ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปหน้าผาสูงชันของหุบเขาขนาดใหญ่โอบล้อมทุกด้านของช่องทางเดินตรงกลางที่กว้างประมาณห้าเมตร 5 เมตร ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เหมาะอย่างยิ่งในการวางกับดักจับพวกออร์ค
เมื่อทุกคนล้วนเห็นด้วยกับแผนของหานซั่ว พวกเขาก็เริ่มวุ่นวายกับการจัดการตัวเองทันที หานซั่วไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับวิธีวางกับดักมากนัก แต่มือใหม่อย่างพวกเขาก็พยายามช่วยกันขึงเชือกให้ตึงเพื่อเป็นกับดักที่จะขัดขาให้สะดุด รวมทั้งวางกับดักบ่วงตลอดเส้นทางนั้น ในขณะที่จีนและแฟนนี่ใช้เวทมนตร์ศาสตร์แห่งความตายเสก เวทย์บ่อน้ำกรด ไว้เบื้องหลังเชือกที่ขึงไว้
เวทย์บ่อน้ำกรด เป็นเวทมนตร์ศาสตร์แห่งความตายระดับสูง สามารถแปรเปลี่ยนพื้นดินกว้างขวางให้กลายเป็นบ่อที่เต็มไปด้วยโคลนตม และเมื่อกรดทำปฏิกิริยาจนได้ที่ บ่อน้ำนั้นก็จะกลืนกินสิ่งมีชีวิตใด ๆ ก็ตามที่เผลอตกลงไป และคงเหลือไว้เพียงซากโครงกระดูก
อย่างไรก็ตาม เวทย์นี้จำเป็นต้องใช้พลังจิตในปริมาณสูงมาก ซึ่งขนาดความกว้างของบ่อน้ำกรดก็จะขึ้นอยู่กับปริมาณพลังจิตของผู้ใช้เวทย์ด้วย แม้จีนและแฟนนี่จะรวมพลังกัน ก็ยังสร้างบ่อน้ำกรดที่มีขนาดพื้นที่กว้างเพียง 5 ตารางเมตรเท่านั้น เมื่อดูจากสภาพของทั้งคู่ ก็บอกได้ทันทีว่าพวกเขาถึงขีดจำกัดแล้ว
ก้อนหินขนาดใหญ่จำนวนหนึ่งถูกวางไว้ริมขอบหน้าผาด้านบนสุดของทั้งสองด้าน พร้อมที่จะร่วงลงใส่หน่วยรบหมาป่าที่กำลังมาถึง แต่ทว่า ทั้งอาจารย์และนักเรียนสาขาศาสตร์แห่งความตายต่างมีร่างกายที่อ่อนแอและบอบบาง หานซั่วจึงเป็นคนที่เคลื่อนย้ายก้อนหินเหล่านั้นด้วยตัวเองคนเดียว
หลังจากเตรียมการทั้งหมดแล้ว ทั้งจีน เบลล่า บาค และคนอื่น ๆ ต่างหลบซ่อนตัวและเฝ้ารออยู่บริเวณริมด้านหนึ่งของเส้นทางตรงกลาง ส่วนหานซั่ว แฟนนี่ ลิซ่า และพวกที่เหลืออยู่ที่ริมอีกด้านหนึ่ง
“เจ้าเปลี่ยนไปมากเลยจริง ๆถ้ารอดชีวิตกลับไปที่วิทยาลัยได้ล่ะก็ เจ้าต้องได้รับผลตอบแทนมหาศาลแน่ ๆ เลยล่ะ รับรองว่าข้าจะรายงานให้ฝ่ายบริหารโรงเรียนรู้ และเอารางวัลมาให้เจ้าให้ได้เลย!”
ร่างของแฟนนี่กำลังย่อตัวอยู่ด้านหลังหินใหญ่ก้อนหนึ่ง เธอกระซิบด้วยเสียงแผ่วเบาขณะกวาดตามองไปทั่วร่างกายของหานซั่ว
หานซั่วยืนอยู่ตรงกลาง มีลิซ่าอยู่ทางด้านซ้าย และแฟนนี่ทางด้านขวา ทั้งสามคนอยู่ใกล้ชิดกันมาก เมื่อแฟนนี่กระซิบ ลมหายใจที่หอมหวนราวดอกกล้วยไม้ก็ลอยแผ่วมาสัมผัสทางแก้มซ้ายของหานซั่ว รวมทั้งกลิ่นน้ำหอมบาง ๆ นั้นก็ทำให้หัวใจของเขาเต้นถี่รัวโลดเต้นไปมาราวกับลิง และในหัวก็แล่นไปมาราวกับม้าที่เร่งควบไปข้างหน้าโดยไม่รู้จุดหมาย จนรู้สึกว่า แม้ช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ ก็ช่างเต็มไปด้วยมนตร์เสน่ห์อันเย้ายวนเสียเหลือเกิน
หานซั่วเกาหัวเหมือนอย่างเคยพร้อมกับยิ้มอย่างจริงใจ เขาหันมาจ้องร่างกายอันน่าถวิลหาของแฟนนี่อย่างไม่วางตา ผมของเธอดูยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเพราะสูญเสียพลังจิตในการร่ายเวทย์บ่อน้ำกรดไปเป็นปริมาณมาก แม้จะแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากความงดงามอันน่าเย้ายวนใจจนทำให้หายใจหายคอไม่สะดวกในเวลาปกติ แต่ก็เป็นความงามอีกรูปแบบหนึ่งที่หานซั่วเพิ่งเคยได้สัมผัส
“บ้าจริง!!! ข้ากำลังคุยกับเจ้าอยู่นะ เลิกจ้องข้าแบบนั้นซะที!”
แฟนนี่เริ่มเคืองเมื่อเธอเห็นว่าหานซั่วเอาแต่จ้องเธอตาไม่กะพริบ และเคลิ้มเสียจนไม่ได้สนใจสิ่งที่เธอพูด เจ้าเด็กนี่ชักจะได้ใจมากเกินไปแล้ว… แถมยังกล้าจ้องเราด้วยสายตาไร้ยางอายแบบนั้นอีก
“ฮะ ๆ ๆ อาจารย์แฟนนี่ ก็ท่านสวยขนาดนี้ ข้ามองท่านก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไรสักหน่อย ทำไมต้องหวงอะไรขนาดนั้นด้วยล่ะครับ?”
หานซั่วหยอดพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ
จู่ ๆ แขนซ้ายของหานซั่วก็เจ็บแปลบขึ้นมาทันที เขาหันไปมองค้อนลิซ่า แต่ทว่า เธอเองก็กำลังจ้องเขาตาเขม็งด้วยสายตาดุร้ายเช่นกัน เขารีบยิ้มกว้างทันที
“แน่นอน ลิซ่า เจ้าก็สวยมากเหมือนกันนะ ฮะ ๆ ๆ”
ลิซ่าเชิดหน้าพร้อมกับพ่นลมดูถูก เธอจ้องเขาและพูดอย่างฉุนเฉียว
“อย่าคิดว่าข้าจะจัดการเจ้าไม่ได้นะ ต่อให้ตอนนี้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นมากก็เถอะ หืม? ในเมื่อตอนนี้พวกเรายังพอมีเวลา รีบบอกข้ามาเดี๋ยวนี้เลยนะว่าเจ้ามีพลังจิตได้ยังไง แถมยังใช้เวทย์ศรกระดูกเป็นอีก ยังมีความลับอีกกี่อย่างกันที่เจ้ายังไม่ได้บอกข้า?”
“เอ๋? ความลับอะไรกัน? ที่ข้าร่ายเวทย์ศรกระดูกได้ก็เพราะเจ้านั่นแหละ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าใช้คำสาปกรีดวิญญาณกับข้า ทรมานข้าจนเกือบตาย ข้าก็คงยังเป็นไอ้ขี้แพ้ไร้ประโยชน์คนเดิมแบบเมื่อก่อนนั่นแหละ เพราะเจ้าคนเดียวเลยจริง ๆ นะ”
สีหน้าของลิซ่าหงอยไปทันที เธอก้มหน้าคอตก ถอนหายใจและพูดอย่างแผ่วเบา
“เจ้ายังไม่ให้อภัยข้าสินะ ข้ารู้ว่าเจ้าเกลียดข้ามาตลอดเพราะเรื่องคำสาปกรีดวิญญาณ แต่ข้าไม่ได้มีเจตนาร้ายจริง ๆ นะ ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่ามันทำให้เจ้าเกือบตายไปแบบนั้น”
“เปล่า ข้าไม่โทษเจ้าหรอก เลิกคิดอะไรบ้า ๆ แบบนั้นได้แล้ว ลิซ่า เจ้ารู้นี่นา ว่าข้าคิดยังไงกับเจ้า แล้วข้าจะไปแค้นเคืองอะไรเจ้าได้ล่ะ?”
หานซั่วสะดุ้งและบังเอิญนึกถึงบทบาท(สมมุติ)ของตัวเองขึ้นมาได้ จึงรีบพูดอย่างอ่อนโยนเพื่อให้เธอสบายใจ
แล้วจู่ ๆ แขนขวาของหานซั่วก็เจ็บแปลบแบบเดียวกับอีกข้างขึ้นมาทันที เมื่อเขาหันมาเห็นว่านิ้วเรียวยาวนวลเนียนดั่งหยกของแฟนนี่กำลังหยิกแขนของเขาเต็มแรง ในตอนนั้นเอง หานซั่วก็รู้สึกถึงความปลาบปลื้มปิติที่พลุ่งพล่านในหัวใจ เขาถอนหายใจเงียบ ๆ ด้วยความอิ่มเอม พลางคิดว่าโชคชะตาอันแสนสุขของชายหนุ่มเยี่ยงนี้จะออกอาการสำราญใจมากนักไม่ได้ เขาถามด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว
“อาจารย์แฟนนี่ ข้าทำอะไรผิดเหรอครับ?”
แฟนนี่สะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินที่หานซั่วถาม นี่เราเป็นอะไรไปเนี่ย? ที่สองคนนี้คุยกันไม่เกี่ยวอะไรกับเราสักหน่อย แล้วเราหยิกเขาทำไมกันนะ? แต่แล้วแฟนนี่ก็เชิดหน้าขึ้นและพ่นลมดูถูกเช่นกัน ก่อนที่จะพยายามปั้นหน้าเล็กน้อยและถามด้วยเสียงแผ่วเบา
“ลิซ่าจ๊ะ เมื่อกี้ ที่ว่าเขารู้สึกยังไงกับเจ้าน่ะ หมายความว่ายังไงเหรอ?”
ใบหน้าของลิซ่าตื่นตระหนกขึ้นมาทันที เธอรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธและรีบกลบเกลื่อนอย่างรวดเร็ว
“เปล่าค่ะ เปล่า ไม่มีอะไร! อาจารย์แฟนนี่ ท่านคงฟังผิดไปน่ะค่ะ ฮะ ๆ ๆ จริงมั้ย ไบรอัน?”
เธอไม่ลืมที่จะส่งสายตาข่มขู่ไปที่หานซั่วเพื่อเป็นการเตือนหลังเธอพูดจบ ถ้าเจ้าขืนพูดออกมาล่ะก็ ข้าจะจัดการเจ้าให้เละเลย!
หานซั่วพยักหน้าเชิงตอบรับอย่างขำ ๆ ยิ้มและพยายามบิดเบือน
“จริงครับ อาจารย์แฟนนี่ ท่านอาจเสียพลังจิตไปมากจนทำให้อาการแย่ลงและกระทบกับการได้ยินก็ได้นะครับ?”
“อ๋อ จริงเหรอ?”
แฟนนี่จ้องมองหานซั่วอย่างสงสัย น้ำเสียงของเธอสูงผิดปกติ
“จริงเสียยิ่งกว่าจริงอีกครับ อ้อ!! จริงสิ อาจารย์แฟนนี่ พอเรากลับไปที่วิทยาลัยได้แล้ว ข้าขอแค่หลุดจากสถานะทาสก็พอครับ แล้วตอนนี้ข้าก็ได้ทองจากป่าทมิฬมาพอสมควร ข้าไม่อยากเป็นทาสอีกต่อไปแล้วล่ะครับ!
“อย่าห่วงเลย ถ้าเรากลับไปกันได้อย่างปลอดภัยจนถึงวิทยาลัย ข้าจะติดต่อฝ่ายบริหารโรงเรียนแทนเจ้าเอง ไม่เพียงแต่จะยกเลิกสถานะทาสของเจ้าหรอก แต่จะยกเลิกหน้าที่คนรับใช้ทั้งหมดด้วย เจ้าจะได้เป็นนักเรียนคนหนึ่งของสาขาศาสตร์แห่งความตาย และข้าจะสอนเวทมนตร์ศาสตร์แห่งความตายระดับสูงให้เจ้าเป็นการส่วนตัวเอง ด้วยศักยภาพที่เจ้ามี ข้าคิดว่าในอนาคต เจ้าจะก้าวข้ามขีดความสามารถของนักเรียนสาขาศาสตร์แห่งความตายทุกคนในตอนนี้ได้แน่นอน”
แฟนนี่มองหานซั่วด้วยความปลาบปลื้มใจพร้อมให้คำมั่นสัญญา พลางคิดในใจ …ถ้าเขาได้เป็นนักเรียนของสาขาศาสตร์แห่งความตาย แล้วพลังเวทมนตร์ของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทะลุขีดจำกัดของตัวเองได้เมื่อไหร่ล่ะก็ ตอนนั้น… บางที… เอ… นี่เราคิดอะไรของเราอยู่เนี่ย? ดูเหมือนเราคงเสียพลังจิตมากเกินไปจริง ๆ ไม่งั้นเราคงไม่คิดอะไรบ้า ๆ แบบนั้นหรอก
สีหน้าของหานซั่วเต็มไปด้วยความสุขใจอย่างล้นปรี่ แต่แล้วเขาก็นิ่วหน้าพลางขมวดคิ้ว เขาหลับตาลง เพ่งสมาธิเงียบ ๆ ครู่หนึ่ง และร้องบอกไปยังผู้คนอีกฝั่ง
“อาจารย์จีน ระวังนะครับ ข้าได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ อีกไม่นานพวกออร์คคงจะมาถึงที่นี่แล้วล่ะ”
“เข้าใจแล้ว พวกเจ้าก็ระวังตัวกันให้ดี ๆ ล่ะ ไบรอัน อาจารย์แฟนนี่กับข้าเสียพลังจิตไปมาก เจ้าต้องปกป้องอาจารย์แฟนนี่ให้ได้นะ!”
“ไม่ต้องห่วงครับ อาจารย์แฟนนี่มีข้าอยู่เคียงข้างทั้งคน ถ้าข้าไม่ตายซะก่อนล่ะก็ รับรองอาจารย์แฟนนี่จะไม่ได้รับอันตรายแม้เพียงปลายเล็บเลยครับ!”
แล้วแขนซ้ายก็เจ็บแปลบขึ้นซ้ำสองทันทีที่พูดจบ เขารู้ทันทีว่าลิซ่าหยิกเพราะโกรธงอน เขารีบหันไปทางซ้ายด้วยตั้งใจว่าจะอธิบาย จนไม่ทันสังเกตทางขวา แฟนนี่เองก็กำลังจ้องมองเขาอยู่แต่ก็แฝงไปด้วยอารมณ์สับสนเกินบรรยาย
แต่แล้วในที่สุด เสียงฝีเท้าหนัก ๆ และทำให้รู้สึกกดดันเหล่านั้นก็ดังขึ้นจนทุกคนได้ยินจากระยะไกล ทุกคนต่างเพ่งสมาธิและครุ่นคิดว่าจะโจมตีอย่างกะทันหันให้ดีที่สุดด้วยวิธีใด
“บ้าเอ๊ย ทำไมกลายเป็นบีชเชอร์กับพวกนักเรียนสาขาเวทย์ธาตุแสงได้ล่ะ!?”
ชั่วขณะที่ทุกคนต่างพร้อมกันกลั้นหายใจและเพ่งสมาธิเตรียมโจมตีโดยการผลักก้อนหินขนาดใหญ่ให้ร่วงหล่นลงไปในหุบผา สายตาเฉียบคมของหานซั่วก็มองเห็นว่ากลุ่มคนที่กำลังตรงเข้ามาไม่ใช่พวกหน่วยรบหมาป่าของพวกออร์ค แต่เป็นบีชเชอร์ ไอรีน พร้อมด้วยคนอื่น ๆ จากสาขาเวทย์ธาตุแสง พวกเขากำลังหนีอย่างร้อนใจ และตระหนกตกใจสุดขีด มีนักเวทย์ที่ไม่คุ้นตารวมอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง ทุกคนต่างมีสีหน้าอิดโรย และขี่อยู่บนหลังม้าที่ส่งเสียงร้องโหยหวนในสภาพที่ราวกับจะล้มลงไปได้ทุกเมื่อ
แฟนนี่ขมวดคิ้ว เธอโผล่หน้าออกมาจากหลังหินห้อนใหญ่ทันที คอระหงของเธอชูขึ้นสูงพลางร้องตะโกน
“อาจารย์บีชเชอร์ หยุดเดี๋ยวก่อนค่ะ ตรงนี้มีกับดักที่เราวางไว้ล่อพวกหน่วยรบหมาป่าอยู่ค่ะ!”
บีชเชอร์และคนอื่น ๆ ที่กำลังพุ่งเข้าสู่บริเวณที่มีกับดักก็หยุดชะงักอย่างรุนแรงทันทีที่ได้ยินแฟนนี่ร้องบอก บีชเชอร์เงยหน้าขึ้นมองเหล่านักเรียนและอาจารย์สาขาศาสตร์แห่งความตายบนริมขอบผาทั้งสองด้านและเข้าใจสถานการณ์ทันที เขาตะโกนตอบกลับไป
“พวกหน่วยรบหมาป่ากำลังตามหลังพวกเรามาแล้ว จะให้พวกเราทำยังไงดีครับ?”
“ลงจากม้าแล้วปล่อยให้พวกมันวิ่งต่อไป แล้วพวกท่านก็ค่อย ๆ เดินข้ามไป พวกเราจะคอยบอกเองว่ามีกับดักอยู่ตรงไหนบ้าง เพราะถ้าท่านยืนนิ่งอยู่ที่เดิมล่ะก็ มีแต่ตายกับตายเท่านั้นแหละ!”
หานซั่วโผล่หน้าออกมาบ้างและตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
บีชเชอร์และคนอื่น ๆ ลังเลกันอยู่ครู่หนึ่งเมื่อได้ยินที่หานซั่วพูด แต่ไม่นานนักก็ทำตามที่เขาแนะนำ พวกเขาลงจากม้า และใช้ปลายมีดจิ้มเข้าที่ด้านหลังเพื่อเร่งให้มันวิ่งต่อไป จากนั้นก็ค่อย ๆ ก้าวข้ามผ่านกับดักและบ่อน้ำกรดตามเสียงอธิบายของแฟนนี่ และปีนขึ้นสู่ทั้งสองฝั่งของหน้าผาด้วยความรวดเร็ว
และเสียงฝีเท้าหนัก ๆ อีกระลอกหนึ่งก็ดังขึ้นตามมาจนทุกคนได้ยิน ซึ่งครั้งนี้ ทุกคนแน่ใจว่าต้องเป็นหน่วยรบหมาป่าของพวกออร์คอย่างแน่นอน
“แอบให้มิดชิด และเตรียมตัวต่อสู้!”
หานซั่วร้องบอกด้วยเสียงอันดัง ขณะที่ทุกคนกำลังหลบซ่อนอย่างดี พร้อมวางแผนว่าจะทำให้นักรบหมาป่าของพวกออร์คที่ทั้งปล้นสะดม เข่นฆ่า และแย่งชิงเหล่านี้ได้รับบทเรียนโดยที่เลือดของพวกมันเอง ที่จะไหลนองพื้น
ติดตามอัพเดทและอ่านตอนต่อไปทันที ที่นี่ >>> Facebook : Louktan Translate นิยายแปลไทย
(0 votes) 0/10