รึไงล่ะ?”
เบลล่ามองหานซั่วอย่างดูถูกและเย็นชาเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด
ใบหน้าสงบเยือกเย็นของหานซั่วเริ่มขมวดคิ้ว เมื่อสัมผัสแห่งความขยะแขยงและเกลียดชังพุ่งพล่านขึ้นในใจอย่างไม่สามารถรวบคุมได้ เขาเงยหน้าขึ้นจ้องมองใบหน้าเย้ยหยันของเบลล่า
“เจ้าคิดว่าข้าตัดสินใจพลาดงั้นรึ?”
เบลล่าเกือบจะอ้าปากตอบไปว่า “ก็ใช่น่ะสิ” แต่ทันทีที่เห็นแววตามุ่งร้ายของหานซั่วเบลล่าก็สั่นสะท้านไปทั้งร่างโดยไม่รู้ตัว เมื่อถูกดวงตาคู่นั้นจับจ้องราวกับฝูงหมาในและหมาป่าที่กำลังจ้องมองเหยื่อ เธอขืนยิ้มอย่างหวาดกลัวและพูดด้วยเสียงตะกุกตะกัก
“ข้า-ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นซะหน่อย”
แล้วรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนหน้าของหานซั่วอีกครั้ง เขาพยักหน้ารับราวกับว่าเมื่อครู่ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น
“งั้นก็ตามนั้นล่ะ ทุกคน!! หยิบอาวุธขึ้นมาซะ พลังจิตของพวกเรามีจำกัด และระยะร่ายเวทย์ก็ไม่ไกลเท่าหน้าไม้ด้วย ข้าคิดว่าเราควรโจมตีด้วยอาวุธกันก่อน ถ้าอาวุธไร้ประโยชน์ขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็ค่อยใช้เวทมนตร์โจมตีต่อได้เลย มาเถอะ!! เตรียมตัวให้พร้อมและรอพวกหน่วยรบหมาป่านั่นเข้ามาหาที่ตายกันเองดีกว่า”
ท่าทีของหานซั่วในตอนนี้ราวกับเป็นผู้คุมสถานการณ์ไปเสียอย่างนั้น เป็นภาพเหตุการณ์ที่ช่างตลกร้ายเสียเหลือเกิน เพราะจริง ๆ แล้วเขาเป็นเพียงทาสรับใช้ของสาขาศาสตร์แห่งความตายที่ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเอ่ยปากพูดด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้ประสบพบเจอความบ้าระห่ำของหานซั่วเมื่อครั้งอยู่ในป่าทมิฬ กับความโหดร้ายเย็นชาในการสังหารหน่วยรบหมาป่าของพวกออร์คไปแล้วถึงสองตน จึงไม่มีใครคิดว่าเป็นเรื่องตลกอีกต่อไปหากจะทำตามคำสั่งของคน ๆ นี้
ราวกับว่าทุกคนกำลังทำความรู้จักกับหานซั่วใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง แม้แต่จีนและแฟนนี่เองก็เดินเข้ามาเลือกอาวุธและรับหน้าไม้ไปจากมือของเขา และไม่มีใครกล้าเห็นค้านเพื่อท้าทายเขาอีกต่อไป
โดยที่ไม่เคยมีใครล่วงรู้ หานซั่วที่เดิมเคยเป็นเพียงทาสรับใช้ กลับมีอำนาจบางอย่าง ที่ทำให้ทุกคนล้วนทำตามบัญชาของเขาด้วยความเต็มใจ
ติดตามอัพเดทและอ่านตอนต่อไปทันที ที่นี่ >>> Facebook : Louktan Translate นิยายแปลไทย
(0 votes) 0/10